ข่าว
กกต.รับ ต้องเปิดขยายเวลา ไม่มีคนลงสมัครลต.ซ่อมส.ส.

กกต.รับ อาจต้องขยายเวลา หากปิดรับสมัครเลือกตั้งซ่อมฯส.ส.8 เขตวันนี้ปรากฏ ยังไม่มีใครลงสมัคร รอดูท่าที พท.-ปชป.ส่งคนลง หรือไม่

วันที่ 6 ธ.ค. นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ กรณีที่ กกต.ประกาศเปิดรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 8 เขต ตั้งแต่ 2-6 ธ.ค. นี้ที่ส.ส.ปชป.ลาออกไป ซึ่งวันนี้นับเป็นวันสุดท้ายว่า คงต้องรอผลสรุปจากเจ้าหน้าที่ทั้ง 8 เขตเลือกตั้งซ่อมฯในวันนี้ที่จะสรุปผลมาเสียก่อนว่า ท้ายที่สุดแล้วจะมีผู้สมัครมาสมัครหรือไม่ โดยเฉพาะพรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เก่า ทั้งนี้หากปิดรับสมัครแล้วปรากฏว่า 2 พรรคหลักไม่ได้ส่งผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมฯมาจริงๆ ก็ต้องไปดูว่ามีพรรคการเมืองอื่นส่งผู้สมัครมาบ้างหรือไม่ แต่หากเหลือผู้สมัครเพียงพรรคเดียวก็จะเข้าเงื่อนไขต้องได้คะเนนเลือกตั้งมากกว่า 20% แต่หากเขตใดมีผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมมากกว่า 2 พรรคการเมืองขึ้นไป ก็จะพ้นเงื่อนไข 20%

อย่างไรก็ตาม นายประพันธ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่หากปิดรับสมัครแล้วปรากฏว่า ไม่มีผู้มาสมัครเลือกตั้งซ่อมเลย ไม่ว่าในพื้นที่เขตใดก็ตาม ทาง กกต.คงต้องมีการพิจารณาขยายเวลาเปิดรับสมัครเลือกตั้งซ่อมออกไป แต่ทั้งนี้ต้องไปพิจารณาช่วงเวลาให้รอบคอบ เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดให้หลัง ส.ส.ลาออก กกต.จะต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน

โดย นายประพันธ์ ยืนยันต่อว่า ความจริงก็ไม่อยากให้มีการสมมติ เนื่องจาก ยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์การเมือง เช่นนี้ขึ้นมาก่อน แต่หากเกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะหากขยายเวลารับสมัครเลือกตั้งซ่อมออกไปในเขตเลือกตั้งใดทั้ง 8 เขตแล้ว ยังปรากฏว่า ไม่มีผู้ใดมาสมัครรับเลือกตั้งจริง ประกอบกับเวลาถ้าไม่ทันจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ก็ไม่เป็นไร เพราะในสภาผู้แทนราษฎรยังมี ส.ส.มากเพียงพอที่จะสามารถทำงานอยู่ได้ แต่ยอมรับว่า กกต.ก็หนักใจ หากสถานการณ์ ไหลไปถึงจุดนั้น ก็หวังว่า คงจะไม่ไปถึงจุดนั้น

'สุเทพ'ย้ำ9ธ.ค.ต้องจบ! หมดมุกดึงฝูงชนร่วมด้วย

"สุเทพ" ขึ้นเวทีอีก เล่าเรื่องเก่า ตอกย้ำมวลมหาประชาชน สู้ระบอบทักษิณ ย้ำ ม.7 ทำได้แน่นอน เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน...

เมื่อเวลา 20.30 น. วันที่ 6 ธ.ค. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวว่า สวัสดีพี่น้องคนไทยทุกคน ในฐานะเลขาฯ กปปส. ขอขอบคุณพี่น้องทุกคนที่ร่วมกันถวายความจงรักภักดี เราได้ถวายสัตย์ว่าเราจะดำรงตนให้เป็นคนดี ยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เราจะได้ปฏิบัติ เราจะได้เห็นกันภายในวันสองวันนี้ ตั้งแต่เราเดินหน้าสู้กันมา มีคนถามเรามาก เราพยายามอธิบายให้คนที่สงสัยตลอด ประชาชนเราเสียเปรียบในเรื่องการประชาสัมพันธ์ รัฐบาลได้เปรียบ เพราะมีสื่อแขนงต่างๆ อยู่ข้างรัฐบาล วันนี้เราควรพูดจาให้ชัดในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง มีคนถามว่าถ้าสิ่งที่เราสู้อยู่สำเร็จ เราจะทำอย่างไรกับประเทศไทย ที่ผ่านมาฝ่ายรัฐบาลมักจะออกมาหยามว่าสิ่งที่เราทำไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้น ตนจึงขอชี้แจงให้พี่น้องประชาชน และสื่อมวลชนที่มีใจเป็นธรรมได้รับฟัง คือ ในระบอบประชาธิปไตย ตั้งแต่ปี 2475 รัฐธรรมนูญบัญญัติในมาตรา 1 คือ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน และในรัฐธรรมนูญทุกฉบับก็มีบทบัญญัติ เรื่องอำนาจอธิปไตย เรื่องการปกครองบ้านเมืองชัดเจน รัฐธรรมนูญปัจจุบันเขียนใน มาตรา 3 เขียนว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย แต่ประเทศเรามีพระมหากษัตริย์ เราเทิดทูนพระมหากษัตริย์ จึงถวายอำนาจอธิปไตยนั้นให้พระองค์ท่านทรงใช้ผ่านรัฐบาล ในอำนาจบริหาร ผ่านสภา นิติบัญญัติ ผ่านศาลในอำนาจตุลาการ ทุกอย่างเป็นการยินยอมพร้อมใจของประชาชนทั้งสิ้น คือผ่านกระบวนการเลือกตั้งโดยประชาชน

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ทั้งสภา และรัฐบาลคือผู้ได้อำนาจจากประชาชน ให้ไปดูแลกฎหมายต่างๆ ส่วนเรื่องตุลาการนั้นทำตามพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ การทำหน้าที่ของรัฐบาลที่ดี จะต้องทำตามหลักสุจริต และต้องทำตามหลักนิติธรรม นั่นคือหลักของกฎหมาย ต้องทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน ทั้งรัฐบาลและสภา ต้องเอาอำนาจที่ประชาชนมอบให้ใช้ตามกติกาที่กำหนดไว้ แต่ปรากฏว่า รัฐบาลนี้ไม่ได้ใช้อำนาจที่ประชาชนมอบให้ตามกฎเกณฑ์ ตามกติกาที่วางไว้ ไม่ใช้อำนาจอย่างสุจริต ไม่ได้ใช้ตามหลักนิติธรรม และไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อประชาชน แต่กลับใช้อำนาจในทางที่ผิด เหลิงอำนาจ อาศัยพวกมาก แล้วไปตรากฎหมาย แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรม เอาอำนาจของประชาชนไปใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง แก้เพื่อหวังอำนาจ ไว้รองรับพี่ชายหนีคดี และเสวยอำนาจเพื่อใหญ่คนเดียวในประเทศไทย แล้ววิธีการทำก็อัปยศ ใช้อุบายทำทุกอย่างเพื่ออำนาจ ปิดปากในสภา เวลาลงคะแนนเสียงใช้สันดานเดิม ตั้งแต่โกงเลือกตั้ง ซื้อเสียง มีการจ่ายเงินลงคะเเนน โกงคะแนน แอบลงคะเนนให้คนอื่น นี่คือการโกงคะแนนในสภา ในส่วนที่เป็นกฎหมาย มันบังอาจสมคบกัน ไปเขียนกฎหมายล้างผิดให้พี่ชาย ที่ศาลพิพากษาแล้วว่าทำความผิด โกงชาติ โกงแผ่นดิน จำคุก 3 ปี ยึดทรัพย์กว่า 4 หมื่นล้าน แต่มันก็ยังจะล้างผิดให้ ล้างผิดให้คนที่ศาลพิพากษาแล้วว่าผิด ไม่มีที่ไหนออกกฎหมายลบล้างคำพิพากษาของศาล ผิดหลักนิติธรรมชัดๆ ออกฎหมายล้างผิดให้คนฆ่าทหาร ฆ่าประชาชน ล้างผิดให้ฆาตกร ไม่มีที่ไหนทำ มีแต่ที่นี่

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ทั้งหมดที่มันทำมานี้ ผิดทุกอย่าง ทั้งหมดเป็นความผิดที่วินิจฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญว่าผิดทั้งหมด แต่รัฐบาลปฏิเสธ นายกฯ ปฏิเสธ ทำตัวเป็นกบฏต่อรัฐธรรมนูญ สภาที่ประกอบด้วย ส.ส. และส.ว.ที่รัฐบาลจ้างไว้ซื้อไว้ จึงหมดสภาพ เพราะได้กระทำตนเป็นกบฏอย่างชัดแจ้ง สรุปได้เลยว่าวันนี้ไม่มีรัฐสภาเหลือแล้วในประเทศไทย คนไทยรู้กันทั้งประเทศ ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ใช่รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง เป็นเพียงรัฐบาลหุ่นเชิด โกงเลือกตั้งมา ได้คะแนนเสียงมา ที่ไม่ใช่เสียงที่แท้จริงของประชาชน แต่ที่แย่กว่านั้น อ้างกับประชาชนว่าเป็นรัฐบาล แต่เมื่อเป็นรัฐบาล ทั้งตัวนายกฯ กลับยอมตนให้คนอื่นที่อยู่ต่างประเทศบงการรัฐบาล ยอมตนอยู่ภายใต้อำนาจของคนภายนอก ซึ่งไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว พี่น้องคิดดู ถ้ารัฐบาลฟังคำสั่งคนอื่น คนนอกประเทศ ฟังฮุน เซน อย่างนี้เป็นรัฐบาลหรือทักษิณ คือคนหนีคดีที่อยู่ต่างประเทศ จึงไม่มีอำนาจสั่งรัฐบาล ไม่มีรัฐธรรมนูญสั่งไว้ ว่าคนหนีคดีจะสั่งรัฐบาลได้ รัฐบาลนี้ยอมตนอยู่ในอำนาจของคนนอก ของผู้ต้องหาหนีคดี ไม่มีรัฐบาลที่ไหนทำ นอกจากรัฐบาลหุ่นเชิดยิ่งลักษณ์

ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้จึงหมดสภาพแล้ว ถ้าเป็นพระก็เป็นอลัชชีไปแล้ว มวลมหาประชาชนได้รับรู้แล้ว ว่ารัฐสภานี้ รัฐบาลนี้มีพฤติกรรมที่ผิดชัดเจน รัฐบาลนี้ไม่เกรงใจประชาชน ดังน้ัน ประชาชนต้องลุกมาทวงอำนาจคืน วันนี้ประเทศไทยไม่มีรัฐบาลแล้ว เราคนไทยต้องลุกขึ้นพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยิ่งลักษณ์โง่ ที่บอกว่าไม่มีกฎหมายยอมรับ มาตรา 3 ระบุชัด ว่าอำนาจเป็นของปวงชนชาวไทย เมื่อเป็นของปวงชนชาวไทย เมื่อไม่มีรัฐบาลจะเป็นอย่างไร มาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญบอกว่า ในกรณีที่ไม่มีบทบัญญัติเขียนไว้ เพราะคงไม่มีการคาดเดาว่าจะมีสภาที่อุบาทว์ขนาดนี้ จึงไม่มีบทบัญญัติเป็นการเฉพาะ ว่ากรณีที่ไม่มีสภา จะทำอย่างไร มาตรา 7 ระบุว่า ต้องดำเนินการไปตามการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คือเมื่ออำนาจเป็นของคนไทย ประชาชนที่เป็นเจ้าของอำาจ จึงย่อมมีอำนาจแต่งตั้งคนใหม่ทำหน้าที่นิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ตามประเพณีปฏิบัติ ดังนั้น คนไทยจึงมีสิทธิปกป้องประชาธิปไตย

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า เมื่อไม่มีสภาพ ไม่มี ส.ส. จึงแต่งตั้งนายกฯ คนนอกได้ ในอดีตมีการแต่งตั้งนายกฯ คนนอกได้ ที่ไม่ใช่ ส.ส. นี่สอดคล้องประเพณีปฏิบัติ เรื่องนี้สำคัญตรงเจ้าของอำนาจอธิปไตยว่าจะเอาอย่างไร บางคนบอกเราร่วมกับทหารทำแบบนี้ ทั้งๆ ที่ ทหารเป็นทหารของชาติ ทหารไม่อยากยุ่งการเมือง ไม่คิดปฏิวัติยึดอำนาจ วันนี้มีปัญหาระหว่างประชาชน กับรัฐบาล ทหารจึงไม่เข้าข้างใคร จึงให้ชัดเจนไปเลยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของประชาชนกับระบอบทักษิณ ดังนั้น จึงไม่มีอะไรเกี่ยวกับทหารทั้งสิ้น ทหารก็ไม่ออกมาปราบประชาชนแน่นอน วันนี้ประชาชนเลือกวิธีการต่อสู้แบบสันติ

แต่รัฐบาลนี้มันยังทำร้ายนักศึกษารามฯ ทำได้ลงคอ วันที่ 2 ธ.ค. มีผู้ชุมนุมถูกยิงด้วยกระสุนจริง นี่คือความรุนแรงของรัฐบาล เมื่อคืนรัฐบาลให้แก๊งอันธพาลขับจักรยานยนต์มาคุกคามใช้อาวุธกับพวกเรา มีคนถูกยิงมือที่ กระทรวงการคลัง โดยฝีมือรัฐบาลชุดนี้ และยังมีการ์ดของเราที่แยกคอกวัว ถูกขว้างระเบิดปิงปองโดนมือซ้าย โดนตัดนิ้ว 3 นิ้ว นี่คือฝีมือรัฐบาลโจร ตนกำหนดแล้วว่า วันจันทร์ที่ 9 ธ.ค. เรื่องนี้ต้องจบจริงๆ จบแน่นอน

นอกจากนี้ นายสุเทพ ยังประกาศด้วยว่า วันที่ 9 ธ.ค.นั้น ตนจะเดินเท้านำขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลด้วยตัวเอง โดยจะไม่ย้อนกลับมายังศูนย์ราชการอีก "แพ้เป็นแพ้ ชนะเป็นชนะ" ทั้งนี้จะไม่บุกเข้าไปยังทำเนียบรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะไม่อยากทะเลาะกับทหาร แต่ต้องการดูใจทหารในเช้าวันจันทร์ อย่างไรก็ตาม ถ้าประชาชนไม่ออกมา ก็จะยอมเดินไปมอบตัว ในข้อหากบฏ.

พระบารมี”ในหลวง” คลี่คลายปมขัดแย้ง

แม้ประเทศไทยจะยังติดอยู่ในกับดักวังวนของความขัดแย้ง จนส่งผลให้สังคมไทย กลายเป็นสังคมแห่งความระทมทุกข์ แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจ ที่หล่อหลอมให้พสกนิกรชาวไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคม ที่เป็นห้วงเวลาอันเป็นมหามงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา มหาราช

นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตลอดการครองสิริราชสมบัติ พระองค์ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ที่มีคุณประโยชน์นานัปการ รวมถึงพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่พสกนิกรชาวไทยเนื่องในโอกาสสำคัญ มีเนื้อหาที่ให้คำแนะนำ ข้อคิด เตือนสติ โดยเฉพาะการเน้นย้ำเรื่องความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"ความพร้อมเพรียงกันของทุกท่านอย่างที่ได้เห็นในวันนี้ ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมากขึ้น มีความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาปรารถนาดีของท่านต่อกันนี้ เป็นปัจจัยอย่างสำคัญที่จะทำให้ความพร้อมเพรียงให้เกิดขึ้นมีขึ้น ทั้งในหมู่คณะและในชาติบ้านเมือง"

เสียงยืนยันจากหนึ่งในผู้ถวายงานใกล้ชิดอย่าง นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา บอกว่า ความรู้รักสามัคคีเป็นสิ่งที่ทรงย้ำเตือนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า เพื่อมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สุขของชาติบ้านเมืองให้ยั่งยืนตลอดไป

"แผ่นดินใดก็ตามถ้าขาดความสามัคคี ขาดเรื่องปัญญาแล้ว ความเจริญก็เกิดขึ้นได้ลำบาก เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงเตือนทุกครั้ง ปัญหานี้เกิดทั่วทั้งโลก พระองค์ก็ทรงทำให้ดู ทรงสอนแล้วสอนอีก ให้เรารักษาดินน้ำลมไฟ เพราะแผ่นดินเป็นปัจจัยที่จะเป็นเครื่องยังชีวิตของเราไว้ เพราะฉะนั้น เราก็ควรเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท "นายสุเมธ กล่าว…

ไม่นับรวมพระราชดำรัสต่อคณะผู้บริหารประเทศทุกยุคทุกสมัย เรื่องความเสียสละ ซื่อสัตย์ เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

"อันนี้ก็ไม่เป็นปัญหาว่า ควรจะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ข้อสำคัญก็ขอให้ได้ทำจริงๆ เพราะว่าถ้าไม่ได้ทำก็จะมีการตำหนิติเตียนรัฐบาลทั้งรัฐบาล ขอให้ท่านได้สามารถปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ด้วยความมีผลสำเร็จ ท่านเองในส่วนตัวของท่านก็จะมีความพอใจถ้าทำได้"

ถึงเวลาที่พวกเราต้องกลับมาทบทวนตัวเองในฐานะลูกว่า กตัญญู และตอบแทนพระคุณ ถวายพ่อของแผ่นดินพระองค์นี้ แล้วหรือยัง...