ข่าว
พบ"ดาวเคราะห์ดวงที่9" ขนาดใหญ่กว่าโลก10เท่า

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ว่า ดาวเคราะห์ขนาดยักษ์ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นที่รู้จัก และถูกเรียกขานชื่อเล่นว่า ดาวเคราะห์ดวงที่ 9 อาจจะถูกค้นพบแล้ว โดยโคจรอยู่รอบขอบนอกของระบบสุระยะจักรวาลของเรา จากการประกาศของคณะนักวิทยาศาสตร์สหรัฐอเมริกา เมื่อวันพุธ

แถลงการณ์ของคณะนักวิจัยสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย หรือ แคลเทค (Caltech) ในเมืองแพซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า วัตถุที่กล่าวถึง "มีขนาดใหญ่กว่าโลกมนุษย์ประมาณ 10 เท่า และใหญ่กว่าดาวพลูโตประมาณ 5,000 เท่า" มีวงโคจรที่แปลกและยืดยาว ในระบบสุริยะที่อยู่ไกลโพ้น มันโคจรอยู่เลยดาวเนปจูนออกไปไกล

แบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่า ดาวเคราะห์ลึกลับดวงนี้ หากมีอยู่จริง มันจะโคจรห่างจากดวงอาทิตย์ มากกว่าโลกประมาณ 20 เท่า และรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสารดาราศาสตร์ กล่าวว่า ตามความจริงแล้ว ดาวเคราะห์ดวงใหม่จะต้องใช้เวลาระหว่าง 10,000 - 20,000 ปี ในการโคจรรอบดวงอาทิตย์เพียงแค่ 1 รอบ

2 นักวิจัย คอนสแตนติน บาตีกิน และไมค์ บราวน์ กล่าวว่า พวกเขาค้นพบดาวเคราะห์ดวงนี้ โดยผ่านการจำลองแบบทางคณิตศาสตร์ และแบบจำลองคอมพิวเตอร์ แต่ยังไม่เคยสังเกตวัตถุนี้โดยตรง "มันคงจะเป็นดาวเคราะห์จริงๆ" บราวน์ ศาสตราจารย์ด้านดาราศาสตร์ดาวเคราะห์ กล่าว "มันเป็นวัตถุมีตัวตนขนาดใหญ่มาก ของระบบสุริยะจักรวาลของเรา ที่ยังลอยอยู่นั่นเพื่อรอการค้นพบ มันน่าตื่นเต้นจริงๆ"

“ไต้หวัน”พบชายไทยมีไวรัสซิกา ยกระดับเตือนเดินทางมาอาเซียน

เว็บไซต์ เอาท์เบรก นิวส์ ทูเดย์ รายงานเมื่อวันที่ 19 มกราคมนี้ ระบุว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขไต้หวันเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังประจำสถานีเฝ้าระวังโรคที่ท่าอากาศยานเถาหยวนของไต้หวัน ตรวจพบว่าชายไทยไม่เปิดเผยชื่อผู้หนึ่งซึ่งกำลังเดินทางสู่ไต้หวันมีเชื้อไวรัสซิกา ที่กำลังระบาดหนักอยู่ในหลายประเทศในแถบละตินอเมริกาโดยเฉพาะบราซิล จนทางการบราซิลต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในพื้นที่ระบาดเนื่องจากเชื้อไวรัสดังกล่าวส่งผลให้พัฒนาการของทารกในครรภ์ผิดปกติ โดยเฉพาะทำให้ศีรษะและสมองของทารกเล็กผิดปกติ แต่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใหญ่แต่อย่างใด

ข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่จากห้องปฏิบัติการของศูนย์เพื่อการควบคุมโรค (ซีดีซี) ของไต้หวันตรวจสอบพบชายไทยผู้นี้มีไข้ผิดปกติ เมื่อตรวจสอบตัวอย่างเลือดก็พบเชื้อไวรัสซิกา ที่มียุงลายเป็นพาหะในตัว ถือเป็นผู้นำเข้าเชื้อไวรัสซิกา สู่ไต้หวันเป็นรายแรกจากจำนวนตัวอย่าง 50,000 ตัวอย่าง ที่ห้องปฏิบัติการดังกล่าวนำมาตรวจสอบตั้งแต่ปี 2546 โดยผู้ป่วยรายนี้ให้ปากคำว่าก่อนหน้าที่จะเดินทางมายังไต้หวันเป็นครั้งแรก ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้าได้ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย และรู้สึกมีอาการไข้ ปวดศีรษะ เมื่อวันที่ 9 มกราคม แต่เมื่อนำตัวอย่างเลือดไปตรวจสอบก็ไม่พบเชื้อไวรัสเดงกี หรือไวรัสไข้เลือดออก โดยได้นำผลการทดสอบดังกล่าวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการของซีดีซีไต้หวันด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อมีการเก็บตัวอย่างและนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมก็พบเชื้อไวรัสซิกาดังกล่าว โดยผู้ที่ร่วมเดินทางมาด้วยอีก 2 รายซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานและใช้ชีวิตอยู่ทางตอนเหนือของไทยเช่นเดียวกัน ตรวจสอบแล้วไม่พบเชื้อไวรัสซิกาแต่อย่างใด

ผลจากการตรวจสอบพบเชื้อไวรัสซิกาดังกล่าว ทำให้ทางซีดีซีไต้หวัน ออกประกาศยกระดับคำเตือนการเดินทางสำหรับการเดินทางไปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ กับ กัมพูชา, มาเลเซีย,อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และ มัลดีฟส์ เป็นระดับ 2 คือถือว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสซิกา โดยในขณะเดียวกันได้ยกระดับคำเตือนการเดินทางสำหรับการเดินทางไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดเป็นระดับ 1 คือ อยู่ในข่ายต้องเฝ้าระวังไวรัสซิกา นอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้ที่ตั้งครรภ์อยู่เลื่อนการเดินทางไปยังพื้นที่การแพร่ระบาดของไวรัสซิกาด้วย


คาร์บอมบ์สนั่นกรุงคาบูล สังหารหมู่นักข่าวทีวี7ศพ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ว่า คนร้ายมือระเบิดฆ่าตัวตาย ขับรถยนต์ระเบิดโจมตีรถบัสโดยสาร บรรทุกผู้สื่อข่าวและพนักงานของสถานีโทรทัศน์ โตโล ทีวี ของอัฟกานิสถาน ขณะแล่นอยู่บนถนนใกล้อาคารสถานทูตรัสเซียในกรุงคาบูล เมื่อวันพุธ แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ศพ บาดเจ็บ 25 คน

พล.ต.อ.อับดุล ราห์มาน ราฮิมี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอัฟกานิสถาน กล่าวว่า พลเรือนที่เสียชีวิต 7 ราย รวมถึงผู้หญิง 2 คน โดยคนร้ายขับรถยนต์ซุกระเบิดพุ่งชนรถบัสโดยสาร ที่กำลังส่งผู้สื่อข่าวและพนักงานของโตโล ทีวี กลับบ้าน หลังเลิกงาน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็น

รถบัสโดยสารที่ตกเป็นเป้าหมายของคนร้าย เป็นของบริษัทโมบี กรุ๊ป องค์กรสื่อขนาดใหญ่ที่สุดของอัฟกานิสถาน ซึ่งเป็นเจ้าของโตโล ทีวี สถานีโทรทัศน์ที่มียอดผู้ชมมากที่สุด และช่องข่าวทีวี 24 ชั่วโมงช่องแรกของประเทศ รวมทั้งเจ้าของบริษัทผู้ผลิตรายการ คาบูรา

เบื้องต้นยังไม่มีผู้ใดหรือกลุ่มใดออกประกาศแสดงความรับผิดชอบ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มตาลีบัน ที่เคยประกาศอย่างเปิดเผยเมื่อปีที่แล้วว่า จะโจมตีโตโล ทีวี หลังจากสถานีโทรทัศน์แห่งนี้รายงานข่าวเกี่ยวกับการยิงทิ้งตัวประกัน ข่มขืน ลักพาตัว และการใช้ความรุนแรงอื่นๆ โดยนักรบตาลีบัน ระหว่างการสู้รบเพื่อยึดครองเมืองคุนดุซ


มติ กบง.ลอยตัวราคาก๊าซเอ็นจีวีแล้ว แต่ให้ปตท.รับส่วนต่างราคาแทนก่อน

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้ลอยตัวราคาก๊าซเอ็นจีวีแบบมีเงื่อนไข มีผลวันที่ 21 มกราคมนี้ เนื่องจากราคาเนื้อก๊าซเอ็นจีวีในตลาดโลกมีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ราคาน้ำมันที่ยังเป็นขาลงในกรอบ 30-40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยมอบหมายให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลกลไกราคาเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2559 หากเดือนใดมีต้นทุนเนื้อก๊าซเกินกว่า 13.50 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ให้ ปตท. เป็นผู้รับภาระส่วนเกิน เพื่อช่วยให้เกิดการลงทุนสถานีจากเอกชนรายอื่นที่เชื่อมต่อกับท่อก๊าซของ ปตท. มากขึ้น

นายทวารัฐกล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติให้จัดทำโรดแมปการดำเนินธุรกิจก๊าซแอลพีจีให้มีการแข่งขันเสรีมากขึ้น โดยเฉพาะราคาแอลพีจีนำเข้าและราคาหน้าโรงกลั่นที่ควรมีการแข่งขัน เพื่อให้เกิดการสะท้อนต้นทุนที่ชัดเจน โดยโรดแมปดังกล่าวประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1)การยกเลิกมาตรการที่ไม่เอื้อให้มีผู้นำเข้าแอลพีจีรายที่ 2 จากปัจจุบันที่ ปตท. ผูกขาดการนำเข้าแต่เพียงผู้เดียว โดยจากนี้กำหนดให้ ปตท. ต้องเปิดให้บุคคลที่ 3 สามารถเข้ามาใช้บริการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ได้ พร้อมยกเลิกค่าขนส่งรายภูมิภาค 2)เมื่อมีผู้ค้าก๊าซมากกว่า 1 ราย ให้ สนพ. ติดตามภาวะการแข่งขัน เพื่อพิจารณาปรับสูตรราคานำเข้าอีกครั้งหนึ่ง 3)ให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้พิจารณากลไกประมูลสิทธิการนำเข้า และ 4)เมื่อเข้าสู่การค้าเสรีเต็มรูปแบบ ให้ผู้ค้าก๊าซนำเข้าในราคาที่เหมาะสมแต่ยังสามารถแข่งขันได้

นายทวารัฐยังกล่าวว่า จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงต่อเนื่อง และค่าการตลาดที่ยังอยู่ในระดับสูง ที่ประชุมจึงมีมติให้ปรับขึ้นอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันอีก 60 สตางค์ต่อลิตร สำหรับน้ำมันเบนซิน 95 แก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 และดีเซล ส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนเพิ่มขึ้น 1,152 ล้านบาทต่อเดือน โดยสถานะกองทุนเฉพาะน้ำมันล่าสุดอยู่ที่ 34,944 หมื่นล้านบาท สำหรับการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่มครั้งนี้จะไม่ส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันให้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างใด


แพทย์เผย "สาวโสด-ไม่มีลูก"เสี่ยงมะเร็งเต้านมสูง

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ผศ.พญ.เอื้อมแข สุขประเสริฐ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า จากการรวบรวมข้อมูลอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งทั่วโลกเมื่อปี 2555 พบว่าในจำนวนประชากรโลก 7,000 ล้านคน มีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ ประมาณ 14 ล้านคน เสียชีวิตปีละประมาณ 8-9 ล้านคนต่อปี เพศชายเป็นมะเร็งปอดมากที่สุด มีผู้ป่วยอยู่ที่ 1.2 ล้านคน เสียชีวิต 1.9 ล้านคน และพบมีความสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ รองลงมาคือมะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ ส่วนเพศหญิงพบมะเร็งเต้านมมากที่สุดอยู่ที่ 1.67 ล้านคน เสียชีวิต 5 แสนคน ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตต่ำ เพราะเต้านมเป็นอวัยวะที่ยื่นออกมานอกร่างกาย สามารถคัดกรองได้เร็ว รองลงมาคือมะเร็งลำไส้ และมะเร็งปากมดลูก ตามลำดับ

ผศ.พญ.เอื้อมแข กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์ในประเทศไทยนั้นพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ 1.23 แสนคน มะเร็งตับ ร้อยละ 25 มะเร็งปอด ร้อยละ 14 และมะเร็งเต้านม ตามลำดับ ผู้ชายเป็นมะเร็งตับมากที่สุด ทั้งจากสาเหตุของการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และจากเซลล์ท่อน้ำดีอักเสบจากพยาธิใบไม้ในตับ รองลงมาคือมะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ ส่วนผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมมากที่สุด รองลงมาคือมะเร็งปากมดลูก และมะเร็งปอด ทั้งนี้มะเร็งแต่ละชนิดเหมือนกันหมดหากพบในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาให้หายได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลาม อย่างไรก็ตามขณะนี้การให้วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบี รณรงค์ไม่ให้กินปลาดิบ และตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก เป็นต้น จากข้อมูลของสมาคมวิทยาแห่งประเทศไทย พบว่าหญิงไทยร้อยละ 80 เป็นมะเร็ง ระยะเริ่มต้น จึงสามารถรักษาให้หายขาดได้

“ในมะเร็งเต้านมนั้น รู้ว่าสัมพันธ์กับฮอร์โมนในร่างกาย แต่พบว่าในหญิงตั้งครรภ์นั้นฮอร์โมนในร่างกายจะไม่เปลี่ยนเป็นสารเอสโตรเจน ดังนั้นคนที่เป็นโสด แต่งงานมีลูกหลังอายุ 35 มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าคนที่แต่งงานมีลูกเร็ว ประกอบการใช้ชีวิตแบบตะวันตกกินอาหารที่มีไขมันมาก ออกกำลังกายน้อย ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดมะเร็งเต้านมมากขึ้น” ผศ.พญ.เอื้อมแข กล่าว

ด้าน นพ.ภัทรวินฑ์ อัตตะสาระ รองผอ.สำนักตรวจราชการ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการศึกษาข้อมูลพบว่าในปี 2573 จะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 70 โดยเฉพาะการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่พบว่าการเกิดโรคมะเร็งแต่ละชนิดมีความสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น ทั้งนี้จากการศึกษา 8 ประเทศในกลุ่มอาเซียนหลังเข้ารับการรักษาพยาบาล 1 ปี พบว่าจะมีผู้ป่วยเสียชีวิต ร้อยละ 29 ล้มละลายจากค่ารักษาพยาบาล ร้อยละ 48 ในจำนวนนี้พบด้วยว่าร้อยละ 59 ใช้เงินสะสมจนหมด ร้อยละ 41 ต้องกู้ยืมเงินมาจ่ายค่ารักษา เป็นต้น ทั้งนี้ มีเพียงร้อยละ 23 เท่านั้นที่มีชีวิตอยู่ได้ และไม่ล้มละลาย หลังจากที่มีการเปิดเออีซีแล้ว ประเทศไทยต้องดำเนินการเพื่อรองรับผู้ป่วยที่จะเข้ามารับการรักษามากขึ้น โดยจัดตั้งโปรแกรมการตรวจคัดกรองมะเร็งที่มีคุณภาพ


เอเชียเปิดตลาดยังทรงตัว

นักลงทุนทั่วโลกยังคงหวั่นวิตกเกี่ยวกับปัญหาราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องจนทำสถิติต่ำสุดในรอบ 12 ปีรวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสำคัญทั่วโลกทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่นร่วงลงกว่า 20% จากสถิติสูงสุดในปี 2558 ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 1.6% หลังจากที่ก่อนหน้านี้ร่วงลงไปมากที่สุดถึง 3%

นักวิเคราะห์มองว่าความผันผวนดังกล่าวเป็นผลกระทบจากการที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ เนื่องจากตลาดยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนหลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขล่าสุดว่ามีการเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 25 ปีเพราะคนส่วนใหญ่ไม่แน่ใจในตัวเลขที่ทางการประกาศออกมา ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่องก็ยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ให้ย่ำแย่ลงไปอีก

อย่างไรก็ดีหลังมีการเปิดตลาดในเอเชียช่วงเช้าวันที่ 21 มกราคม ตลาดหุ้นออสเตรเลียกลับเปิดตัวเพิ่มขึ้น 1% จากหุ้นในกลุ่มแบงค์ ขณะที่ตลาดหุ้นในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังคงทรงตัวโดยดัชนีนิเคอิยังคงอยู่ที่ 16,454.25 จุด ขณะที่ดัชนีหลักทรัพย์ของเกาหลีใต้ปรับเพิ่มขึ้น 0.4% อยู่ที่ 1853.39 จุด

รัสเซียถล่มซีเรียไม่ถึง 4 เดือน ทำพลเรือนดับแล้วกว่าพัน

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรีย เปิดเผยรายงานระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อซีเรียของรัสเซีย ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้วกว่า 1,000 ราย นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการเมื่อวันที่ 30 กันยายนปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานพลเรือนเสียชีวิตทั้งสิ้น 1,015 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กกว่า 200 คน

รายงานระบุว่า กลุ่มสังเกตการณ์ได้อาศัยข้อมูลจากเครือข่ายแหล่งข่าวต่างๆ ในการอ้างอิงรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในซีเรีย และว่า การโจมตีของรัสเซียได้ทำให้มีสมาชิกของกลุ่มกองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส เสียชีวิต 893 ราย และกลุ่มต่อต้านรัฐบาลกลุ่มอื่นๆ ซึ่งรวมทั้งสมาชิกกลุ่มอัล นุสรา ฟรอนต์ ที่อยู่ในเครือของกลุ่มอัลเดค้า เสียชีวิตไป 1,141 ราย รวมทั้งสิ้นมีผู้เสียชีวิตจากปฏิบัติการของรัสเซีย 3,049 ราย ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 700 รายภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์

ทั้งนี้ รัสเซียเป็นพันธมิตรสำคัญของรัฐบาลซีเรียและยังร่วมมือกับรัฐบาลซีเรียในการโจมตีกลุ่มต่อต้านอย่างกลุ่มไอเอสและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ อย่างไรก็ตาม กลุ่มนักเคลื่อนไหวและกลุ่มกบฏในซีเรียที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลซีเรีย กล่าวหารัฐบาลรัสเซียว่าพุ่งเป้าโจมตีกลุ่มมุสลิมสายกลางที่หัวไม่รุนแรงมากกว่าที่จะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มไอเอส