ข่าว
ฮ่องกงเล็งใช้ ก.ม.ฉุกเฉินยุคอาณานิคม ห้ามผู้ประท้วงใส่หน้ากากปิดหน้า

รัฐบาลฮ่องกงเตรียมงัดกฎหมายฉุกเฉินที่ไม่ได้ใช้มากว่า 50 ปีมาใช้ เพื่อสั่งห้ามไม่ให้ผู้ประท้วงสวมหน้ากากระหว่างการชุมนุม

เมื่อ 3 ต.ค. 2562 สื่อท้องถิ่นของฮ่องกงรายงานว่า รัฐบาลฮ่องกงเตรียมงัดกฎหมายฉุกเฉินซึ่งมีมาตั้งแต่ยุคที่พวกเขาอยู่ภายใต้การครอบครองของอังกฤษมาใช้ เพื่อสั่งห้ามไม่ให้มีการสวนหน้ากากปิดบังใบหน้าระหว่างการชุมนุมในที่สาธารณะ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาความรุนแรงของการประท้วงที่กำลังเกิดขึ้น

กฎหมายดังกล่าวมีชื่อว่า พระราชบัญญัติข้อบังคับฉุกเฉิน (Emergency Regulations Ordinance) ซึ่งไม่ได้ใช้มานาน 50 ปีแล้ว โดยกฎหมายนี้จะให้อำนาจนาง แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ออกข้อบังคับใดๆ ที่เห็นว่าเหมาะสมต่อประโยชน์สาธารณะ ในกรณีฉุกเฉินหรือมีอันตรายต่อสังคมเท่านั้น

พระราชบัญญัติข้อบังคับฉุกเฉิน ครั้งสุดท้ายในปี 2510 เพื่อหยุดการก่อจลาจลในฮ่องกง โดยครั้งนั้นรัฐบาลใช้กฎหมายที่เพื่อเพิ่มอำนาจในการจับกุม, การเซนเซอร์สื่อ และการตรวจค้น ขณะที่คาดว่ารัฐบาลฮ่องกงจะประกาศห้ามสวมหน้ากากในวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.นี้ หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมของสภาผู้บริหารฮ่องกงแล้ว

ทั้งนี้ ฮ่องกงเผชิญการประท้วงรุนแรงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยมีชนวนเหตุจากการต่อต้านกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ที่ชาวฮ่องกงกังวลว่าจะบ่อนทำลายอำนาจตุลาการเสรีของพวกเขา และอาจเป็นอันตรายต่อผู้ต่อต้านรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เป้าหมายการประท้วงขยายออกไปเป็นการต่อต้านรัฐบาลในเวลาต่อมา

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ความไม่สงบในฮ่องกงทวีความรุนแรงขึ้น เกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจบ่อยครั้ง จนนักข่าวชาวอินโดนีเซียถูกยิงด้วยกระสุนยางเข้าที่ตาขวาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนตาบอดถาวร ต่อมาในวันอังคาร ผู้ประท้วงวัย 18 ปี ก็ได้รับบาดเจ็บหลังจากตำรวจยิงปืนกระสุนจริงเข้าที่หน้าอกในระยะประชิด

อนึ่ง ผู้ประท้วงในฮ่องกงนิยมใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกระบุตัวและถูกตำรวจจับกุม แต่ช่วงที่ผ่านมา ตำรวจแก้ทางด้วยการใส่สีฟ้าในน้ำที่ฉีดใส่ผู้ชุมนุม เพื่อให้สามารถตามระบุตัวในภายหลังได้ง่ายขึ้น

วันนี้เริ่มแล้ว! กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่ม-ลมกระโชกแรง 39 จว. อุณหภูมิลด กทม.ไม่รอด

วันนี้เริ่มแล้ว! กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่ม 39 จังหวัด วันที่ 4-7 ต.ค.นี้ มีลมกระโชกแรงด้วย ก่อนอุณหภูมิลด 2 องศา กรุงเทพฯโดนเหมือนกัน

กรมอุตุฯ / วันที่ 4 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังคงมีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง ในภาคตะวันออกและภาคใต้

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 4-7 ต.ค. 62 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ตอนบน ซึ่งคาดว่าจะแผ่ปกคลุมภาคเหนือ และภาคกลางตอนบนในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส

ลักษณะสำคัญทางอุตุนิยมวิทยา ลมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ กับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันนี้ ถึงเวลา 06.00 น.ของวันที่ 5 ต.ค.นี้ ภาคเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักกับลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม/ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


โฆษกศาลแจง “ผู้พิพากษายิงตัวเอง” ระหว่างพิจารณาคดี เผยสาเหตุจูงใจ

โฆษกศาลเผย ผู้พิพากษายิงตัวเองในศาล จ.ยะลา อาการปลอดภัย คาดเกิดจากความเครียดส่วนตัว เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง

จากกรณีมีการนำเสนอข่าวที่ระบุว่า รายงานด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 4 ต.ค. 62 นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดยะลา ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้นก่อเหตุพยายามฆ่าตัวตาย (ยิงบริเวณท้อง จำนวน 1 นัด) เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ ขณะกำลังพิพากษาคดีความมั่นคง ณ ห้องพิจารณา 4 ศาลจังหวัดยะลา จนได้รับบาดเจ็บนั้น

ล่าสุด เมื่อเวลา 15.27 น.วันที่ 4 ต.ค.นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่มีผู้พิพากษาใช้อาวุธปืน ยิงตัวเองที่ศาลจังหวัดยะลา ว่า ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้วสอบถามในเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความเครียดส่วนตัวของท่าน ซึ่งทางสำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตามทางผู้บริหารศาลยุติธรรม มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ติดตามสอบถามอาการอย่างใกล้ชิด

เมื่อเวลา 12.50 น.ร.ต.อ.อิสระพันธ์ สุรทิพย์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมือง ยะลา ได้รับแจ้ง จาก จนท.รปภ.ศาลจังหวัดยะลา ว่า มีเหตุใช้อาวุธบริเวณ ห้องบัลลังก์ชั้น 3 ศาลจังหวัดยะลา หลังได้รับแจ้ง รีบเดินทางไปมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.นราวี บินอาแวอารง ผกก. และ กำลังตำรวจทหาร ฝ่ายปกครอง จำนวนหนึ่ง โดยในที่เกิดเหตุ จนท.รปภ.ศาล ได้กันพื้นที่ และไม่อนุญาตผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปเด็ดขาด ส่วนคนเจ็บถูกนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ทราบชื่อ นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดยะลา

จากการสอบสวน ทราบว่า วันนี้ ผู้บาดเจ็บได้ขึ้นบัลลังก์พิพากษา คดีความมั่นคง มีผู้ต้องหา 5 คน แต่ยังไม่ทราบในรายละเอียดว่าเป็นคดีใด ผลการพิพากษาคดีศาลยกฟ้อง หลังจากพิพากษาแล้ว ผู้บาดเจ็บได้ลงจากบัลลังก์ ได้ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 ม.ม. ประจำตัว จ่อยิงหน้าอกด้านซ้าย จำนวน 1 นัด หลังเกิดเหตุ จนท.รีบนำส่ง รพ.ทันที

การตรวจสอบในรายละเอียด พบว่า ผู้บาดเจ็บยิงเข้าบริเวณหน้าอกด้านซ้าย กระสุนทะลุม้าม ทำให้ม้ามฉีกขาด แต่ยังไม่ผ่าตัด ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด หากพบว่า มีอาการปวดท้อง หน้าซีดลง อาจเกิดจากเลือดไหลไม่หยุด อาจต้องมีการพิจารณาจะผ่าตัดหรือไม่อย่างไรอีกครั้ง ขณะนี้ต้องนอนรักษาตัวในห้องผู้ป่วยหนักหรือห้องไอซี


สยบดราม่า ผอ.สวนสัตว์ลาออก ไม่เกี่ยวเซ่นปมตาย “แพนด้าช่วงช่วง”

“ผอ.องค์การสวนสัตว์ฯ” โร่ชี้แจงสาเหตุลาออก ปัดไม่เกี่ยวแพนด้า ”ช่วงช่วง”เสียชีวิต ลั่นออกตามประธานบอร์ดองค์การสวนสัตว์ฯ ที่หมดวาระ เพื่อเปิดโอกาสให้บอร์ดฯชุดใหม่ สรรหาคนที่เหมาะสมกว่า มาทำงาน

จากกรณีมีรายงานข่าวว่า นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผอ.องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง โดยมีผลในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ขณะที่ น.สพ.ปานเทพ รัตนากร ประธานคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ ได้หมดวาระลงเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้คณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ ทั้ง 8 คน ต้อง ลาออกพร้อมกัน ซึ่งต่อมา นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปลัด ทส.) ยืนยันว่าทราบข่าวการลาออกของนายเบญจพลแล้ว และคิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของหมีแพนด้า “ช่วงช่วง” เมื่อกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 ต.ค.62 นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผอ.องค์การสวนสัตว์ฯ เดินทางมายังสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เพื่อชี้แจงเรื่องการลาออกจากตำแหน่ง ทั้งที่ยังเหลือเวลาร่วม 3 ปี ถึงจะครบวาระ ว่า ขอแยกเป็นสองประเด็นๆ แรก เรื่องแพนด้า ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกันเลย เพราะตนยื่นใบลาออกตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. ก่อนที่แพนด้าจะตายในช่วงบ่ายวันที่ 16 ก.ย. เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว แต่เรื่องแพนด้าก็ถือเป็นความรับผิดชอบของตน ไม่ว่าผลชันสูตรจะออกมายังไง เพราะตอนนี้ต้องบอกว่าเราทำตามขบวนการที่จีนกับไทยทำสัญญากันไว้ จีนส่งผู้เชี่ยวชาญมาชันสูตร หลังแพนด้าตายได้สองวันแล้ว ก็บินกลับไปเมื่อวันที่ 22 ก.ย. เพื่อเขียนรีพอร์ตแล้วส่งกลับมาให้เรา แล้วจะจัดแถลงข่าวพร้อมกัน เพื่อทุกคนจะได้รู้เหมือนๆ กันหมด อันนี้คือในส่วนของแพนด้า

นายเบญจพล กล่าวอีกว่า อีกประเด็นคือในส่วนที่ลาออก อย่างที่ปลัดฯ จตุพร พูดคือ ประธานคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (ปธ.บอร์ด) น.สพ.ปานเทพ รัตนากร เกษียณอายุจากการเป็นประธานบอร์ด ในวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา และบอร์ดทั้งหมดก็ได้คุยกันว่าจะลาออกทั้งชุด ตนก็มาคิดว่า ตอนนี้เป็นการต่อสัญญารอบสอง โดยบอร์ดชุดนี้ต่อสัญญาให้ จึงคิดว่าเมื่อบอร์ดชุดนี้เลือกตนมาเพื่อทำงานต่อ แต่เมื่อไม่ได้ทำงานแล้ว ความเหมาะสมก็น่าจะเป็นว่า น่าจะเปิดโอกาสให้บอร์ดชุดใหม่สรรหาคนที่เหมาะสมกว่ามาทำงานดีกว่ามั้ย ตนก็หารือกับท่านปลัดจตุพร โดยตลอดก็คงจะเป็นเท่านี้


ฝ่ายค้าน สู้ ฟ้อง กอ.รมน.แจ้งความเท็จ จ่อ ย้อนเกล็ด ปมนายกฯ ถวายสัตย์ฯ

7 พรรคฝ่ายค้าน ประกาศสู้ ฟ้อง กอ.รมน.แจ้งความเท็จ หากถูกเรียกไปสอบสวน ซัด พยายามดึงเรื่องไป หมวด 1 ย้อนเกล็ด ต้องแจ้งความ ปมนายกฯ ถวายสัตย์ไม่ครบ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 4 ต.ค. ที่พรรคเพื่อไทย แกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน อาทิ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และอดีต สมช. นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายสมพงษ์ สระกวี ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทย แถลงภายหลังการประชุมแกนนำ 7 พรรค กรณี กอ.รมน. แจ้งความดำเนินคดีกับแกนนำพรรคที่ขึ้นเสวนาบนเวทีรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ ที่ จ.ปัตตานี

โดย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษโดย กอ.รมน. ซึ่งนายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ดังนั้น เท่ากับว่า นายกฯ เป็นผู้สั่งการให้มีการดำเนินคดี การที่ กอ.รมน. มาฟ้องร้องเช่นนี้ ตัวผู้แจ้งความ และนายกฯ กำลังจะบิดเบือนเจตนารมณ์ของกฎหมาย ในฐานะผู้ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค และนักวิชาการ เราจำเป็นต้องฟังความเห็นจากประชาชนทุกคน เป็นการกระทำที่ต้องการข่มขู่ทางวิชาการ ข่มขู่ประชาชน ไม่ให้มีความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งแบบนี้เป็นอันตรายต่อประเทศ ดังนั้น 1. ผู้ถูกกล่าวหาจะต่อสู้ทางกฎหมาย หากมีการเรียกไปสอบสวน และ 2. เป็นการแจ้งความเท็จในหลายประเด็น เพื่อข่มขู่ ไม่ให้บ้านเมืองเกิดการพัฒนา และข่มขู่ไม่ให้มีการแสดงความเห็น ซึ่งจะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้แจ้งความเท็จ ทั้งคนแจ้งความและผู้มีอำนาจ และจะดูต่อไปว่าจะโยงไปถึงตัวนายกฯ ได้ด้วยหรือไม่

ขณะที่ นายสงคราม กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เรายืนยันว่า เราแสดงความเห็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่ผู้มีอำนาจพยายามดึงเราให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหมวด 1 และ หมวด 2 ซึ่งเรายืนยันมาตลอดว่า เราจะไม่แตะต้อง นอกจากนี้ การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องผ่าน ส.ส.ร. ซึ่งไม่มีใครสามารถไปชี้จุดว่าจะให้แก้แบบไหน อย่างไรได้ และเราไม่เคยบอกเลยว่าจะต้องแก้จุดไหน เราให้เป็นสิทธิของประชาชนว่าต้องการที่จะแก้แบบไหน

ด้านนายนิคม กล่าวว่า อย่าคิดว่าขณะนี้ยังอยู่ในยุค คสช. การแจ้งความประชาชนที่เห็นต่างกับรัฐบาล เราอยากให้หยุด เพราะตอนนี้เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยแล้ว แม้จะไม่เต็มใบก็ตาม ทั้งนี้ ส.ส. จาก 7 พรรคฝ่ายค้าน เรามาจากการเลือกตั้งของประชาชน การแจ้งความกับพวกเรา เท่ากับแจ้งความกับประชาชน แน่จริงไปแจ้งความพล.อ.ประยุทธ์ ที่ถวายสัตย์ฯ ไม่ครบด้วย อย่างไรก็ตาม เราจะเดินหน้าทำงานต่อไป เพราะเราถือว่าเราไม่ได้ทำผิดอะไรเลย อย่างไรก็ตาม วันที่ 6 ต.ค.นี้ จะเดินทางไปแจ้งความกลับ โดยกำลังพิจารณาว่าจะไปที่กองบังคับการปราบปราม หรือที่ สภ.ปัตตานี

ระทึก เครื่องบินขนส่งสินค้ายูเครน โหม่งโลก ดับสลด 5 รอด 3

เครื่องบินขนส่งสินค้ายูเครน ประสบเหตุตก ขณะขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินทางภาคตะวันตก ดับอย่างน้อย 5 ราย เจ็บสาหัส 3 รมว.ยูเครน เผยเครื่องบินน้ำมันหมด ก่อนจะถึงสนามบินเพื่อเติมน้ำมัน

เมื่อ 4 ต.ค.62 สำนักข่าวรอยเตอร์และบีบีซี รายงาน เกิดเหตุร้ายแรง เครื่องบินขนส่งสินค้า Antonov-12 ลำหนึ่งของยูเครน ประสบเหตุตกทางภาคตะวันตกของยูเครน เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.62 หลังจากหายไปจากจอเรดาร์ ระหว่างขอลงจอดฉุกเฉิน ที่สนามบิน Lviv เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย และมีผู้รอดชีวิต ซึ่งบาดเจ็บสาหัส 3 คน

กระทรวงฉุกเฉินของยูเครน ออกแถลงการณ์ว่า เครื่องบินขนส่งลำนี้ได้แจ้งมายังหอควบคุมการบินเมื่อเวลาประมาณ 07.29 น.ของเช้าวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อขอลงจอดฉุกเฉิน แต่หลังจากนั้น เครื่องบินได้หายไปจากเรดาร์ และประสบเหตุตกใกล้สนามฟุตบอลแห่งหนึ่ง ห่างจากสนามบิน Lviv เพียงแค่ประมาณ 1.5 กิโลเมตรและไม่เกิดไฟลุกไหม้เครื่องบิน

ด้านนายวลาดิสลาฟ คริคิลี รมว.ระบบสาธารณูปโภคของยูเครน เปิดเผยว่า เครื่องบินขนส่งลำนี้เดินทางมาจากเมืองวีโก ในสเปน ปลายทางที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี แต่ประสบปัญหาน้ำมันหมดก่อนจะมาถึงสนามบิน Lviv เพื่อเติมน้ำมันตามกำหนด โดยบีบีซีแจ้งด้วยว่า ยังไม่แน่ชัดว่าเครื่องบินขนส่งสินค้าลำนี้บรรทุกสินค้าชนิดใด ก่อนประสบเหตุตก ขณะที่บนเครื่องบิน มีลูกเรือ 7 คน และเจ้าหน้าที่ดูแลสินค้า 1 คน