ข่าว
สัมพันธ์แน่นแฟ้น! 'คิม จองอึน'ได้รับรถยนต์เป็นของขวัญจาก'ปูติน'

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดชองเกาหลีเหนือได้รับรถยนต์เป็นของขวัญจากประธานาธิบดีวาลดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย สำหรับไว้ใช้งานส่วนตัว ซึ่งอาจจะเป็นการกระทำที่ละเมิดมาตรการลงโทษของสหประชาชาติต่อเกาหลีเหนือ

สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือ เคซีเอ็นเอ ของทางการเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ว่า รถยนต์ที่ผลิตในรัสเซียถูกส่งมอบจากฝ่ายรัสเซียให้กับเจ้าหน้าที่ใกล้ชิดของนายคิมเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และคิม โย จอง น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ฝากคำขอบคุณจากนายคิมไปยังผู้นำรัสเซีย โดยระบุว่า ของขวัญชิ้นนี้เป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสัมพันธ์พิเศษระหว่างบุคคลของผู้นำเกาหลีเหนือและรัสเซีย

เคซีเอ็นเอ ไม่ได้รายงานอธิบายเกี่ยวกับรถยนต์และไม่ได้ระบุว่า รถยนต์ส่งมาจากรัสเซียตั้งแต่เมื่อใด นายคิมเป็นผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์และมีรถยนต์หรูยี่ห้อต่างประเทศเก็บสะสมไว้หลายคัน ซึ่งเชื่อว่า ลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยในคอลเล็คชั่นที่เขาสะสมไว้นั้น คาดว่าจะมีรถยนต์เมอร์เซเดส หลายคัน โรลส์ รอยซ์ แฟนทอม เลกซัส ซึ่งเป็นรถยนต์หรูที่ห้ามส่งออกไปยังเกาหลีเหนือตามมาตรการคว่ำบาตรของคณะมนตรึความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

เกาหลีเหนือและรัสเซียสานสัมพันธ์ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่นายคิมพบกับนายปูตินเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และสัญญาว่าจะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในทุกมิติในขณะที่ทั้งสองประเทศกำลังถูกนานาประเทศปล่อยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวจากกรณีที่รัสเซียใช้กำลังรุกรานยูเครนและเกาหลีเหนือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์

'ไอ้ทอย'ผัวทมิฬ ร่ำไห้สำนึกผิด ขอก้มหน้าชดใช้กรรม ตร.แจ้ง 3 ข้อหาหนัก

21 ก.พ.67 ความคืบหน้ากรณี น.ส.ชลลดา หรือนุ่น อายุ 27 ปี หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา หลังลงจากรถของสามี ต่อมานายศิริชัย อายุ 33 ปี สามีของน.ส.ชลลดา เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จนเมื่อวันที่ 20 ก.พ.67 พบศพผู้เสียชีวิตถูกเผาที่ จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายศิริชัย มาสอบปากคำอีกครั้ง จนรับสารภาพว่าก่อเหตุฆ่า น.ส.ชลลดา จริง (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : หิ้ว'ไอ้ทอย'ผัวทมิฬ ทำแผนยัดร่าง'น้องนุ่น'ใส่กระเป๋า ราดน้ำมันจุดไฟเผากลางป่ายางปราจีน )

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ได้คุมนายศิริชัย ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทั้งหมด 4 จุด โดยนายศิริชัย ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพตลอดทุกจุด จุดที่ 1 คือ บ้านที่ก่อเหตุ ทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต จุดที่ 2 คือ ปั๊มน้ำมัน ที่ไปซื้อน้ำมัน 1,400 บาท เพื่อนำไปใช้เผาอำพรางร่างของน้องนุ่น จุดที่ 3 คือ บริเวณถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และจุดที่ 4 สวนยาง พื้นที่ ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

ทั้งนี้ นายศิริชัย กล่าวว่า ขอโทษครอบครัวและน้องนุ่น ตนผิดไปแล้ว สาเหตุที่ทำไปเพราะขาดสติ และความเครียดสะสม ความน้อยใจสะสมไม่ว่าตัวเองจะทำดีแค่ไหน นุ่นก็ไม่เคยเห็น ยอมรับว่าเป็นห่วงลูกมาก สำนึกผิดทุกอย่าง ยอมชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไป ไม่ว่าจะสิบปีหรือยี่สิบปีก็ตาม ก็จะขอชดใช้ให้น้องนุ่น นุ่นส่วนเรื่องที่ตนเอาศพน้องนุ่นไปเผาเพื่ออำพรางใน จ.ปราจีนบุรีนั้น เป็นทางผ่านที่ตนใช้ขับรถไปส่งน้องนุ่นทำงานที่ปอยเปต เป็นประจำอยู่แล้ว จึงรู้จักสถานที่ว่าเปลี่ยว ไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่านไปมา

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะขว้างอิฐใส่หัว แต่ตอนนั้นนุ่นเหวี่ยงอิฐมา เลยตั้งใจจะขว้างใส่แขนเท่านั้น แต่ดันไปโดนท้ายทอยเขา ตอนนั้นโมโหมาก เพราะอีกฝ่ายพูดเรื่องแฟนเก่าตลอด และต่างตนต่างเมา " นายศิริชัย ร่ำไห้

จากนั้นชุดสืบสวน ได้คุมตัวนายศิริชัย กลับมาที่สภ.ปากเกร็ด พร้อมกับนำตัวนายศิริชัย ผู้ต้องหาไปพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหาคือ 1.ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ซึ่งมีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต 2.ปิดบังอำพรางซ่อนเร้นศพ และ 3.แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ก่อนคุมตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรีต่อไป


คุมตัว'ไอ้ทิพย์'ทรชนหื่นทำแผนพยายามข่มขืนสาวจีน ขอโทษทำให้เสียภาพลักษณ์

ความคืบหน้า คดีพยายามข่มขืน จุดไฟเผา และ ชิงทรัพย์ นักท่องเที่ยวชาวจีน โดยทางด้าน เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาไม้แก้ว ได้เดินมาบมาดู รถจยย.ยี่ห้อยาทาฮ่าฟิน สีเทาดำ ทะเบียน 2 กว-8496 ชลบุรีที่ได้แจ้งหายบริเวณโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งตั้งอยู่บนถนนหลวงสาย 331 เมี่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 04:30 น.

ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น.( 21 ก.พ.67 ) พ.ต.อ.ทวี กุดแถลง ผกก.สภ.หนองปรือ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ รวมถึงหน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธรภาค 2 ( บูรพา491)คุมตัวนายทิพย์ ภาศิริ ผู้ต้องหา ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณจุดเกิดเหตุภายในป่ากระถิน ริมถนนทางหลวงชนบท สาย 2081 (สนามโปโล - บ้านบึงห้วยใหญ่ )

โดยนายทิพย์ มีการชี้จุดและลำดับเหตุการณ์เหตุการณ์ ขณะพาผู้เสียหาย นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ เข้ามาภายในป่าไร่มัน จากนั้นผู้เสียหายก็กระโดดลงจากรถและพยายามวิ่งหนี ผู้ต้องหาจึงใช้เชือกที่เตรียมมา ทำการมัดมือมัดเท้า จากนั้นพยายามก่อเหตุข่มขืน แต่ทำไม่สำเร็จ ก่อนจะเปลี่ยนมาทำการชิงทรัพย์ โดยได้เงินสดไปตามจำนวนดังกล่าว หลังจากนั้น ก็นำกระเป๋าหลังรวมถึงเสื้อของผู้เสียหายไปเผา เพื่อทำลายหลักฐาน เกี่ยวกับลายนิ้วมือ ก่อนจะหลบหนียังทำการตัดเชือกให้กับผู้เสียหาย ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป

ในระหว่างการคุมตัวผู้สื่อข่าวและมีโอกาสพูดคุยกับนายทิพย์ ภาศิริ ได้พูดขอโทษที่ทำให้ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยเสียหาย ซึ่งพอหลังเห็นข่าวก็รู้สึกตกใจ และน้อมรับความผิดที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่าการจุดไฟเผาไม่ได้เป็นการจะประสงค์ฆ่าปิดปาก เพียงต้องการเผาทำลายหลักฐาน เพื่อไม่ให้ตำรวจติดตามตัวได้ ส่วนเงินที่ได้มายอมรับว่าติดการพนันออนไลน์

ในส่วนของการดำเนินคดีตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งหมด 5 ข้อ 1.ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำความผิด และ พาทรัพย์นั้นไป 2.พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, 3.กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถชัดขืนได้ เป็นการกระทำโดยใช้วัตถุหรืออวัยวะอื่นซึ่งมีใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศหรือทวารหนักของบุคคลนั้น, 4.วางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น และ 5.หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย โดยแต่ละข้อหา มีโทษสูงสุด คือจำคุก 10-20 ปี


รวบกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุน

ตามนโยบายของ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งการระดมกวาดล้างอาชญากรรมที่ส่งผลกรพลักษณ์การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฯ ตำรวจภูธรภาค 2 จึงให้ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี มุ่งเน้น สืบสวนปราบปรามการกระทำความผิดที่กระทำต่อนักท่องเที่ยว หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นเฉพาะเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วยพ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมือง พัทยา ดำเนินการสืบสวนจับกุม ชายชาวจีนจำนวน 2 ราย พร้อมอาวุธปืนที่ห้องพักเบอร์ 5 บ้านคุณย่าโฮมสเตย์ ม.4 ซอยนาจอมเทียน 22 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ประกอบด้วย นายใช้ ฉิงฉิ่ง (Me.Cai Qingqjng)) อายุ 28 ปี สัญชาติจีน และ นายเฉิน เหล่ย (Mr.Lei Chen) อายุ 28 ปี สัญชาติจีน พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการ อาทิ ปืนพกสั้น ขนาด 9 ม.ม. แมกกาซีน 2 อัน พร้อมเครื่องกระสุน สายรัดข้อมือ และกระเป๋าสะพาย โดยกล่าวหาว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนทราบว่ามีกลุ่มบุคคลสัญชาติจีนมีพฤติกรรมต้องสงสัยเดินทางเข้าพักที่โฮมสเตย์ในพื้นที่ซอยนาจอมเทียน จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบ พบชายชาวจีนสองคน พร้อมของกลางดังกล่าว โดยเบื้องต้นได้ตรวจหนังสือเดินทางพบว่ามีการเข้ามาในประเทศโดยไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง

สำหรับคดีดังกล่าวถือว่าผู้ก่อเหตุได้กระทำการอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองและเป็นการทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของเมืองพัทยา จึงส่งตัวดำเนินคดีตามข้อหาเบื้องต้นต่อไป


หนาวจัด! 'จีน'เตือนภัยสภาพอากาศรุนแรงสูงสุด การจราจรเป็นอัมพาต

21 ก.พ.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลายมณฑลของจีนต้องเผชิญกับอากาศหนาวจัด ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการจราจร ทางหลวงหลายสายในมณฑลเหอเป่ย์ ต้องปิดการสัญจรเนื่องจากหิมะตกหนัก หลายมณฑลของจีนต้องเผชิญกับอากาศหนาวจัด ทั้งหิมะตกหนักและฝนที่ตกลงมาเป็นน้ำแข็ง ไม่ว่าจะเป็นที่มณฑลเหอเป่ย์ เหอหนาน และฉ่านซี ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการจราจร ทางหลวงหลายสายในมณฑลเหอเป่ย์ ต้องปิดการสัญจรเนื่องจากหิมะตกหนัก ส่วนที่มณฑลฉ่านซี รถโดยสารประจำทางต้องระงับให้บริการชั่วคราว ที่เมืองเจิ้งโจว เมืองเอกของมณฑลเหอหนาน รถไฟกว่า 100 ขบวน ต้องล่าช้า ทำให้ผู้โดยสารตกค้างหลายพันคน สภาพอากาศหนาวจัดในหลายพื้นที่ของจีนเวลานี้เป็นช่วงที่ชาวจีนจำนวนมากกำลังเดินทางกลับไปทำงาน หลังจากการหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงที่มีคนเดินทางมากที่สุด

ยอดดับจนท.เลือกตั้งอินโดฯ จากการทำงานหนักพุ่งเป็น 84 ศพ

21 ก.พ.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บูดี กูนาดี ซาดิกิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย เปิดเผยว่ายอดเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลหน่วยเลือกตั้งท้องถิ่นที่เสียชีวิตเพราะความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักเกินไปเพิ่มขึ้นเป็น 84 รายแล้ว

ซาดิกินกล่าวว่ามีรายงานตัวเลขดังกล่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้งทั่วไปของอินโดนีเซีย และสำนักงานกำกับดูแลการเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 14-18 ก.พ.

อนึ่ง อินโดนีเซียจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและผู้แทนสภานิติบัญญัติวันเดียวกันเมื่อวันพุธ (14 ก.พ.) ที่ผ่านมา

ซาดิกินเสริมว่าสัดส่วนการเสียชีวิตของผู้ปฏิบัติงานเลือกตั้งปี 2024 ต่ำกว่ารอบการเลือกตั้งเมื่อปี 2019 ร้อยละ 74 โดยการเลือกตั้งในปี 2019 มีเจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งหลายร้อยรายเสียชีวิต

ซาดิกินชี้ว่าเจ้าหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งราว 6.8 ล้านคนของการเลือกตั้งปี 2024 ผ่านการตรวจคัดกรองทางการแพทย์มาแล้ว และผู้ปฏิบัติงานเลือกตั้ง 6.4 ล้านคนได้รับการรับรองว่ามีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ส่วนอีก 400,000 คนถูกจัดว่ามีความเสี่ยงสูง

“ความเสี่ยงสูงสุดคือโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งเจ้าหน้าที่หลายคนป่วยเป็นโรคนี้ รองลงมาคือโรคหัวใจ” ซาดิกินกล่าว พร้อมชี้ว่าการคัดกรองสุขภาพได้ช่วยลดสัดส่วนการเสียชีวิตของผู้ดูแลหน่วยเลือกตั้งในปี 2024