ข่าว
ปธน.ฝรั่งเศส วอนประเทศร่ำรวย แบ่งปันวัคซีนให้ประเทศกำลังพัฒนา

19 ก.พ. 64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศสเรียกร้องให้ยุโรปและสหรัฐฯ จัดสรรวัคซีนโควิด-19 จำนวนประมาณร้อยละ 5 ให้กับประเทศยากจนอย่างเร่งด่วน เพราะความล้มเหลวในการแบ่งปันวัคซีน จะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน

ในขณะนี้การฉีดวัคซีนส่วนใหญ่ยังอยู่ภายในกลุ่มประเทศร่ำรวยเท่านั้น คำกล่าวของประธานาธิบดีีมาครง ยังมีขึ้นก่อนการประชุมทางไกลของผู้นำประเทศกลุ่มจี7 ซึ่งในการประชุม ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศว่าจะจัดสรรงบประมาณ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโครงการโคแวกซ์ ส่วนนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แห่งสหราชอาณาจักร ในฐานะประธานหมุนเวียนของการประชุมเสนอให้ส่งมอบวัคซีนส่วนเกินให้โคแวกซ์

ประธานาธิบดีมาครง กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอของเขาไม่ได้หมายถึงวัคซีนปริมาณหลายพันล้านโดส หรือเงินจำนวนหลายพันยูโร แต่การแบ่งปันวัคซีนเพียงร้อยละ 4 ถึง 5 จะช่วยให้การกระจายวัคซีนไปทั่วโลกทำได้รวดเร็วมากขึ้น มิเช่นนั้นจีน และรัสเซีย จะเข้ามามีอิทธิพลทางสาธารณสุขในประเทศยากจน

เมื่อวันพุธ (16 ก.พ.) นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวว่า การแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ขณะนี้เป็นไปอย่างไม่สม่ำเสมอและไม่เป็นธรรม โดยมีเพียง 10 ประเทศที่มีการฉีดวัคซีนไปแล้วร้อยละ 75 ของการฉีดวัคซีนทั้งหมดทั่วโลกในขณะที่ 130 ประเทศยังไม่มีการฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว นอกจากนี้ประเทศร่ำรวยยังมีการกักตุนวัคซีน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพกล่าวว่าหากยังไม่มีการแบ่งปันวัคซีนอย่าง

เท่าเทียมกัน อาจต้องใช้เวลาหลายปีในการควบคุมโรคระบาดในระดับโลก

กองทัพเมียนมาถูกกดดัน หลังผู้ประท้วงหญิงที่ถูกยิงศีรษะเสียชีวิต

ผู้ประท้วงหญิงเมียนมาที่ถูกกระสุนจริงยิงเจาะศีรษะตั้งแต่ 10 วันก่อนเสียชีวิตแล้ว ยิ่งจุดกระแสความไม่พอใจในกลุ่มผู้ชุมนุม จนบรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกรอบ

การเสียชีวิตของหญิงสาวชาวเมียนมาที่ถูกยิงกระสุนเจาะหมวกกันน็อก นับเป็นผู้เสียชีวิตจากการชุมนุมเป็นรายแรก นับตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุมประท้วงรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยการเสียชีวิตของเธอยิ่งจุดกระแสความไม่พอใจให้แก่ผู้ชุมนุม ที่มองว่าตำรวจและทหารใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม ขณะที่ตำรวจยังคงยืนยันว่าใช้แต่กระสุนยางในการสลายการชุมนุม และอ้างว่ามีตำรวจ 1 นาย เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บจากการประท้วงด้วย

ขณะที่การประท้วงรายวัน กลุ่มผู้ชุมนุม ยังคงเดินหน้าใช้อารยะขัดขืน เพื่อทำให้การดำเนินงานของธุรกิจที่เป็นของภาครัฐต้องชะงักงัน ขณะที่นานาชาติต่างกดดันมายังกองทัพเพื่อคืนประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายงานว่าตำรวจในย่างกุ้ง ได้ปิดกั้นพื้นที่ที่ผู้ประท้วงใช้รวมตัวกันใกล้กับเจดีย์ซูเล โดยมีการวางแนวกั้น เพื่อปิดเส้นทางที่จะมุ่งหน้าเข้ามารวมตัวกัน ทำให้ผู้ชุมนุมมารวมตัวกันด้านหน้าแนวกั้นแทน และยังมีรายงานการชุมนุมใกล้กับมหาวิทยาลัยด้วย

ขณะที่เมืองมิตจีนาทางตอนเหนือ มีรายงานว่าทั้งตำรวจและทหาร ได้พยายามใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม โดยใช้กระบองไล่ทุบผู้ชุมนุม หลังจากที่มีกลุ่มวัยรุ่นชูสามนิ้ว และโบกธงขี่มอเตอร์ไซค์มาเผชิญหน้ากับตำรวจ นอกจากนี้ยังมีรายงานการปะทะกันในรัฐคะฉิ่น ระหว่างตำรวจและผู้ชุมนุม โดยมีรายงานการใช้กระสุนยาง และการยิงหนังสติ๊ก เข้าสลายผู้ประท้วงอยู่เป็นระยะตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ด้านความเคลื่อนไหวจากนานาชาติ ประเทศอังกฤษและแคนาดา มีการออกมาตรการคว่ำบาตรเมียนมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขณะที่ญี่ปุ่นระบุว่า ญี่ปุ่นเห็นชอบกับอินเดีย สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ที่เรียกร้องให้มีการฟื้นคืนระบอบประชาธิปไตยในเมียนมาให้ได้โดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้รัฐบาลทหารเมียนมายังไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา เกี่ยวกับมาตรการ คว่ำบาตรดังกล่าว โดยมีเพียงโฆษกของกองทัพเมียนมาที่แถลงตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า การคว่ำบาตรจากนานาชาติไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย

ที่มา : รอยเตอร์


การเดินทางสุดทึ่งของ “เพอร์เซเวียแรนซ์” กับ 7 นาทีระทึกแตะพื้นดาวอังคาร

การสำรวจดาวอังคารใหญ่ของนาซา ของยานสำรวจ “เพอร์เซเวียแรนซ์” ที่รอนแรม 7 เดือนในอวกาศ และ 7 นาทีสุดระทึกในการฝ่าชั้นบรรยากาศไปให้ถึงพื้น เพื่อสำรวจหาหลักฐานสิ่งมีชีวิตและเก็บตัวอย่างรอกลับโลก

ถ้าให้พูดถึงการสำรวจดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ เป้าหมายหลักของมวลมนุษยชาติคงหนีไม่พ้นการสำรวจดาวอังคาร ดาวเคราะห์สีแดงเพื่อนบ้านที่ใกล้โลกมากที่สุด หนึ่งในดาวที่คาดว่าจะมีสิ่งมีชีวิตโบราณให้เราได้ศึกษาค้นคว้า เพื่อหาถึงจุดกำเนิดของสิ่งมีชีวิต ดังนั้น ในการสำรวจของปี 2020 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือ นาซา (NASA) ได้ส่งยานสำรวจที่ถือเป็นเทคโนโลยีหุ่นยนต์สำรวจตัวล่าสุดไปสำรวจบนพื้นผิวดาวอังคาร นั่นคือ ยานสำรวจ มาร์ส เพอร์เซเวียแรนซ์ โรเวอร์ (Perseverance Mars Rover) ที่เดินทางออกจากโลกนี้ไปเมื่อราว 7 เดือนก่อน มุ่งหน้าสู่ดาวเคราะห์สีแดง ในการเดินทางที่สุดทึ่งเพื่อนำยานไปลงจอดถึงพื้นผิวกลางดาวอังคาร

ยานหุ่นยนต์สำรวจ เพอร์เซเวียแรนซ์ โรเวอร์ ถูกมอบหมายให้ทำภารกิจ ค้นหาหลักฐานของสิ่งมีชีวิตยุคโบราณบนดาวอังคารพวกแบคทีเรียขนาดเล็ก โดยการนี้ ยานสำรวจจะเก็บตัวอย่างดินและหินบนดาวอังคารด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยมากมายที่ติดไปกับยาน โดยเฉพาะหัวเจาะที่สามารถเจาะลงไปในพื้นผิวดาวอังคาร แล้วเก็บตัวอย่างดินและหินใส่กระบอกเหล็ก เพื่อรอการเก็บกลับมายังโลก โดยยานที่จะเดินทางมาในอนาคต รวมทั้งการทดลองทางเทคโนโลยีอีกมากมาย ที่จะช่วยสร้างแนวทางการสำรวจครั้งต่อไป รวมถึงการทดลองใหม่ อย่างการทดสอบผลิตออกซิเจนในสภาพบรรยากาศของดาวอังคาร

นอกจากส่งตัวโรเวอร์เดินทางไปสำรวจพื้นผิวแล้ว เพอร์เซเวียแรนซ์ ยังได้มีการติดตั้งเพื่อนร่วมเดินทาง เป็นอากาศยานสำรวจแบบ มาร์ส เฮลิคอปเตอร์ ที่จะเป็นการทดสอบการบินอากาศยานบนดาวเคราะห์สีแดงแห่ง สำหรับ เพอร์เซเวียแรนซ์ มีระยะเวลาปฏิบัติงานบนดาวอังคาร ประมาณ 1 ปีบนดาวอังคาร หรือ ราวๆ 687 วัน ทั้งนี้ ยานเพอร์เซเวียแรนซ์ มีตัวสร้างพลังงานเป็นเตาปฏิกรณ์รังสีติดไปเพื่อสร้างพลังงานให้กับยานโรเวอร์ทั้งระบบขับเคลื่อน และอุปกรณ์ทดลอง และเซนเซอร์ตรวจจับต่างๆ

การเดินทางสู่ดาวอังคาร นาซาได้ใช้เทคโนโลยีที่คิดขึ้นมาแล้วประสบความสำเร็จจากการนำยานสำรวจคิวริออซิตี้ โรเวอร์ (Curiosity Rover) ทั้งการฝ่าเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและการลงจอด แต่ในครั้งนี้ มีการพัฒนาระบบที่เรียกว่า ระบบนำทางฝ่าเข้าชั้นบรรยากาศ ขั้นตอนการลดความเร็วและความสูง และระบบลงจอด โดยจะมีการใช้ร่มชูชีพขนาดใหญ่ เพื่อลดความเร็วตัวลงจอด และการนำเอานวัตกรรม สกายเครน มาใช้นำส่งยานเพอร์เซเวียแรนซ์ ลงสู่พื้นดินอย่างนิ่มนวลในขั้นตอนสุดท้าย

วิธีการดังกล่าวเหมาะที่สุดสำหรับการนำส่งวัตถุที่มีน้ำหนักมาก อย่างตัวโรเวอร์ไปยังพื้นที่ที่เหมาะ สมมากที่สุด ในพื้นที่ลงจอดที่แม่นยำกว่าที่เป็นไปได้ Mars Perseverance 2020 ก้าวไปอีกขั้นจากยานสำรวจคิวริออซิตี้ โรเวอร์ (Curiosity Rover) ที่ส่งไปดาวอังคารก่อนหน้านี้ โดยได้เพิ่มเทคโนโลยีการเข้าออกและลงจอด (EDL) ใหม่ เช่น Terrain-Relative Navigation (TRN) ระบบนำทางที่ซับซ้อนนี้ช่วยให้รถโรเวอร์ตรวจจับ และหลีกเลี่ยงภูมิประเทศที่เป็นอันตรายได้โดยการเบี่ยงเบนไปรอบๆ ในระหว่างที่มันเคลื่อนตัวผ่านชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร ไมโครโฟนช่วยให้วิศวกรวิเคราะห์การเข้า-ออก และลงจอดได้ นอกจากนี้ ยังอาจจับเสียงของรถ โรเวอร์ในที่ทำงาน ซึ่งจะช่วยให้วิศวกรทราบเบาะแสเกี่ยวกับสุขภาพและการปฏิบัติงานของรถโรเวอร์อีกด้วย

เพอร์เซเวียแรนซ์ ไปลงตรงไหน และลงแตะพื้นผิวดาวอังคารยังไง

นาซาได้เลือกจุดที่ใช้ในการลงจอดยานสำรวจเพอร์เซเวียแรนซ์ โรเวอร์ คือ พื้นที่เรียกว่า ปล่องภูเขาไฟเจเซโร่ (Jezero Crater) ที่จะใช้เป็นจุดในการลงจอด กว้าง 28 ไมล์ (45 กิโลเมตร) ตั้งอยู่บนขอบด้านตะวันตกของ Isidis Planitia ซึ่งเป็นแอ่งกระแทกขนาดยักษ์ทางเหนือ ของเส้นศูนย์สูตรดาวอังคาร นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเมื่อ 3.5 พันล้านปีก่อน ปล่องภูเขาไฟจุดนี้มีสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเป็นของตัวเองและเต็มไปด้วยน้ำ

หลังจากรอนแรมในอวกาศมาเป็นเวลากว่า 7 เดือน ส่วนที่เรียกว่า ครูสเตจจะแยกตัวออกจากส่วนลงจอดที่เป็นแคปซูลบรรจุยานสำรวจไว้ภายใน เพื่อเตรียมเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ จุดนี้ตัวส่วนการลงจอดจะยิงเครื่องยนต์จรวดปรับทิศทางให้เหมาะสม ก่อนที่จะดีดตัวบาลานซ์เซอร์ออกไปเมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ส่วนล่างสุดที่เป็นโล่ความร้อน จะป้องกันยานสำรวจจากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศดาวอังคาร อันเป็นกระบวนการลงจอด ตรงนี้จะเป็นช่วงที่เรียกว่า 7 นาทีแห่งความหวาดกลัว (Seven Minutes of Terror)

หลังจากฝ่าชั้นบรรยากาศมาได้ 5 นาที ตัวโล่กันความร้อนจะช่วยป้องกันความร้อนจากการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศ และลดความเร็วของยานสำรวจให้เหลือไม่ถึง 1,000 กม.ต่อชม. ที่จะเป็นจุดที่เหมาะสมต่อการเปิดร่มชูชีพในย่านความเร็วเหนือเสียง จะเปิดออกเพื่อชะลอความเร็วในการร่วงหล่นใช้เวลาในช่วงนี้ 240 วินาที หลังจากเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ โดย 210 วินาทีนับจากร่มชูชีพถูกเปิด ตัวโล่ความร้อนจะถูกสลัดออก ยานจะสัมผัสกับชั้นบรรยากาศของดาวอังคารเป็นครั้งแรก ตัวกล้องและระบบเครื่องวัดจะเริ่มทำงาน เรดาร์นำร่องลงจอดจะทำงานหาจุดที่เหมาะสมที่สุด

กล้องพิเศษที่ติดมากับยานจะจับรูปแบบภูมิประเทศ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลกับแผนที่ลงจอดหาจุดที่ปลอดภัยที่สุด หลังจากที่ร่มชูชีพลดความเร็วการร่วงหล่นมาเหลือ 320 กม./ชม. เพื่อการลงที่ปลอดภัยยานเพอร์เซเวียแรนซ์ จะปลดตัวเองออกจากฝาครอบ ทำให้ยานร่วงอย่างเป็นอิสระ จากนั้นเครื่องยนต์เจ็ตของส่วนฝาครอบด้านหลัง ที่เป็นเหมือนเจ็ตแพ็คจะจุดเครื่องยนต์จรวดขึ้นทั้ง 8 เครื่องยนต์ ที่ความสูงราว 6,900 ฟิต หรือ 2,100 เมตร ยานจะพาตัวเองไปยังจุดปลอดภัยตามที่คอมพิวเตอร์คำนวณมา โดยระบบนำทางตามภูมิประเทศ (Terrain-Relative Navigation system )

เมื่อส่วนลงจอดลดระดับมาจนถึงช่วงสุดท้ายที่ระยะความสูง 1.7 ไมล์ ตัวเครนลอยฟ้าจะค่อยๆ ชักหย่อนยานเพอร์เซเวียแรนซ์ ลงไปในช่วง 12 วินาทีก่อนถึงพื้น สายเคเบิลความยาว 21 ฟิตจะห้อยลงมาและเพอร์เซเวียแรนซ์จะอยู่ในท่าพร้อมลงจอด ทันทีที่ล้อแตะพื้น สกายเครนจะตัดสายเคเบิลที่ยึดโยงออก แล้วเครนจะพุ่งห่างออกไปจากยานไป เป็นอันสิ้นสุดกระบวนการลงจอด รวมทั้ง 7 นาทีแห่งความหวาดกลัว ที่คนทั่วโลกที่ได้รับชมการถ่ายทอดสดของนาซาจะได้ลุ้นกันไปพร้อมกัน

ยานเพอร์เซเวียแรนซ์ ลงจอดอย่างปลอดภัย

หลังจากการเดินทางมายาวนานถึง 203 วันกับระยะทาง 472 ล้านกิโลเมตรจากโลก การนำยานโรเวอร์สำรวจ 6 ล้อที่มีขนาดพอๆ กับรถยนต์มินิ 1 คันที่หนักราว 1,026 กิโลกรัม ค่อยไปหย่อนลงบนพื้นผิวดาวอังคาร เป็นความลุ้นระทึกของเจ้าหน้าที่ที่คอยติดตามและควบคุมโครงการ ในศูนย์วิจัยไอพ่นขับดันของนาซา NASA JPL หรือ Jet Propulsion Laboratory ที่ทางตอนใต้ของแคลิฟอร์เนีย แน่นอนว่า หุ่นยนต์นักธรณีวิทยา และดาราศาสตร์วิทยาตัวนี้ผ่านการทดสอบมาอย่างหนักตลอด 2 ปีที่พัฒนา ก่อนจะเริ่มการสำรวจ และเมื่อยานเพอร์เซเวียแรนซ์ ส่งข้อมูลและภาพมาว่าลงจอดอย่างปลอดภัย ทุกคนต่างโห่ร้องและปรบมือด้วยความยินดี นี่เป็นความโล่งอกและความสำเร็จที่น่าภูมิใจของทีมงานนาซาที่นำยานสำรวจจอดบนดาวอังคารได้สำเร็จอีกครั้ง ทำให้บนดาวอังคารมีโรเวอร์ที่ทำงานสำรวจถึง 2 คัน

นายสตีฟ เยิร์คซิค รองผู้อำนวยการนาซา รักษาการ ผอ.นาซา เผยว่า การลงจอดครั้งนี้เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญของนาซา และสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกในการสำรวจอวกาศ เมื่อเรารู้ว่าเราอยู่ในจุดเริ่มต้นของการค้นพบ และได้เป็นคนที่เหลาดินสอเพื่อจะเขียนตำราใหม่

“ภารกิจของโครงการ มาร์ส 2020 เพอร์เซเวียแรนซ์ ได้แสดงถึงจิตวิญญาณของความพากเพียรพยายามในสถานการณ์ที่มีความท้าทายมากที่สุด อันเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและความก้าวหน้าของการสำรวจ ภารกิจนี้แสดงถึงอุดมคติของมนุษย์ ที่มุ่งมั่นสู่อนาคตและจะช่วยเราในการเตรียมความพร้อมสำหรับการสำรวจดาวเคราะห์สีแดงแห่งนี้” รักษาการ ผอ.นาซา กล่าว

สิ่งที่ได้หลังจาก ยานเพอร์เซเวียแรนซ์ ถึงดาวอังคาร

นายโทมัส เซอร์บัคเชน ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านวิทยาศาสตร์ของนาซา กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่พวกเราตื่นเต้นกันมาก เพราะจะมีการเก็บตัวอย่างชุดแรกจากดาวเคราะห์ดวงอื่น บนสถานที่ที่มีการบันทึกข้อมูลไว้อย่างรอบคอบ จะเข้าใกล้โอกาสที่จะนำกลับมายังโลกไปอีกก้าวหนึ่ง นี่ถือเป็นผลจากความภาคเพียรในการพยายามนำหินจากดาวอังคารกลับมายังโลก เราไม่รู้ว่าตัวอย่างเก่าแก่จากดาวอังคารเหล่านี้จะบอกอะไรเราได้บ้าง แต่อะไรก็ตามที่บอกเราถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตโบราณที่ครั้งหนึ่งอาจจะมีอยู่นอกโลก

ขณะที่ ไมเคิล วัตกินส์ ผู้อำนวยการของ JPL กล่าวว่า การลงจอดบนดาวอังคารเป็นภารกิจที่ยากเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อ และเราภูมิใจกับการได้สานต่อความสำเร็จจากอดีตของเรา แต่ในความพยายามที่ไปสู่ความสำเร็จนี้ รถโรเวอร์สำรวจคันนี้ก็กำลังเดินในเส้นทางของมันเองที่แสนท้าทาย ในการสำรวจพื้นผิวดาวอังคาร เราไม่ได้สร้างโรเวอร์คันนี้มาเพื่อวิ่งปุเลงปุเลงบนดาวอังคาร แต่มันต้องออกไปค้นหาและรวบรวมตัวอย่างดินและหินดาวอังคาร ที่เป็นตัวอย่างทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดเพื่อส่งกลับมายังโลก เพื่อเป็นการสร้างเวทีในการใช้งานหุ่นยนต์สำรวจ และภารกิจโดยมนุษย์ต่อไป

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การเกริ่นนำของโครงการสำรวจดาวอังคารที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ทุกอย่างมาจากการวางแผน คิดค้นพัฒนา ทุ่มเทมันสมองแรงกายแรงใจ เพื่อทำให้ยานสำรวจ เพอร์เซเวียแรนซ์ โรเวอร์ 6 ล้อ คันนี้ มีประโยชน์สูงสุดในการศึกษาหาสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ยักษ์สีแดง รวมทั้งการได้ทดสอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ระบบการทำงานใหม่ๆ เพื่อเตรียมพร้อมในการส่งมนุษย์เดินทางไปยังดาวอังคาร ขณะเดียวกันข้อมูลที่ได้จากยานสำรวจ ก็จะมาช่วยไขปริศนาข้อข้องใจถึงสิ่งมีชีวิตโบราณบนดาวอังคารนั่นเอง

เรื่องโดย : จุลดิส รัตนคำแปง

ข้อมูลและภาพ : NASA และ Jet Propulsion Laboratory : JPL : NASA's Perseverance Mars Rover


ยูเอ็นจี้ UAE พิสูจน์ให้เห็น เจ้าหญิงลาติฟาแห่งดูไบ ยังมีพระชนม์ชีพ

สหประชาชาติ เรียกร้องให้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พิสูจน์ให้เห็นว่า เจ้าหญิงลาติฟา แห่งดูไบ ยังมีพระชนม์ชีพ หลังจากเพิ่งมีคลิปลับ เจ้าหญิงลาติฟากล่าวหาถูกพระบิดาขังไว้ในบ้านนับ 3 ปี

เมื่อ 19 ก.พ. 64 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้เรียกร้องให้ทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (UAE) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ยืนยันว่า เจ้าหญิงลาติฟา โมฮัมเหม็ด อัล มักตูม พระธิดาในชีคโมฮัมเหม็ด บิน รอชิด อัลมักตูม เจ้าแห่งนครดูไบ ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่

ก่อนหน้านี้ พระสหายของเจ้าหญิงลาติฟา ได้เปิดเผยคลิปวิดีโอลับ ของเจ้าหญิงลาติฟาที่ได้ทรงกล่าวหาพระบิดา ว่าได้กักขังพระองค์ในฐานะตัวประกัน ไว้ในบ้านหลังหนึ่งที่ดูไบ นับตั้งแต่เจ้าหญิงลาติฟาได้พยายามหลบหนีออกจากดูไบเมื่อ 3 ปีก่อน โดยคลิปวิดีโอลับนี้ เจ้าหญิงลาติฟายังบอกว่าพระองค์ทรงรู้สึกหวั่นกลัวถึงความปลอดภัยในชีวิตของตัวเอง

บีบีซี ระบุด้วยว่า หลังจากพระสหายของเจ้าหญิงลาติฟาได้เผยแพร่คลิปลับนี้ ได้ทำให้ทั่วโลกมีการเรียกร้องให้สหประชาชาติเข้ามาสืบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ขณะที่รมว.ต่างประเทศของสหราชอาณาจักร บอกว่า ได้ติดตามเหตุการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และรู้สึกเป็นห่วงเจ้าหญิงในเรื่องนี้

เพื่อนแฉวิดีโอลับ เจ้าหญิงลาติฟาขอความช่วยเหลือ อ้างถูกขังเดี่ยวในดูไบ

เจ้าหญิงลาติฟา พระธิดาเจ้าผู้ครองนครดูไบ ซึ่งพยายามหลบหนีออกจากประเทศเมื่อ 3 ปีก่อน อ้างในวิดีโอลับว่า ถูกขังเดี่ยวที่บ้านแห่งหนึ่ง นับตั้งแต่ถูกพาตัวกลับมาที่ดูไบ

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า เจ้าหญิงลาติฟา พระชนมายุ 35 ปี พระธิดาของชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคทูม นายกรัฐมนตรีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเจ้าผู้ครองนครดูไบ ซึ่งเคยพยายามหลบหนีออกจากประเทศเมื่อปี 2561 แต่ถูกจับได้เสียก่อน เผยแพร่คลิปวิดีโอ อ้างว่าเธอกำลังถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ภายในบ้านพักตากอากาศที่ถูกเปลี่ยนเป็นคุก และไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้

ในคลิปวิดีโอดังกล่าว ซึ่งถูกเผยแพร่รายงานสารคดีของช่องบีบีซี พาโนรามา ปรากฏภาพเจ้าหญิงลาติฟา ตรัสว่า “ฉันเป็นตัวประกัน บ้านตากอากาศนี้ถูกเปลี่ยนเป็นคุก หน้าต่างทุกบ้านถูกปิดผนึกแน่น ฉันเปิดหน้าต่างบานใดไม่ได้เลย ฉันอยู่คนเดียว ถูกขังเดี่ยว ไม่อาจเข้าถึงความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้ ไม่มีการไต่สวน ไม่มีการตั้งข้อหา ไม่มีอะไรเลย ทุกวันฉันต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ตำรวจขู่ฉันว่าจะไม่มีวันได้เห็นพระอาทิตย์อีก ที่นี่ฉันไม่ปลอดภัย”

เจ้าหญิงลาติฟาถูกพบเห็นในที่สาธารณะเป็นครั้งสุดท้ายในเดือนมีนาคม 2561 ขณะที่พระองค์นั่งเรือยอร์ชที่นอกชายฝั่งของประเทศอินเดีย ก่อนจะถูกกองกำลังความมั่นคงแดนภารตะกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์บุกเข้าจับกุมและพาตัวกลับนครดูไบ โดยนี่ถือเป็นความพยายามหลบหนีไปต่างประเทศเป็นครั้งที่ 2 ของเจ้าหญิง ลาติฟา หลังจากพระองค์พยายามออกจากยูเออีในปี 2554 สมัยยังเป็นวัยรุ่น

ขณะที่สำนักข่าว บีบีซี ออกแถลงการณ์เผยว่า หลังจากเจ้าหญิงลาติฟาถูกพากลับดูไบได้ประมาณ 1 ปี เพื่อนของพระองค์ที่ชื่อว่า ทีนา จาเฮียไอเนน (Tiina Jauhiainen) ได้รับการติดต่อจากใครบางคนซึ่งช่วยให้เธอสามารถติดต่อกับเจ้าหญิงลาติฟาได้อย่างลับๆ และจาเฮียไอเนนก็สามารถส่งโทรศัพท์มือถือให้กับเจ้าหญิงลาติฟาได้ในที่สุด และหลังจากนั้นพระองค์ก็ใช้มันในการบันทึกวิดีโออย่างลับๆ มาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยแอบบันทึกในห้องน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวที่พระองค์สามารถล็อกประตูได้

แถลงการณ์ของ บีบีซี ระบุด้วยว่า “บีบีซี พาโนรามา ขอยืนยันแต่เพียงฝ่ายเดียวว่า รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ที่ลาติฟาถูกจับเป็นตัวประกันนั้นเป็นความจริง พระองค์ถูกคุ้มกันด้วยตำรวจกว่า 30 นาย ซึ่งสับเปลี่ยนเวรยามกันทั้งในและนอกบ้านตากอากาศ สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากชายหาดเพียงไม่กี่เมตร แต่ยังไม่แน่ชัดว่าพระองค์ยังอยู่ที่นั่นหรือไม่”

ในคลิปวิดีโอดังกล่าวยังเปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ รวมทั้งบรรยายว่าเจ้าหญิงลาติฟาต่อสู้กับทหารที่พยายามพาตัวพระองค์ออกจากเรือยอร์ชอย่างไร และเรื่องที่พระองค์ถูกฉีดยาสลบก่อนพาขึ้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวกลับไปยังดูไบด้วย

นางจาเฮียไอเนน ระบุว่า เธอกับเพื่อนตัดสินใจอย่างยากลำบากในการเผยแพร่คลิปวิดีโอในตอนนี้ เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของลาติฟา “เธอดูซีดเซียวเหลือเกิน เธอไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์มาหลายเดือนแล้ว จริงๆ เธอเดินไปมาได้เพียงแค่จากห้องของเธอกับห้องครัวเท่านั้น”

ทั้งนี้ ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล มัคทูม ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำรัฐที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ประสบความสำ เร็จอย่างมากในการพัฒนานครดูไบให้เจริญรุ่งเรือง แต่พระองค์ถูกนักสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่า ไม่ยอมรับความคิดเห็นขัดแย้ง และมีระบบยุติธรรมที่อาจเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง


พายุฤดูหนาวพ่นพิษ “เท็กซัส” อ่วมหนัก ! ไฟดับ-ขาดอาหาร-ห่วงโซ่อุปทานสะดุด

19 กุมภาพันธ์ 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สื่อท้องถิ่นสหรัฐฯ รายงานว่า ปัจจุบัน “รัฐเท็กซัส” กำลังเผชิญภาวะเสบียงอาหารร่อยหรอ ควบคู่กับห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก ขณะประชาชนจำนวนมากประสบปัญหาไฟฟ้าดับท่ามกลางพายุฤดูหนาว

เมื่อวันพุธ (17 ก.พ.) เดอะ เท็กซัส ทริบูน รายงานว่าประชาชนทั่วรัฐเท็กซัสทยอยใช้เสบียงอาหารที่กักตุนไว้ ขณะเดียวกันเสบียงอาหารบางส่วนเริ่มเน่าเสียเพราะตู้เย็นไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนร้านขายของชำต้องปิดตัวลงเพราะปัญหาไฟดับ ส่วนซูเปอร์มาร์เก็ตที่ยังเปิดอยู่มีสินค้าเหลือน้อยมาก

ตัวอย่างเช่นซูเปอร์มาร์เก็ตเอช.อี.บี ที่โซนจำหน่ายน้ำดื่มไร้สินค้าบนชั้นวาง ส่วนโซนขนมปังและ อาหารรกระป๋องมีสินค้าเพียงหยิบมือ หลังจากประชาชนแห่แหนมากว้านซื้อของไปกักตุนในวันพุธ (17 ก.พ.) ที่ผ่านมา ชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในนครออสติน เมืองเอกของรัฐเท็กซัส ให้สัมภาษณ์กับเดอะ เท็กซัส ทริบูน ว่าอาหารในซูเปอร์มาร์เก็ต ทาร์เก็ต หมดเกลี้ยงในวันพุธ (17 ก.พ.) โดยไม่มีวี่แววว่าจะมีสินค้ามาส่งใหม่หรือพนักงานจะเติมสินค้าบนชั้นวางแต่อย่างใด

นอกจากนี้โรงเรียนท้องถิ่นหลายแห่งยังระงับการแจกอาหารให้เด็กนักเรียนในช่วงหลายวันข้างหน้านี้ด้วย

รายงานเสริมว่าผักและผลไม้ที่ปลูกอยู่ทางตอนใต้ของรัฐกลายเป็นน้ำแข็ง เนื่องจากสภาพอากาศ เย็นจัดท่ามกลางพายุฤดูหนาว ด้านซิด มิลเลอร์ กรรมาธิการสำนักการเกษตรรัฐเท็กซัส ระบุว่าเจ้าของฟาร์มนมหลายแห่งต้องเทนมทิ้งทุกวันเพราะไม่สามารถนำไปวางจำหน่ายได้ ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 240 ล้านบาท)

มิลเลอร์ กล่าวว่า ผู้เลี้ยงสัตว์ในรัฐเท็กซัสต่างขาดแคลนอาหารเลี้ยงสัตว์และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งทำให้ไก่และลูกวัวบางตัวแข็งตาย เผยภาพสุดช็อก ! วิกฤตภัยหนาว ที่เท็กซัส ร้ายแรงที่สุดในรอบ 30 ปี

ตอนนี้ทางตอนใต้ของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภัยหนาว โดยเฉพาะรัฐเท็กซัสที่อุณหภูมิได้ลดลงต่ำสุดในนรอบ 30 ปี ประชากร 12 ล้านคนประสบปัญหาน้ำไม่ไหล โดยรัฐเท็กซัสกำลังเสียกำลังผลิตไฟฟ้าอีก 40 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากมีน้ำแข็งเกาะอยู่ที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติและกังหันลมผลิตไฟฟ้า เรียกได้ว่าเป็นวิกฤตซ้อนนวิกฤตก็ว่าได้

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสหรัฐรายงานว่าเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาพื้นที่มากกว่า 73% ในสหรัฐถูกปกคลุมด้วยหิมะ ขณะที่ยังคงมีการประกาศเตือนภัยพายุหิมะครอบคลุมพื้นที่ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 150 ล้านคน

ผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 16 รายนั้น อยู่ในรัฐเทนเนสซี เท็กซัส เคนตักกี้ และหลุยเซียน่า โดยสาเหตุนอกจากภัยหนาวแล้ว ยังรวมถึงการเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุรถชน และภาวะเป็นพิษจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปเป็นจำนวนมากอีกด้วย

เต่าทะเล ทนหนาวไม่ไหว น็อกลอยเกยตื้นเกือบ 5,000 ตัวในเท็กซัส เว็บไซต์ npr.org รายงานเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า กลุ่มอาสาสมัครยามฝั่ง และหน่วยงานอนุรักษ์เต่าทะเลในเท็กซัส ต้องล่องเรือช่วยเหลือเต่าทะเลที่เกยตื้นหนีหนาวขึ้นมาบนฝั่งเป็นจำนวนมาก โดยสามารถช่วยเอาไว้ได้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เวลานี้มีจำนวนเกือบ 5,000 ตัวแล้ว

รายงานระบุว่า นอกจากหน่วยงานอนุรักษ์แล้ว ยังมีหน่วยงานในชุมชนเช่นหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตั้งเป็นศูนย์พักพิงเต่าทะเล รวมถึงบริษัทสเปซเอ็กซ์ ที่ยื่นมือเข้าช่วยจัดหาเครื่องปั่นไฟให้กับศูนย์พักพิงเต่าทะเลหนีหนาว เนื่องจากไฟฟ้าในรัฐเท็กซัสที่ดับมาเป็นเวลาหลายวันแล้วผลจากพายุฤดูหนาว ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบราย

สภาพอากาศหนาวจัดครั้งประวัติศาสตร์ในรัฐเท็กซัส ซึ่งล่าสุดส่งผลให้โรงงานผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ไม่สามารถทำงานได้ ทำให้เกิดเหตุไฟดับในรัฐเท็กซัสมายาวนานถึง 5 วันแล้วนั้นยังคงหนาวต่อเนื่องต่อไปและคาดว่าจะมีเต่าทะเลที่จะลอยขึ้นมาเกยตื้นอีกจำนวนมาก

สำหรับเต่าทะเลที่ได้รับความช่วยเหลือนั้นมีรายงานว่ามีเต่าหลายตัวที่เป็นเต่าที่มีอายุมากกว่า 150 ปี มีน้ำหนักมากกว่า 181 กิโลกรัม รายงานระบุว่า เต่าทะเลเป็นสัตว์เลือดอุ่นและไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิในร่างกายได้ เมื่ออุณหภูมิของน้ำต่ำเกินไปแม้เต่าจะไม่ได้หมดสติแต่จะเกิดอาการน็อกและไม่สามารถขยับตัวได้

“หัวเว่ย” หันมาหารายได้จาก “ฟาร์มหมู” หลังถูกคว่ำบาตร

วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 เว็บไซต์บีบีซี รายงานว่า ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีนถูกสกัดไม่ให้เข้าถึงส่วนประกอบที่สำคัญ หลังจากรัฐบาล “โดนัลด์ ทรัมป์” ตีตราว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา เพื่อรับมือกับยอดขายสมาร์ทโฟนที่กำลังลดลง “หัวเว่ย” กำลังมองหาแหล่งรายได้อื่นๆ จากเทคโนโลยีของบริษัท

นอกเหนือจากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) สำหรับผู้เลี้ยงสุกรแล้ว “หัวเว่ย” ยังทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินด้วย อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่า “หัวเว่ย” สามารถแบ่งปันข้อมูลลูกค้ากับรัฐบาลจีน แต่ “หัวเว่ย” ก็ออกปฏิเสธข้อกล่าวหานี้หลายต่อหลายครั้ง

เป็นผลให้ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายใหญ่สุดของโลกถูกจำกัดการผลิตอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี 4G เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐฯ ให้นำเข้าส่วนประกอบต่าง ๆ

ยอดขายสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยร่วงลง 42% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 เนื่องจากมีปัญหากับไมโครชิปที่มีอยู่อย่างจำกัด อันเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตร

หัวเว่ยยังถูกปิดกั้นจากการพัฒนา 5G ในหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงอังกฤษ ท่ามกลางความกังวลเรื่องความมั่นคงของประเทศ

รายงานต่างๆ ชี้ว่า หัวเว่ยจะลดการผลิตสมาร์ทโฟนลงกว่า 60% ในปีนี้ แม้ว่าทางบริษัทจะบอกว่า ไม่สามารถยืนยันตัวเลขนี้ได้

“ปัญหานี้ไม่เหมือนกับปัญหาด้านคุณภาพ หรือประสบการณ์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ มันไม่ยุติธรรมสำหรับหัวเว่ย เพราะหัวเว่ยตกอยู่ในระหว่างความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์การเมือง” โฆษกหัวเว่ยกล่าวกับบีบีซี

ดังนั้นดูเหมือนว่าหัวเว่ยจะมองหาแหล่งรายได้อื่นๆ รวมถึงการขยับขยายไปสู่บริการคลาวด์ คอมพิวติ้ง, ยานพาหนะอัจฉริยะ และอุปกรณ์สวมใส่ต่างๆ แม้แต่การวางแผนผลิตรถยนต์อัจฉริยะ อย่างไรก็ตาม หัวเว่ยก็ยังมีความสนใจในอุตสาหกรรมดั้งเดิมอีกสองสามอย่าง

จีนมีอุตสาหกรรมฟาร์มสุกรที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นบ้านของสุกรที่ยังมีชีวิตจำนวนครึ่งหนึ่งของโลกเทคโนโลยีจะช่วยปรับปรุงฟาร์มสุกรให้ทันสมัย ด้วยการนำเอไอมาใช้ในการตรวจหาโรคและติดตามสุกร เทคโนโลยีจดจำใบหน้ายังสามารถระบุสุกรแต่ละตัวได้ ขณะที่เทคโนโลยีอื่นๆ จะตรวจสอบน้ำหนัก, อาหาร และการออกกำลังกาย

ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายอื่นๆ ของจีน ซึ่งรวมเจดีดอทคอม และอาลีบาบา ก็กำลังทำงานร่วมกับผู้เลี้ยงสุกรในจีน เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปปรับใช้

“การเลี้ยงสุกรเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการที่เราพยายามฟื้นฟูอุตสาหกรรมดั้งเดิมบางอย่างด้วยเทคโนโลยีไอซีที (เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมในยุค 5G” โฆษกหัวเว่ยกล่าวเพิ่มเติม

เหมืองถ่านหิน

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา “เหริน เจิ้งเฟย” ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยได้ประกาศเปิดห้องปฏิบัติการนวัตกรรมการทำเหมืองในมณฑลชานซี ทางตอนเหนือของจีน

เขาต้องการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเหมืองถ่านหิน ซึ่งจะนำไปสู่การใช้แรงงานน้อยลง, ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้คนทำงานเหมืองมีโอกาสได้สวมสูทและผูกเนคไทในระหว่างทำงานได้

ระหว่างการประชุมในงานดังกล่าว “เหริน” เผยว่าหัวเว่ยกำลังขยายขอบเขตไปสู่ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค เช่น โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ต

“เรายังคงอยู่รอดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการขายโทรศัพท์” เหริน กล่าวและว่า เป็นไปได้ยากมากที่สหรัฐฯ จะลบหัวเว่ยออกจากบัญชีดำ ซึ่งเป็นการห้ามบริษัทต่างๆ ทำงานร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีของจีน