ข่าว
'เจ้าชายแฮร์รี'คืนเงิน 98 ล้าน หลังใช้ภาษีซ่อมแซมพระตำหนัก

9 ก.ย.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซ็กซ์ ทรงจ่ายเงินมูลค่า 2.4 ล้านปอนด์ (99 ล้านบาท) หลังจากทรงใช้ภาษีประชาชนจำนวนดังกล่าวปรับปรุงพระตำหนักฟรอกมอร์ คอทเทจ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พระราชวังวินด์เซอร์ ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการเปิดเผยว่าดยุกแห่งซัสเซ็กซ์พระองค์นี้ และนางเมแกน มาร์เคิล พระชายา ทำสัญญาผลิตรายการให้กับบริการรับชมสื่อบันเทิงทางอินเทอร์เน็ต "เน็ตฟลิกซ์" ที่คาดว่ามีมูลค่าของสัญญาฉบับดังกล่าวอยู่ที่ 100 ล้านดอลลาร์ (3,142 ล้านบาท)

การใช้ภาษีประชาชนก้อนดังกล่าวมาปรับปรุงพระตำหนักฟรอกมอร์ คอทเทจ เป็นประเด็นหนึ่งที่ทำให้ทั้ง 2 พระองค์ตกเป็นที่วิจารณ์โดยเฉพาะเมื่อทรงประกาศยุติการทรงงานในฐานะสมาชิกระดับสูงของราชวงศ์แหงสหราชอาณาจักรเมื่อเดือน ม.ค. โดยประชาชนจำนวนหนึ่งมองว่าทั้ง 2 พระองค์ทรงควรหาเงินมาคืน

กรมควบคุมโรคเผยเคส‘ดีเจติดโควิด’ มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง-ต่ำ 1,004 คน ผลตรวจ 570 คนเป็นลบ

10 กันยายน 2563 นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ คือ ซาอุดิอาระเบีย 5 ราย , อินเดีย 2 ราย และเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ มีผู้ป่วยกลับบ้านได้ 24 ราย จึงมีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,310 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 95.83 ของผู้ป่วยทั้งหมด มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 86 ราย หรือร้อยละ 2.49 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 ราย ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,454 ราย

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย 5 ราย ทุกรายมีสัญชาติไทย แบ่งเป็น เพศชาย 4 ราย อายุ 37 ปี ว่างงาน และอายุ 21 ปี, 22 ปี, 35 ปี อาชีพนักศึกษา, และเพศหญิง 1 ราย อายุ 35 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางมาเที่ยวบินเดียวกันถึงประเทศไทยวันที่ 5 กันยายน 2563 ทุกรายเข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ในกรุงเทพมหานคร พบเชื้อจากตรวจครั้งแรก วันที่ 8 กันยายน 2563 (วันที่ 3 ของการกักตัว) ไม่มีอาการ

ส่วนอินเดีย 2 ราย สัญชาติไทย เป็นเพศหญิง อายุ 27 ปี และเพศชายอายุ 2 ปี (เป็นมารดา-บุตร) เดินทางมาเที่ยวบินเดียวกัน ถึงประเทศไทยวันที่ 6 กันยายน 2563 เข้ากักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ในจังหวัดชลบุรี โดยพักห้องเดียวกัน มารดาเริ่มป่วยวันที่ 7 กันยายน 2563 ด้วยอาการเจ็บคอ มีเสมหะ จมูกไม่ได้กลิ่น หายใจเหนื่อยบางครั้ง ส่วนบุตรไม่มีอาการทั้ง 2 ราย พบเชื้อจากการตรวจครั้งแรกในวันที่ 8 กันยายน 2563 (วันที่ 2 ของการกักตัว) เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดชลบุรี

สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกวันนี้ มีผู้ติดเชื้อสะสม 27,998,403 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 270,103 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 907,055 ราย โดยประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 3 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา อินเดีย และบราซิล ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 122 ของโลก

นายแพทย์โสภณ กล่าวอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์ทั่วโลกยังคงพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนในเอเชียพบผู้ป่วยต่อเนื่องในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินเดียพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 95,529 ราย และประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ยังคงเข้มมาตรการเฝ้าระวังคัดกรองป้องกันโรคตามแนวชายแดน และโรงพยาบาลมีความพร้อมทั้งบุคลากร อุปกรณ์ป้องกัน ยาและเวชภัณฑ์พร้อมให้การดูแลรักษาหากพบผู้ติดเชื้อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและกักตัวในสถานที่รัฐจัดให้ และผลการตรวจผู้สัมผัสผู้ต้องขังชายที่พบการติดเชื้อขณะกักกันก่อนเข้าแดนปกติในเรือนจำรวม 1,004 คน พบ 570 คนผลเป็นลบ ที่เหลืออยู่ระหว่างรอผล แต่ประชาชนจะต้องไม่ประมาท สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อย ๆ รักษาระยะห่างไม่น้อย กว่า 1 - 2 เมตรหรือ 1 - 2 ช่วงแขน หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดหรือการระบายอากาศเป็นระบบปิด ให้สแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” ทุกครั้งที่เข้า-ออกสถานที่ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

สำหรับสถานประกอบการขอให้จำกัดจำนวนการเข้าใช้บริการตามที่ราชการกำหนด ตรวจวัดอุณหภูมิผู้เข้าใช้บริการ และสแกนคิวอาร์โค้ด “ไทยชนะ” เพื่อความสะดวกในการติดตามหากพบผู้ติดเชื้อในสถานที่


'เมียนมา'ป่วนหนัก เจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบติดโควิด-19 สั่งกักตัวเกือบ 30 คน

9 กันยายน 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมียนมากำลังเผชิญวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างหนักหน่วง ล่าสุดตรวจพบเจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดีป่วยติดเชื้อโควิด ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องภายในทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมา และสำนักงานมนตรีแห่งรัฐ เกือบ 30 คน ต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วันเพื่อเฝ้าระวังและตรวจหาเชื้อ

อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานว่า ประธานาธิบดีวิน มยินต์ และนางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ และรัฐมนตรีต่างประเทศเทียนมา ถูกกักตัวด้วยหรือไม่ ล่าสุดเมียนมาพบผู้ป่วยใหม่อีก 98 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งเกิน 1,800 ราย และเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 12 ราย


อังกฤษระงับทำวัคซีนโควิด หลัง‘อาสาสมัคร’ป่วยหนัก

การทดสอบวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่เป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด กับ บริษัทแอสตราเซเนกา ผู้ผลิตยาของอังกฤษต้องถูกระงับไว้ก่อน หลังพบหนึ่งในผู้เข้าร่วมโครงการ ล้มป่วยอย่างหนักโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่สถานการณ์ในเมียนมา ยังน่าเป็นห่วง วันเดียว ผู้ป่วยใหม่พุ่ง191ราย ดับอีก2 และพบจนท.ประจำทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมาติดโควิด ต้องกักตัวผู้เกี่ยวข้องเกือบ 30 คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 9 กันยายน ว่าบริษัทแอสตราเซเนกา ผู้ผลิตยาและเภสัชภัณฑ์ของสหราชอาณาจักร ซึ่งกำลังร่วมพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ร่วมกับสถาบันไวรัสวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ที่ตอนนี้มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า “ChAdOx1 nCoV-19” ประกาศเมื่อวันอังคาร ระงับการทดสอบประสิทธิภาพทางคลินิกของวัคซีนดังกล่าว ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย หลังหนึ่งในอาสาสมัครล้มป่วยหนักโดยยังไม่ทราบสาเหตุ แต่เบื้องต้นมีการตั้งสมมติฐานว่าเป็นผลข้างเคียงของสารในวัคซีน

โครงการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและแอสตราเซเนกา อยู่ในระยะที่สาม ซึ่งมีการขยายขอบเขตจำนวนอาสาสมัครเป็นมากถึง 30,000 คน ทั้งในสหราชอาณาจักร สหรัฐ และบราซิล แม้การระงับการทดสอบประสิทธิภาพทางคลินิกของยาหรือวัคซีนกลางคัน ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่ถือเป็นครั้งแรกสำหรับโครงการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่วัคซีนของของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและแอสตราเซเนกาเป็นหนึ่งในวัคซีนประมาณ 10 ชนิด

สำหรับวัคซีนทดลองของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดและแอสตราเซเนกาเป็นการสกัดสารจากอดิโนไวรัสในร่างกายของลิงชิมแปนซี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ให้ผลิตโปรตีนในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อต่อต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ทางด้าน นายอูโก โลเปซ กาเตลล์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเม็กซิโกกล่าวในงานแถลงข่าวว่า การประกาศหยุดทดลองวัคซีนไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด แต่อาจทำให้กลุ่มประเทศลาตินอเมริกาได้รับวัคซีนล่าช้า ทั้งยังเรียกร้องให้ประชาชนเลิกตั้งข้อสงสัยโดยไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน ก่อนหน้านี้ เม็กซิโกและอาร์เจนตินาได้บรรลุข้อตกลงในการผลิตวัคซีนร่วมกับบริษัทแอสตราเซเนกา โดยวางแผนผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 250 ล้านโดสเพื่อจำหน่ายวัคซีนในราคาย่อมเยาทั่วภูมิภาคลาตินอเมริกา ยกเว้นบราซิลที่มีข้อตกลงผลิตวัคซีนเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ เม็กซิโกยังได้ทำข้อตกลงในโครงการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ร่วมกับบริษัทยาอื่น ๆ ในทวีปยุโรป จีน และรัสเซีย

นพ.นิก โคตส์เวิร์ท รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของออสเตรเลียให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ว่า ตนไม่ได้รู้สึกกังวลหลังทราบข่าวแอสตราเซเนกาประกาศหยุดทดลองวัคซีน โดยมองว่าการหยุดขั้นตอนดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าการทดลองวัคซีนล้มเหลว ในทางกลับกัน คิดว่าการหยุดทดลองเป็นเรื่องดีเพราะแสดงให้เห็นว่าผู้ทดลองทางคลินิกและผู้ตรวจสอบให้ความสำคัญกับความปลอดภัยท่ามกลางความเร่งรีบในการพัฒนาวัคซีน รัฐบาลออสเตรเลียได้ร่วมลงทุนในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ร่วมกับบริษัทยาหลายแห่งเหมือนกับรัฐบาลประเทศอื่น ๆ ซึ่งรู้ดีว่ามีวัคซีนบางขนานเท่านั้นที่จะประสบความสำเร็จ

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขของเมียนมารายงานสถานการณ์โควิด-19ว่าในรอบ24ชั่วโมงจนถึงเวลา20.00น.วันอังคารที่ 8 ก.ย.ยืนยันผู้ป่วยใหม่ 191 คน เป็นสถิติรายวันสูงสุดนับตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา และเพิ่มจำนวนผู้ป่วยสะสมเป็นอย่างน้อย 1,709 คน ส่วนผลการสอบสวนโรคของผู้ป่วยกลุ่มล่าสุดพบว่า พบมากที่สุดในภูมิภาคย่างกุ้ง 141 คน ตามด้วยรัฐยะไข่ 20 คน ภูมิภาคมัณฑะเลย์ 16 คน ภูมิภาคพะโค 9 คน รัฐมอญ 2 คน กรุงเนปิดอว์ 1 คน รัฐฉาน 1 คน และรัฐกะฉิ่น 1 คน

ส่วนของผู้เสียชีวิตสะสม มีอย่างน้อย 10 คน เพิ่มขึ้น 2 คนในรอบวันที่ผ่านมา เป็นชายอายุ 65 ปี และหญิงอายุ 82 ปี ทั้งคู่มีโรคประจำตัว ด้านสำนักงานสาธารณสุขของภูมิภาคย่างกุ้งยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองเชิงรุก ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครลงพื้นที่เคาะประตูตามบ้าน โดยเริ่มจากเขตซึ่งมีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด และมีผู้ที่เพิ่งกลับมาจากรัฐยะไข่

วันเดียวกัน ได้มีการตรวจพบเจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดี ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องภายในทำเนียบประธานาธิบดีเมียนมา และสำนักงานมนตรีแห่งรัฐ เกือบ 30 คน ต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 14 วันเพื่อเฝ้าระวังและตรวจหาเชื้อ

บอมบ์ขบวนรถ'รองปธน.อัฟกัน' เสียชีวิตเกลื่อน 6 ศพ บาดเจ็บอีกนับสิบ

9 กันยายน 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุลอบโจมตีขบวนรถยนต์ของนายอัมรุลลาห์ ซาเลห์ รองประธานาธิบดีคนที่1 ของอัฟกานิสถาน ที่กรุงคาบูลเมื่อเช้าวันนี้ โชคดีรอดตายหวุดหวิด ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คนและบาดเจ็บอีกหลายสิบคน

นายซาเลห์ กล่าวในคลิปวิดีโอที่เผยแพร่บนเฟซบุ๊กหลังเกิดเหตุระเบิดโดยมีผ้าพันแผลพันรอบมือซ้ายว่า เขากำลังเดินทางไปสำนักงานในขณะที่ขบวนรถยนต์คุ้มกันถูกโจมตี เขาปลอดภัยดี แต่เจ้าหน้าที่คุ้มกันบางนายได้รับบาดเจ็บ ส่วนลูกชายที่นั่งอยู่ในรถยนต์ด้วยกันและตัวเขาเองไม่เป็นอะไรมากนัก เขามีแผลไหม้บนใบหน้าและมือ

ด้านโฆษกกระทรวงสาธารณสุขอัฟกานิสถานให้สัมภาษณ์ว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิด 6 คน และผู้บาดเจ็บ 12 คนได้รับการส่งตัวไปรักษาในโรงพยาบาลแล้ว กลุ่มตอลีบาน ซึ่งได้ทำสัญญากับสหรัฐว่าจะไม่โจมตีในเขตเมือง ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุระเบิดดังกล่าว

เหตุลอบโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่มีการคาดหมายว่า คณะผู้แทนเจรจาของอัฟกานิสถานและกลุ่มตอลีบานจะเจรจาสันติภาพร่วมกันเร็ว ๆ นี้ ที่กรุงโดฮาของกาตาร์

โดยนายซาเลห์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า คณะผู้แทนเจรจาของรัฐบาลอัฟกานิสถานได้พยายามผลักดันให้เกิดข้อตกลงยุติสงครามกับกลุ่มตอลีบาน แม้ทั้งสองฝ่ายได้เตรียมเปิดการเจรจาโดยตรงแล้ว แต่กลุ่มตอลีบานก็ยังคงก่อเหตุโจมตีรายวันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การเจรจาสันติภาพเคยมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่เกิดความความล่าช้ามาเรื่อย ๆ