ข่าว
รองโฆษก บช.น. ยัน 'อาเดม' ยอมรับเป็นมือวางระเบิดจริง

รองโฆษก บช.น. ยืนยัน "อาเดม" สารภาพเป็นชายเสื้อเหลืองลงมือวางระเบิดจริง แต่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ หลัง ผบช.น. ส่งพนักงานสอบสวนสอบปากคำที่ มทบ.11 เผย ได้ประเด็นเด็ดหลายประเด็น รอเจ้าหน้าที่พิสูจน์ข้อเท็จจริง เชื่อไม่เกิน 3 วัน ได้รับข่าวดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเมื่อวานนี้ ทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ส่งชุดพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำ นายอาเดม คาราดัก หรือ บินลา เติร์ก มูฮัมหมัด ผู้ต้องหาคดีวางระเบิดราชประสงค์ ที่เรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี มณฑลทหารบกที่ 11 เพื่อสอบปากคำกรณี นายอาเดม ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนเดียวกับชายเสื้อเหลือง ในวันนี้ทางทีมงานไทยรัฐออนไลน์ได้ต่อสายตรงไปสัมภาษณ์ความคืบหน้าผลการสอบปากคำ นายอาเดม คาราดัก กับทาง พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร. รองโฆษกประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล จนได้ข้อมูลที่ชัดเจนแล้วว่า นายอาเดม รับสารภาพเป็นคนเดียวกับชายเสื้อเหลืองที่ก่อเหตุวางระเปิดแยกราชประสงค์จริง

พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร. รองโฆษกประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวานนี้ ทางนครบาลได้ส่งพนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ นายอาเดม การาดัก ภายใน มทบ.11 ปรากฏว่าผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และรับสารภาพว่าเป็นคนเดียวกับชายเสื้อเหลืองที่นำระเบิดไปวางไว้ที่แยกราชประสงค์จริง ซึ่งทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำสารภาพของผู้ต้องหา และยังไม่ขอยืนยันว่าเป็นคนๆ เดียวกันกับชายเสื้อเหลืองในกล้องวงจรปิดจริง ยังต้องผ่านขั้นตอนการพิสูจน์ข้อเท็จจริงอีกหลายกระบวนการ เพื่อความสอดคล้องกับคำรับสารภาพของผู้ต้องหา

"หลังจากที่ส่งพนักงานสอบสวนไปสัมภาษณ์ นายอาเดม เมื่อวานนี้ มีหลายประเด็นที่ตำรวจต้องเร่งทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญมาก ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลตรงนี้ได้ อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำงาน ได้ทำงานให้สำเร็จ จนมีความจริงชัดเจนออกมาก่อน ทางตำรวจจะทำการแถลงข่าวอีกครั้ง แต่ในวันนี้ มีเพียงคำสารภาพของผู้ต้องหาว่าเขาเป็นคนลงมือทำจริง แต่ตำรวจไม่สามารถปักใจเชื่อได้ เพราะไม่รู้เขาพูดความจริงหรือเปล่า ดังนั้นตำรวจต้องนำสืบทุกอย่างด้วยความละเอียดรอบคอบ จนสามารถเชื่อมโยงมาถึงคนร้ายตัวจริง ซึ่งคิดว่าไม่เกิน 2-3 วันนี้ น่าจะมีข่าวดีมาแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน" พ.ต.อ.เอกรักษ์ กล่าว

บิ๊กตู่ บินถึงนิวยอร์กแล้ว ร่วมประชุมทีมไทยแลนด์

นายกฯ บินถึงสหรัฐฯเตรียมเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ พร้อมเข้าร่วมประชุมทีมไทยแลนด์เพื่อหารือถึงแนวทางและการแก้ไขปัญหา ยันสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีสัญญาณบวก

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยาและคณะ ได้เดินทางถึงโรงแรม One UN New York ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติระดับผู้นำ เพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายหลังปี ค.ศ. 2015 และการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 70 ในช่วงระหว่างวันที่ 23 กันยายน - 1 ตุลาคมนี้ โดยมีเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่สถานทูต และคณะผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก รอให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ยังมีคนไทยที่อาศัยอยู่ที่นครนิวยอร์กเดินทางมาชูป้ายข้อความให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและคณะด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมทีมไทยแลนด์ โดยมีเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ซึ่งพลตรีวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ว่า เป็นประชุมเพื่อรับฟังปัญหาและพูดถึงแนวทางของไทยในการดำเนินการต่อไปหลังจากนี้ โดยเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกาได้ชี้แจง ว่า สหรัฐอเมริกามีทิศทางความร่วมมือกับไทยอย่างไร และที่ผ่านมามีทิศทางความร่วมมือในทางบวก ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังมีแนวโน้มที่จะกลับไปสู่ภาวะปกติ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดตามกฎหมายของสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศจะมีในหลายๆ ด้านทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ และการศึกษา นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้รับฟังปัญหาจากทีมไทยแลนด์ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ ทั้งด้านการค้า การลงทุน การศึกษา การเกษตร และอุตสาหกรรม อีกด้วย


กลุ่มหนุน-ต้าน 'ประยุทธ' นัดรวมพลหน้ายูเอ็นวันนี้

"แดงยูเอสเอ" เตรียมระดมพล-เสริมแนวร่วมต้าน 'บิ๊กตู่' หน้ายูเอ็น พร้อมเล็งยิงสดสู่ไทยแลนด์ผ่านอินเทอร์เน็ต สับนายกฯ ด้าน "กปปส.นิวยอร์ก" จ่อรวมพลหนุนนายกฯ วันเดียวกัน ลั่นนัดชุมนุม 3 วันติด 26-28 ก.ย. นี้

เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 58 ในเว็บไซต์และเฟซบุ๊กของกลุ่มคนเสื้อแดง ในสหรัฐอเมริกา ได้มีการนัดหมายรวมตัวกันเพื่อชุมนุมประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะเดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ครั้งที่ 70 ในระหว่างวันที่ 23 ก.ย.-1 ต.ค. นี้ โดยได้มีการนัดหมายชุมนุมที่หน้าอาคารสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ในนครนิวยอร์ก เวลา 11.00 น. วันที่ 26 ก.ย. นี้ โดยจะมีกลุ่มคนเสื้อแดงนิวยอร์กเป็นเจ้าภาพ พร้อมทั้งจะมีการถ่ายทอดสดการชุมนุมผ่านทีวีออนไลน์ เพื่อให้ทั่วโลกได้ติดตามโดยจะมีแนวร่วม นปช. จากหลายรัฐเข้ามาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังระบุว่า จะมีการประสานงานไปยังกลุ่มอุยกูร์ กลุ่มชาวตุรกี และกลุ่มนักเรียนแลกเปลี่ยนในประเทศสหรัฐอเมริกา ให้มาร่วมชุมนุมด้วย

(ตามเวลาท้องถิ่น) ในส่วนของเฟซบุ๊ก Red Thai ได้โพสต์ข้อความระบุตอนหนึ่งว่า "พล.อ.ประยุทธ์ งานเข้าแน่ จัดหนัก จัดเต็มทั้งในและนอกสถานที่ประชุม" ขณะที่เฟซบุ๊ก RED USA ได้เผยแพร่กำหนดการภารกิจทั้งหมดของนายกรัฐมนตรี ในระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งโพสต์ข้อความเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะออกมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ โดยระบุว่า ได้ประสานให้คนเสื้อแดงในนิวยอร์ก แจ้งต่อตำรวจนครนิวยอร์กให้ปฏิบัติตามคำประกาศของ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในเรื่องที่ระบุว่า ไม่ให้ผู้สนับสนุนการปกครองที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย พำนักอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างเคร่งครัด กับผู้ที่ออกมาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์

ด้านกลุ่มสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งใช้ชื่อว่า "กปปส.นิวยอร์ก" ก็ได้เตรียมการนัดชุมนุม "รวมพลังสนับสนุนนายกฯ ประยุทธ์" ในเวลา 10.00 น. ที่บริเวณ 47th street & 1 Avenue ตั้งแต่วันที่ 26-28 ก.ย. นี้ด้วยเช่นกัน โดยระบุว่า "วันที่สำคัญที่สุด คือ วันเสาร์ ที่ 26 ก.ย. นี้ เพราะเป็นวันที่เหล่าเสื้อแดงและพวกคนที่ถูกจ้างมาจำนวนมาก จะมาร่วมชุมนุมต่อต้านท่านนายกฯ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนมารวมตัวกันให้ได้มากที่สุด ในวันและเวลาดังกล่าว เพื่อร่วมสนับสนุนและให้กำลังใจบุคคลที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อส่วนรวม เพื่อคนไทย เพื่อประเทศอันเป็นที่รัก ซึ่งการชุมนุมของเราจะจัดขึ้นทั้งหมด 3 วัน คือ 26-28 ก.ย. โดยในวันที่ 27 และ 28 นั้น จะมีพลังสมทบจากต่างรัฐมาร่วมสนับสนุน ส่วนในวันที่ 26 นั้น จะขอเชิญชวนชาวนิวยอร์กและรัฐใกล้เคียงมารวมตัวกันให้ได้มากที่สุด โดยใช้สัญลักษณ์ธงชาติในการร่วมสนับสนุน โดยไม่ต้องใส่เสื้อสีเหลือง"


'บิ๊กป้อม'ยอมรับถอดใจ คนต้าน 'บิ๊กตู่' ในสหรัฐฯ

"บิ๊กป้อม" ถอดใจคนต้าน "บิ๊กตู่" เล็งยิงสดถึงไทยผ่านอินเทอร์เน็ต เผยไม่มีเครื่องมือปิดกั้น ยันนายกฯคนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครอง โอดองค์กรนานาชาติ รุมจวกไทยไม่เป็นประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 25 ก.ย.58 ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีกลุ่มต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ที่จะถ่ายทอดสดจากนครนิวยอร์กมายังไทยว่า ตนจะทำอะไรได้ ถ้าเขาถ่ายทอดสดก็ถ่ายไป เพราะเป็นการถ่ายทอดสดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เราจึงปิดกั้นไม่ได้ เพราะไม่มีเครื่องมือ ส่วนการได้ติดต่อพูดคุยกับนายกฯหรือไม่นั้น ตนไม่ได้ติดต่ออะไรกัน เพราะยังไม่มีอะไรต้องคุยกัน

เมื่อถามว่า เป็นห่วงนายกฯหรือไม่ ในการเดินทางไปสหรัฐฯครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ผมไม่ห่วง เพราะนายกฯเป็นคนเก่ง ดังนั้นความดีก็จะคุ้มครอง แถมยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองด้วย ส่วนคนไทยที่มาต่อต้านนั้น ผมมองว่าคนไทยที่มาสนับสนุนก็มี ซึ่งเป็นธรรมดา ไม่มีใครชอบทุกคนหรอก แต่อยากขอให้ดูว่าเวลานี้ความสงบเรียบร้อยในประเทศเกิดขึ้น เพราะนายกฯเป็นคนทำ ทุกคนก็เห็นว่านายกฯทำทุกอย่าง คนไทยส่วนใหญ่รู้สึกโอเค ผมก็คิดว่าประเทศต่างๆ ที่เห็นบ้านเราสงบคงชอบ"

เมื่อถามว่า จะมีการเชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยคนใหม่มาพูดคุยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่เชิญ ปล่อยให้เขาทำหน้าที่ของเขา ส่วนตนก็ทำหน้าที่ของตน ถ้าเขาอยากพบคงประสานมาเอง

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกลุ่มสหภาพยุโรป ที่ออกแถลงการณ์ให้ไทยเร่งคืนประชาธิปไตยว่า ตนมองเป็นเรื่องธรรมดา ใครก็อยากให้มีประชาธิปไตย ตนก็อยากให้เป็นด้วย แต่ตอนนี้เรามีโรดแม็ปในการดำเนินการ และมีขั้นตอนการปฏิบัติ ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร อีกทั้งรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้แล้ว

เมื่อถามว่า ที่องค์กรนานาชาติมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็รู้ว่ายังไม่เป็นจะเป็นได้อย่างไง เพราะเราอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน อันมีโรดแม็ปนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่อยู่ในภาวะแบบนี้ตลอดไป


"สุเทพ" ชี้ ตำรวจอย่าใจแคบ ควรภูมิใจ ได้ "ตั๊น" เข้าสังกัด

(24 ก.ย. 58) เมื่อเวลา 10.30 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย และอดีตแกนนำ กปปส.ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานการแข่งขันเรือยาวขึ้นโขนชิงธง ชิงถ้วยพระราชทาน ครั้งที่ 18 ประจำปี 2558 ณ เวทีชั่วคราว ริมคลองระบายน้ำหัววัง-พนังตัก หรือ “คลองในหลวง” ต.นาชะอัง อ.เมือง จ.ชุมพร โดยมี นายมุรธาธีร์ รักชาติเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายสุรศักดิ์ โสมคล้าย ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดชุมพร นายสุพล จุลใส นายก อบจ.ชุมพร นายชุมพล จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ข้าราชการตำรวจ ทหาร ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมให้การต้อนรับ และมีประชาชนประมาณ 3,000 คน ร่วมพิธี

นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า คณะรักษาความสงบเรียบร้อย (คสช.) บอกกับประชาชนเอาไว้ว่า โรดแมปหรือช่วงระยะเวลาของการทำงานกำหนดไว้อย่างไร ทุกอย่างจึงควรไปตามที่ คสช.กำหนดเอา ส่วนที่พรรค ปชป.ส่ง นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายถวิล ไพรสณฑ์ เข้าร่วมยกร่างด้วยก็เป็นเรื่องของพรรค ปชป.ขณะนี้ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรค ปชป.แล้ว เพราะตนอยู่ภาคประชาชนในนามมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย แต่อยากเรียนว่า ความจริง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะตั้งใครเข้าไปทำหน้าที่ฐานะอะไรก็สามารถทำได้ในฐานะที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ แต่ท่านก็ใจกว้าง เชิญให้บุคคลฝ่ายต่างๆ มาร่วมกันคิดอ่านเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทย คิดว่าทุกฝ่ายจึงควรสนับสนุนและให้ความร่วมมือให้ประเทศสามารถเดินหน้าได้ ส่วนแต่ละองค์กรแต่ละฝ่ายจะส่งใครก็เป็นสิทธิขององค์กรหรือฝ่ายนั้นๆ

เมื่อสอบถามถึงกรณีที่ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือ “น้องตั๊น” ซึ่งเคยเป็นแกนนำของหนึ่งของ กปปส.ไปสมัครเป็นตำรวจ แต่ถูกต่อต้านจากข้าราชการตำรวจว่ารู้สึกอย่างไร นายสุเทพ ได้กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจมาก เพราะการรับสมัครบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเข้ารับราชการตำรวจไม่ใช่เพิ่งทำครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ทำกันทุกปีๆ ละหลายๆ ร้อยคน ตัวอย่างเช่น ตำรวจต้องการนักบัญชี ต้องการช่าง ต้องการผู้ที่มีความรู้เฉพาะด้านที่ตำรวจไม่สามารถผลิตได้เอง ก็ต้องเปิดรับสมัครทุกปี แต่ปีนี้เมื่อมี น.ส.จิตภัสร์สมัครกลับมีการเคลื่อนไหว ต่อต้าน คัดค้าน จึงคิดว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะคนไทยมีสิทธิ์เหมือนกันทุกคน จะเป็น กปปส.หรือ นปช.ก็มีสิทธิ์สมัครเข้ารับราชการเท่าๆ กัน ส่วนเขาจะเอาหรือไม่ก็ต้องว่ากันตามกฎเกณฑ์ กติกาที่กำหนดไว้

นายสุเทพกล่าวอีกว่า คุณจิตภัสร์ตั้งใจสมัครเป็นตำรวจ ความจริงตำรวจน่าจะดีใจ เพราะคุณจิตภัสร์เป็นคนมีชื่อเสียง เป็นที่นิยมของประชาชนหลายๆ ล้านคน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่เป็น กปปส.ที่คิดว่าคุณจิตภัสร์เป็นคนที่กล้าหาญ พร้อมเสียสละเพื่อส่วนรวม ถึงขนาดยอมเปลี่ยนนามสกุลเพื่อทำงานตามอุดมการณ์ เพื่อบ้านเมือง ซึ่งสมควรได้รับการพิจารณาด้วยซ้ำ ส่วนการสมัครจะได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ เพราะตำรวจก็ต้องคัดเลือกตามกระบวนวิธีการของเขา การออกมาต่อต้าน ออกมาขัดขวางถือว่าใจแคบไปหน่อย ควรทำใจกว้าง อย่าไปสร้างปัญหาขึ้นมาอีกเลย

คดีคนไทยรุมจับโจร ! กลายเป็นแฟนเก่าตามฆ่า !

คดีที่โจรบุกบ้านคนไทยกลางดึก ทำร้ายผู้ชายแต่โดนรุมสะกรัมจับตัวได้ ส่งตำรวจ กลายเป็นเรื่อง "โอล่ะพ่อ" เมื่อฝ่ายหญิง เปิดเผยขึ้นมา คนร้ายนั้นคือแฟนเก่าที่เลิกรากันไปแล้ว แต่ยังจองเวรจองกรรมคุกคามอยู่ตลอดเวลา ทั้งปล่อยลมยางรถสี่ล้อหลายครั้ง ผลสุดท้ายลอบเผารถยนต์จนพังพินาศ สาวหวั่นโดนตามฆ่า ! วอนเจ้าหน้าที่ ช่วยปกป้องเพราะตอนนี้คนร้ายได้ประกันตัวเองออกมาแล้ว และหวนมาข่มขู่อีก.....

วันที่ 09/22/2015 แอนกับพี่โอเล่(แฟนแอน) ได้มาตั้งแคมป์นอนในบริเวณบ้านเลขที่ 8650 Aqueduct Ave., North Hills,CA ณ เวลาประมาณ 2.00 am.

เราสองคนได้ยินเสียงคนเดินฝั่งปลายเต้นท์ ประมาณ 2 รอบ โดยคิดว่าใช้ค้อนค้นหาตำแหน่งคนในเต้นท์ แต่เต้นท์ใหญ่มาก จึงไม่สามารถหาทิศทางเจอ

จากนั้นคนร้ายได้พยายามที่จะรูดซิปออก คงหมายจะฆ่าปาดคอ แต่แต่เราโชคดีที่คนร้ายไม่คุ้นเคยกับเต้นท์จึงเปิดได้นิดเดียว ดังนั้นเราสองจึงตื่นขึ้นมาพร้อม

เปิดไฟในเต้นท์ และคิดว่าจังหวะนั้นคนร้ายได้วิ่งไปแอบ จากนั้นพี่โอเล่ได้ออกจากเต้นท์เพื่อไปสำรวจรอบๆเต้นท์ และตะโกนบอกแอนว่าไม่มีอะไร แต่ในขณะนั้น

แอนอยู่ในเต้นท์และได้ใช้สายตามองหาสิ่งผิดปกติ จากนั้นแอนได้สบตาแค่ลูกตาของคนร้ายในที่มืด จากหลังรถที่จอดข้างเต้นท์ ในบริเวณบ้าน จากนั้นแอนได้

ตะโกนบอกพี่โอเล่ในทันทีว่า คนร้ายแอบอยู่หลังรถ จากนั้นพี่โอเล่ก็ได้เดินไปดูบริเวณท้ายรถ แต่ก่อนที่จะถึงท้ายรถ คนร้ายได้ฉีดสเปรย์พริกไทยใส่หน้าแบบไม่ยั้ง

จนเข้าตาข้างซ้ายของพี่โอเล่ พอคนร้ายเห็นว่าสเปรย์เข้าตาก็ได้พุ่งออกมาจากที่ซ้อนวิ่งตรงมาหาพี่โอเล่ โดยในมือถืออาวุธ ง้างเพื่อที่จะทำร้าย พี่โอเล่ก็เลยวิ่งถอยหลัง

หนีและใช้มือเปล่าปัดป้องอาวุธที่คนร้ายกระหน่ำตีมาที่ศีรษะ และก็ได้ตะโกนร้องให้คนช่วยไปด้วย ซึ่งตอนนี้รู้ว่าใช้ค้อนเหล็ก จากนั้นคนร้ายก็ตีเข้ามาที่ศีรษะ 1 ครั้งจน

มึนมากๆแล้วเลือดไหลไม่หยุดแล้วในขณะนั้นพี่โอเล่แสบตามาก คนร้ายได้ใช้จังหวะนี้ตีซ้ำเข้ามาที่ศีษระ อีกรอบ จนแทบล้มทั้งยืน พี่โอเล่เริ่มหมดแรง แต่ในขณะนั้น

แอนได้วิ่งออกจากเต้นท์มาอีกฝั่งหนึ่งของบ้าน เพื่อเรียกให้คนตื่นและออกมาช่วยพี่โอเล่ ก็เริ่มมีคนในบ้านทยอยออกมาช่วยกัน จากนั้นก็มีน้องผู้หญิงชื่อปัดกระโดดล๊อค คอคนร้าย จนทำให้คนร้ายล้มลง แต่ก็เกือบรั้งไว้ไม่อยู่เพราะคนร้ายได้วิ่งออกถึงหน้าประตูแล้ว จากนั้นมีพี่ทัช ได้วิ่งเข้ามาขวางประตูไว้ แล้วทำให้คนร้ายหมอบ จากนั้น จึงใช้สายไฟรัด เพื่อรอตำรวจ ระหว่างรอตำรวจมาทำคดี แอนได้ปฐมพยาบาลพี่โอเล่ จากนั้นแอนก็เดินไปดูหน้าคนร้ายก่อนที่ตำรวจมา คนร้ายได้นอนหน้าข้างนึงแนบกับพื้นพร้อมขี้โคลน คือเห็นแค่จมูกและหน้าข้างเดียวแต่คนร้ายหลับตา ไม่ยอมลืมตา ดังนั้นแอนได้ตอบทุกคนว่าไม่รู้จักคนๆนี้ พอตำรวจมาแอนก็ได้วุ่นวายกับพี่โอเล่เรื่อง นำตัวส่งโรงพยาบาล แอนเข้าโรงพยาบาลประมาณเกือบตี 4 แต่ก็ต้องย้ายไปโรงพยาบาลใหญ่เพราะเครื่องมือไม่พร้อม เนื่องจาก x-ray แล้วพี่โอเล่กระโหลกศีรษะร้าว

วันรุ่งขึ้น 9/23/2015 คนที่บ้านที่เกิดเหตุออกมาสำรวจบริเวณบ้านและบริเวณใกล้เคียง ณ เวลาประมาณ 3.00 pm. ซึ่งเจอรถต้องสงสัยจอดอยู่ตรงข้ามหน้าบ้าน โดยที่เปิดหน้าต่างไว้ ครึ่งหนึ่ง มีกุญแจในรถพร้อม กระเป๋าสตางค์ iPhone, ID, อาหาร น้ำดื่ม ผ้าเช็ดตัว ซึ่งมีรูปภาพเป็นหลักฐาน พอน้องส่ง ID มาให้ดูก็ตกใจมาก

เพราะคนนี้คือแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกกัน แต่แอนก็ยังไม่ได้ไปแจ้งความในทันทีที่รู้ เนื่องจากยังอยู่โรงพยาบาลกับพี่โอเล่ เพื่อดูอาการทางสมอง จนกระทั้ง

วันที่ 9/24/2015 แอนได้กลับบ้านพร้อมพี่โอเล่ แต่พอแอนเข้าห้องส่วนตัวที่ล๊อคกุญแจทุกครั้งก่อนออกปรากฏว่ากระจกที่ห้องโดนทุบแตก แอนจึงได้แจ้งความกับตำรวจ

ในพื้นที่ แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า 2 วันโดยละเอียด ซึ่งแอนคิดว่าไม่มีความปลอดภัยในชีวิต แล้วแอนอยากตรวจสอบสถานะของผู้ต้องหา Gamil ว่าสถานะตอนนี้

อยู่ไหน อะไร ซึ่งได้คำตอบจากตำรวจว่า Gamil ได้ยืนประกันตัวเองแล้วออกมาจากคุก ณ เวลา 1 pm. ซึ่งทุกอย่างมีเหตุมีผลและน่าจะเป็นคนร้ายคนเดียวกัน เพื่ออาจจะเอาชีวิต

หรือทำให้หวาดกลัว ซึ่งคนร้ายมาทุบกระจกที่บ้านเวลาประมาณ 8.30 เพราะมีคนที่บ้านได้ยินเสียงดังอย่างรุนแรง ณ เวลานั้น

แอนจึงอยากเล่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาทั้งหมดโดยไม่ปิดบังว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตแอนที่มาอยู่ที่อเมริกา ประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา เริ่มต้นจากธันวาคม 2013

เพื่อนแอนได้มาจากเมืองไทย ชื่อเปี้ยว เพื่อที่จะมาพักผ่อนที่อเมริกา 10 วันเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2015 เราสามคนได้ไปเที่ยว Grand Canyon, Las Vegas, ระหว่างทาง

กลับบ้านได้มีปากเสียงตลอดทาง จนเมื่อแอนกับเพื่อนได้มาส่งเค้าที่อพาร์ทเม้น เค้าได้ดึงโทรศัพท์ไป แล้วบอกว่าถ้าอยากได้ให้พี่ชายมาเอา แต่แอนไม่ยอมแอนจึงแย่ง

โทรศัพท์กัน จนเค้าชกเข้าที่ปากแอนแบบตั้งใจ โดยที่แอนได้แจ้งตำรวจ แต่เค้าได้หลบหนีแล้ว ณ ตอนนั้นแอนได้บอกตำรวจว่า แค่เตือนให้หลาบจำ ยังไม่ต้องส่งเข้าคุก