ข่าว
CSI LA ชนบิ๊กโจ๊ก! ปูดทีมสอบรับแจ้งความ‘แหม่มอังกฤษ’แล้ว จี้ถอนหมายจับ

4 ต.ค.61 เพจ CSI LA ยังคงโพสต์ข้อความเกี่ยวกับคดีสาวชาวอังกฤษ วัย 19 ปี อ้างว่าถูกวางยาและข่มขืนที่หาดทรายรี บนเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รักษาราชการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รรท.ผบช.สตม.) อย่างต่อเนื่อง หลังจากเจ้าหน้าที่ไทยสรุปการสอบสวนไม่พบว่ามีการมอมยาและข่มขืนตามที่แหม่มอังกฤษกล่าวอ้าง และล่าสุดได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปทำการสอบปากคำแหม่มสาวรายนี้ที่ประเทศอังกฤษแล้ว

ล่าสุด เพจ CSI LA โพสต์ข้อความอ้างว่า “วันนี้ตำรวจหญิงไทยได้ทำการสัมภาษณ์นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษที่เมืองลอนดอนแล้ว ได้มีการรับการรับแจ้งความอย่างเป็นทางการจากตำรวจไทย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรื่องนักท่องเที่ยวถูกข่มขืนที่เกาะเต่าเป็นเรื่องจริง”

“ผมเลยอยากให้สื่อหลักถามบิ๊กโจ๊กว่า the big joke จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไรกับข้อกล่าวหาที่คุณและนายกเทศมนตรีเกาะเต่ายัดให้กับคนที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิด พวกคุณอ้างว่าผมสร้างข่าวเท็จ และไปออกหมายจับลูกเพจ11คนที่แชร์ข่าวนี้ พวกคุณจะรับผิดชอบอย่างไร อย่างน้อยพวกคุณต้องแสดงสปิริตด้วยถอนคำร้องศาลและหมายจับทั้งหมด”

ขณะที่วันนี้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า วันเสาร์ที่ 6 ต.ค.61 คณะพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เดินทางไปสอบปากคำ แหม่มสาวชาวอังกฤษ จะเดินทางกลับถึงประเทศไทย พร้อมกับพยานหลักฐานที่ขอรับมาจากตำรวจอังกฤษ เช่น เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบอสุจิ เบื้องต้นการสอบสวนผู้เสียหายให้ความร่วมมือดี โดยมีล่ามชาวอังกฤษ ล่ามชาวไทย และ เจ้าหน้าที่ของทางการอังกฤษร่วมรับฟังการสอบสวนด้วย แต่ในชั้นนี้คณะชั้นพนักงานสอบสวนยังไม่รายงานมาว่าผู้เสียหายยังยืนยันคำให้การเดิมหรือไม่ คาดว่าหลังจากคณะพนักงานสอบสวนไทยเดินทางกลับประเทศแล้ว จะใช้เวลาอีกประมาณ 7 วัน จึงจะสรุปได้ว่ามีเหตุการณ์ข่มขืนเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หากเป็นเรื่องจริงจะเชิญผู้เสียหายมาสอบปากคำที่ไทย

“ป้อม” เมิน “ทักษิณ” มาฮ่องกง ให้ กกต.ดูผิดฐานจุ้นพรรคหรือไม่

วันนี้ (5 ต.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางมาที่เกาะฮ่องกง โดยมีการมองว่าเป็นการเตรียมความพร้อมบัญชาการการเลือกตั้งในครั้งนี้ ว่าตนไม่ทราบ เรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่เขา และขอให้ประชาชนคิดเอาเอง ส่วนจะเข้าข่ายกรณีที่มีบุคคลภายนอกเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการพรรคการเมืองหรือไม่นั้น ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ดูแลว่าจะผิดกฎหมายอะไรหรือไม่ สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยมีการตั้งพรรคการเมืองสำรองเอาไว้นั้น ก็แล้วแต่เขา

เมื่อถามถึงกรณีที่ 4 รัฐมนตรีลงมาเล่นการเมือง แต่ยังไม่ลาออกจากการเป็นรัฐมนตรีนั้นจะเป็นการสร้างมาตรฐานให้รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ตั้งใจมาปฏิรูปหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นเรื่องของ 4 รัฐมนตรี และเขาก็ทำตามกฎหมาย ทุกอย่างก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ตนถามว่า จะมาสร้างมาตรฐานอะไรกันตอนนี้ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าการที่ 4 รัฐมนตรียังไม่ลาออกเนื่องจากจะต้องทำงานให้เสร็จก่อนเพราะงานที่ค้างคายังมีอยู่อีกมาก

เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มเคลื่อนไหวและรับสมัครสมาชิกพรรค จะมีการดูแลความเรียบร้อยอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ในทุกพื้นที่มีกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ทำหน้าที่ดูแลทุกพื้นที่อยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการสั่งการและกำชับไปแล้วว่าให้ดูแลความเรียบร้อยให้กับประชาชนเพื่อมีความปลอดภัยและมีความสงบ

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะต่างจาก 4 ปีที่แล้ว เพราะมีพรรคการเมืองมากขึ้น และมีหลายองค์กรลงมาดูแล พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การเลือกตั้งก็คือการเลือกตั้งจะให้เปลี่ยนแปลงอย่างไร หากมีพรรคการเมืองเป็นจำนวนมาก ทุกพรรคก็ต้องทำตามกฏหมายในทุกเรื่องและทุกอย่าง


เพื่อไทย เจอกับดักรธน.ใหม่ แย่งกันลงลงส.ส.เขตฝุ่นตลบ

4 ต.ค.61 แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย(พท.)แจ้งว่า หลังจากรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประกาศออกมา ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไขที่แตกต่างไปจากเดิมในการคำนวนส.ส.ในระบบจัดสรรปันส่วนผสม แม้จะมีการนำทุกคะแนนเสียงมาคำนวนแบบไม่ทิ้งน้ำ แต่ขณะเดียวกัน หากพรรคใดได้จำนวนส.ส.เขต ตามเกณฑ์ที่มีการกำหนดไว้แล้ว ทำให้โอกาสที่จะได้ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อเข้ามานั้นยิ่งน้อยลงไป

“ทำให้ขณะนี้บรรดาอดีตรัฐมนตรี อดีตส.ส.เกรดเอ ต่างแย่งชิงขอลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบเขตเลือกตั้ง โดยในกทม. ย่านฝั่งพระนคร ปรากฎชื่อทั้ง นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายสุธรรม แสงประทุม ต่างแย่งชิงขอลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนย่านฝั่งธน นายวัฒนา เมืองสุข ก็ขออาสาลงสมัครแข่งขันท้าชนกับผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ โดยจะลงสส.เขตบางแค แทนนายสุธา ชันแสง อดีต สส.เขตดังกล่าว ซึ่งมีปัญหาทางด้านสุขภาพ”แหล่งข่าวระบุ

และว่า ขณะที่แกนนำของพรรคเพื่อไทย เปิดโอกาส มีนโยบายสนับสนุนคนรุ่นใหม่ ให้ลงแข่งขัน แย่งคะแนนเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคอนาคตใหม่ จึงปรากฎชื่อทั้งนายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส หนึ่งในคนรุ่นใหม่ ที่อยู่ในข่ายได้รับการพิจารณาลงส.ส.เขตบางกะปิ เช่นกัน

นอกจากนี้ในส่วนของพื้นที่เหนือ อีสาน นอกจากนักการเมืองที่มีฐานเสียงเหนียวแน่นที่จะได้ลงค่อนข้างแน่นอนแล้ว แต่ก็มีบางคนจะวางมือทางการเมือง สนับสนุนทายาทลงเลือกตั้ง เช่น นายนิสิต สินธุไพร อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด ผลักดันบุตรสาวลงสมัครรับเลือกตั้ง ทำให้แม้แต่นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร น้องชายนายนิสิต นายคารม พลพรกลาง ทนายความเสื้อแดง ไม่มีพื้นที่ จึงย้ายไปร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่ เช่นเดียวกับในจ.หนองคาย ที่มีการวางตัวคนรุ่นใหม่ลงสมัครแข่งขันทั้ง 3 เขต ทำให้ว่าที่ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย อดีตส.ส.ไม่มีพื้นที่ ตัดสินใจไปร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย

รายงานข่าวเผยอีกว่า สำหรับพรรคเพื่อธรรมที่มีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นหัวหน้า มีการตั้งขึ้นมาทั้งเตรียมพร้อมหากพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ หากยังไม่เข้าช่วงเวลา 90 วันก่อนเลือกตั้ง จะให้สมาชิกพรรคทั้งหมดย้ายไปสังกัดพรรคเพื่อธรรม แต่หากสถานการณ์การเมืองปกติ จะมีการส่งผู้สมัครส.ส.ที่พลาดหวัง ไม่ได้ลงสมัครจากพรรคเดิมลงแข่งขัน เป็นทั้งการแก้ปัญหาพื้นที่เต็ม และยังเป็นการดึงคนที่มีแนวร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ให้ไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นๆ


‘ศิริโชค’ สำนึกผิด ขอโทษ ‘ยิ่งลักษณ์’ ร่วมหมิ่นประมาท 'ว.5 โฟร์ซีซั่นส์'

นายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ”Leky Sopha” เขียนจดหมายเปิดผนึก ลงวันที่ 5 ต.ค. 2561 ระบุว่า “ตามที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โจทก์ร่วม ยื่นฟ้องข้าพเจ้าทั้งสามคน คือ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ที่ 1 นายศิริโชค โสภา ที่ 2 และนายเทพไท เสนพงศ์ ที่ 3 เป็นจำเลยต่อศาลอาญาในความผิดฐานหมิ่นประมาทปรากฏตามคดีหมายเลขดำที่ อ.630/2557 และคดีหมายเลขแดงที่ อ.2708/2558 โดยวิธีการโฆษณาด้วยการดำเนินรายการสายล่อฟ้า ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่องบลูสกาย ในขณะที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์เดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์

แต่ข้าพเจ้านายศิริโชค โสภา กับพวกดังกล่าวได้จัดรายการโดยนำป้ายที่ใช้แขวนหน้าห้องพักของโรงแรม ปรากฏข้อความว่า ”เอาอยู่” มานำเสนอในรายการแล้วพูดประกอบว่า ”ห้องนี้เอากันอยู่หรือแขกก็เอากันอยู่ อ๊ะๆๆๆๆ และปูโฟร์ซีซั่นส์ ปูว.5 ปูเอาอยู่ เยอะมากๆ นะฮะ คำกล่าวขานท่านนายกฯเนี่ย” ข้อความและการกระทำของข้าพเจ้ากับพวกดังกล่าว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาว่าการกระทำดังกล่าวของข้าพเจ้ากับพวกทั้งสามคนเป็นความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาทนางสาวยิ่งลักษณ์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ประกอบมาตรา 83 ให้จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 50,000 บาท ขณะนี้ข้าพเจ้ากับพวกได้ฎีกาคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง และศาลฎีกาได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 ตุลาคม 2561 เวลา 09.30 นาฬิกา

ข้าพเจ้านายศิริโชค โสภากับพวกอีกสองคน รวมทั้งข้าพเจ้าด้วยเป็นสามคนเห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่า “ข้อความและการกระทำของพวกข้าพเจ้าดังกล่าว เป็นการหมิ่นประมาทนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมาตรี และในฐานะส่วนตัวจริง ข้อความและป้ายดังกล่าวที่นำมาประกอบนั้นไม่ถูกต้อง และไม่เป็นความจริง บัดนี้ ข้าพเจ้ากับพวกรวมสามคนคือ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต จำเลยที่ 1 นายศิริโชค โสภา จำเลยที่ 2 และนายเทพไท เสนพงศ์ จำเลยที่ 3 ได้สำนึกผิดแล้ว และขออภัยต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้ให้อภัยต่อข้าพเจ้า และได้ยื่นคำร้องขอถอนฎีกาให้กับข้าพเจ้ากับพวก ทำให้ข้าพเจ้ากับพวก หลุดพ้นจากคดีนี้ ข้าพเจ้ากับพวกทั้งสามคนขอขอบคุณ และถือโอกาสนี้แจ้งข่าวให้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป”


พักการลงโทษ พ้นจากเรือนจำ ปล่อยตัว ‘ชูชีพ’ พร้อม ‘วิทยา’

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.61 พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวชี้แจงกรณีการอนุมัติพักการลงโทษเป็นกรณีพิเศษให้กับนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ อดีตรัฐมนตรว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยุครัฐบาลทักษิณ และนายวิทยา เทียนทอง อดีตเลขานุการ รมว.เกษตรฯ ว่า นายชูชีพและนายวิทยาได้รับการพักโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำนานกว่า 2 -3 เดือนแล้ว โดยทั้งสองมีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ และผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการพักการลงโทษ ที่มีนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน จากนั้นได้เสนอเรื่องให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรว่าการะทรวงยุติธรรม พิจารณาเนื่องจากการพักโทษเป็นกรณีพิเศษเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

“พล.อ.อ.ประจินไม่เคยเข้ามาสั่งการให้หยิบยกกรณีของนายชูชีพและนายวิทยาขึ้นมาพิจารณาพักการลงโทษ ขั้นตอนทั้งหมดเป็นการพิจารณาและเสนอเรื่องขึ้นมาตามขั้นตอนจากทัณฑสถานโรงพยาบาลมาถึงกรมราชทัณฑ์ โดยบุคคลทั้งสองมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขในการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ คือ ได้รับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษตามคำพิพากษา เป็นนักโทษสูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 70 ปีและเป็นผู้เจ็บป่วยร้ายแรงเรื้อรัง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากได้รับการพักโทษปล่อยออกจากเรือนจำเขาจะไม่มีโอกาสกระทำความผิดซ้ำ และไม่เหลือความสามารถที่จะทำร้ายสังคมได้อีก” พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดานคร ที่ถูกศาลจำคุกในคดีสนับสนุนการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการพักโทษกรณีพิเศษ ปล่อยตัวออกจากเรือนจำเนื่องจากสูงอายุและเจ็บป่วยเรื้อรัง แต่ในภายหลังถูกอายัดตัวในคดีอื่น เรือนจำจึงต้องรับตัวกลับมาคุมขังและส่งเข้าควบคุมตัวในทัณฑสถานโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรือนจำมีนักโทษซึ่งถูกจัดเป็นบิ๊กเนม ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังและสูงอายุ ถูกคุมขังอยู่เป็นจำนวนมาก แต่คุณสมบัติยังไม่เข้าเกณฑ์พักโทษ อาทิ นายวิโรจน์ นวลแข, ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์, นายราเกซ สักเสนา และนายไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจ หรือ ปอ ประตูน้ำ

อนุมัติพักโทษเป็นกรณีพิเศษให้กับนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ปัจจุบันมีอายุ 80 ปี เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังเข้าหลักเกณฑ์พิเศษ หลังป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะ 4 และอายุเกิน 70 ปี ขณะนี้ส่งหนังสือปล่อยตัวไปยัง รพ.ตร. ที่นายสมชายนอนพักรักษาตัวอยู่ เมื่อได้รับการพักโทษแล้วเจ้าตัวจะพักรักษาตัวต่อหรือจะกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นได้ ไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในส่วนนี้

ยังไม่จบ! สตม.จ่อเอาผิดหญิงโวยวัด เปิดคอนโดฯให้ชาวต่างชาติเช่าอาศัย

จากกรณี สำนักงานเขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ ส่งหนังสือลงวันที่ 2 ตุลาคม ถึง เจ้าอาวาสวัดไทร ย่านพระราม 3 ระบุว่า ประชาชนแจ้งเรื่องร้องทุกข์ ว่า ได้รับความเดือดร้อน กรณีที่วัดไทร ทำการตีระฆัง ส่งเสียงดังรบกวน ในช่วงกลางดึกเป็นประจำทุกวัน สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้พักอาศัยบนคอนโดที่อยู่ติดวัด จนเกิดกระแสวิจารณ์ในวงกว้าง กระทั่ง พล.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการ กทม.ต้องเข้ากราบนมัสการเจ้าอาวาสเพื่อขอโทษ โดยให้ทางวัดตีระฆังตามธรรมเนียมปฏิบัติต่อไป ซึ่งภายหลังพบว่าหญิงผู้ร้องเรียนนั้น ได้เปิดห้องเช่าในคอนโดมิเนียดังกล่าวให้ชาวต่างชาติพักอาศัย

ความคืบหน้าล่าสุด (5 ต.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หากผู้ร้องเรียนให้ชาวต่างชาติเช่าพักอาศัย ต้องตรวจสอบว่า ผู้เช่าได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ทราบหรือไม่ ว่า มีชาวต่างชาติมาพักอาศัยตามมาตรา 38 พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หากไม่แจ้งผู้ให้เช่ามีโทษตามกฎหมาย ส่วนชาวต่างชาติที่พักอาศัยต้องถูกตรวจสอบ ว่า แจ้งถิ่นที่อยู่ตรงกับที่แจ้งไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบว่า ไม่ตรงกันต้องถูกเพิกถอนวีซ่าการอยู่ในราชอาณาจักรไทยแล้วผลักดันออกนอกราชอาณาจักรไทยต่อไป