ข่าว
เมก-อะ-วิช! สานฝันหนูน้อย 9 ขวบ เป็น”ไอรอนบอย” พิทักษ์ออสซี่

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า โดเมนิค เพซ เด็กชายชาวออสเตรเลีย วัย 9 ขวบ แปลงร่างเป็น “ไอรอนบอย” ซุปเปอร์ฮีโร่รุ่นจิ๋ว ออกต่อสู้กับเหล่าวายร้ายเหนือมนุษย์ที่มุ่งคุกคามความสงบสุขของชาวโลกได้สมดั่งใจ จากการจัดให้ของมูลนิธิเมก-อะ-วิช หรือ มูลนิธิทำฝันให้เป็นจริง ที่เนรมิตความฝันของเด็กชายโดเมนิคให้ได้เป็นซุปเปอร์ฮีโร่ปกป้องนครซิดนีย์เป็นเวลา 1 วันเต็มๆ

โดยเด็กชายโดเมนิค ที่แปลงร่างเป็น ไอรอนบอย ในชุดเกราะไฟเบอร์สีแดงตัดสีทอง ดำและขาว ปรากฎตัวต่อสู้กับ “อัลตรอน” ตัวร้ายสุดโหดของจักรวาลมาร์เวล อยู่บริเวณหน้าบันไดทางเข้า โอเปร่า เฮาส์ สัญลักษณ์สำคัญของนครซิดนีย์ โดยไอรอนบอยสามารถปราบวายร้ายเหล่านั้นลงได้ ท่ามกลางการส่งเสียงเชียร์เอาใจช่วยของผู้คนจำนวนมากที่ผ่านไปมาในบริเวณนั้น

ก่อนหน้านั้น ไอรอนบอย ได้ไปช่วยชีวิต “โฮป จอย” ผู้สื่อข่าวของมูลนิธิเมก-อะ-วิช ให้พ้นจากเงื้อมมือเหล่าลูกสมุนของอัลตรอนมาแล้ว โดยโดเมนิคเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มายังสำนักงานตำรวจในนครซิดนีย์ จากนั้นนั่งเรือสปีดโบทมายังเกาะคลาร์ก ไอส์แลนด์เพื่อช่วยชีวิตผู้สื่อข่าวสาว ซึ่งโดเมนิคในร่างไอรอน บอย ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ 2จีบีว่า การขับเฮลิคอปเตอร์มัน”สุดยอดมาก”

ไอรอนบอย ยังได้รับการสนับสนุนจาก โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ผู้รับบทเป็น โทนี สตาร์ค ซึ่งก็คือ ไอรอนแมน ในภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องไอรอนแมนและอเวนเจอร์สของมาร์เวล ที่ได้ทวีตข้อความว่า “ส่งไอ้หนูสุดเจ๋งไปปฏิบัติภารกิจลับสุดยอด จับพวกมันให้ได้เลยนะ, โดเมนิค”

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ยังโพสต์วิดีโอบนยูทูบ สวมบทเป็น โทนี สตาร์ค บอกกับโดเมนิคว่าเขาได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกทีมอเวนเจอร์สที่นำทีมโดยไอรอนแมนอย่างเป็นทางการแล้ว

ก่อนหน้านี้ มูลนิธิเมก-อะ-วิช เคยสานฝันของผู้คนให้เป็นจริงซึ่งเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ไปทั่วโลกมาแล้วในปี 2556 จากการสานฝันของ “ไมลส์ สก๊อตต์” เด็กชายที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย หรือมะเร็งเม็ดเลือด ให้ได้เป็น “แบทคิด” ออกต่อสู้กับ “ริดเลอร์” ตัวร้ายในหนังเรื่อง แบทแมน ที่ยูเนียนสแควร์ ในนครนิวยอร์ก ของสหรัฐอเมริกา

“ปู”เปิดใจสื่อนอก โยนปชช.ชี้ขาดอนาคตการเมือง ลั่นไม่หนี-พร้อมสู้คดีข้าว

‘ยิ่งลักษณ์’ ตอบเสียงเรียกร้องกลุ่มชินวัตรวางมือการเมือง ยันคนส่วนใหญ่ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ติงร่างรัฐธรรมนูญจ้องคุมผู้แทนราษฎร สะท้อนความไม่วางใจประชาชน “ยัน”ไม่หนีออกนอกประเทศ

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมตรี ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์สเตรทไทมส์ ในสิงค์โปร์ ฉบับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งตีพิมพ์รายงานพร้อมคำให้สัมภาษณ์ใจความสำคัญตอนหนึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์เรียกร้องความเป็นธรรมในการดำเนินการทางกฎหมายต่อกรณีโครงการรับจำนำข้าว และมีความเห็นบางประการต่อร่างรัฐธรรมนูญที่ยกร่างโดยระบอบทหาร ซึ่งถึงแม้ถูกรัฐบาลทหารปิดกั้นการเคลื่อนไหวทางการเมือง การแจกปฏิทินปีใหม่ที่มีรูปภาพ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ทว่าพรรคเพื่อไทยและกลุ่มชินวัตรดูจะยังคงมีบทบาทในการเมืองของประเทศไทยต่อไป

โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า “เราเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยยังได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน สำหรับข้อเรียกร้องให้กลุ่มชินวัตรยุติบทบาททางการเมืองโดยสิ้นเชิงนั้น ดิฉันเห็นว่าเรื่องนี้คนตัดสินคือประชาชน ซึ่งต้องฟังเสียงคนส่วนใหญ่”

อดีตนายกฯ กล่าวถึงการถูกดำเนินคดีในโครงการรับจำนำข้าว ที่ถูกกล่าวหาว่าทำให้รัฐสูญเงิน 5 แสนล้านบาท โดยยืนยันว่า “ เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรดิฉันพยายามอยู่เงียบๆมานานเกือบ 2 ปี ปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศไป แต่บางครั้งเราจำเป็นต้องออกมาพูด เพราะเราเกรงว่าประชาชนจะเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อน” ส่วนข้อสงสัยที่ว่าจะหนีออกนอกประเทศนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวยืนยันว่า “ถ้าต้องการหนี ดิฉันคงหนีไปแต่แรกแล้ว ดิฉันจะไปขึ้นศาลทำไม”

นอกจากนี้อดีตนายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า ตัวเองไม่ได้คุกคามรัฐบาลรัฐประหาร เพราะไม่มีตำแหน่งอะไร เป็นแค่คุณแม่ลูกหนึ่ง ฉะนั้น ไม่ต้องหวาดหวั่นอะไรในตนเอง อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แสดงความเห็นทางการเมือง ขณะนี้ว่า ประเทศไทยกำลังร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมุ่งควบคุมนักการเมืองอย่างแน่นหนา “นักการเมืองมาจากการเลือกตั้ง เป็นผู้แทนของปวงชน ถ้าคุณไม่เชื่อถือนักการเมือง นั่นแปลว่า คุณไม่ไว้วางใจประชาชน.”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สเตรทไทมส์ รายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคนหนึ่งของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าเดินทางไปยังภาคเหนือหรือภาคอีสาน ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย ก็ยังมีประชาชนเข้ารุมล้อมชื่นชมเสมอ เพจทางเฟซบุ๊กของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยังมีคนกดไลค์กว่า 4 ล้าน


“อดีตส.ส.ร.” ชี้ กาบัตรใบเดียวทำรบ.อ่อนแอ เต็มด้วยการต่อรอง-แย่งชิง-วุ่นวาย

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตส.ส.ร. กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ถามผู้วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญว่า การเลือกตั้งแบบกาบัตรใบเดียวทำให้รัฐบาลอ่อนแอตรงไหน ว่า บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่จะทำให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้งอ่อนแอ ไม่ได้มีเพียงการเลือกตั้งแบบ กาบัตรใบเดียวเท่านั้น แต่มีหลายปัจจัยส่วนการให้กาบัตรใบเดียวทำให้เป็นการยากที่พรรคใดพรรคหนึ่งจะครองเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้ โดยพรรคการเมืองที่มีที่นั่งมากที่สุดในสภาอาจถูกผลักให้เป็นฝ่ายค้าน โดยพรรค อันดับสองและพรรคที่เหลือทั้งหมดจับมือกัน ทำให้เกิดรัฐบาลผสมที่อ่อนแอและตกอยู่ในวังวนของการแย่งชิง กดดัน ต่อรองตำแหน่ง และผลประโยชน์จนผู้นำรัฐบาลทนต่อแรงเสียดทานไม่ไหว ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ คนนอก หรือนายกฯ ที่เป็น ส.ส. ยิ่งถ้าเป็นนายกฯ คนนอกยิ่งจะโดนหนักจากพรรคร่วมรัฐบาล


สังคมดี๊ดี…เด็กนักเรียนทั้งชั้นที่บอสเนียพร้อมใจเรียน”ภาษามือ”เพื่อสื่อสารกับเพื่อนหูหนวก

เว็บข่าวเมโทรของอังกฤษ รายงานเรื่องราวน่ารัก น่าชื่นชมของคุณครูและเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในกรุงซาราเยโว ประเทศบอสเนีย ที่คุณครูและเด็กนักเรียนทั้งชั้นพร้อมใจเรียน”ภาษามือ”เพื่อจะได้สามารถสื่อสารกับ เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งที่หูหนวก

ในข่าวระบุว่า นางมีร์ซาน่า โคลาริช ได้ตัดสินใจนำเด็กชายเซอิด โคราลิช ลูกชายวัย 6 ขวบซึ่งเป็น”เด็กหูหนวก”ไปเข้าเรียนร่วมกับเด็กปกติที่โรงเรียนประถมศึกษาออสมาน นาคาส เมื่อปีที่แล้ว แต่ต่อมาก็พบว่า เซอิดไม่มีความสุข เนื่องจากไม่มีใครที่โรงเรียนรู้ภาษามือ ทำให้เป็นปัญหาในการที่เซอิดจะสื่อสารกับใครๆ ที่โรงเรียน

อย่างไรก็ตาม ยังโชคดีที่ ซาเนล่า ลูมาโนวิช คุณครูประจำชั้นพอมีความรู้เกี่ยวกับภาษามือ และพยายามสื่อสารกับเซอิดผ่านภาษามือ แต่คุณครูซาเนล่า ก็คิดว่า ลำพังเธอทำคนเดียวคงยังไม่พอ เธอจึงตัดสินใจสอนภาษามือแก่เด็กนักเรียนทั้งชั้นของเซอิด ผลที่ตามมาก็คือนับแต่นั้นมา เซอิดก็มีความสุขและมีความมั่นใจขึ้นมาก

ทั้งนี้ มีร์ซาน่า เล่าว่า”ทุกวันนี้ เซอิดกระตือรือร้นอยากไปโรงเรียน และดูมีความสุข”

ส่วนเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเซอิด ก็สนุกกับการเรียนภาษามือ ถึงขนาดเริ่มไปสอนภาษามือแก่พ่อแม่ของพวกเขาที่บ้าน

ทาริค ซียาริช เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเซอิด บอกว่า”ผมชอบเรียนภาษามือกับเซอิด ผมจะได้สามารถสื่อสารกับเขา และคนหูหนวกอื่นๆ”

ขณะที่ครูซาเนล่า หวังต่อว่าจะสามารถผลักดันภาษามือ เป็นหนึ่งในวิชาเรียน เพราะคิดว่าน่าจะช่วยให้เด็กนักเรียนได้ตระหนักถึงคนพิการกัน

ทั้งนี้ครูซาเนล่า ยังว่า”พวกเราทุกคนต่างมีความสุขที่พวกเราได้เรียนรู้ภาษาใหม่ เป้าหมายต่อไปของเราก็คือ สอนให้เซอิดหัดอ่านปาก เขาเป็นเด็กที่น่ารักและฉลาดคนหนึ่ง”


ม็อบฮือ! เล็งรวมตัวต้าน “บียอนเซ่” ชี้แพร่ “เฮทสปีช” ในฮาล์ฟไทม์โชว์ ซุปเปอร์โบว์ล

เว็บไซต์เดอะการ์เดียน รายงานเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาระบุว่า กลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแสดงออกสนับสนุนคนผิวสีของบียอนเซ่ ในการแสดงระหว่างพักครึ่งในการแข่งขันซุปเปอร์โบว์ล เมื่อวันที่ 7กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เตรียมรวมตัวกันเดินขบวนประท้วงต่อต้านบียอนเซ่ ที่สำนักงานใหญ่ของอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยกำหนดไว้ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์นี้

กำหนดการเดินขบวนประท้วงดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ อีเวนท์บริท เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆทั่วโลก พร้อมข้อความระบุว่า “คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่ามันเป็นการตบหน้าผู้บังคับใช้กฎหมาย? คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า กลุ่มแบล็คแพนเธอร์ส์ เป็นกลุ่มแห่งความเกลียดชังที่ไม่ควรได้รับการยกย่อง?” ข้อความในอีเวนท์บริท ระบุและว่า “ก้าวออกมาและยืนเคียงข้างกัน ร่วมกันสื่อถึงเอ็นเอฟแอลว่าเราไม่ต้องการเฮทสปีช (การใช้วาจาสร้างความเกลียดชัง) และการเหยียดผิวในซุปเปอร์โบว์ลอีกต่อไป”

ทั้งนี้บียอนเซ่ และ บรูโน มาร์ส เป็นแขกรับเชิญของ วงโคลด์เพลย์ ในการแสดงระหว่างพักครึ่งการแข่งขันซุปเปอร์โบว์ล การแข่งขันนัดชิงชนะเลิศศึกอเมริกาฟุตบอล ที่นับเป็นการถ่ายทอดสดที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก

โดยการแสดงของบียอนเซ่ ถูกมองว่าเป็นการแสดงออกสนับสนุนกลุ่มคนผิวสี ผ่านเนื้อร้องของเพลง “ฟอร์เมชั่น” ซิงเกิลใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป 1 วันก่อนหน้า รวมไปถึงท่าเต้นที่ใช้ถูกมองว่าเป็นการยกย่องกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อคนผิวสีอย่างแบล็คแพนเธอร์ส รวมถึงกลุ่มแบล็คไลฟ์แมทเทอร์ กลุ่มเคลื่อนไหวที่ออกมาเดินขบวนหลังเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจสังหารคนผิวสีหลายรายในช่วงที่ผ่านมา โดยการแสดงสัญลักษณ์ดังกล่าวของบียอนเซ่ได้รับทั้งเสียงชื่นชมรวมทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม

แฟนๆ เฮ! ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’ เล่ม 8 เตรียมออกวางจำหน่ายเดือนกรกฎาคมนี้

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ว่า 9 ปีหลังจากนวนิยายเล่ม 7 ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายในซีรีส์ขายดีแฮร์รี่ พอตเตอร์ตีพิมพ์ออกมา หนังสือที่ถูกระบุว่าเป็น “เล่มที่ 8 ของซีรีส์ แฮร์รี่ พอตเตอร์” จะได้รับการตีพิมพ์ทั่วโลกในเดือนกรกฎาคมนี้

“แฮร์รี่ พอตเตอร์ แอนด์ เดอะ เคิร์สด์ ไชลด์ พาร์ทส์ 1 & 2” ซึ่งเป็นบทของละครเวทีที่มีกำหนดแสดงในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และขายบัตรหมดไปแล้วเรียบร้อย จะตีพิมพ์เป็นหนังสือวางจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือและอังกฤษ และจะวางจำหน่ายทั่วโลกในรูปแบบของ”อีบุ๊ก”หรือหนังสือดิจิตอล โดยหนังสือจะมีรูปแบบการประพันธ์เป็นแบบบทละครมากว่าเป็นการบรรยายเล่าเรื่องแบบวรรณกรรม

บทละครดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น 19 ปีหลังจาก “แฮร์รี่ พอตเตอร์ แอนด์ เดอะเดธลี ฮอลโลว์ส” (แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต) ซึ่งเป็นเล่มสุดท้ายของนวนิยายชุดนี้ มีแฮร์รี่ พอตเตอร์ ผู้เติบโตมาเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเวทมนตร์ที่ทำงานอย่างหนักเป็นตัวละครเอกเช่นเดิม โดยในภาคนี้เขาต้องต่อสู้กับ “อดีตที่คอยตามหลอกหลอนอยู่ภายในจิตใจ”

หนังสือเล่มนี้จะวางจำหน่ายในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นวันเกิดของแฮร์รี่ และเป็นวันหลังจากที่ละครเวทีเรื่องนี้เปิดการแสดงรอบปฐมทัศน์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ