ข่าว
‘ชูวิทย์’ชี้สงครามใต้ดิน กรุงเทพฯ Killing Zone ไม่ต่าง 3 จว.ใต้

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

สงครามใต้ดิน

สถานการณ์ความรุนแรง เหตุระเบิดรายวัน จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นแดน Killing Zone เหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลปกครองประเทศ บริหารบ้านเมือง แก้ไขปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ ระบบต่างๆ ถูกปิดล็อค ไร้ความน่าเชื่อถือ ไม่มีใครปฏิบัติตามกฎหมาย ข้าราชการทำงานไม่ได้ ไม่มีสภา ไม่มีการตรวจสอบ ระบบรวนไปหมดทั้งประเทศ

เมื่อ “มึงทำได้ กูก็ทำได้” เพราะเป็นการชุมนุมโดยสันติ อหิงสา ตามรัฐธรรมนูญ วันนี้ นปช. เทปูนปิด ป.ป.ช. เลียนแบบ กปปส. เทปูนปิดทำเนียบฯ องค์การกลาง สถาบันต่างๆ ไม่ได้เป็นที่พึ่งอีกต่อไป การต่อสู้ของประชาชนทั้งสองกลุ่ม ก่อให้เกิดสงครามใต้ดิน ที่ไม่มีใครกล้าระบุตัวตน ไม่มีกฎเกณฑ์แบบแผน ไม่มีการประกาศตัว ทั้งคุณยิ่งลักษณ์ และคุณสุเทพ เป็นเพียงตัวแทนของกลุ่มอำนาจที่อยู่เบื้องหลัง แม้ว่าการเจรจาจะเกิดขึ้น แต่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ

ประชาชนล้มตายเหมือนใบไม้ร่วง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายประณาม สร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง แต่แก้ปัญหาไม่ได้ แล้วกลับนำมาใช้เป็นเงื่อนไขประหัตประหารกันต่อเพื่อแย่งชิงมวลชน

นึกแล้วก็แปลก ประเทศไทยอันอุดมสมบูรณ์ ดินแดนขวานทอง ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ไม่ได้มีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งกันเรื่องเชื้อชาติ สีผิว แต่ถึงขนาดจะแบ่งประเทศปกครอง คงไม่ช้ากำแพงจะก่อตัว คนไทยต้องแบ่งภาคกันอยู่ตามความเชื่อ อุดมการณ์ อพยพมุ่งขึ้นเหนือ หรือจะลงใต้?

ใน พ.ศ. 2557 บันนังสตา เจาะไอร้อง ราชประสงค์ ปทุมวัน ไม่ได้แตกต่างกันเลย ประชาชนต้องอยู่ท่ามกลางความแตกแยก หวาดระแวง ไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ทั้งๆที่เป็นคนไทยด้วยกันทุกคน

สงครามใต้ดินกำลังก่อตัวขึ้นท่ามกลางความเจริญศิวิไลซ์ของประเทศไทยบนดินที่เราเห็นเป็นเพียงหน้าฉากของละครการเมือง แต่ใต้ดินเขาเอากันถึงขนาดจะเปิดสงคราม

บรรพบุรุษคงน้ำตาไหล ลูกหลานไทยหันหน้าฆ่ากันเอง

ผบ.ทบ. กร้าว ไม่สัญญา จะไม่มีปฏิวัติ

“ประยุทธ์” ไม่สัญญาไม่มีปฏิวัติ ชี้ทุกอย่างอยู่ที่สถานการณ์ โยน “สุเทพ-ยิ่งลักษณ์” หาช่องเจรจา ระบุชัดกฎอัยการศึกใช้เมื่อเกิดจลาจล แค่คนไทยเลือดร้อนใจเร็ว และอย่าไปเติมเชื้อไฟ ลั่นไม่ยอมแบ่งแยกประเทศไทย เตือนตำรวจบ้านอย่าใช้ธงแดงสวนสนามแทนธงชาติ เตือนอย่าให้เห็นอีก...

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่สนามมวยลุมพินี ถ.รามอินทรา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานเปิดเวทีมวยลุมพินีแห่งใหม่ ถึงกรณีที่มีรายชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลางเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองว่า อย่าไปพูดถึง ยังไม่ไปถึงตรงนั้น เมื่อถามว่ารู้สึกดีใจหรือไม่ ที่ประชาชนชื่นชมจนมีชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมคงไปดีใจหรือเสียใจไม่ได้ เพราะวันนี้สถานการณ์ตึงเครียด คงไม่มีความสุขเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ รวมถึงประชาชนทั่วไป ทุกคนเป็นห่วงสถานการณ์ จึงอยากขอให้ทุกฝ่ายมีสติในการแก้ไขปัญหา”

เมื่อถามว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ต้องการเจรจาสองต่อสองกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ด้วยการถ่ายทอดสด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของทั้งสองคนที่จะต้องคุยกัน วันนี้มีหลายฝ่ายมาเสนอ รวมถึงกลุ่มอื่นๆ ที่อยากเข้าร่วมด้วย ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นขั้นตอน ส่วนกองทัพจะเข้าไปมีส่วนร่วมหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ วันนี้เราอยู่ในฐานะบทบาทของเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย รักษาสถานการณ์ความมั่นคงโดยรวมของประเทศ ส่วนนายกรัฐมนตรีจะมีเงื่อนไขยุติการชุมนุมโดยให้มีการเลือกตั้งก่อนพูดคุยนั้น เป็นเรื่องธรรมดาของคู่เจรจา ซึ่งเป็นเงื่อนไขทุกภารกิจที่มีความขัดแย้ง ต่างฝ่ายต่างมีข้อเสนอของตนเอง แต่หากปรับกันได้ก็คงจะลดราวาศอกกันไปเอง คงจะพูดคุยกันได้บ้าง ซึ่งคงจะไม่ยุติภายในวันเดียว

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการใช้เอ็ม 79 ก่อเหตุเป็นจำนวนมาก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอยู่ แต่ไม่ได้มาจากหน่วยทหาร เพราะยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของกองทัพต้องอยู่ในคลัง มีการตรวจเช็กทุกวัน ทั้งนี้การใช้อาวุธเอ็ม 79 เป็นการลักลอบเข้ามามากกว่า เพราะในห้วงที่ผ่านมามีการจับกุมการลักลอบ อาวุธสงครามได้ตลอด พอมีการชุมนุมก็นำมาใช้ ซึ่งพวกนี้ไม่ค่อยมีจิตใจเป็นมนุษย์ เพราะเอ็ม 79 เอาไว้ใช้ในสงครามต่อสู้กับศัตรู แต่เอามายิงประชาชนทั้งเด็ก ผู้หญิง และคนชราเสียชีวิต เราต้องประณามคนพวกนี้ จิตใจมันไม่ใช่มนุษย์ หากจับกุมได้ต้องดำเนินคดีในสถานหนัก

เมื่อถามถึงกรณีมีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามสถานการณ์การชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าเป็นการใช้อำนาจของรอง ผอ.กอ.รมน. และได้นำเรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้ว ในคำสั่งไม่ได้ให้จับตาใครเป็นพิเศษ ให้ดูแลทุกกลุ่มที่ฝ่าฝืนกฎหมายความมั่นคง รวมถึงการพูดจาว่าสิ่งไหนผิด บางอย่างต้องเข้าใจว่า เป็นคำพูด การกระทำยังไม่เกิด หากการกระทำที่สมบูรณ์ความผิดก็จะเกิดขึ้น และสามารถดำเนินคดีได้ ทุกอย่างเป็นเพียงคำพูดทั้งที่บอกว่าจะมีกบฏหรือการก่อการร้ายแต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าทำหรือไม่ทำ

เมื่อถามว่า หากปลุกระดมคนเสื้อแดงเข้ามาใน กทม. พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า มันผิดกฎหมายหรือไม่ ขณะนี้มีฝ่ายหนึ่งที่ทำผิดกฎหมายดำเนินการทางกฎหมายอยู่ แต่อีกกลุ่มหนึ่งจะมาบอกว่าการเคลื่อนไหวได้ แล้วจะเคลื่อนไหวบ้างก็ผิดกันทุกกลุ่ม เมื่อมาเผชิญหน้ากันก็จะทำให้เกิดความรุนแรง แก้ปัญหายากวันนี้ ต้องหยุดทุกพวกทุกฝ่ายให้ได้

“เรื่องที่ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องที่มีปัญหามาก ถ้าเราไม่ยึดถือสิ่งเหล่านี้จะแก้ไขปัญหายาก จะมาบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ต้องไปพิสูจน์ทราบกัน เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน ให้โอกาสสู้คดี ถ้ามองว่าไม่ยุติธรรมทุกอย่างก็จบ แล้วจะมีกระบวนการยุติธรรมไว้ทำไม ศาลพิจารณาคดีหลายเรื่องไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเมือง ถ้ามองว่าไม่ยุติธรรม คดีอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองก็มาร้องเรียนกันหมด ศาลตัดสินตามหลักฐาน ใครจะมาบอกว่ามีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า ผมคิดว่าทำไม่ได้เรื่องความไม่เป็นธรรม ทุกคนสามารถคิดได้แต่ต้องเคารพกัน และพิสูจน์ด้วยหลักฐาน หากหลักฐานชัดเจนก็เถียงไม่ได้” ผบ.ทบ.กล่าว

เมื่อถามว่า มีทหารบางรายเข้าไปเกี่ยวกับการชุมนุม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ทหารไม่มีกฎห้ามชุมนุม หากไปนอกเวลาราชการมีอิสระเต็มที่เพียงแต่ห้ามพกอาวุธทางราชการ หากพบก็ถูกจับ เราเตือนให้วางตัวเหมาะสม แต่ถ้าเอาเวลาราชการพกอาวุธไปด้วย ถูกจับได้ก็ต้องปลดออกจากราชการ ทุกกองทัพเป็นแบบนี้ ส่วนกรณีที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะครบวาระการประกาศใช้นั้นเป็นเรื่องของ ศรส. ที่จะพิจารณาว่าจะใช้ต่อหรือไม่ หรือถ้าไม่ใช่ก็จะกลับมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเหมือนเดิม ส่วนโอกาสที่จะใช้กฎอัยการศึกนั้น ก็จะต้องรอให้เกิดจลาจล ถ้าไม่เกิดก็ใช้ไม่ได้

เมื่อถามว่า ได้คุยกับนายกรัฐมนตรี กรณีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศในนามรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะนำข้อเสนอแบ่งแยกประเทศ และให้ประชาชนจับอาวุธต่อสู้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาทำหรือยัง ตามกฎหมายทำไม่ได้ ถามว่าสื่อมวลชนยอมให้แบ่งแยกประเทศหรือไม่ ถ้าสื่อไม่ยอมตนก็ไม่ยอม ส่วนกรณีการสวนสนามตำรวจบ้านที่ จ.พะเยา โดยใช้ธงสีแดงแทนธงชาติไทยนั้น เรื่องนี้ตนได้เตือนไปหมดแล้วว่าอย่าทำอย่างนั้นอีก

เมื่อถามว่าปฏิวัติรัฐประหารเลิกคิดไปเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพูดกันทุกวัน ส่วนใครจะมองว่าสถานการณ์จะสิ้นสุดด้วยการปฏิวัติก็มองได้ อยากให้ทหารทำอะไรก็บอก การปฏิวัติที่ผ่านมาเพราะมีเหตุการณ์รุนแรง ความไม่เป็นธรรม แต่ในวันนี้โลกเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ประชาชนก็เปลี่ยน พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ไปถึงตรงนั้นเพราะเป็นเรื่องที่อันตราย ตนคงไม่สัญญาว่าการปฏิวัติจะมีหรือไม่มี แต่การดำเนินการดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในทางนิตินัย ซึ่งการปฏิวัติทุกครั้งเพื่อให้สถานการณ์ยุติ แล้วยุติได้หรือไม่ก็ต้องไปนั่งวิเคราะห์กัน ทุกสถานการณ์ต้องแก้ไขด้วยกฎหมาย หากแก้ไม่ได้ก็ต้องใช้วิธีพิเศษ ส่วนจะเป็นวิธีพิเศษอย่างไรก็ต้องไปว่ากัน อย่ามาโจมตีทหาร

'สุเทพ'ประกาศยกเลิกชัตดาวน์กทม.

28 ก.พ.2557 ผู้สื่อข่าวรายงานจากเวทีปทุมวันว่า เมื่อเวลา 19.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. นำแกนนำ กปปส. แนวร่วมทุกกลุ่มทำพิธีไว้อาลัยให้นางพิศตะวัน อุ่นใจ อายุ 40 ปี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุคนร้ายกราดยิงและปาระเบิดที่เวทีกปปส.ที่จ.ตราด เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ โดยให้ผู้ชุมนุมยืนไว้อาลัย 1 นาที ทั้งนี้ นายสุเทพพร้อมแกนนำจุดเทียนวางดอกไม้สีขาวหน้ารูปถ่ายของผู้เสียชีวิตที่วางอยู่หน้าธงชาติผืนใหญ่ พร้อมเปิดให้ผู้ชุมนุมที่อยู่หน้าเวทีบางส่วนเข้าร่วมไว้อาลัย

หลังจากนั้นนายสุเทพได้ปราศรัยเริ่มจากการเปิดเทปการให้สัมภาษณ์ของของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ระบุต้องรักษาประชาธิปไตยจึงขอตายในสนามประชาธิปไตย และกล่าวว่า ไม่อยากเห็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ตายในสนามประชาธิปไตย แต่อยากเห็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ติดคุกเพราะคดีทุจริตจำนำข้าวมากกว่า

นอกจากนี้นายสุเทพยังได้โจมตีว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เคารพกติกากฎหมายรัฐธรรมนูญ พร้อมกับเปิดภาพป้ายผ้าสปป.ล้านนา และระบุว่านี้เป็นการแบ่งแยกดินแดนผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 1 แล้ว พร้อมประกาศยกเลิกชัตดาวน์กทม.ตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไปโดยจะรวมกันไปตั้งเวทีที่สวนลุมพินีแทน โดยจะมุ่งตัดท่อน้ำเลี้ยงตระกูลชินวัตรกดดันข้าราชการทุกวัน

อัด"ปู"พูดนางเอก-อยากเห็นติดคุก

ทั้งนี้นายสุเทพกล่าวว่า หากจะมีการเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่ทำแบบลับๆ ล่อๆ จะต้องเป็นไปอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ถ่ายทอดให้ประชาชนรับทราบ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์ชาติ ขณะเดียวกันไม่เห็นด้วยที่จะดึงนายบันคี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ มาเป็นคนกลางเจรจา เพราะเป็นเรื่องในประเทศ ส่วนที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง บอกว่าตนไม่มีทางไป ต้องมาขอเจรจาด้วยนั้น อยากเตือนความจำ ร.ต.อ.เฉลิม ว่า คนที่มาขอเจรจากับตน คือ ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่ตน

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ว่า จะยอมตายคาสนามประชาธิปไตย ไม่ขอดีเบตเพราะไม่ใช่นักโต้วาทีนั้น เป็นการพยายามพูดจาให้ดูเป็นนางเอกเท่านั้น

"ถ้าคุณฟังผมอยู่ ผมไม่อยากเห็นคุณตายในสนามประชาธิปไตย ผมอยากเห็นคุณติดคุก ข้อหาโกงโครงการจำนำข้าวนี่แหละ และผมอยากให้คุณมีชีวิตนานๆ เห็นความย่อยยับของธุรกิจชินวัตร แล้วที่บอกไม่ใช่นักโต้วาที อยากถามว่าคุณเก่งเรื่องอะไรบ้าง กล้ายืนยันไหมว่าเป็นนักบริหารประเทศที่เก่ง มีความรู้ ความสามารถเป็นเลิศ"

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ได้เสนอเงื่อนไขอะไรเลย นอกจากบอกว่าการเจรจาต้องเป็นไปเปิดเผยให้ประชาชนได้ยิน เพราะรู้ว่าพวกคุณจะมาต่อรองอะไร อย่าอ้างว่าไม่ใช่นักโต้วาที ต่อให้ด้วยว่าจะไม่พูดอะไรเลย จะบอกแค่ว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ตกลงหรือไม่ตกลง เยสหรือโน เท่านั้น และขอร้องเลิกพูดเสียทีว่าเป็นคนรักษากติกา รักษากฎหมาย อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ เพราะฟังแล้วจะอาเจียน คุณไม่เคยเปิดรัฐธรรมนูญดูเลย เพราะการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน สู้อยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญทุกประการ ในขณะที่พวกคุณต่างหากที่ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ ทำผิดตั้งแต่มาตรา 1 แล้ว เพราะมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญบอกว่าประเทศไทยเป็นอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะมาแบ่งแยกไม่ได้ แต่พวกคุณสนับสนุนปลุกระดมผู้คนให้แบ่งแยกประเทศ แล้วยังมีหน้ามาบอกรักษารัฐธรรมนูญ ขอตายคาสนามประชาธิปไตย ตนถึงบอกว่าเลิกเพ้อเจ้อเรื่องแบ่งแยกดินแดน มันไม่มีวันเกิดขึ้นได้แน่ และถ้าบอกว่าเคารพกฎหมาย ทำไมไม่บอกให้พี่ชายคุณกลับมาติดคุก ทำไมต้องพยายามออกกฎหมายล้างผิดให้พี่ชาย

นายสุเทพ กล่าวว่า ที่เรามาชุมนุมเพื่อไล่คุณ ให้คุณออก เราตายไปตั้ง 20 คน เจ็บอีก 700 กว่าคน อยู่ดีๆ มาบอกถ้าจะเจรจาให้เรากลับบ้านก่อน บ้าสิ ถ้ากลับบ้านแล้วเราจะตอบคนตายได้อย่างไร จะอธิบายพ่อแม่เด็กไร้เดียงสาที่ตายได้อย่างไร พวกคุณต่างหากที่ตั้งเงื่อนไข ผมกินข้าว คุณกำลังจะจนมุม ไม่มีที่ไป กรุงเทพฯ ก็อยู่ไม่ได้ ร่อนเร่เป็นสัมภเวสีจึงมาขอเจรจากับเรา แล้วถ้าเราตั้งเงื่อนไขว่ายิ่งลักษณ์ออกไปก่อน แล้วค่อยมาเจรจากัน อย่างนี้เอาไหมล่ะ

วันนี้เป็นวันที่สาม ครบกำหนดไว้ทุกข์แล้ว แต่เราจะไม่ยอมให้การสังหารเด็กเป็นเรื่องผ่านเลยไป เราจะติดตามทวงถามความยุติธรรมให้เด็กไร้เดียงสาทั้ง 4 คนจนถึงที่สุด จะดูว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. จะปฏิบัติตามรับปากไว้หรือไม่

ยุบเหลือสวนลุมฯเวทีเดียว-ปิดเกมมี.ค.นี้

นายสุเทพกล่าวว่า รัฐบาลนี้ดื้อด้าน เป็นพันธุ์ด้าน-พันธุ์พิเศษ ทั้งที่เราปิดกรุงเทพฯ ชัตดาวน์มาเดือนครึ่ง ตั้งแต่ 13 มกราคม ขอขอบคุณพี่น้องจากหัวใจจริงๆ เรารู้ว่าธุรกิจ การค้าขาย การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ แต่พี่น้องก็กัดฟันทน ยอมว่าหมดเรื่องนี้ เอาระบอบทักษิณออกไปได้ พี่น้องยอม ขอให้ผมได้พูดแทนคณะกรรมการกปปส. คณะวิทยากรทุกคน ทุกฝ่าย เราซาบซึ้งในน้ำใจพี่น้องชาวกทม.จำทั้งชีวิต ได้เห็นน้ำใจพี่น้องมากมายมหาศาลล้นเหลือ มาบัดนี้พวกผมปรึกษาหารือกัน ขออนุญาตคืนพื้นที่ทุกสามแยกสี่แยก ให้พี่น้องทั้งอโศก ราชประสงค์ ปทุมวัน สีลม ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม เป็นต้นไป พี่น้องสามารถขับรถได้ทุกเลน พี่น้องจะได้ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ต้องทุกข์เรื่องจราจร

"ที่พูดไม่ได้หมายถึงเราเลิกต่อสู้ เราจะสู้ต่อไป เรารอให้พี่น้องออกมาต่อสู้กับเราอีก การตัดสินใจครั้งนี้เลิกปิดกรุงเทพฯ แต่ปิดราชการและธุรกิจตระกูลชินวัตรเหมือนเดิม เราจะจัดกระบวนทัพการต่อสู้ใหม่ เราจะตั้งตัวเป็นผู้ตรวจราชการ ไปตรวจทุกกระทรวงทุกกรม ทุกวัน เราจะคืนพื้นที่จราจร สีลม ปทุมวัน ราชประสงค์ อโศก ตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไป เราจะไปตั้งเวทีใหม่ที่สวนลุมพินีที่เดียว สาเหตุเลือกลุมพินีเป็นฐานที่มั่นใหม่ เพราะสวนลุมมีอาคาร มีหอประชุม ที่เราสามารถจัดการประชุมขับเคลื่อนแนวคิดปฏิรูปประเทศได้ทุกวัน โดยไม่ต้องเช่าโรงแรมไหน แล้วสัปดาห์หน้าจัดสัมมนาระดับชาติ เชิญราษฎรอาวุโส เชิญนักวิชาการ ตัวแทนองค์กรต่างๆ มาประชุมสัมมนาระดับชาติ ว่าด้วยการเดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย จัดทำพิมพ์เขียวประเทศไทยให้เตรียมพร้อมไว้"

นายสุเทพ กล่าวว่า พรุ่งนี้วันเสาร์ เราจะชักชวนทำบุญถวายภัตตาหารเพล ทำสังฆทาน อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ญาติพี่น้องร่วมอุดมการณ์ที่เสียชีวิตไป หลังจากนั้นทุกเวทีจะเปิดรายการ สั่งลาเวทีแต่ละเวทีส่งท้ายรายการ และหลังจากคืนวันเสาร์แล้ว เราจะรื้อทุกเวทีไปอยู่สวนลุมพินี ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไปเราจะยกระดับต่อสู้ให้เข้มข้น แข็งแรง จะเร่งปิดเกมให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ตั้งใจว่าถ้าให้จบได้ในเดือนมีนาคมต้องจบ