ข่าว
พหลโยธินขาออกอ่วม น้ำทะลักท่วมท้องถนน

เมื่อเวลา 00.10น. ของวันที่ 5ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากผู้ใช้เส้นทางถนนพหลโยธินขาออกหลัก กม.ที่ 35 หน้าบริษัท ไทยอเมริกันเท็กซ์ไทล์ จำกัด หมู่ 16 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่ามีน้ำท่วมทางส่งผลกระทบต่อรถยนต์ที่สัญจรไปมา จึงรีบไปตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุบริเวณช่องทางคู่ขนานขาออก ถนนพหลโยธินตั้งแต่หลักกม.35-35+700 มีน้ำท่วมเส้นทางความสูงประมาณ 30 ซม. จนท่วมทางเดินเท้าข้างทาง ทำให้รถยนต์ขนาดเล็กเช่น รถจยย. และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ผ่านในเส้นทางลำบาก รถจยย.บางราย ถึงกับต้องใช้เส้นทางด่วนแทน เพื่อหลีกเลี่ยงน้ำที่ท่วมขัง

จากการตรวจสอบพบว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาแขวงการทางปทุมธานีได้นำกระสอบบรรจุทรายมากั้นทำแนวกั้นน้ำที่ไหลออกมาจากพื้นที่ 500 ไร่ บริเวณประตูทางเข้าออกของพื้นที่รกร้างของบริษัท ไทยอเมริกันเท็กซ์ไทล์ จำกัด ไม่ให้ไหลเข้าท่วมถนนพหลโยธิน แล้วตั้งเครื่องสูบออก แต่กลางดึกที่ผ่านมากลับถูกมือดีมาทำลาย โดยการดึงกระสอบทรายออกทำให้น้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ไหลเข้าสู่ถนนพหลโยธินซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำกว่า ซึ่งน้ำที่ไหลออกมากำลังไหลไปตามถนนโดยส่งผลกระทบแล้วกว่า 700 เมตร ซึ่งหากไม่มีการแก้ไข คาดว่าช่วงเช้าบริเวณถนนพหลโยธินขาออก น้ำจะท่วมขังทุกช่องทางจนการจราจรเป็นอัมพาต.

มติเอกฉันท์!รธน.ชี้ 'งบฯ57'ไม่ขัดรธน.

4 ต.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 10.00 น.ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดแถลงด้วยวาจาและลงมติในคำร้องที่ประธานรัฐสภา ส่งความเห็นของ ส.ส. และ ส.ว. รวม 112 คน ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยว่า ร่าง-พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 มาตรา 27 ในส่วนของสำนักงานศาลยุติธรรมและสำนักงานศาลปกครอง และมาตรา 28 ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ขัดหรือแย้ง หรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้อง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคแปดและวรรคเก้าหรือไม่

โดยคำร้องดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดในวันเดียวกัน ซึ่งผลของคำวินิจฉัยอาจจะออกมาได้ 2 แนวทาง คือ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณนั้น มีข้อความขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ ให้ข้อความที่ขัดหรือแย้งนั้นเป็นอันตกไป ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคสี่ โดยส่งคืนให้สภาผู้แทนราษฎรนำกลับไปแก้ไขในมาตรา หรือข้อความที่ขัดรัฐธรรมนูญตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ดำเนินการตามมาตรา 150 ต่อไป แต่หากศาลวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ก็ให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการตามมาตรา 150 ต่อไป

ล่าสุด นายพิมล ธรรมพิทักษ์พงษ์ หัวหน้าคณะโฆษกศาลรัฐธรรมนูญ แถลงภายหลังการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 8 เสียงว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2557 มาตรา 27 ในส่วนของสำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานศาลปกครอง มาตรา 28 ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา กับคณะรวม 50 คน และคำร้องของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กับคณะรวม 62 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง (1 )นั้น ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 วรรคแปด วรรคเก้า เนื่องจากเห็นว่า มาตรา 168 วรรคเก้า บัญญัติเพียงว่าการพิจารณางบประมาณรายจ่ายของรัฐสภา ศาล และองค์กรอิสระตามวรรคแปด หากองค์กรนั้นเห็นว่างบประมาณรายจ่ายที่ได้รับจัดสรรให้นั้นไม่เพียงพอ ให้สามารถเสนอคำขอแปรญัตติต่อคณะกรรมาธิการได้โดยตรง

ทั้งนี้ เพื่อให้คณะกรรมาธิการซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติได้พิจารณาอย่างรอบคอบว่า การที่ฝ่ายบริหารได้ปรับลดงบประมาณขององค์กรดังกล่าวเป็นการแทรกแซงความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่และเพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่ของศาลยุติธรรม ศาลปกครอง และกรรมการป.ป.ช.หรือไม่ โดยมิได้มีบทบังคับเด็ดขาดให้คณะกรรมาธิการต้องเรียกบุคคลใดมาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นในการแปรญัตติแต่อย่างใด ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานป.ป.ช.มีโอกาสชี้แจงแสดงเหตุผลการขอเพิ่มงบประมาณ ต่อคณะอนุกรรมาธิการฯซึ่งตั้งโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญ และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้รับรายงานของคณะอนุกรรมาธิการฯและได้รับทราบถึงเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวประกอบการพิจารณาแล้ว จึงไม่ปรากฏเหตุที่จะเป็นการขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด แต่เนื่องจากบทบัญญัติมาตรา 168 วรรคแปดมีวัตถุประสงค์ให้คณะกรรมาธิการฯ ให้ความเป็นธรรมแก่หน่วยงานดังกล่าวจึงควรที่จะ ให้หน่วยงานดังกล่าวได้แสดงเหตุผลและความจำเป็นต่อคณะกรรมาธิการได้โดยตรง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีครั้งต่อไป กรรมาธิการฯ จะต้องให้ผู้แทนขององค์กรอิสระเข้าชี้แจงความจำเป็นในการของบประมาณขององค์กรตนเองใช่หรือไม่ และหากไม่ปฏิบัติตามจะถือว่าขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายพิมล กล่าวว่า เป็นเพียงคำแนะนำเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยดังกล่าวรัฐบาลก็สามารถนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ขึ้นทูลเกล้าฯได้ต่อไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

นอกจากนี้ นายพิมล ยังกล่าวด้วยว่าขณะนี้คำร้องที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน และพวกรวม 143 คน และนายไพบูลย์ พร้อมพวกรวม 68 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 154 วรรคหนึ่ง ว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มา ส.ว.ขัดหรือแย้งต่อหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่งมาถึงสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. แต่ไม่ได้นำเข้าที่ประชุมคณะตุลาการวันนี้ อาจจะมีการพิจาณาในการประชุมครั้งต่อไป

ดีเอสไอประสาน ตร.สากล ล่าตัว “สมีคำ” ส่งกลับไทย

ดีเอสไอประสานตำรวจสากลประกาศจับ “สมีคำ” ทั่วโลก หลังอัยการสั่งฟ้องคดีกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี พร้อมชงอัยการประสานมะกันขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน มั่นใจได้ตัวในเร็ววันนี้

สืบเนื่องจากกรณีที่อัยการมีความเห็นควรสั่งฟ้อง อดีตหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก หรือนายวิรพล สุขผล ในฐานความผิดโดยปราศจากเหตุอันสมควรพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม หลังดีเอสไอได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ 168/2556 ให้พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษเมื่อต้น ก.ย. โดยดีเอสไอจะประสานอัยการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน 2551 ติดตามตัวอดีตพระเณรคำกลับมาดำเนินคดี

ความคืบหน้า วานนี้ (3 ต.ค.) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงแนวทางการติดตามตัวอดีตพระเณรคำกลับมาดำเนินคดีหลังอัยการสั่งฟ้องว่า ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งตำรวจสากล หรืออินเตอร์โปลว่า ดีเอสไอมีหมายจับและอัยการมีความห็นสั่งฟ้องอดีตพระเณรคำแล้ว ขอให้ตำรวจสากลออกหมายจับประกาศไปประเทศสมาชิกตำรวจสากลทั่วโลก ต่อไปเวลาอดีตพระเณรคำไปไหน ดีเอสไอจะทราบความเคลื่อนไหวเพราะดีเอสไอมีความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของต่างประเทศและสายการบินอข่างใกล้ชิด

ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า เมื่ออัยการสั่งฟ้องอดีตพระเณรคำ ดีเอสไอจะใช้เป็นเหตุผลในการขอจับกุมชั้วคราว หากดีเอสไอทราบว่าอยู่ที่ไหนจะแจ้งให้ประเทศปลายทางจับกุมชั่วคราว ก่อนเข้าสู่กระบวนการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี ส่วนของขั้นตอนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เมื่ออัยการสั่งฟ้องคดี จะเริ่มจากอัยการสูงสุดในฐานะผู้ประสานงานกลาง ทำเรื่องแจ้งไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อทำหนังสือส่งไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ที่ร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนก่อนที่จะมีการส่งเรื่องต่อให้อัยการของประเทศนั้นเป็นผู้ดำเนินการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมายังประเทศไทย ส่วนที่อยู่ของอดีตพระเณรคำตอนนี้ยังไม่ปรากฏหลักฐานว่าเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกา แต่ไม่สามารถเปิดเผยที่อยู่ได้โดยดีเอสไอทราบเบาะแสแล้ว

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการเริ่มกระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเพราะเมื่ออัยการสั่งฟ้องก็ครบเงื่อนไขทุกอย่างในการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน โดยที่ผ่านมาดีเอสไอได้ประสานกับอัยการอย่างใกล้ชิดจนสั่งฟ้องตามสำนวนของดีเอสไอ ตนจะให้พนักงานสอบสวนประสานกับอัยการเพื่อส่งหนังสือแจ้งไปยังสหรัฐอเมริกา ขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป หลังจากดีเอสไอมีข้อมูลบ่งชี้ว่าอดีตพระเณรคำอยู่ในสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านมาดีเอสไอได้ประสานหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะได้ตัวกลับมาดำเนินคดีอีกไม่นาน