ข่าว
"เทือกตั้งหรือเลือกตั้ง" เปิดใจเจ้าของวลีเด็ด

วันที่ 27 ธ.ค. เปิดใจกับ "เฮีย ก." นักธุรกิจวัยกลางคน ที่ลงทุนเช่าบิลบอร์ดเพื่อขึ้นวลีดังกล่าว โดยเจ้าตัวขอสงวนชื่อไว้เพราะเกรงจะกระทบกับธุรกิจท่องเที่ยวที่ทำอยู่ ระบุว่า ตนเองกับเพื่อนๆ เห็นปัญหาการเมืองในปัจจุบันแล้ว ก็รู้สึกอึดอัดมาก เลยมานั่งคุยกันกับเพื่อน 3-4 คนว่า จะทำอะไรเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจบ้าง เพราะทุกวันนี้ ธุรกิจที่ทำอยู่นั้นขาดทุนค่อนข้างเยอะ

"ผมกับเพื่อนๆ มานั่งคุยกัน เห็นวลีนี้อยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กมาพักนึงแล้ว เลยตัดสินใจลงขันกัน เราทำป้ายขึ้นมาประชดสังคมดีกว่า ก็ลงทุนไปแสนกว่าบาท แต่ไม่ได้หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมานะ เราทำกันขำๆ"

เฮีย ก. กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนตัวนิยมชมชอบพรรคประชาธิปัตย์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ประชาธิปัตย์วันนี้ เปรียบเหมือนมวยที่เสียเปรียบน้ำหนัก แต่ไม่พยายามทำน้ำหนักให้เท่ากันเพื่อขึ้นชกกับคู่ต่อสู้ คือ เพื่อไทย ไม่สู้ไม่ขยัน แต่กลับไปเล่นนอกกติตา ที่สำคัญคือ นานาชาติไม่ยอมรับวิธีการเช่นนี้ ตนเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์เต็มไปด้วยคนมีความสามารถ ถ้าวางนโยบายดีๆ ให้คนยอมรับ สู้กันด้วยความสร้างสรรค์และนโยบายเพื่อส่วนรวม เชื่อว่าประเทศไทยจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้

กกต.เดินหน้าเลือกตั้งต่อไป เลื่อนรับสมัคร หากเกิดเหตุ

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. เป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง โดยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม นายภุชงค์แถลงว่า ตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2556 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2556 โดยให้มีการเลือกตั้ง เรื่องการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยกำหนดให้มีการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2556 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2557 ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งกำหนด และต่อมา กกต.ได้ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2556 รายละเอียดปรากฏตามที่ส่งมาด้วยนั้น

นายภุชงค์กล่าวอีกว่า กกต.ขอเรียนว่าการดำเนินการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ยังคงดำเนินการต่อไปตามกำหนดเดิม แต่สืบเนื่องจากสถานการณ์ความรุนแรงของกลุ่มผู้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง ที่ต้องการให้เลื่อนวันเลือกตั้งออกไป ส่งผลให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อระหว่างวันที่ 23-26 ธันวาคม 2556 ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ประสบปัญหาในการรับสมัครเลือกตั้ง โดยเฉพาะการรับสมัครในวันที่ 26 ธันวาคม 2556 การชุมนุมของกลุ่มดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

"ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติหน้าที่ จึงให้ผู้อำนายการ กกต.ประจำจังหวัดแจ้งผู้อำนวยการ กกต.เขตเลือกตั้ง และคณะ กกต.ประจำเขตเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ในการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตามที่กฎหมาย ระเบียบและการประกาศของ กกต.ตามหน้าที่และหากมีปัญหาในการรับสมัคร เช่น ถูกปิดล้อมสถานที่ มีการขัดขวางการปฏิบัติงาน มีการข่มขู่คุกคามและอื่นๆ ซึ่งอาจมีผลต่อความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และผู้สมัครจนเป็นเหตุสุดวิสัยไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ก็ให้ผู้อำนวยการ กกต.ประจำเขตเลือกตั้งสามารถใช้ดุลพินิจได้ตามความเหมาะสมแล้วรายงาน กกต.ประจำเขตเลือกตั้ง ผู้อำนวยการ กกต.ประจำจังหวัด และประธานกรรมการ กกต.ประจำจังหวัดโดยเร็ว พร้อมกับให้ไปบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานแล้วรายงานให้ กกต.ทราบโดยเร่งด่วนที่สุด" นายภุชงค์กล่าว

นายภุชงค์กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ขอหารือการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตาม โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่เหลืออีก 3 จังหวัด ในพื้นที่กรุงเทพมหาคร นครปฐม และกาญจนบุรี โดย กกต.มีมติขอให้เลื่อนการรับฟังความคิดเห็นออกไปก่อนจนกว่าการเลือกตั้งจะแล้วเสร็จ แม้จะไม่ใช่การเบิกจ่ายงบประมาณ แต่อาจให้รัฐบาลในเรื่องของการใช้ทรัพยากรของทางราชการ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 พร้อมกันนี้ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมือวันที่ 26 ธันวาคม โดย กกต.จะเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตตามระเบียบของ กกต.

‘วีรพัฒน์’ วิจารณ์ กกต. เหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต

หลังจากวันที่ 26 ธ.ค. 5 กกต.ได้ออกแถลงการณ์เสนอให้รัฐบาลเลื่อนกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.2557 ออกไป เพราะเห็นว่าหากความขัดแย้งยังคงอยู่ การเลือกตั้งจะไม่สามารถดำเนินการต่อไปด้วยความสงบเรียบร้อย และ กกต.คงไม่สามารถดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เกิดความสุจริตและเที่ยงธรรมตามเจตนาของรัฐธรรมนูญได้อีกต่อไป

ล่าสุดวันที่ 27 ธ.ค.นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก โดยระบุว่า หาก กกต. บอกว่า ไม่สบายใจที่จะจัดเลือกตั้งในยามขัดแย้ง เลยต้องให้รัฐบาลเลื่อนวันเลือกตั้งที่กฎหมายกำหนดไว้ ต่อไปนี้…

คนขับรถเมล์ที่คิดแบบ กกต. ก็คงบอกว่า ไม่สบายใจที่ขับรถเมล์ในถนนที่หนาแน่นจนทำรถติดและผู้คนไม่พอใจ เลยต้องให้รัฐบาลเปลี่ยนกฎจราจรที่กฎหมายกำหนดไว้

ทหารที่คิดแบบ กกต. ก็คงบอกว่า ไม่สบายใจจะเดินออกลาดตระเวนในชายแดนที่ชาวบ้านต่อต้าน เลยต้องให้รัฐบาลเปลี่ยนพื้นที่พระราชกำหนดที่กฎหมายกำหนดไว้

หมอพยาบาลที่คิดแบบ กกต. ก็คงบอกว่า ไม่สบายใจจะรักษาคนไข้คิวยาวๆ จนคนไข้ทะเลาะกัน เลยต้องให้รัฐบาลเปลี่ยนอัตรารักษาพยาบาลที่กฎหมายกำหนดไว้

คุณครูและอาจารย์ที่คิดแบบ กกต. ก็คงบอกว่า ไม่สบายใจที่จะสอนหลักสูตรที่มีผู้ปกครองนักเรียนไม่เห็นด้วย เลยต้องให้รัฐบาลเปลี่ยนแนวทางหลักสูตรที่มีกฎหมายกำหนดไว้

แต่ ณ วันนี้ นับว่าเป็นโชคดี ที่เมืองไทยยังมี คนขับรถเมล์ ทหาร หมอพยาบาล และครูอาจารย์ที่สำนึกในหน้าที่ของตัวเอง และสำนึกในกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ได้ทรงเตือนสติให้เราทุกคน ต้องสำนึกและปฏิบัติหน้าที่ภารกิจของตนให้เกื้อกูลกัน

ไม่ใช่เอาแต่ใจ เหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต