ข่าว
“ฮู” สะกิด “โควิด” แนวโน้มระบาดน่ากังวล

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผอ.องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (ฮู) แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า มีแนวโน้มแพร่ระบาดที่น่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่กลุ่มประเทศซีกโลกเหนือ ที่จะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว แม้ว่าในหลายประเทศจะมีข้อมูลตัวเลขที่จำกัดเนื่องจากได้หยุด รายงานตัวเลขของผู้ป่วยติดเชื้อ และผู้ป่วยเสียชีวิตจากโควิดฯ แล้วก็ตาม โดยมีเพียง 43 ประเทศเท่านั้น ที่ยังรายงานตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อ และผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคโควิดฯ

โดย ดร.อัดฮานอม กีบรีเยซุส กล่าวว่า ทางดับเบิลยูเอชโอได้ประมาณการว่า มีประชาชนจำนวนหลายแสนคนทั่วโลก กำลังเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จากการป่วยติดเชื้อไวรัสโควิดฯ

พร้อมกันนี้ ดร.อัดฮานอม กรีบรีเยซุส ระบุว่า ในพื้นที่บางส่วนของภูมิภาคตะวันออกกลางและเอเชีย รวมถึงยุโรป มีจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิดฯ เข้ารับการรักษาที่หอผู้ป่วยหนัก หรือห้องไอซียู เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ผอ.องค์การอนามัยโลก ได้แนะนำให้ทางการประเทศต่างๆ เพิ่มการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส โควิดฯ และเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิดเข้มงวดขึ้น

ฮ่องกงสั่งปิดเมือง หลังฝนตกหนักสุดในรอบเกือบ 140 ปี ทำน้ำทะลักท่วมเมือง

Hongkongfp.com: ฮ่องกงเผชิญฝนตกหนักที่สุดในรอบเกือบ 140 ปี ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง ขณะที่ธุรกิจ ห้างร้าน และสถานศึกษา ต้องปิดทำการจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงรายงานปริมาณน้ำฝนสูงสุดถึง 158.1 มิลลิเมตรภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ระหว่างช่วงเวลา 23.00-00.00 น. ที่ผ่านมา โดยนับว่าเป็นฝนที่ตกหนักที่สุดนับตั้งแต่ปี 1884 หรือในรอบเกือบ 140 ปี ส่งผลให้ทางการต้องออกคำเตือนพายุฝนระดับสีดำ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่คืนวานนี้ โดยมีรายงานว่ามีฝนตกมากกว่า 200 มิลลิเมตรบนเกาะหลักของฮ่องกง, เกาลูน และทางตะวันออกเฉียงเหนือของเขตเมืองใหม่ของเกาะฮ่องกง ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ทั้งห้างสรรพสินค้า ถนน และสถานีรถไฟใต้ดิน ต่างได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จนทางการต้องสั่งปิดโรงเรียนและธุรกิจต่างๆ รวมทั้งตลาดหุ้นที่ต้องปิดทำการในช่วงเช้า

ด้าน จอห์น ลี หัวหน้าผู้บริหารเกาะฮ่องกง ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาล รวมทั้งหน่วยงานสำนักระบายน้ำ ได้ระดมกำลังเพื่อจะเร่งแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการให้ความมช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมกันนี้ขอเตือนให้ประชาชนอยู่ในที่ปลอดภัย และให้คอยติดตามข่าวสารด้านสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และรอฟังประกาศจากรัฐบาลต่อไป

ขณะเดียวกันซินหัวรายงานว่า เมืองเซินเจิ้น ทางตอนใต้ของประเทศจีน ประสบภัยฝนตกหนักต่อเนื่องเช่นกัน โดยระหว่างเวลา 17.00 น. ของวันที่ 7 ก.ย. ถึงเวลา 06.00 น. ของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น วัดปริมาณน้ำฝนได้สูงถึง 202.8 มิลลิเมตร และมีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดที่ 469 มิลลิเมตร สูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงสุดในรอบ 71 ปี

ทั้งนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ร่องความกดอากาศต่ำซึ่งเป็นผลพวงจากพายุไต้ฝุ่นไห่ขุย ก่อให้ เกิดฝนตกหนักบริเวณชายฝั่งของมณฑลกวางตุ้งของจีน ตั้งแต่เมื่อวานนี้ และคาดว่าจะมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยจนถึงเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันนี้


รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มตลาดและย่านการค้าในเมืองทางตะวันออกของยูเครน

รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มตลาดและย่านการค้าในเมืองทางตะวันออกของยูเครน ช่วงกลางวันแสกๆ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บ 35 คน เจ้าหน้าที่ยูเครนกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 ราย รวมถึงเด็ก 1 คน และผู้บาดเจ็บอีก 35 คน หลังจากขีปนาวุธรัสเซียโจมตีตลาดในเมืองคอสติยันตินิฟกา ในภูมิภาคโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ถือเป็นการโจมตีที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายเดือน

นายเดนิส ชมีฮาล นายกรัฐมนตรียูเครน ระบุในเทเลแกรมว่า “กองทหารรัสเซียเป็นผู้ก่อการร้ายที่จะไม่ได้รับการอภัยและจะไม่ได้อยู่อย่างสงบ จะต้องมีผู้ได้รับโทษอย่างยุติธรรม”

การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียมักโจมตีพื้นที่ของพลเรือนบ่อยครั้ง แต่ยอดผู้เสียชีวิตที่สูงขนาดนี้ถือว่าไม่ปกติ การโจมตีตึกอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมืองอูมานในเดือนเมษายน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 ราย รวมถึงเด็กๆ และการโจมตีที่คล้ายกันที่เมืองดนีโปร คร่าชีวิตผู้คนไป 40 ศพในเดือนมกราคม

คลิปวิดีโอการโจมตีที่ประธานาธิบดิโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนเผยแพร่ เผยให้เห็นประชาชนจำนวนมากกำลังเดินบนถนนสายหนึ่งในเขตตลาด ก่อนที่จะถูกขีปนาวุธโจมตีเมื่อบ่ายวันพุธ ส่วนคลิปวิดีโอรายการหนึ่งแสดงให้เห็นการระเบิดขนาดใหญ่กลางถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน ส่งผลให้หน้าต่างกระจกอาคารใกล้เคียงแตกเสียหาย ขณะที่ผู้คนต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด

ภาพต่อมาเผยให้เห็นผลกระทบของการระเบิด โดยมีเลือดเปื้อนบนพื้นร้านขายยา รถยนต์ที่ถูกไฟไหม้ อาคารที่ถูกทำลาย และศพที่ถูกหน่วยฉุกเฉินเคลื่อนย้ายออกไป เซเลนสกี กล่าวใน “เอ็กซ์” ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “เมื่อมีคนในโลกนี้ยังคงพยายามจัดการกับทุกสิ่งที่เป็นภาษารัสเซีย นั่นหมายถึงการเมินเฉยต่อความเป็นจริงนี้ ความอหังการของปีศาจ ความชั่วร้ายที่ไร้ยางอาย ไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง”

การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางถึงกรุงเคียฟ ที่นับเป็นการเยือนยูเครนครั้งที่สามนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากการรุกรานเต็มรูปแบบ นายบลิงเคนมีกำหนดพบกับผู้นำยูเครน ซึ่งเขาคาดหวังว่าจะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับความพยายามของยูเครนในการยึดพื้นที่รอบเมืองบักห์มุต ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองคอสติยันตินิฟกา

นอกจากนั้น สหรัฐฯ ประกาศว่าจะส่งอาวุธที่เป็นที่ถกเถียงไปยังยูเครน โดยเป็นส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือทางทหารและมนุษยธรรมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 35,000 ล้านบาท ขณะที่รัสเซียประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าวที่จะติดอาวุธให้รถถังเอบรามส์ของสหรัฐฯ ซึ่งมีเกราะที่แข็งแกร่งพอที่จะเจาะเกราะรถถังทั่วไปได้

โดยเกราะดังกล่าวทำจากยูเรเนียมด้อยสมรรถนะ (depleted uranium) ซึ่งเป็นยูเรเนียมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ถูกทำให้สารกัมมันตภาพรังสีมีปริมาณลดลง เนื่องจากยูเรเนียมมีความหนาแน่นสูงและเป็นโลหะหนัก และอาจใช้เป็นตัวกําบังรังสีที่มาจากต้นกําเนิดรังสีอื่นๆ ได้ด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุกองทัพรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีตลาดและย่านการค้า ในเมืองคอสติยันตินิฟกา ภูมิภาคโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 35 ราย เมื่อช่วงบ่ายของวันพุธที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น

รายงานข่าวแจ้งว่า การยิงขีปนาวุธโจมตี มีขึ้นในช่วงที่ประชาชนเป็นจำนวนมาก กำลังจับจ่ายซื้อสินค้าในตลาดกันตามปกติ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก รวมถึงร้านค้าได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งในจำนวนนี้มีร้านขายยารวมอยู่ด้วย

ภายหลังเกิดเหตุ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้ออกมาประณามต่อรัสเซีย โดยระบุว่า จงใจโจมตีพื้นที่ที่มีผู้คนเป็นจำนวนมาก และเมืองแห่งนี้บรรดาผู้คนใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาโดยตลอด


“เมืองเซินเจิ้น” เผชิญฝนถล่มหนักหน่วงที่สุด ในรอบ 71 ปี

เมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ทางตอนใต้ของจีน มีปริมาณน้ำฝนสะสมซึ่งวัดได้ล่าสุด สูงเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูล เมื่อ 71 ปีที่แล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งเทศบาลนครเซินเจิ้น ในมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน รายงานการวัดปริมาณน้ำฝน สะสมสูงสุดในรอบ 12 ชั่วโมง จนถึงช่วงเช้าของวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น อยู่ที่ 469 มิลลิเมตร ส่วนค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำฝนในช่วงเวลาดังกล่าว อยู่ที่ 202.8 มิลลิเมตร นับเป็นสถิติสูงสุด ตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2495

ขณะที่โรงเรียนทุกแห่งในเมืองเซินเจิ้น หยุดการเรียนการสอนในชั้นเรียน ตลอดวันศุกร์ที่ 8 ก.ย. เพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ด้านบริการรถไฟใต้ดินทั้ง 6 สายในเมือง ระงับให้บริการเป็นบางส่วน ด้านหน่วยงานหลายแห่ง ออกประกาศเตือนให้ประชาชนอยู่ห่างจากพื้นที่เสี่ยง ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา แม่น้ำ เนินเขา และกำแพงกันดิน

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES


นักโทษชาวบราซิลใช้ทักษะกายกรรม ปีนกำแพงแหกคุกในสหรัฐฯ

วงจรปิดจับภาพนักโทษชาวบราซิล ใช้ทักษะกายกรรมปีนกำแพงแหกคุกในสหรัฐฯ

8 ก.ย. 2566 สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว There have been at least 8 sightings of Pennsylvania convicted killer Danelo Cavalcante since his escape, police say ระบุว่า ตำรวจมลรัฐเพนซิลวาเนียของสหรัฐฯ ยังคงระดมกำลังไล่ล่า ดาเนโล คาวาลคานเต (Danelo Cavalcante) ผู้ต้องขังที่หลบหนีออกจากเรือนจำ เชลเตอร์ เคาท์ตี ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฟิลาเดลเฟีย ในรัฐเพนซิลวาเนีย ไปประมาณ 30 ไมล์ (ราว 48 กิโลเมตร) เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา

กล้องวงจรปิดภายในเรือนจำ สามารถจับภาพ คาวาลคานเต ใช้ทักษะกายกรรม เหยียดสองมือ-สองเท้า เกาะกำแพงทั้งสองฝั่งในบริเวณลานออกกำลังกายกลางแจ้ง แล้วค่อยๆ ไต่ขึ้นไปจนถึงหลังคาของเรือนจำ เพื่อใช้เป็นเส้นทางข้ามออกไปยังรั้วและผ่านแนวลวดหนามหลบหนีออกไปได้ ในเบื้องต้น มีการตั้งกรรมการสอบสวนผู้คุมที่ทำหน้าที่เฝ้ายามบริเวณหอสังเกตการณ์ เนื่องจากพบว่ามีการหยุดงานหรือไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้น

ชาวบ้านคนหนึ่งพบเห็น คาวาลคานเต ริมลำธารเมื่อคืนวันที่ 5 ก.ย. 2566 แต่ได้หนีเข้าไปในป่าก่อนที่ตำรวจจะตามมาถึง การพบเห็นนั้นอยู่ในพื้นที่ถนนแชนด์เลอร์ ในเมืองเพนส์บิวรี ซึ่งห่างจากเรือนจำเชลเตอร์ เคาท์ตี ประมาณ 4 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงใต้ และแม้ทีมค้นหาได้สำรวจพื้นที่เป็นเวลาหลายชั่วโมงแต่ก็ไม่พบ ต่อมาในช่วงเย็นวันที่ 7 ก.ย. 2566 ตำรวจได้เข้าตรวจค้น ลองวูด การ์เดน สวนพฤกษศาสตร์ที่อยู่ห่างจากเรือนจำประมาณ 3 ไมล์ (ราว 4.8 กิโลเมตร) โฆษกของสวนระบุว่า ทรัพย์สินของแขกถูกเคลียร์ออก และคนงานต้องพักในพื้นที่ สวนจะปิดทำการไปจนกว่าจะมีประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลง

จอร์จ ไบเวนส์ (George Bivens) เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐเพนซิลวาเนีย เปิดเผยว่า ทางการได้ตั้งรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การจับกุม คาวาลคานเต เป็นเงิน 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ หรือราว 7 แสนบาท โดยตำรวจเชื่อว่า นักโทษรายนี้ยังคงหลบซ่อนอยู่ในบริเวณ 8-10 ตารางไมล์ ในพื้นที่ที่ตำรวจกระจายกำลังกันค้นหา หลังจากล่าสุดในวันที่ 7 ก.ย. 2566 มีรายงานการพบเห็น คาวาลคานเต ทั้งนี้ ตำรวจระดมกำลังหลายร้อยนายพร้อมสุนัขดมกลิ่นอีกจำนวนมาก ซึ่งต้องเผชิญกับอุณหภูมิสูงถึง 90 องศาฟาเรนไฮต์ (ราว 32.2 องศาเซลเซียส) ขณะที่หน่วยงานตำรวจทางหลวงของรัฐเพนซิลวาเนีย ยังระดมกำลังเพื่อขยายการตั้งจุดตรวจ-จุดสกัดบนท้องถนนในเส้นทางที่ยังไม่ได้ตั้งก่อนหน้านี้

ดาเนโล คาวาลคานเต เป็นชาวบราซิล ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา หลังก่อเหตุใช้อาวุธมีคมแทง เดโบราห์ บรันเดา (Deborah Brandao) อดีตแฟนสาววัย 33 ปี เสียชีวิตเมื่อปี 2564 เหตุเกิดในเมืองเชสเตอร์ เคาท์ตี ซึ่งปัจจุบัน เมื่อน้องสาวผู้ตายทราบว่าผู้ก่อเหตุหลบหนีออกจากเรือนจำ ก็รู้สึกหวาดกลัว ไม่รู้ว่า คาวาลคานเต จะมาทำอะไรตนหรือลูก 2 คนของพี่สาวตนหรือไม่ นอกจากนั้น คาวาลคานเต ยังมีหมายจับที่บราซิล ในคดีฆาตกรรมอีกด้วย

ตำรวจได้กำชับประชาชนให้ล็อกประตู-หน้าต่างบ้าน รวมถึงรถยนต์ ขณะที่เขตการศึกษาในพื้นที่ 2 แห่งยกเลิกชั้นเรียนอย่างน้อยส่วนหนึ่งของสัปดาห์นี้ อนึ่ง ย้อนไปเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2566 อิกอร์ โบลเต (Igor Bolte) ผู้ต้องขังในเรือนจำเชลเตอร์ เคาท์ตี เคยพยายามแหกคุกด้วยวิธีเดียวกับ คาวาลคานเต แต่ไปไม่รอด โดยเขาปีนขึ้นไปบนหลังคาเรือนจำ แต่หล่นลงไปยังพื้นที่ปลอดภัยน้อยกว่า ทำให้ถูกจับกุมได้ ขณะนี้กำลังมีการสอบสวนว่า นักโทษทั้ง 2 รายรู้จักกันหรือไม่

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2566 เด็บ ไรอัน (Deb Ryan) อัยการเขตเชสเตอร์ เคาท์ตี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุทางเรือนจำได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ขณะที่ในวันที่ 6 ก.ย. 2566 โอเวิร์ด ฮอลแลนด์ (Howard Holland) รักษาการพัศดี เรือนจำเชลเตอร์ เคาท์ตี ระบุว่า บรรดาผู้คุมเชื่อว่าลวดหนามจะป้องกันไม่ให้นักโทษหลบหนีได้ โดยมาตรการอื่นๆ อยู่ระหว่างการพิจารณา รวมถึงการเพิ่มเจ้าหน้าที่บริเวณพื้นที่ออกกำลังกาย อนึ่ง ตามข้อมูลในเดือน ก.ค. 2566 เรือนจำแห่งนี้มีผู้ต้องขังเพิ่มขึ้น 100 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565

ขอบคุณเรื่องจาก edition.cnn

ญี่ปุ่นส่งยานสำรวจดวงจันทร์ SLIM ขึ้นสู่อวกาศ

ญี่ปุ่นส่งยานอวกาศสำรวจดวงจันทร์เมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยจรวด H-IIA ที่ผลิตในประเทศ โดยหวังว่าจะเป็นประเทศที่ 5 ของโลกที่จะลงจอดบนดวงจันทร์ในต้นปีหน้า

สำนักงานสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) ระบุว่า จรวดดังกล่าวซึ่งบรรทุกยานลงจอดอัจฉริยะสำหรับการสำรวจดวงจันทร์ (Smart Lander for Investigating Moon-SLIM) ได้ถูกปล่อยขึ้นจากศูนย์อวกาศ ทาเนงาชิมะ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นตามแผนที่วางไว้ หลังจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องเลื่อนการปล่อยจรวดออกไปสามครั้งในหนึ่งสัปดาห์เมื่อเดือนที่แล้ว

ญี่ปุ่น มีเป้าหมายที่จะนำ SLIM ลงจอดภายในรัศมีไม่เกิน 100 เมตรจากจุดเป้าหมายบนพื้นผิวดวงจันทร์ ซึ่งภารกิจมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์นี้ คาดว่าจะเริ่มกระบวนการลงจอดภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า หลังจากใช้วิถีโคจรที่ยาวนานและประหยัดเชื้อเพลิง

“วัตถุประสงค์หลักของ SLIM คือการพิสูจน์การลงจอดที่มีความแม่นยำสูง … เพื่อให้บรรลุ 'การลงจอดในที่ที่เราต้องการ' บนพื้นผิวดวงจันทร์ แทนที่จะ 'ลงจอดในที่ที่เราสามารถทำได้'” ฮิโรชิ ยามาคาวะ ประธาน JAXA กล่าวในการแถลงข่าว

การปล่อยยานอวกาศนี้มีขึ้นสองสัปดาห์หลังจากอินเดียกลายเป็นประเทศที่ 4 ที่ประสบความสำเร็จในการลงจอดยานอวกาศบนดวงจันทร์ด้วยภารกิจ Chandrayaan-3 ไปยังขั้วโลกใต้ของดวงจันทร์ที่ยังไม่มีใครสำรวจ ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ยานลงจอด Luna-25 ของรัสเซียก็ประสบอุบัติเหตุขณะเข้าใกล้พื้นผิวดวงจันทร์

ญี่ปุ่นพยายามส่งยานลงจอดบนดวงจันทร์สองครั้งก่อนหน้านี้แต่ล้มเหลว ในปีที่แล้ว JAXA สูญเสียการติดต่อกับยานลงจอด OMOTENASHI ขณะพยายามลงจอดในเดือนพฤศจิกายน ส่วนยาน Hakuto-R Mission 1 ซึ่งสร้างโดยสตาร์ทอัพ ไอสเปซของญี่ปุ่น ประสบอุบัติเหตุตกในเดือนเมษายนขณะพยายามร่อนลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์

ขณะที่ SLIM ได้รับการตั้งค่าให้ลงจอดด้านใกล้ของดวงจันทร์ใกล้กับ Mare Nectaris ซึ่งเป็นพื้นที่มหาสมุทรบนดวงจันทร์ ที่มองจากโลกจะปรากฏเป็นจุดมืด เป้าหมายหลักคือการทดสอบเทคโนโลยีการประมวลผลภาพและแสงขั้นสูง

หลังจากลงจอดแล้ว ยานลำนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อวิเคราะห์องค์ประกอบของหินใกล้กับจุดลงจอด เพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับต้นกำเนิดของดวงจันทร์ โดยไม่มีการโหลดรถโรเวอร์บนยาน SLIM

นอกจากนี้ จรวด H-IIA ยังได้บรรทุกดาวเทียม X-Ray Imaging and Spectroscopy Mission (XRISM) ซึ่งเป็นโครงการร่วมของ JAXA, NASA และ European Space Agency ดาวเทียมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสังเกตลมพลาสม่าที่ไหลผ่านจักรวาลซึ่งนักวิทยาศาสตร์มองว่าเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยให้เข้าใจวิวัฒนาการของดวงดาวและกาแลคซี

มิตซูบิชิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ Mitsubishi Heavy Industries ผลิตจรวดและดำเนินการปล่อยจรวดดังกล่าว ซึ่งนับเป็นจรวด H-IIA ลำที่ 47 ที่ญี่ปุ่นเปิดตัวนับตั้งแต่ปี 2544 ส่งผลให้อัตราความสำเร็จของจรวดรุ่นนี้สูงเกือบ 98%

อย่างไรก็ตาม ภารกิจอวกาศของญี่ปุ่นต้องเผชิญกับความล้มเหลวอีกหลายครั้ง เมื่อเร็วๆ นี้ โดยการปล่อยจรวดขนาดเล็กเอปซิลอนล้มเหลวในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ตามมาด้วยเครื่องยนต์ระเบิดระหว่างการทดสอบในเดือนกรกฎาคม

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีเป้าหมายที่จะส่งนักบินอวกาศไปยังพื้นผิวดวงจันทร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาร์ทิมิสของ NASA