ข่าว
ไม่ลวงโลก"นาธาน"ยันเตรียมวิวาห์เศรษฐีหนุ่มจริง

เมื่อเวลา 14.40 น. (24 พ.ย. 57) ที่สตูดิโอ เวิร์คพอยท์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีตนักร้องหนุ่ม นาธาน โอมาน หรือชื่อจริง นายนธัญ โอมานันท์ ได้เดินทางมาอัดรายการ “วีคไนท์ โชว์” ทางช่องเวิร์คพอยท์ทีวี และหลังจากจบรายการอดีตนักร้องหนุ่มได้แถลงข่าวเปิดใจเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับกระแสข่าวลือการแต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มพันล้าน พร้อมยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงไม่ได้มโนและโกหกเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งนาธาน กล่าวว่า

“เรื่องกระแสข่าวเรื่องการแต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่มพันล้าน และหลายคนสงสัยว่าแฟนธานคือใคร โกหกหรือเปล่า จริงๆแล้วเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ทางภาคใต้ มีเชื้อฝรั่งเศสนิดๆและมีธุรกิจเกี่ยวกับเรือและอสังหาริมทรัพย์อีกหลายที่ทางใต้เช่นกัน เอาเป็นว่าธานจะบอกแน่นอน สาบานได้ว่าเป็นเรื่องจริง เราไม่โกหกและอยากจะล้างภาพลวงโลกออกไป แต่ตอนนี้โชว์รูปหรืออะไรให้ดูไม่ได้ต้องรอสักพักก่อน เราเคยเจอกันนานมากแล้ว ตอนนั้นยังไม่ได้รักกัน และได้มาเจอกันอีกทีก่อนธานติดคุกที่ว่าเราลวงโลกหาว่าไปเป็นพรีเซนเตอร์ของ สคบ. ไปเจอกันที่พัทยาก็เลยคุยกัน ส่งไลน์หากัน เขาก็บอกว่าทุกคนเคยพลาดมาทั้งนั้นแต่ถ้าจะคบกันเราก็ไม่สนอดีต จากนั้นเลยตกลงเป็นแฟนกัน ยิ่งพอเราอยู่ด้วยกันนานๆปุ๊บมันเหมือนต่างคนต่างเหงา หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยกันถึงเรื่องชีวิตรักและแต่งงานครับ ซึ่งอีก 2 อาทิตย์ก็จะมีไปซื้อแหวนหมั้นแทนใจกัน"

"สำหรับการขอแต่งงานคือมีอยู่วันหนึ่งเรานอนกอดกัน เขาเลยพูดว่าแต่งงานกับพี่ไหม เราก็บอกตอนนี้เหรอ คือเขาบอกว่ารอเราได้ทุกวันครับ (ยิ้ม) แต่ตัวเราไม่พร้อม ถ้าแต่งตอนนี้มันเหมือนไปหลอกเขา เพราะเราไม่มีอะไรเลย คิดว่ารออีกหน่อยให้เรามีฐานะกว่านี้ก่อน ส่วนเรื่องสินสอดยังไม่ได้คิดว่าจะเรียกเท่าไหร่ อาจจะให้คุยกับทางที่บ้านก่อน เพราะมันเป็นการแต่งแบบเกย์และสังคมไทยยังไม่ยอมรับ แต่ถ้าไม่แต่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเมื่อไหร่ ซึ่งบอกได้ว่าเดี๋ยวได้เจอแน่นอนเร็วๆนี้ เพราะเราตั้งใจเปิดตัว คอนเฟิร์มว่างานแต่งงานจะมีขึ้นแน่นอน และพยายามไม่ให้เกิน 2 ปี และไม่ต้องกลัวว่าโกหก เพราะมันสืบกันได้"

"ส่วนประเด็นเรื่องสักคิ้ว ที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล คือจริงๆแล้วเราใช้น้ำมันแขกทาและปัดเปลี่ยนทรงคิ้วซ้ายขวาให้มันดูสดชื่นขึ้นเท่านั้น เราทามานานมากโดยที่ไม่ได้คิดอะไร แต่เพิ่งมาเป็นประเด็นตอนที่มีกระแสคิ้ว3มิติ ซึ่งเราไม่รู้เรียกว่าอะไร จะเรียกกี่มิติดีก็ตามแต่มโนแล้วกัน จะเอา 10 มิติเลยก็ได้ แต่คิ้วนี้บอกว่าเลยว่าเป็นคิ้วนำโชคมากๆ เพราะเราก็มีงานโชว์ตัวเข้าและได้เข้ามาในวงการอีกครั้งต่อไปนี้เราสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานเก็บเงินและไม่โกหกอีก ส่วนคนที่ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ไม่ใช่หน้าด้านแต่ไม่สะเทือนครับ ทนได้ ไม่มีปัญหาครับ”

“บิ๊คอ๊อด” ประกาศ “ยุคผม...ใหญ่แค่ไหนก็จับ”

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) บรรยากาศที่ห้องศรียานนท์ อาคาร 1 ตร.ซึ่งใช้เป็นห้องแถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดการจับกุมตัว พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (อดีตผบช.ก.) พร้อมกับพวกรวม 12 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาความผิดตามมาตรา 112 และข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับและจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ รวมทั้งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรวมถึงข้อหาอื่นๆ แตกต่างกันอีกหลายข้อหา เป็นไปอย่างคึกคัก มีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติรอติดตามทำข่าวกันอย่างเนืองแน่น ทั้งนี้ผู้ที่จะแถลงข่าวประกอบด้วย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง, พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร., พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น., พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล ผบก.ปทส. และพ.ต.อ.อัครเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป.

อย่างไรก็ตาม สำหรับการแถลงข่าวในวันนี้ ไม่มีการนำตัวผู้ต้องหามาแต่อย่างใด แต่มีการเตรียมฉายวิดิโอภาพผ่านจอโปจเจคเตอร์ขนาดใหญ่ เกี่ยวกับพฤติการณ์ความผิด การบุกคุ้นที่บ้านพัก รวมถึงของกลางที่ตรวจยึดได้ประกอบการแถลงข่าว สำหรับผู้ต้องหาในคดีนี้ นอกจากพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์แล้ว ยังมี พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผู้บังคับการตำรวจน้ำ, พ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์, พ.ต.อ.โกวิทย์ ม่วงนวล, ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา, ด.ต.ฉัตรินทร์ เหล่าทอง, นางสุดาทิพย์ ม่วงนวล, นางสวงค์ มุ่งเที่ยง, นายชอบ และนางติยะพรรณ ชิณประภา

โดยช่วงเย็นวานที่ผ่านมา ตำรวจได้ควบคุมตัวนายตำรวจ 6 คนไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังเป็นผัดแรก และถูกนำตัวควบคุมตัวไปยังเรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพแล้ว ส่วนพ.ต.อโกวิทย์ ม่วงนวล อดีตผู้กำกับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดสมุทรสาคร และนางสวงค์ ม่วงนวล ที่ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันสร้างหรือแผ้วถางป่าฯ และร่วมกันปลูกสร้างฝายล่วงล้ำแม่น้ำฯ ได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวน ส่วนนายชอบ และนางติยะพรรณ ชิณประภา ถูกนำตัวไปสอบสวนเพิ่ม และนายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์ ถูกออกหมายจับข้อหาร่วมกันมีไว้ในครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง มีรายงานว่าถูกควบคุมตัวไว้แล้ว และอยู่ระหว่างการสอบสวน


ครม.เพิ่มเบี้ยคนพิการเป็น 800 บาท

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.ได้อนุมัติในหลักการให้เพิ่มอัตราเบี้ยความพิการให้แก่คนพิการ จากเดิมรายละ 500 บาท เป็นรายละ 800 บาทต่อเดือน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 58 เป็นต้นไป รวมเป็นเงิน 13,353,628,800 บาท โดยให้สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา ดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยังได้เสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการกำหนดหน่วยงานผู้มีอำนาจรับผิดชอบดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครอง ส่งเสริม และสนับสนุนผู้สูงอายุ ในด้านต่างๆ ตาม พ.ร.บ.สูงอายุ พ.ศ. 2546 สาระสำคัญคือ มีการเพิ่มเติมหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา จากเดิมที่มีหน่วยงานของรัฐที่บริการผู้สูงอายุตามสิทธิอยู่แล้ว เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงคมนาคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่การออกประกาศฉบับนี้เพื่อเพิ่มหน่วยงานเข้ามา เพื่อส่งเสริมผู้สูงอายุสามารถรับการบริการต่างๆ ซึ่งเป็นนโยบายหลักของทางรัฐบาล

ทางด้านนางนภา เศรษฐกร ผอ.สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ (พม.) กล่าวว่า ครม.มีมติพิจารณาข้อเสนอจากคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (กพช.) เพิ่มอัตราเบี้ยความพิการ ให้กับคนพิการจากเดิม รายละ 500 บาท เป็น 800 บาทต่อเดือน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 เป็นต้นไป ทั้งนี้มีผู้พิการที่ขอรับเบี้ยความพิการจำนวน 1,391,003 คน จากจำนวนผู้พิการที่ขึ้นทะเบียน จำนวน 1.5 ล้านคน ซึ่งจากนี้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กทม. และเมืองพัทยา จะต้องเตรียมดำเนินการสนับสนุนตามที่มีมติ ครม. ต่อไป


เจอซีเซ่ ที่สนามบินปรัยเงิน 1 พันแล้วปล่อยออกนอก

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. รายงานข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่า หลังจากนายซีเซ่ ซามูเอล ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศเซียราลีโอน ซึ่งเป็นพื้นที่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา จะต้องเข้าสู่ระบบการติดตามป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาเป็นเวลา 21 วัน ซึ่งเป็นระยะฟักตัวของโรค ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข แต่ชายคนดังกล่าวกลับหลีกเลี่ยงการติดตามตามกระบวนการ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา จนกระทรวงสาธารณสุขต้องอาศัยอำนาจตามมาตรา 8 พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2523 ในการแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามตัวนั้น

นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ผอ.สำนักโรคติดต่อทั่วไป ให้สัมภาษณ์ว่า กรมควบคุมโรค ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สายการบินที่ นายซีเซ่ ซามูเอล กำลังจะใช้โดยสารออกนอกประเทศ จึงได้ประสานงานกับกรมควบคุมโรค ให้ไปดำเนินการสอบสวนโรคเพิ่มเติม ด้วยการตรวจสุขภาพ วัดอุณหภูมิ ซึ่งพบว่าร่างกายแข็งแรง ไม่มีไข้ ตอนนี้กำลังประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการส่งตัวออกนอกประเทศ ตามที่เจ้าตัวแจ้งความจำนงไว้ คือประเทศแถบยุโรป ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงที่หลบหนี ทราบว่าได้เดินทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในกทม. จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และผู้นำชุมชน ในการตรวจสอบดูแลพื้นที่เพิ่มเติม แต่เนื่องจากชายคนดังกล่าวไม่มีสัญญาณก่อโรค จึงไม่น่าเป็นห่วง ทั้งนี้ตามมาตรฐานการติดตามโรค จะสิ้นสุดการติดตามตัวในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ แต่เมื่อเจ้าตัวต้องการออกนอกประเทศ ก็ได้อนุญาตให้ออกไปได้

นพ.รุ่งเรือง กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้จะมีการเพิ่มมาตรการในการเฝ้าระวังการหลบเลี่ยงการติดตามตัว ด้วยการเพิ่มการทำความเข้าใจกับชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ เซียราลีโอน กินี ไลบีเรีย


ผู้หมวดเครียดสำนวนค้าง ผูกคอตายดับ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 พ.ย. ร.ต.ท.ธนัญขัย คันธห์ตถี ร้อยเวร สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี รับแจ้งมีคนผูกคอตายภายในตึกแถวเลขที่ 89/1 หมู่ 6 ต.ละหาร ไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวน แพทย์สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และมูลนิธิป่อเต็ดตึ๊ง ที่เกิดเหตุบริเวณห้องพักเลขที่ 211 ชั้น 2 ตึกแถวดังกล่าว แบ่งเป็นห้องเช่าพบศพ ร.ต.ท. ปรีชา นันทะพันธุ์ อายุ 30 ปี ตำแหน่ง พนักงานสอบสวน (สบ.1) สภ.บางบัวทอง สวมเสื้อยึดสีขาวตราโล่ กางเกงขายาวสีกากี ใช้เชือกผูกคอตัวเองแขวนกับระเบียง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ข้างศพพบจดหมายลาตาย เขียนด้วยลายมือผู้ตายในทำนอง ตัดพ้อชีวิต และตำหนิตัวเองว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมขอโทษประชาชนในเรื่องคดีที่รับผิดชอบแล้วยังคั่งค้างอยู่ ไม่สามารถรับแรงกดดันต่อไปไหว จึงขอลาก่อน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพทำข่าวในที่เกิดเหตุ เนื่องจากเป็นนโยบายของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ซึ่งคาดโทษไว้ว่าหากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักใดฆ่าตัวตายผู้บังคับบัญชาต้องถูกสั่งย้าย และรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากการสอบสวนทราบว่า ร.ต.ท.ปรีชา จบปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ ก่อนสอบเข้าอบรมเป็นนายร้อยตำรวจ และมาประจำอยู่ที่ สภ.บางบัวทอง แต่เนื่องจากในท้องที่รับผิดชอบมีคดีความเกิดขึ้นมากมาย ทำสำนวนไม่ทันจึงเกิดความเครียด ประกอบกับถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิบ่อยครั้ง เป็นเหตุให้ คิดสั้นฆ่าตัวตาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ให้มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อพิสูจน์ศพอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมเตรียมเรียกญาติมาสอบปากคำเพื่อดูมูลเหตุจูงใจที่แน่ชัด

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก สตช. กล่าวว่า ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภาค. 1 สอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องการคาดโทษสั่งย้ายผู้บังคับบัญชาต้องรับผิดชอบ ไม่ได้หมายความว่าต้องมีการลงโทษเลย แต่จะต้องต้องสอบสวนข้อเท็จจริง และพิจารณาเป็นกรณี ๆ ไปว่าผู้บังคับบัญชาบกพร่องจริงหรือไม่ และตรงจุดไหน ไม่ใช่ว่าจะสั่งย้ายกันทุกกรณีไป

ชื่นชมหมอคนเก่ง ทำคลอดหน้า รพ.

เมื่อวันที่ 22 พ.ย ในโลกสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพและคลิปวิดีโอ จากเพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่าง “Youlike (คลิปเด็ด)” ความยาว 1.16 นาที เผยให้เห็นภาพขณะชายคนหนึ่งกำลังทำคลอดให้กับหญิงสาวรายหนึ่ง โดยลักษณะท่าทางคล่องแคล่วมีความชำนาญ บริเวณริมถนนแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ. สระแก้ว พร้อมทั้งระบุข้อความว่า “ช่วยทำคลอดที่สระแก้ว” ภายหลังได้มีการแชร์คลิปดังกล่าวออกไป ทำให้กระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่ชื่นชมชายที่ทำคลอดดังกล่าว

ภายหลังผู้สื่อข่าว สอบถามไปยัง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก็ได้รับการเปิดเผยจากนายวิชิต คำไกร ผอ.รพ.สต.ทับพริกว่า ผู้ชายที่ทำคลอดในคลิปก็คือตนนั้นเอง โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนั้นเป็นเวลาเช้ามืด ตนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่ามีหญิงสาวชาวกัมพูชารายหนึ่งเจ็บท้องคลอดอย่างกะทันหัน ลักษณะนอนกึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาล ไม่สามารถลุกเดินหรือเคลื่อนไหวได้ เพราะอาจเกิดอันตรายขึ้นได้ ทำให้ต้องตัดสินใจทำคลอดตรงบริเวณนั้นทันทีทั้งนี้เมื่อตนมาถึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำเครื่องมือแพทย์มาโดยด่วน พร้อมกับเข้าทำคลอดด้วยความทุลักทุเล แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย แม่เด็กคลอดทารกเป็นเพศชาย น้ำหนัก 3,200 กรัม สุขภาพร่างกายแขงแรงดีทุกประการทั้งแม่และลูก

นายวิชิต ยังระบุอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการบริการสาธารณสุขชายแดน (Border health ) ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของแพทย์ ส่วนหญิงสาวรายนี้ ชื่อว่านางมม แรงงานชาวกัมพูชา อายุ 22 ปี และทารกที่คลอดออกมา เป็นบุตรคนที่ 2 ของเธอ ภายหลังจากทำคลอดเสร็จสิ้นแล้ว ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชายแดนกิโลเมตรที่ 9 อ.สำเภาลูน จ.พระตะบอง ประเทศกัมพูชา ส่งตัวกลับประเทศ

ขณะที่ นางมม ได้บอกผ่านเพื่อนชาวกัมพูชาว่า ขอขอบคุณคนไทยในความมีน้ำใจ ให้การช่วยเหลือครอบครัวของตนมาโดยตลอด โดยเฉพาะคุณหมอและเจ้าหน้าที่ที่ช่วยชีวิตตนและลูกน้อยเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย