ข่าว
นศ.สาวไม่เคยผ่านมือชาย เปิดประมูลซิง หาเงินใช้หนี้

dailymail สื่อเจ้าดัง เผยเรื่องราวเด็กสาวคนหนึ่งชื่อ ดานิเอลเล่ บรีนี่ อายุ 22 ปี ชาวบราซิล เธอตัดสินใจเปิด ประมูลซิง หรือความบริสุทธิ์ของตัวเอง ให้กับผู้ให้ราคาประมูลที่สูงที่สุด แม้บุคลิกของเธอจะเป็นคนขี้อาย และไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อนเลยก็ตาม

รายงานระบุเพิ่มว่า จากการกู้หนี้ยืมสินเพื่อการศึกษาที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทางบ้านของเธอไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ รวมถึงการที่เธอมีความฝันอยากจะซื้อบ้านเพื่อให้แม่และน้องสาว ทำให้เธอตัดสินใจขายความบริสุทธิ์ของตัวเองในที่สุด

“ฉันไม่เคยเดตมาก่อน และฉันก็ขี้อายมาก และฉันหวังว่าผู้ชนะการประมูล จะเป็นสุภาพบุรุษที่จิตใจดี”บรีนี่ กล่าวเริ่ม

“ฉันเรียนและทำงานนอกเวลา แต่เงินที่ได้มาไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และค่าครองชีพในประเทศฉัน ทำให้ฉันมีหนี้ที่โตขึ้น ฉันต้องการใช้เงินที่ได้มาจากการประมูลครั้งนี้ ซื้อบ้านอยู่กับแม่และน้องสาว และจ่ายหนี้ของเราที่กู้ยืมมาจากกองทุนการศึกษา ที่อาจต้องใช้เวลาหลายปีในการชำระจนครบ”

“ฉันยังต้องการที่จะลงทุนในธุรกิจ เพื่อสร้างอนาคตตัวเอง และหวังว่าชีวิตฉันจะไร้ปัญหาทางการเงิน และเลี้ยงครอบครัวได้”

ทั้งนี้นับตั้งแต่เปิดประมูลมาในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เธอได้รับเสนอราคาประมูลเป็นจำนวนเงินมากที่สุดถึง 220,000 ปอนด์ (ราว 9,200,000 บาท) แต่เธอยังปฏิเสธตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากเธอเชื่อว่าราคาค่า “ความบริสุทธิ์” ของเธอที่ตั้งไว้อยู่ที่ 750,000 ปอนด์ (ราว 31,000,000 บาท)

ในเรื่องดังกล่าวครอบครัวของ บรีนี่ ไม่ได้รับรู้ถึงการกระทำของเธอ ซึ่งมีเพียงเพื่อนสนิทของเธอเท่านั้นที่ทราบ

“ฉันไม่สนว่าใครจะว่าอย่างไรในเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่ฉันห่วงและแคร์คือครอบครัวของฉันเท่านั้น”

21 ส.ค.นี้ ช่วยกันโหวตให้สาวไทย แข่ง America’s Got Talent

เมื่อวันที่ ๑๗ ส.ค. ๒๕๖๑ นายธานี แสงรัตน์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส และ ร.ท.หญิง กรรภิรมย์ วิชาธร กงสุลได้ต้อนรับนาง Quin Bommelje ผู้เข้าแข่งขันชาวไทยและทีมงานที่เดินทางมายังนครลอสแอนเจลิสเพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมการแข่งขันในรายการถ่ายทอดสด America’s Got Talent ในวันอังคารที่ ๒๑ ส.ค. ๒๕๖๑ เวลา ๑๗.๐๐-๑๙.๐๐ น. (เวลาท้องถิ่นแปซิฟิก) ทางสถานีโทรทัศน์ KNBC ช่อง 4

นาง Quin อายุ ๗๑ ปี สมรสกับศาสตราจารย์ Rick Bommelje ชาวอเมริกัน โดยย้ายถิ่นฐานจากจังหวัดมหาสารคามไปพำนักอยู่ที่มลรัฐฟลอริด้ากว่า ๔๖ ปีแล้ว นาง Quin ยังรักทั้งประเทศไทยและสหรัฐฯ โดยกล่าวกับกงสุลใหญ่ฯ ตอนหนึ่งว่า “You can take me out of the country but you cannot take the country out of me!”

กงสุลใหญ่ฯ ขอบคุณนาง Quin นาย Misha และทีมงานที่สร้างชื่อเสียงให้เป็นประเทศไทย เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยและเป็นแรงบันดาลให้ผู้คนรวมทั้งผู้สูงอายุทั่วโลก

สำหรับการแข่งขันและการถ่ายทอดสดในวันที่ ๒๑ ส.ค. นี้ นาง Quin จะแสดงคู่กับนาย Misha Vlasov อายุ ๓๖ ปี ซึ่งทั้งสองคนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการลงคะแนนเสียงจากผู้ชมทางบ้านและคนไทยทั่วโลก เพื่อให้เข้าสู่รอบก่อนชิงชนะเลิศ โดยต้อง download app America’s Got Talent เข้ามือถือ และเมื่อมีการถ่ายทอดสด ให้กดลงคะแนนให้แก่ผู้แข่งขันหญิงไทยนาง Quin และนาย Misha

Open vote วันที่ ๒๑ ส.ค. เริ่มเปิดให้ลงโหวตเวลา ๑๗.๐๐ น. และโหวตได้จนถึงเวลา ๑๙.๐๐ น. ของวันที่ ๒๒ ส.ค.๒๕๖๑ (เวลาท้องถิ่นแปซิฟิก)

โปรดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมการโหวตได้จาก https://agtvote.voteenow.nbc.com เว็บไซต์ของรายการ www.nbc.com/americas-got-talent เฟซบุคของนาง Quin และทีมงาน www.facebook.com/QuinandMisha เฟซบุคของสถานกงสุลใหญ่ฯ www.facebook.com/thaiconsulatela


ตำรวจตามล่าสุดชีวิต ได้แว่นตาคืนหมอแล้ว

จากกรณี นพ.ฐิติ จันทร์เมฆา ศัลยแพทย์หัวใจหลอดเลือดและทรวงอกประจำที่ศูนย์หัวใจสิริกิติ์และ รพ.ศรีนครินทร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า โดยขโมยเข้าบ้านพักผมในมหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่ที่สำคัญ คือ โจรได้ขโมยแว่นตาที่ใช้สำหรับผ่าตัดหัวใจหลอดเลือด ซึ่งเป็นแว่นที่ตัดพิเศษสำหรับการผ่าตัดหัวใจ สามารถใช้ได้เพียงคนเดียว จึงขอความกรุณาช่วยแชร์ข้อความ เพราะต้องการแว่นดังกล่าวคืน

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าหน้าที่สอบสวนได้ประสานกับโรงรับจำนำ ในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบว่าขโมยได้นำแว่นตามาจำนำไว้หรือไม่ จนในที่สุด สามารถนำแว่นตาพิเศษสำหรับผ่าตัดราคา 80,000 บาท มาคืน นพ.ฐิติ ได้สำเร็จ ส่วนผู้ที่เอาแว่นมาจำนำนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบชื่อนามสกุล และอยู่ระหว่างรวบรวม พยานหลักฐาน ขออำนาจศาลจังหวัดขอนแก่นพิจารณาออกหมายจับต่อไป


'เทพเทือก'เปิดหลักฐานสร้างโรงพัก ซัด'น้องบิ๊กป้อม-ปทีป'เป็นคนชงเรื่อง

17 ส.ค.61 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้ไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)" ชี้แจงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งขอกล่าวหาในสมัยที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการอนุมัติโครงการก่อสร้างแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ 163 แห่งทั่วประเทศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และกรณีกล่าวหาร่วมกับพวกทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หรือโรงพักทดแทน 396 แห่งว่า ถ้าคณะอนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่มีอคติ ได้พิจารณาหลักฐานเอกสารข้อเท็จจริงต่างๆ ไม่เป็นเรื่องยากเลย ที่จะพิจารณาวินิจฉัยกรณีนี้ ไม่ต้องใช้เวลาหลายปี แต่ว่าเมื่อล่วงเลยมาถึงวันนี้ จึงจำเป็นที่ต้องนำหลักฐานเอกสารเหล่านั้น มาแสดงให้ประชาชนเห็นว่าตนได้ใช้ดุลพินิจพิจารณา ด้วยเหตุและผล ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความถูกต้อง ชอบธรรมอย่างไร

นายสุเทพ กล่าวว่า การสั่งการในเรื่องการจัดซื้อ จัดจ้างงานก่อสร้างโครงการสถานีตำรวจทดแทนทั้ง 396 แห่ง ตนได้ตัดสินใจให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติไปตามหลักฐานและข้อเสนอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยได้ลงนามเอกสารหนังสือสำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 1 หนังสือลงวันที่ 29 พ.ค.2552 ในสมัย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็น ผบ.ตร.ซึ่งในหนังสือดังกล่าวทำบันทึกเสนอถึงตนว่า สำนักงบประมาณ มีความเห็นให้ สตช.ดำเนินการในส่วนที่จำเป็นเร่งด่วน คือ สร้างสถานีตำรวจที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ที่มีอายุใช้งานตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป จำนวน 396 หลัง และได้บอกถึงวิธีการใช้งบประมาณ โดยให้ตั้งงบประมาณปี 2552 จากงบของสตช.มาใช้ก่อนในปีแรก 333 ล้าน ส่วนงบประมาณที่เหลือจะเป็นแบบผูกพันงบประมารายจ่ายของรัฐบาลในปีงบประมาณ 2553 - 2554 จากนั้นให้ สตช.ไปตกลงรายละเอียดรายจ่ายกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งจะต้องเสนอ ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการ พล.ต.อ.พัชรวาท ทำหนังสือรายงานสรุปแนวทางการจัดจ้างเป็น 4 วิธี คือ 1.จัดจ้างโดยส่วนกลางแบบรวมการในครั้งเดียว สัญญาเดียวทั้ง 396 หลัง 2.จ้างโดยส่วนกลางแบบรวมการในครั้งเดียว แต่แยกการเสนอราคาเป็นรายภาค ภาค 1 - 9 ทำสัญญา 9 สัญญา 3.จัดจ้างโดยตำรวจภูธรภาค และ 4.จัดจ้างโดยตำรวจภูธรจังหวัด

ทั้งนี้ คณะกรรมการเพื่อพิจารณาจัดจ้าง ที่มี พล.ต.ท.พงศพัศ พงศ์เจริญ เป็นประธาน ได้ประชุมกันพิจารณาเห็นว่าสมควรที่จะจัดจ้างในวิธีที่ 2 เพราะสามารถที่จะดำเนินการได้รวดเร็ว สตช.จะได้รับอาคารไว้ใช้ราชการในระยะเวลาใกล้เคียงกันทุกจังหวัด ในการประกวดราคาเพียงครั้งเดียว แล้วจะให้แต่ละภาคประกาศเชิญชวนผู้รับจ้างในพื้นที่ ให้เข้าร่วมประกวดราคา ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าชอบด้วยเหตุผล เพราะมีการดำเนินการเป็นขั้นตอน กระทั่งได้ลงนามให้ความเห็นชอบครั้งแรกในการจัดจ้าง เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2552

"หลังจากนั้นไม่นาน พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ต้องออกจากตำแหน่ง แล้วก็มี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ มาทำหน้าที่เป็น รักษาการ ผบ.ตร. พล.ต.อ.ปทีป ก็ได้ทำหนังสือลงวันที่ 18 พ.ย.2552 เสนอขอยกเลิกวิธีการจัดจ้างที่ผมเคยอนุมัติไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2552 และขออนุมัติหลักการในการดำเนินการประกวดราคาจัดจ้างโครงการนี้ และโครงการที่พักอาศัยด้วย พล.ต.อ.ปทีป ได้ให้เหตุผลในหนังสือฉบับนี้ ว่า การที่จะจัดจ้างโครงการนี้ต้องพิจารณาว่าโครงการนี้ ครม.อนุมัติ ในลักษณะเป็นโครงการเดียวแล้วก็ต้องผูกพันงบประมาณแผ่นดิน 3 ปี ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องประกวดราคาจ้าง โดยทำสัญญาจ้างเพียงสัญญาเดียว จึงจะถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุและได้แสดงเอกสารหลักฐานประกอบว่า การตั้งงบประมาณแต่ละปี แต่ละปี เป็นอย่างไร ปีแรกเอางบของสตช.เองปรับแผนเอามาใช้ก่อน 311 ล้าน ในปี 2552 ปี 2553 ผูกพันงบประมาณ 1,774 ล้าน และผูกพันงบประมาณปี 2554 อีก 4,812 ล้าน" นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า เมื่อ พล.ต.อ.ปทีป เสนอว่าโครงการที่ครม.อนุมัติในลักษณะเป็นโครงการเดียว ไม่สามารถแตกเป็นโครงการย่อย 9 โครงการ หรือทำสัญญาจ้าง 9 สัญญาได้ เพราะจะขัดกับวิธีการงบประมาณ ประกอบกับเคยรู้ว่าถ้าสำนักงบประมาณได้บรรจุไว้ในพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี จะไม่มีการนำโครงการแตกเป็นโครงการย่อยๆ หลายสัญญาได้ ดังนั้น ข้อเสนอของ พล.ต.อ.ปทีป ชอบด้วยเหตุผลจึงอนุมัติตาม สตช.เสนอ

นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า การลงนามตามข้อเสนอของทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท หรือ พ.ต.อ.ปทีป เพราะคิดว่านี่คืออำนาจของหัวหน้าหน่วยงาน คือ ผบ.ตร.ประกอบทุกอย่างมีขั้นตอน และบุคคลเหล่านี้รู้ระเบียบและกฎหมายวิธีการจัดซื้อจัดจ้างเป็นอย่างดี จึงได้อนุมัติไป แต่เมื่อมาขอแก้ไข เพราะไม่สามารถแตกเป็นโครงการย่อยได้ เพราะขัดกับวิธีการงบประมาณ ตนก็ไม่ได้ดื้อดึงดัน และอนุมัติยกเลิกจัดจ้างแบบเดิมมาใช้วิธีการจัดจ้างแบบใหม่ ไม่มีอะไรซับซ้อน จะมาบอกว่าการตัดสินใจ 2 ครั้งของตน เพราะมีเจตนาพิเศษหวังจะช่วยผู้รับเหมาคนใดคนหนึ่ง รายใด รายหนึ่ง ให้ได้รับงานไป แล้วเป็นเหตุให้ก่อสร้างไม่สำเร็จ แบบนี้ คิดว่าเป็นการตั้งข้อหาที่มีอคติ เพราะในวันที่อนุมัติตนไม่มีโอกาสที่จะทำนายได้ล่วงหน้าว่าผู้ประกอบการรายใดจะเป็นผู้ชนะการประกวดราคา

นายสุเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อจัดจ้างตามระเบียบของสำนักนายกว่าด้วยการพัสดุ ว่าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ครบถ้วนสมบูรณ์ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ พ้นจากตำแหน่ง และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี กลายเป็นผบ.ตร.คนใหม่ ก็ได้ทำหนังสือถึงตน เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2553 ว่าขอรับความเห็นชอบราคาและขออนุมัติจ้างก่อสร้าง โดยระบุชัดว่า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2553 เคาะราคาแข่งกัน 73 ครั้ง ผู้เสนอราคาต่ำสุด เสนอราคา 5,848 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในหนังสือของ พล.ต.อ.วิเชียร ยังอ้างถึงหนังสือกรมบัญชีกลางและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ที่แก้ไขเพิ่มเติม บอกว่าเป็นอำนาจที่ตนจะต้องให้ความเห็นชอบตามนี้ ตนจึงได้ให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2553 จากนั้นก็เริ่มก่อสร้าง แต่ปรากฏว่าทำไม่แล้วเสร็จตามสัญญาในสมัยรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้มีการอนุมัติให้ขยายเวลาตามสัญญาออกไปอีก 3 ครั้ง ที่สุดเขาก็บอกเลิกสัญญา ทำให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำประเด็นนี้มากล่าวหาตนว่าที่ก่อสร้างไม่เสร็จ เพราะตนไปเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง


'สามมิตร'ผวา'บิ๊กป๊อก'ติงผิดกม. ยังเดินหน้าต่อแต่ไม่ขอเป็นข่าว

17 ส.ค.61 ที่สนามศุภชลาศัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการแข่งขันฟุตบอลการกุศล โดย Asean Para Sports Federation (APSF) มี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี กล่าวว่า การแข่งขันครั้งนี้เพื่อต้องการที่จะส่งเสริมกีฬาคนพิการอาเซียนให้ดีขึ้น โดยจะนำรายได้ไปสนับสนุนกีฬาคนพิการในประเทศไทยและอาเซียนต่อไป

จากนั้น นายสมศักดิ์ ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ระบุการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ว่า หากอะไรที่จะก่อให้เกิดความยุ่งยาก สร้างความร้าวฉานแก่ประชาชนเรายินดีที่จะชะลอ แต่เรายังจะเดินทางไปรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านตามกฎเกณฑ์ระเบียบที่มีอยู่ อย่างกรณีที่เคยบอกว่าจะเปิดเผยว่าจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ 2 เรื่อง หากเปิดเผยแล้วผิด เราก็จะยังไม่เปิด เพราะไม่ควรสวนทางระเบียบกฎเกณฑ์ที่ได้มีการวางเอาไว้ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เคลื่อนไหว เพราะเราจะเคลื่อนไหวให้ถูกต้องตามระเบียบกฎเกณฑ์ หลีกเลี่ยงในสิ่งที่ล่อแหลม

เมื่อถามว่า การเดินสายพบประชาชนของกลุ่มสามมิตรเพื่อสะท้อนปัญหาของประชาชน ดูเหมือนกับว่าสามมิตรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรัฐบาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เราเพียงทำหน้าที่เสมือนไปรษณีย์ เพราะเรื่องเหล่านี้ต่างเป็นหน้าที่ของผู้แทนอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมานักการเมืองหลายกลุ่มก็ทำเช่นนี้ เพียงแต่ไม่เป็นข่าว แต่ถ้าการเป็นข่าวของสามมิตรนั้นก่อให้เกิดปัญหา ถูกมองว่าเกิดความได้เปรียบเสียบเปรียบ เราก็จะพยายามหลีกเลี่ยงการเป็นข่าว เช่น พยายามไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน หรือสัมภาษณ์ให้น้อยลง เราบอกหลายครั้งแล้วว่าเราไม่ได้เป็นเนื้อเดียวกับใคร เราแค่เดินเพื่อสะท้อนปัญหาชาวบ้าน

เมื่อถามว่า กลุ่มสามมิตรจะชัดเจนในเดือนหน้าเลยหรือไม่ว่าจะสังกัดพรรคใด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่จำเป็นที่จะต้องบอกว่าวันไหน เรายังไม่ได้คุยกับผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐเลย ส่วน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้คุยกันแค่เมื่อครั้งเดินทางไปประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.สุโขทัย เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้พบกันเลย เพราะถ้าเป็นเรื่องการเมือง นายสมคิดจะไม่ค่อยคุย

"นิสัยของนักการเมือง ก็จะต้องไปพบชาวบ้านอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ไปพบชาวบ้าน จะบอกว่าพรรคโน้น พรรคนี้ ไม่ไปพบชาวบ้านคงไม่ได้ เขาไปพบ แต่ไม่เป็นข่าว ส่วนเราก็อาจไปพบแล้วสะท้อนปัญหาได้เร็ว และเข้าใจง่ายก็เท่านั้น หลายพรรคการเมืองก็วิพากษ์วิจารณ์เรา แต่เราคงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์แข่งกับเขา เราพยายามหลีกหนี ข้อกล่าวหาที่ว่า การเมืองน้ำเน่า จึงไม่พยายามยุ่งต่อล้อต่อเถียง" นายสมศักดิ์ กล่าว และว่า ส่วนจะมีใครร้องเรียนกลุ่มต่อ กกต.ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มสามมิตรหรือไม่นั้น ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะหากร้องเรียนแล้วสามมิตรไม่ผิด ผู้ที่ร้องก็จะมีปัญหา

เมื่อถามว่า กลุ่มสามมิตรกำลังใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเคลื่อนไหวอยู่ฝ่ายเดียวหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผมไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่รู่ว่ามีช่องโหว่ แต่คิดว่าการแสดงออกถึงความรักความสามัคคีของคนในชาติคงไม่ใช่ความผิด และเมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เราก็จะผ่อนคลายการเคลื่อนไหว รอจนกว่าทุกอย่างจะชัดเจน แต่ทุกคนก็ต้องทำงาน เพราะอยู่เฉยๆ คงไม่ได้

ศาลรับฟ้อง'วัฒนา-กีร์' คดีโกงบ้านเอื้ออาทร

17 ส.ค.61 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ ศาลนัดฟังคำสั่งคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ หมายเลขดำ อม.42/2561 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อายุ 60 ปี อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยุครัฐบาลทักษิณ 2 และแกนนำพรรคเพื่อไทย , นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการปี 2548 - 2549 , นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย , นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ , น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง , น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด , น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ , บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดย นายปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน และบริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนลคอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดย นางพิมพ์วรา รัชต์ธนโรจน์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน เป็นจำเลยที่ 1 - 9

ในความผิดเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157 , ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ โดยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 , 11 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 86 , 91

องค์คณะพิจารณาคำฟ้องแล้วเห็นว่า คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 จึงให้ประทับรับฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษาต่อไป

ขณะเดียวกันวันนี้ ศาลได้นัดฟังคำสั่งคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรอีกสำนวน หมายเลขดำ อม.102/2561 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หรือกี้ร์ อายุ 54 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย , บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด , บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท พรินซิพเทค ไทย จำกัด และ น.ส.สุภาวิดา คงสุข กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท ไทยเฉนหยูฯ เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พม.ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด แก่ตนเองหรือผู้อื่น และสนับสนุน นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีต กคช.ซึ่งเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 6 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 , 91 ซึ่งศาลก็ได้มีคำสั่งประทับรับฟ้องไว้เช่นเดียวกัน โดยหลังจากนี้ทั้งสองคดีศาลก็จะได้นัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลยต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด ได้มอบอำนาจ ให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งหมดดังกล่าว ขณะที่ศาลฎีกาฯ รับคดีที่ฟ้องนี้ไว้ในสารบบ เพื่อพิจารณาคำฟ้องและมีคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องไว้พิพากษาหรือไม่ จนกระทั่งมีคำสั่งรับฟ้องดังกล่าว