ข่าว
สกัดปฏิทิน‘แม้ว-ปู’!‘ศรีวราห์’ สั่งไล่สอบใครพิมพ์แจก

6 พ.ย.61 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีมีการแจกปฏิทินปีใหม่ 2562 มีภาพของอดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พิมพ์ออกมากว่า 2 ล้านชิ้น แจกให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคอีสาน และภาคเหนือว่า จากการตรวจสอบมีรูปของอดีตนายกฯทั้งสองจริง แต่ยังไม่พบหลักฐานว่า บุคคลใดทำแจก โดยพบว่า มีการแจกที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศาลรัฐธรรมนูญ จ.อุดรธานี และ จ.อุบลราชธานี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจภูธรภาค3 ภาค4 และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล กำลังตรวจสอบให้ชัดเจน

"ไม่น่าก่อให้เกิดความขัดแย้งเพราะมีการแจกกันมาแล้วก่อนหน้านี้ ยืนยันว่า อดีตนายกทั้งสองยังอยู่นอกราชอาณาจักรคงไม่ใช่ผู้ทำแจกแน่นอน ช่วงนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯยังไม่มีกลุ่มใดเคลื่อนไหว แต่มีการจับตาความเคลื่อนไหวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ให้ขยายพื้นที่” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว

‘เสรีพิศุทธ์’แฉโครงการไทยนิยม ถลุงงบรัฐหาเสียง‘พปชร.’หนุน‘บิ๊กตู่

พล.ต.อ.เสรี พิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงโครงการไทยนิยมยั่งยืนของรัฐบาลว่า เป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากโครงการประชารัฐของ คสช. ที่มีการนำชื่อโครงการดังกล่าวไปตั้งเป็นชื่อพรรคการเมือง ที่มีข่าวจะสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เป็นนายกฯอีกครั้ง ซึ่งการทำงานของ คสช. เป็นการแฝงเอาการเมืองเป็นหลักมากกว่าการยึดผลประโยชน์ของประชาชน ที่สำคัญจากเดิมที่โครงการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นในเดือนก.ย. แต่เมื่อยังไม่ถึงวันเลือกตั้งจึงมีการขยายโครงการออกไปถึงเดือนมี.ค. 62 หรือหลังการเลือกตั้งที่จะถึง

“มองว่า อาจเป็นการจงใจเจตนานำงบประมาณของรัฐ เพื่อซื้อเสียงล่วงหน้าให้พรรครัฐบาลหรือไม่ ที่ผ่านมารัฐบาลเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นมาตลอด รัฐบาลไม่ควรนำเงินงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนไปกระจายยังหมู่บ้านต่างๆถึง 8 หมื่นกว่าหมู่บ้าน เพราะการกระจายงบประมาณไปจังหวัด ไปอำเภอ ไปตำบล ไปหมู่บ้าน รัฐบาลจะมีปัญญาในการควบคุมไม่ให้มีการทุจริตได้หรือไม่ อาจเกิดการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนที่ไปกล่าวหารัฐบาลก่อนๆได้ สรุปแล้วโครงการไทยนิยมยั่งยืนประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ เป็นการเอาเงินภาษีของประชาชนไปใช้หาเสียงให้ตัวเอง” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าว


‘ไทกร’ซัดเรือแป๊ะกำลังจมจริงๆ‘ผู้นำล้มละลายความน่าเชื่อถือ’

นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุใจความว่า เมื่อประชาชนปฏิเสธเผด็จการ พรรคการเมืองที่ประกาศหนุนเผด็จการเผชิญวิบากกรรมทั่วหน้า เริ่มจากผู้นำพรรคถูกกระแสสังคมเบือนหน้าหนี กลายเป็นคนล้มละลายด้านความน่าเชื่อถือ

จากฮีโร่ กลายเป็น ซีโร่ ประชาชนไม่ “หัวซา” ประชาชนไม่ “สะอึ้นสะออน” ประชาชนไม่ “อินังขังขอบ” ส่วนคนที่เคยหนุนพรรค ก็บอกให้หยุด ก็บอกให้เลิก เพราะคนไม่เชื่อแล้ว..! ดังปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับพรรคของลุงกำนัน ผู้เข้าร่วมพรรคอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กล้ำกลืนฝืนทน ไม่อยากพบหน้าประชาชน และบางคนเริ่มหาทางชิ่ง...หนี..! และพรรคที่จะล้มละลายตามพรรคลุงกำนันหนีไม่พ้นพรรคพลังประชารัฐ อีกไม่นานกลุ่มสามมิตรก็จะประกาศแยกทาง

เรือแป๊ะกำลังจมจริงๆ หาใช่วาทกรรมโจมตีใส่ร้าย..! เรือแป๊ะลำนี้ผู้โดยสารเรือไม่ได้มีเพียงกลุ่มทหารที่ร่วมกันยึดอำนาจรัฐ แต่ยังมีนักการเมือง พรรคการเมือง นักวิชาการ นักกฎหมาย นักธุรกิจ สื่อสารมวลชน ฯลฯ ผู้คนเหล่านี้กำลังตะเกียกตะกายออกจากเรือแป๊ะ เป็นภาพที่น่าสังเวชเสียเหลือเกิน


‘แคสเปอร์-วาร์ดี้’นำทีมแข้งเลสเตอร์ร่วมงานสวด'เจ้าสัววิชัย'

ขุนพลนักเตะและผู้จัดการทีม “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ เดินทางถึงไทยเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับเดินทางไปร่วมงานสวดพระอภิธรรม นายวิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้ก่อตั้งบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด และประธานสโมสรฟุตบอล เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ นำโดย มร.จอน รัดกิ้น ผู้อำนวยการฟุตบอลสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และโคล้ด ปูแอล ผู้จัดการทีม ที่เพิ่งนำทีมบุกชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ขณะที่นักเตะที่เดินทางมาในครั้งนี้ ประกอบด้วย เวส มอร์แกน กัปตันทีม, แคสเปอร์ ชไมเคิล, เจมี่ วาร์ดี้, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, คริสเตียน ฟุคส์ , เจมส์ แมดดิสัน, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, เบน ชิลเวลล์, แอนดี้ คิง และชินจิ โอกาซากิ สำหรับคณะที่เดินทางมาในครั้งนี้ มีประมาณ 40 คน ทั้งหมดจะพักอาศัยอยู่ที่ประเทศไทย 2 วัน คือวันที่ 4-5 พ.ย.นี้ ที่โรงแรมพูลแมน บางกอก คิงพาวเวอร์ ก่อนจะเดินทางกลับประเทศอังกฤษไป


'ลุงโง่'สู้ตาย! 'กำนัน'ซึ้งกำลังใจ'สุวินัย' ประกาศฮึดเดินหน้า'ย้ายภูเขา'

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตเลขาธิการ กปปส.โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊กส่วนตัว "" แสดงความขอบคุณกรณี นายสุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ให้กำลังใจการ "เดินคารวะแผ่นดิน" ของนายสุเทพ โดยระบุว่า

“ชีวิตผมทำงานการเมืองมากว่าสี่สิบปี ผ่านมรสุมร้ายนับครั้งไม่ถ้วน ครั้งนี้ก็เช่นกัน อุปสรรคที่เกิดจากอคติ เป็นเรื่องธรรมดาโลกที่จะต้องใช้ความอดทน อดกลั้น เป็นอาวุธฝ่าฟันต่อไป วันนี้มี แม้มีผู้จ้องโจมตี แต่ก็มีผู้ที่กรุณาสละเวลา เขียนบทความให้กำลังใจลุงแก่ๆ ผมอ่านแล้วซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก และทำให้ยิ่งมั่นใจว่า ศรัทธาที่แลกด้วยหยาดเหงื่อของพวกเรา พรรครวมพลังประชาชาติไทย จะไม่สูญเปล่า ขอบพระคุณมากครับ”

ก่อนหน้านี้ นายสุวินัย ภรณวลัย โพสต์ข้อความระบุว่า “งานสร้างพรรคการเมืองของประชาชน ยากลำบากแสนสาหัสดุจ ลุงโง่ย้ายภูเขา ปล่อยให้ "คนฉลาดที่งอมืองอเท้า"ทั้งหลาย จงหัวเราะเยาะ "ลุงโง่" ต่อไปเถิด มีแต่คนถ่อยเท่านั้น ที่หัวเราะเยาะความมุมานะบากบั่นของผู้อื่น โดยที่ตัวเองดีแต่ปาก มือไม่พาย งอมืองอเท้า ใช้ชีวิตแบบทิ้งขว้างลมหายใจไปวันๆ ไม่ว่าจะต้องกินเวลายาวนานแค่ไหน เส้นทางยาวไกลเพียงใด เหล่า"ลุงโง่" ก็ต้อง "เดินคารวะแผ่นดิน" ทั่วประเทศ ปูทางวางรากฐานในการสร้างพรรคการเมืองของประชาชนต่อไป ... จนกว่าจะสำเร็จให้จงได้ "ลุงโง่" ทั้งหลายสู้ๆ


‘บุญทรง’เดินไม่ได้แล้ว!รพ.ตำรวจประเมินอาการก่อนผ่าตัด

6 พ.ย.61 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงความคืบหน้าอาการป่วยของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งต้องโทษจำคุก 42 ปี ในคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจีว่า นายบุญทรง มีอาการป่วยด้วยโรคหมอนรองกระดูกสันหลังและต้นคอเคลื่อน มาอย่างต่อเนื่อง และเข้ารับการรักษาทั้งในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจแบบเข้าๆออกๆอยู่หลายครั้ง

“ล่าสุด นายบุญทรง ได้เข้ารักษาอาการในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะมีอาการปวดหลังและต้นคอมาก เดินไม่ได้ ต้องนั่งบนรถเข็น และทางทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้รับการประสานจากแพทย์เจ้าของไข้จากโรงพยาบาลตำรวจว่า ภายในสัปดาห์นี้หรือไม่เกินสัปดาห์หน้าจะมารับตัวนายบุญทรงไปตรวจและประเมินอาการที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะทำการผ่าตัดรักษาอาการ “พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว

ทั้งนี้ จำเป็นต้องส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีเครื่องมือทางการแพทย์ในการผ่าตัดเฉพาะทางและผู้ป่วยก็มีสิทธิที่จะได้รับการรักษาตามหลักสากล โดยระหว่างการผ่าตัดและพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ จะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คอยผลัดเวรควบคุมผู้ต้องขังตามระเบียบ

ผลเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ เดโมแครตกลับมาครองเสียงข้างมาก

วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร/บีบีซี นิวส์) - ผลการนับคะแนนเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐจนถึงขณะนี้เห็นภาพชัดเจนแล้วว่า พรรคเดโมแครตสามารถกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ขณะที่พรรครีพับลิกันยังสามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้ต่อไป

ผลคะแนนล่าสุดเมื่อเวลา 16.30 น. วานนี้ตามเวลาในไทยชี้ว่า พรรคเดโมแครตได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว 219 ที่นั่ง จากที่มีการเลือกตั้งทั้งหมด 435 ที่นั่ง พรรครีพับลิกันได้ 194 ที่นั่ง หลังผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตหลายคนสามารถชิงที่นั่งจากพรรครีพับลิกันมาได้ในรัฐสำคัญ อย่างเวอร์จิเนีย ฟลอริดา เพนซิลวาเนีย โคโลราโด และนิวเจอร์ซีย์ เป็นการกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกนับจากครองในปี 2552-2554 ในรัฐบาลบารัค โอบามาสมัยแรก แต่หลังจากนั้นก็ถูกพรรครีพับลิกันครองมาโดยตลอด ส่วนวุฒิสภาที่มีการเลือกตั้ง 35 ที่นั่งจากทั้งหมด 100 ที่นั่ง พรรคเดโมแครตมีที่นั่งรวมแล้ว 43 ที่นั่ง ส่วนพรรครีพับลิกันมีที่นั่งรวมแล้ว 51 ที่นั่ง โดยโค่นคู่แข่งจากพรรคเดโมแครตในรัฐอินเดียนา มิสซูรี่ และนอร์ท ดาโกตา ทำให้สามารถรักษาการครองเสียงข้างมากมาตั้งแต่ปี 2558 เอาไว้ได้ต่อไป และในส่วนของผู้ว่าการรัฐขณะนี้พรรคเดโมแครตได้ไป 19 รัฐ ขณะที่พรรครีพับลิกันได้ไป 24 รัฐ

ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงได้รับเลือกเข้าสู่สภาคองเกรสมากเป็นประวัติการณ์ คืออย่างน้อย 28 คน จากจำนวนผู้สมัครหญิงซึ่งชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ประมาณ 90 คน รวมทั้งสองพรรค ทำลายสถิติสส.หญิงหน้าใหม่ 24 คน ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2535 โดยเฉพาะในส่วนของพรรคเดโมแครตที่ผู้หญิงหลายคนได้รับเลือกเข้าสู่สภาเป็นครั้งแรก อาทิอเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ คว้าชัยชนะในรัฐนิวยอร์ก ด้วยวัยเพียง 29 ปี กลายเป็นผู้หญิงที่มีอายุน้อยที่สุดที่ได้เข้าสู่สภาคองเกรส ส่วนอิลฮานโอมาร์ สตรีอพยพชาวโซมาเลีย และราชิดา ตาลิบ นักสังคมสงเคราะห์ที่มีบิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ จากพรรคเดโมแครตทั้งคู่ กลายเป็นสตรีมุสลิมสองคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเข้าไปนั่งในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยโอมาร์คว้าชัยชนะในรัฐมินนิโซตา รัฐใหญ่ที่สุดในเขตมิดเวสต์ ส่วนตาลิบคว้าเก้าอี้ สส.เขตในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน

นางแนนซี เปโลซี อดีตผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ประกาศว่า พรรคจะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างใกล้ชิด แต่ก็ส่งสัญญาณว่า นี่ไม่ใช่การทำสงครามกับพรรครีพับลิกัน และยังรับปากด้วยว่า สภาผู้แทนราษฎรภายใต้การนำของพรรคเดโมแครต จะพยายามสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ชาวอเมริกันมีความเห็นแตกแยกทางการเมืองมานานพอแล้ว โดยนางเปโลซีจะได้รับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง ต่อจากนายพอล ไรอันของพรรครีพับลิกัน หลังเคยอยู่ในตำแหน่งนี้ในระหว่างปี 2550-2554

การเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งทั่วประเทศครั้งแรกในสหรัฐนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก ผู้ที่มาใช้สิทธิบางพื้นที่ในรัฐนิวยอร์ก ถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย จึงต้องเสียเวลารอคอยต่อแถวยาวนาน และมีปัญหาอุปกรณ์ลงคะแนนขัดข้อง บางหน่วยเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย เท็กซัส และแอริโซน่า เจ้าหน้าที่จึงต้องขยายเวลาลงคะแนนออกไปอีก

ทั้งนี้ การที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร จะกระทบต่อการผ่านกฎหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในอีกสองปีที่เหลืออยู่ และอาจมีอำนาจสอบสวนประธานาธิบดีทั้งเรื่องส่วนตัวและการบริหารประเทศ