ข่าว
ช็อก เรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านระเบิด นอกชายฝั่งซาอุฯ ชี้โดนยิงด้วยขีปนาวุธ

เรือบรรทุกน้ำมันอิหร่าน ระเบิด นอกชายฝั่งของซาอุฯ จนถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่บนเรือ 2 ถังได้รับความเสียหาย น้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลแดง บริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่านชี้โดนยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธ

เมื่อ 11 ต.ค.62 สำนักข่าวรอยเตอร์ และบีบีซี รายงานเกิดเหตุระทึก เรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านลำหนึ่ง เกิดระเบิดและไฟไหม้อย่างรุนแรง ใกล้ชายฝั่งประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ต.ค. โดยถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ 2 ถังบนเรือ ได้รับความเสียหาย เป็นเหตุให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลแดง เบื้องต้น ไม่มีรายงานมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ตามรายงานของบริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน (NOIC) อ้างว่า เรือบรรทุกน้ำมันลำนี้โดนยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธ นอกชายฝั่ง ห่างจากเมืองเจดดาห์ ของซาอุดีอาระเบียประมาณ 97 กิโลเมตร แต่ NOIC ไม่ได้แสดงหลักฐานยืนยันคำอ้างนี้แต่อย่างใด

ด้านสำนักข่าวทางการอิหร่าน IRNA ระบุว่า เรือบรรทุกน้ำมันที่เกิดเหตุระเบิดและไฟไหม้ ชื่อว่า เรือบรรทุกน้ำมัน ‘Sabity’ (ซาบิตี) ขณะที่บริษัทติดตามการเดินเรือทางทะเล ‘Tanker Trackers’ เผยว่า ปกติแล้ว เรือบรรทุกน้ำมันลำนี้ มักบรรทุกน้ำมันไปให้แก่รัฐบาลซีเรีย ถึงแม้นานาประเทศได้คว่ำบาตร

บีบีซี ชี้ว่า เหตุการณ์เรือน้ำมันอิหร่านเกิดเหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นขณะสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบียทวีมากขึ้น โดยเมื่อเดือนก่อน โรงกลั่นน้ำมันของบริษัทซาอุดี อารัมโก 2 แห่งโดนโจมตีด้วยโดรน 18 ลำ และขีปนาวุธนำวิถีถึง 7 ลูก โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่า อิหร่านต้องรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีครั้งนี้

ระวังอันตราย! กรมอุตุฯ เตือนอากาศแปรปรวน ฝนถล่ม-ลมกระโชกแรง 35 จังหวัด

กรมอุตุฯ / วันที่ 11 ต.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณด้านตะวันตกของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังคงมีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 12-15 ต.ค. 2562 บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิลดลง

ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณฝนฟ้าคะนอง

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันนี้ ถึงเวลา 06.00 น.ของวันที่ 12 ต.ค.นี้

ภาคเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง กำแพงเพชร และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง กาญจนบุรี สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


ป.ป.ช. เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของหน่วยงาน ต่อต้านการทุจริตในภูมิภาคอาเซียน ครั้งที่ ๑๕

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของหน่วยงานต่อต้านการทุจริตในภูมิภาคอาเซียน ครั้งที่ ๑๕ (15th SEA-PAC Principals Meeting) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 8-10 ตุลาคม 2562 เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ด้านการต่อต้านการทุจริตในภูมิภาคอาเซียน และพัฒนาประสิทธิภาพของหน่วยงานที่มีอำนาจในการต่อต้านการทุจริต ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานต่อต้านการทุจริตในภูมิภาคอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเข้าร่วม

วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2562 พลตำรวจเอกวัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ได้กล่าวในพิธีเปิดการประชุมหลักถึงการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) เป็นโอกาสอันดีในการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจโลกให้แก่ภูมิภาคอาเซียน นำไปสู่การเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านการค้าการลงทุน รวมถึงการเคลื่อนย้ายคนและเงินทุนข้ามพรมแดนอย่างเสรี แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงปัญหาการทุจริตและการให้สินบนข้ามชาติ อีกทั้งความสะดวกในการเดินทางและการสื่อสารในยุคปัจจุบันยังเอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากเขตพรมแดนระหว่างประเทศที่เปิดกว้างอย่างเสรี และนโยบายการลงทุนของต่างประเทศเพื่อหลบหนีการกระทำผิด การยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ประเทศไทยจึงได้กำหนดหัวข้อการประชุมหลักในครั้งนี้เกี่ยวกับการติดตามทรัพย์สินคืนและการปฏิเสธการให้ที่พักพิงแก่เจ้าหน้าที่รัฐผู้ทุจริตและทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด

ต่อจากนั้น เป็นพิธีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน (MoU) ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. กับหน่วยงานต่อต้านการทุจริตแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (State Inspection and Anti-Corruption Authority: SIAA) และ MoU ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. กับคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Komisi Pemerantasan Korupsi: KPK) โดย MoU ทั้งสองฉบับมุ่งเน้นความร่วมมือกันในการต่อต้านการทุจริตของสองประเทศ การส่งเสริมแลกเปลี่ยนช้อมูล ประสบการณ์ และการประสานงานคดีระหว่างกัน

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ผู้แทนหน่วยงานต่อต้านการทุจริตของอาเซียนทั้ง 10 ประเทศได้ผลัดกันนำเสนอผลงานความคืบหน้าต่อที่ประชุมในการดำเนินการเพื่อการต่อต้านการทุจริต นอกจากนี้ ยังมีวาระสำคัญในการหารือและรับรองแผนการปฏิบัติงาน SEA-PAC (SEA-PAC Action Plan) สำหรับปี 2563-65 รวมถึงการอภิปรายในหัวข้อ “การปฏิเสธที่พักพิงแก่เจ้าพนักงานของรัฐผู้ทุจริตและทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด (Denying Safe Haven to Corrupt Officials and Stolen Assets)” และหัวข้อเกี่ยวกับ “มาตรการที่มีประสิทธิภาพสำหรับภาคธุรกิจเอกชนในการต่อต้านการให้สินบนแก่เจ้าพนักงานของรัฐ (Effective Anti-Bribery Measures in Privates Sector to Prevent Bribery of Public Officials”

นอกจากกิจกรรมในการประชุมหลักในวันที่ 9-10 ตุลาคมแล้ว เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2562 สำนักงาน ป.ป.ช. ยังได้ร่วมกับสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime: UNODC) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาค ในหัวข้อ “การปฏิเสธที่พักพิงแก่เจ้าพนักงานของรัฐผู้ทุจริตและทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด (Denying Safe Haven to Corrupt Officials and Stolen Assets)” โดยการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายหน่วยงานทั้งไทยและต่างประเทศร่วมอภิปรายประสบการณ์และความท้าทายในการปฏิเสธที่พักพิงแก่เจ้าหน้าที่รัฐที่ใช้ช่องทางในการลงทุนหรือนโยบายการโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อหลบหนีการกระทำความผิดและยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดไปต่างประเทศ เช่น หน่วยงาน KPK อินโดนีเซีย คณะกรรมการการตรวจตราแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (National Commission of Supervision: NCS) สำนักงานอัยการสูงสุด UNODC คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตของมาเลเซีย (Malaysian Anti-Corruption Commission: MACC) และ Stolen Asset Recovery Initiative (StAR) และในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ร่วมกับ American Bar Association Rule of Law Initiative (ABA-ROLI) จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและศึกษาดูงานนอกสถานที่ ณ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ภายใต้หัวข้อ “การส่งเสริมวัฒนธรรมต่อต้านการให้สินบนในภาคธุรกิจอาเซียน (Promoting Anti-Bribery Compliance Culture among ASEAN Businesses” โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 70 คนและมีผู้เชี่ยวชาญจากภาคธุรกิจเอกชนมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่ดีและความท้าทายในการเสริมสร้างบรรยากาศการค้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนที่โปร่งใสไร้สินบน ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องตรงกันว่าประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนได้ออกกฎหมายหรือกำลังดำเนินการออกกฎหมายเพื่อกำหนดให้นิติบุคคลต้องรับผิดในฐานความผิดการทุจริตและการให้สินบนแล้ว อย่างไรก็ดี การสร้างวัฒนธรรมแห่งความซื่อสัตย์สุจริตอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียนยังคงต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศระหว่างภาครัฐด้วยกันตลอดจนความร่วมมือจากภาคเอกชนและภาคประชาสังคมอย่างจริงจังและต่อเนื่องด้วย


นายกรัฐมนตรีเอธิโอเปีย คว้ารางวัลโนเบลสันติภาพ ปี 2019

นายกรัฐมนตรีเอธิโอเปีย คว้ารางวัลโนเบลสันติภาพ ปี 2019 – BBCไทย

นายกรัฐมนตรีอาเบีย อาห์เหม็ด แห่งเอธิโอเปีย ได้รับเลือกให้เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2019 จากความพยายามผลักดัน “ให้เกิดสันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศ”

ความพยายามของนายอาห์เหม็ด ได้นำไปสู่การลงนามในข้อตกลงสันติภาพเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งช่วยยุติภาวะการคุมเชิงทางทหารกับเอริเทรียที่ยืดเยื้อมาเกือบ 20 ปี หลังเกิดข้อพิพาทเรื่องชายแดนกันในปี 1998-2000 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน

รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ คือรางวัลที่มอบให้แก่ “ผู้สร้างคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อมวลมนุษยชาติในด้านสันติภาพ” ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้ มีผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 301 ราย แบ่งเป็นบุคคล 223 ราย และองค์กร 78 ราย หนึ่งในนั้นคือ น.ส.เกรียตา ทุนแบร์ย นักรณรงค์เพื่อสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดนวัย 16 ปี

สำหรับนายอาห์เหม็ด ถือเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพคนที่ 100 โดยเขาจะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 9 ล้านโครน (ราว 27 ล้านบาท) ในพิธีมอบรางวัลที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ ในเดือน ธ.ค.นี้

AFPประชาชนเฉลิมฉลองการเปิดพรมแดนเอธิโอเปีย-เอริเทรีย อีกครั้ง

อาเบีย อาห์เหม็ด คือใคร

นับแต่ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเอธิโอเปียเมื่อเดือน เม.ย. 2018 นายอาห์เหม็ด ได้ดำเนินการปฏิรูปที่เป็นอิสระขนานใหญ่ในเอธิโอเปีย ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศที่เคยมีการควบคุมอย่างเข้มงวดแห่งนี้

เขาได้สั่งปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านหลายพันคน และอนุญาตให้กลุ่มผู้เห็นต่างที่เคยลี้ภัยไปอยู่ต่างแดน สามารถเดินทางกลับประเทศได้

แต่ผลงานชิ้นสำคัญที่สุดของเขาคือการเป็นผู้ผลักดันให้มีการทำข้อตกลงสันติภาพกับประเทศเพื่อนบ้านคู่ปรปักษ์ อย่าง เอริเทรีย ซึ่งช่วยปิดฉากความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ยืดเยื้อมานานร่วม 20 ปี

อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปของนายอาห์เหม็ด ยังเผยให้เห็นปัญหาความตึงเครียดระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ในเอธิโอเปียและความรุนแรงจากปัญหาดังกล่าวที่ทำให้ประชาชนต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานบ้านเกิดราว 2.5 ล้านคน

ทางการญี่ปุ่นเร่งอพยพประชาชน

วันที่ 11 ตุลาคม 2562 - 15:26 น. กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้มีการแจ้งเตือนพายุฮากิบิสที่คาดว่าจะส่งผลกระทบในภูมิภาค Tokai หรือ เขต kanto รวมไปถึงกรุงโตเกียว ในวันเสาร์นี้ ตามเวลาท้องถิ่น

กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้มีการแจ้งเตือนพายุฮากิบิสที่คาดว่าจะส่งผลกระทบในภูมิภาค Tokai หรือ เขต kanto รวมไปถึงกรุงโตเกียว ในวันเสาร์นี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตอนนี้ได้มีการประกาศแจ้งเตือนฉุกเฉินสำหรับพายุฮากิบิสซึ่งคาดว่าพายุลูกนี้จะมีความรุนแรง

และทำให้เกิดคลื่นสูง และฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ล่าสุดได้มีการสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยของชีวิต คาดว่าพายุลูกนี้จะแผ่ขยายบริเวณกว้าง โดยพื้นที่หลักๆที่จะได้รับผลกระทบคือ ทางตะวันออก ของประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันเสาร์ไปจนถึงวันอาทิตย์นี้ หรืออาจจะส่งผลกระทบบางพื้นที่รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้พายุฮากิบิสจะทำให้เกิดฝนตกอย่างรุนแรงเทียบเท่า ไต้ฝุ่นคาโนกาว่า ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 1958 ซึ่งในครั้งนั้นมีประชาชนจำนวนกว่า 1,200 คน เสียชีวิตและสูญหาย ในภูมิภาค Shizuoka และเขต Kanto ดังนั้นจึงอยากเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง น้ำท่วมสูง และพายุรุนแรงเอาไว้ด้วย