ข่าว
กลุ่มผู้ประท้วงพ่นสีโจมตี'เทสลา'ในนิวยอร์ก 'อีลอน มัสก์'เตรียมถอยห่างรัฐบาลทรัมป์

24 เมษายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'อีลอน มัสก์' มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทสลา เปิดเผยว่า จะลดเวลาการทำงานให้กับรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป และใช้เวลาในการบริหารธุรกิจต่างๆ ของเขาให้มากขึ้น โดยต่อมาเขาโพสต์ข้อความในเอ็กซ์ (X) ยืนยันว่า ไม่ใช่การลาออก แต่เป็นแค่การลดเวลาทำงานลงเท่านั้น

'อีลอน มัสก์' กล่าวว่า งานสำคัญในการจัดตั้งคณะทำงานในกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) เพื่อจัดระเบียบทางการเงินให้กับรัฐบาลนั้นส่วนใหญ่ทำเสร็จแล้ว แต่เขายังคงตั้งใจที่จะให้เวลาร้อยละ 40 กับการทำงานให้กับรัฐบาลต่อไป ที่ผ่านมาบทบาทการทำงานของเขามุ่งเน้นตัดลดงบประมาณของรัฐบาลเพื่อประหยัดรายจ่าย ซึ่งมีทั้งการสั่งปิดหน่วยงานและลดจำนวนคนทำงานในหน่วยงานของรัฐบาลกลาง ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจและกลายเป็นตัวจุดชนวนทางการเมืองจนเกิดการประท้วงและโจมตีโชว์รูม รถยนต์เทสลาในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง

ความคืบหน้าล่าสุดโชว์รูมเทสลาในย่านแมนฮัตตันของ นครนิวยอร์กถูกสมาชิกกลุ่มรณรงค์ด้านสภาพอากาศ Extinction Rebellion NYC ใช้สีสเปรย์ฉีดพ่นจนเต็มผนังกระจกของตัวอาคาร เป็นข้อความโจมตี 'อีลอน มัสก์' และกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาระงับเหตุโดยมีผู้ประท้วงคนหนึ่งถูกจับกุม

โดยก่อนหน้านี้เคยมีประท้วงในลักษณะนี้ที่โชว์รูมเทสลาในหลายประเทศทั้ง อังกฤษ อิตาลี เยอรมนี และแคนาดา สถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่า 'อีลอน มัสก์' มีเวลาในการบริหารบริษัทน้อยเกินไปทำให้ยอดขายเทสลาตกต่ำลงอย่างมาก รวมทั้งหุ้นของเทสลาที่เวลานี้ลดลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง

ซึ่งการประท้วงเป็นไปเพื่อต่อต้านบทบาทของ'อีลอน มัสก์' ในฐานะหัวหน้าแผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ และได้ปิดหน่วยงานหรือเลิกจ้างในหน่วยงานของรัฐบาลกลางไปแล้วหลายแห่ง ในขณะที่พยายามลดการใช้จ่ายของรัฐบาล โดยผู้ประท้วงมองว่าหัวใจสำคัญในทรัพย์สินส่วนใหญ่ของ'อีลอน มัสก์' ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3.4 แสนล้านดอลลาร์นั้น มาจากหุ้นของเขาในเทสลา

ครอบครัวลุงป้ายัน ไม่รับข้อเสนอ 'ลูกพีช' เลือก'กัน จอมพลัง' ขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือ

วันที่ 24 เมษายน 2568 จากกรณี เมื่อวานนี้ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เปิดเผย เรื่องของรถกระบะคุณลุงคุณป้า ที่ถูกชน จนใช้งานไม่ได้ ปรากฏว่าทางครอบครัวได้ร้องขอให้ตนเองช่วยเนื่องจากเป็นรถเพียงคันเดียวที่ใช้ในการดำรงชีพ เบื้องต้นตนเองได้ประสาน ทางมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า ยินดีที่จะซื้อรถให้ หากผู้เสียหายไม่สามารถตกลงกับฝั่งของคู่กรณีได้

ต่อมา กัน จอมพลัง โพสต์ข้อความว่า “คู่กรณียื่นข้อเสนอผ่านท่าน ผกก. พร้อมให้เงินเยียวยา จ่ายค่ารักษาพยาบาล พร้อมพาไปซื้อรถ และลงบันทึก แต่ต้องไม่มี กัน จอมพลัง ผมยินดีให้ญาติตัดสินใจ แล้วถ้าเป็นทุกคน อยากให้ผมอยู่ต่อไหมครับ”

ขณะเดียวกัน ด้าน ลูกชายของ ลุงกับป้าที่ บอกว่า ตอนนี้หลังจากที่ทราบเงื่อนไขว่าจะรับผิดชอบค่าเยียวยาทั้งหมด แต่ต้องไม่มีกันจอมพลังมาเกี่ยวข้องในการพูดคุยและเจรจา ยอมรับว่ามีความกังวลเรื่องความปลอดภัยอยู่ แต่ถ้าเขามาดีก็คงไม่เป็นไร ส่วนตัวก็รู้สึกลำบากใจ จึงขอปรึกษากับทางพี่สาวก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร

ล่าสุด กันจอมพลัง ช่วยสู้ โพสต์ข้อความว่า ตากับยายตัดสินใจไปต่อทันที หลังฝั่งคู่กรณียื่นข้อเสนอ พร้อมให้เงินก้อน จ่ายค่ารักษา พาไปซื้อรถและลงบันทึก แต่ต้องไม่มีกันจอมพลัง

ลูกสาวบอกว่า ถ้าไม่มีผมคงมาไม่ได้ขนาดนี้ ถ้าสู้กันเองไม่รู้จะเจอกับอะไรบ้าง ที่ผมทำให้ทุกวันนี้คือดีมากๆแล้ว อยากจะกราบเท้าขอบคุณผมด้วยซ้ำ ถ้าคู่กรณียื่นเงื่อนไขนี้ ขอไม่รับ ขอเลือกกันจอมพลัง ผมเจอคุณยายถึงกับพนมมือไหว้ ขอบคุณที่ช่วยทุกสิ่งทุกอย่างและยืนยันเหมือนลูก”

ถ้าคุณตาคุณยายอยากให้ผมอยู่ ผมก็จะอยู่ เพื่อคุณตาคุณยายและจะเต็มที่เหมือนที่ผ่านมา วันนี้ทุกคนคงเห็นแล้วนะครับ ผมไม่เคยเสนอว่าถ้ามีคู่กรณี ผมไม่ช่วย ผมเปิดโอกาสให้เสมอ และไม่ปิดกั้นใดๆ และไม่ใช่ผมที่ทำให้เรื่องนี้มันยาก ส่วนที่ข่าวปลอมบอกว่าผมจะถอยทิ้งตายาย วันนี้คงเห็นแล้วนะครับว่า ไม่จริง เพราะผมไปต่อตามที่คุณตาคุณยายบอก ลุยกันต่อครับ

โดย กัน จอมพลัง โพสต์ในคอมเมนต์อีกว่า “ผมให้ครอบครัวตัดสินใจเองนะครับ ไม่แทรกแซงใดๆ ทั้งสิ้น ทางครอบครัวโทรมาหาผมและพูดน้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้ ผมซึ้งมากๆ นะที่ทุกคนเห็นในสิ่งที่ผมทำครับ


เผยเคล็ดลับ IF สูตร'หมอเจด' ทำตามนี้น้ำหนักหายไป 30 กิโล!

วันที่ 24 เมษายน 2568 นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กชื่อ “หมอเจด” ระบุว่า IF สูตรหมอเจด ทำตามนี้ให้หายไป 30 โล !!!

อันนี้น่าจะเป็นคำถามที่เจอที่บ่อยที่สุด ตั้งแต่ทำเพจมาครับ คนทักมาปรึกษาเรื่อยๆ ว่าเห็นผมทำ IF อยากจะรู้ว่ามันต้องทำแบบไหนถึงน้ำหนักจะลด วันนี้ผมมีคำตอบ

ก่อนจะทำ IF ต้องเข้าใจ IF ก่อน ผมสรุปให้ฟังคร่าวๆ การทำ IF ก็คือการอดอาหารเป็นช่วงๆ โดยจะมีช่วงที่กินและช่วงที่อด เช่น ผมทำ IF 18/6 หมายความว่าผมมีช่วงที่กินอยู่ 6 ชั่วโมง และมีช่วงที่อด 18 ชั่วโมง ช่วงที่อด ร่างกายจะเอาไขมันเก่ามาใช้ รวมถึงอินซูลินก็ได้พัก ทำให้เราน้ำหนักลง เบาหวานก็หาย

1.เลือกกินคาร์โบไฮเดรตให้เป็น ผมทำ Low carb ควบคู่ด้วย ซึ่งไม่ได้หมายว่าผมไม่กินคาร์บเลยนะ ยังกินอยู่ สิ่งที่ต้องระวัง คือ ต้องเลือกกินคาร์บที่ดี ถ้ากินคาร์บเชิงเดี่ยว เช่น พวกขนมปังขาว ข้าวขาว เส้นต่างๅ พวกนี้จะดูดซึมเร็ว ทำให้เราหิวไวขึ้น แถมยังทำให้น้ำตาลพุ่งด้วย เพราะฉะนั้นแนะนำให้เลือกเป็นคาร์บเชิงซ้อน เช่น พวกข้าวกล้อง ธัญพืช พวกนี้จะทำให้ เราหิวช้า น้ำตาลไม่พุ่งด้วยนะ

2.ลดน้ำตาล และกินหวานให้อยู่ในมื้อ อันนี้น่าจะยากสำหรับหลายๆ คน เพราะสำหรับผมก็ยากเหมือนกัน ผมเป็นคนหนึ่งที่ติดหวาน เมื่อก่อนสั่งเครื่องดื่มก็ต้องเป็นคาราเมลมัคคีอาโต พอตั้งใจลดแบบจริงจัง ก็ต้องเปลี่ยนกินอเมริกาโน่แทน

ข้อนี้ เทคนิคไม่มีอะไรมาก ต้องมีอย่างเดียวก็คือใจที่แข็ง ถ้าผมจะกินหวานจะเลือกกินเป็นผลไม้ (เป็นแบบหวานน้อย พร้อมกินเปลือกด้วย) รวมถึงกินพร้อมมื้ออาหารไปเลย เพราะการกินตอนท้องว่างจะทำให้น้ำตาลเราสูงปรี๊ด น้ำหนักก็จะขึ้นด้วยนะ

3.เน้นโปรตีน นี่น่าจะเป็นข้อเดียวที่ผมเอ็นจอย เพราะผมเป็นคนชอบกินเนื้อ ซึ่งอันนี้ก็ตอบโจทย์นะ การกินโปรตีนนอกจากจะเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ยังช่วยให้เราอิ่มนาน หลายคนก็ถามมาอีกว่า กินเป็นอาหารเสริมได้ไหม ก็ต้องตอบว่าได้นะ ถ้าเราคิดว่าเราขาดตรงนี้ก็ช่วยได้ ซึ่งปริมาณโปรตีนควรได้รับต่อวันจะอยู่ที่ 1 กิโลกรัม/น้ำหนักตัว อย่างผมน้ำหนัก 78 ก็ต้องได้รับ โปรตีน 78 กรัมต่อวัน

4.เพิ่มไขมันดี หลายคนได้ยินคำว่าไขมัน ก็รู้สึกกลัว อันที่จริงมันจะไม่น่ากลัว ถ้าเราเลือกกินเป็น ช่วงลดน้ำหนักก็ยังกินไขมันได้อยู่ ถ้าเราเลือกกินไขมันเลว

5.ไม่กินจุกจิกระหว่างมื้อ อย่างที่บอกไปว่าการทำ IF เป็นช่วงเวลา ระหว่างมื้อ ควรทานเป็นน้ำเปล่า ไม่ก็กาแฟดำ หรือชาที่ไม่ใส่นมใส่น้ำตาล ถ้าเรากินจุกจิกกินทั้งวัน จะทำให้เราระดับน้ำตาลที่สูง ก็จะทำให้อ้วน รวมถึงอินซูลินก็จะทำงานหนัก และเมื่อหนักมากๆ ก็จะเป็นเบาหวาน อันนี้ระวังให้ดีนะ

6.ไม่เครียด ถ้าถามผมข้อนี้ก็ทำไม่ง่าย ไม่ยากนะ ถ้าเราเครียด ฮอร์โมนคอติซอลจะหลั่ง เราก็จะหิวบ่อยและกินมากยิ่งขึ้น การทำ IF ของผม ผมไม่กดดันตัวเองเลย พยายามหาวิธีปรับให้เหมาะกับตัวผมที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่เครียด และทำต่อยาวๆ นะ อีกอย่างที่ทำ ให้ผมไม่เครียด คือการทำงานอย่าง balance และใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น อันนี้ช่วยได้ดีเลย

สุดท้ายนี้อยากจะย้ำเหมือนเดิมนะ ผมไม่ได้ลดภายในวันสองวัน ทุกอย่างต้องใช้เวลาครับ ใจเย็นและให้เวลากับตัวเองเยอะๆ ยิ่งเรากดดันตัวเอง ทุกครั้งที่ชั่งน้ำหนัก แล้วมันไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้ ก็จะเครียด กดดัน และทำให้ล้มเลิกได้ง่าย เพราะฉะนั้นเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ ผมผ่านมาแล้วผมรู้ว่ามัน ไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้เนอะ เพราะฉะนั้นสู้ๆ ครับ มีผมคอยลดเป็นเพื่อน


แผ่นดินไหวเขย่าตุรกี ปชช.โดดตึกหนีตายเจ็บเพียบ บ้าน-อาคารพังถล่มกว่า 300 หลัง

24 เมษายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตุรกีเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.2 นอกชายฝั่งในทะเลมาร์มารา ทางตะวันตกของนครอิสตันบูล ซึ่งเป็นเมืองเชื่อมทวีปยุโรปและเอเชีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งช่องแคบบอสฟอรัส ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปในทะเลเกือบ 7 กิโลเมตร สั่นไหวอยู่นาน 13 วินาที ตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวหรืออาฟเตอร์ช็อกอีกหลายครั้ง ถือเป็นแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงหลายปีมานี้ของนครอิสตันบูล ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของตุรกี โดยมีประชากรมากกว่า 15 ล้านคน

แรงสั่นสะเทือนส่งผลให้อาคารบ้านเรือนโดยเฉพาะอาคารสูงสั่น ประชาชนแตกตื่นหนีตายออกมาอยู่ด้านนอกอาคาร มีรายงานผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 236 คน เนื่องจากกระโดดหนีออกจากอาคาร ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต สิ่งปลูกสร้างเสียหายทั้งหมด 378 หลัง ในจำนวนนี้ 9 หลังต้องให้คนอพยพ ยังไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ด้านสำนักงานผู้ว่าการนครอิสตันบูลแจ้งว่า มีอาคารร้างหลังหนึ่งพังถล่ม ส่วนระบบพลังงานและน้ำประปาไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี ตลอดช่วงเย็นจนถึงช่วงค่ำ ผู้คนยังรวมตัวกันตามสวนสาธารณะ ถนน หรือยืนอยู่หน้าบ้านของตนเองในใจกลางนครอิสตันบูล ไม่กล้าเข้าบ้าน เนื่องจากเกิดอาฟเตอร์ช็อกแล้วถึง 127 ครั้ง นับจนถึงช่วงเย็น ร้านค้าหลายแห่งปิดให้บริการ ชาวบ้านหลายคนบอกว่า ไม่เคยรู้สึกถึงความรุนแรงของแผ่นดินไหวในนครอิสตันบูลเช่นนี้มาหลายปี แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้ยังรู้สึกได้ไกลถึงกรุงอังการา เมืองหลวงของตุรกีที่อยู่ห่างออกไปกว่า 440 กิโลเมตรด้วย


ชาวคริสต์ทั่วโลกหลั่งไหล! ขบวนพิธีอัญเชิญพระศพ'โป๊ปฟรานซิส' ประดิษฐานที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

23 เมษายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ถูกอัญเชิญออกจากโบสถ์คาซาซานตา มาร์ตาในสถานที่ประทับของพระองค์ โดยมีคณะพระคาร์ดินัลและทหารองค์รักษ์สวิสซึ่งทำหน้าที่อารักขาพระสันตะปาปานำขบวน ก่อนเคลื่อนไปตามถนนเพื่อไปประดิษฐานยังมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าร่วมถวายสักการะพระศพเป็นครั้งสุดท้าย

โดยคณะผู้แบกโลงเปิดบรรจุพระศพ'โป๊ปฟรานซิส' แบบที่ทำจากไม้แบบเรียบง่ายไว้บนบ่าเดินผ่านซุ้มประตูของนครวาติกันเข้าสู่จัตุรัสเซนตปีเตอร์ โดยมีพระคาร์ดินัลเดินตามหลังและทหารองค์รักษ์สวิสในชุดเครื่องแบบสีทองและน้ำเงินเดินอารักขาขนาบสองฝั่งของขบวนพระศพ ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมรอรับขบวนพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาผู้ล่วงลับจนแน่นจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์

พระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาจะประดิษฐาน ณ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เพื่อให้ประชาชนได้ถวายสักการะเป็นเวลา 3 วัน ก่อนหน้าที่พิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะกำหนดมีขึ้นในเวลา 10.00 น.ของวันที่ 26 เมษายนนี้

'EU'ลงดาบ'แอปเปิล-เมตา' สั่งปรับอ่วม 2.6 หมื่นล้าน ชี้ไม่เกี่ยวสงครามการค้าทรัมป์

24 เมษายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เป็นองค์กรฝ่ายบริหารของสหภาพยุโรป (EU) ดำเนินการปรับแอปเปิล เป็นจำนวนเงิน 500 ล้านยูโร (ราว 19,000 ล้านบาท) หลังจากสรุปว่า บริษัทห้ามไม่ให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ แนะนำช่องทางอื่นนอกจากแอปสโตร์ เพื่อเข้าถึงข้อเสนอที่มีราคาถูกกว่า ส่วนเมตาถูกปรับเงิน 200 ล้านยูโร (ราว 7,600 ล้านบาท) เนื่องจากบริษัทละเมิดกฎระเบียบเกี่ยวกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลบนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม

การดำเนินการดังกล่าว ถือเป็นการปรับครั้งแรก ภายใต้กฎหมายตลาดดิจิทัล (DMA) ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อปีที่แล้ว โดยบังคับให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่สุดของโลก ต้องเปิดกว้างให้มีการแข่งขันในอียู โดยค่าปรับข้างต้นอาจเพิ่มขึ้นอีก หากเมตาและแอปเปิลไม่ปฏิบัติตามภายใน 60 วัน รวมถึงขู่ว่าทั้งสองบริษัทจะต้องจ่ายค่าปรับเป็นระยะๆ

นางเทเรซา ริเบรา กรรมาธิการต่อต้านการผูกขาด กล่าวในแถลงการณ์ว่า ค่าปรับดังกล่าวส่งสารที่ชัดเจนและหนักแน่น และยืนกรานว่า อียูดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังแต่สมดุล อย่างไรก็ตาม เธอปฏิเสธว่าการดำเนินการครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับสงครามการค้าของทรัมป์ และกฎระเบียบการแข่งขันของอียู มีผลบังคับใช้กับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน

ต่อมาแอปเปิลวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของอียู และระบุในแถลงการณ์ว่าจะอุทธรณ์ค่าปรับ ขณะที่เมตากล่าวหาว่า อียูพยายามทำให้ธุรกิจของอเมริกาที่ประสบความสำเร็จ ต้องเสียเปรียบ แต่อนุญาตให้บริษัทในจีนและยุโรป ดำเนินงานภายใต้มาตรฐานที่แตกต่างกัน