ข่าว
สหรัฐแฉแผนรัสเซีย! เตรียมส่งผู้แทนเจรจา “ดีลอาหารแลกอาวุธ” เกาหลีเหนือ

บีบีซี รายงานวันที่ 31 มี.ค. ว่า นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา แถลงว่ารัสเซียเตรียมส่งคณะผู้แทนรัฐบาลไปเจรจายื่นข้อเสนอกับรัฐบาลเกาหลีเหนือของ นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุด เพื่อส่งอาหารแลกกับอาวุธยุทโธปกรณ์จากเกาหลีเหนือ

โดยนายเคอร์บีย้ำว่าข้อตกลงซื้อขายอาวุธใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือจะถือว่าเป็นการละเมิดข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี)

ก่อนหน้านี้สหรัฐเคยกล่าวหาว่าเกาหลีเหนือส่งอาวุธให้กลุ่มแวกเนอร์ กลุ่มทหารรับจ้างของรัสเซีย ซึ่งทางการเกาหลีเหนือยืนกรานปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม นายเคอร์บีระบุว่าสหรัฐมีข้อมูลใหม่เกี่ยวกับข้อตกลงของรัสเซียและเกาหลีเหนือ

“เราเข้าใจด้วยว่ารัสเซียกำลังหาทางส่งคณะผู้แทนไปเกาหลีเหนือ และรัสเซียเสนออาหารให้เกาหลีเหนือเพื่อแลกกับอาวุธ” พร้อมเสริมว่าสหรัฐเฝ้าจับตาสถานการณ์และข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากหน่วยงานความมั่นคงรัสเซีย (เอฟเอสบี) แถลงเมื่อวันที่ 30 มี.ค. ว่า เจ้าหน้าที่รัสเซียจับกุมนายอีวาน เกิร์ชโควิช นักข่าวชาวอเมริกันของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล วัย 31 ปี ในข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหาร

ก่อนนำตัวไปขึ้นศาลแขวงเลฟอร์โตโวในกรุงมอสโกซึ่งนายเกิร์ชโควิชถูกตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการ และจะถูกคุมขังรอดำเนินคดีจนถึงวันที่ 29 พ.ค.ที่จะถึงนี้

วันเดียวกัน สมาชิกพรรคฟรีดอมปาร์ตี (เอฟพีโอ) ฝ่ายขวาจัดของออสเตรีย กว่า 20 คนลุกออกจากที่ประชุมสภาระหว่าง ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวสุนทรพจน์ผ่านระบบวิดีโอ โดยพรรคเอฟพีโอระบุว่าสภาออสเตรียยึดถือความเป็นกลางมาตลอด การออกจากที่ประชุมเป็นการแสดงจุดยืนไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

ขณะที่นายเซเลนสกีกล่าวแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลออสเตรียที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและเก็บกู้ทุ่นระเบิด พร้อมเชิญชวนให้สมาชิกสภาออสเตรียเดินทางเยือนยูเครนเพื่อดูผลกระทบจากการรุกรานของรัสเซีย

แม้ออสเตรียจะยึดถือนโยบายความเป็นกลาง และยืนยันมาตลอดว่าไม่สามารถช่วยเหลือด้านการทหารได้ แต่ ประธานาธิบดีวูล์ฟกัง โซบอตกา ผู้นำออสเตรีย กล่าวว่าจะสนับสนุนความช่วยเหลือทางการเงินและมนุษยธรรมแก่ยูเครนเพิ่มเติม

เซเลนสกีลั่น ไม่มีวันให้อภัยกองทัพรัสเซีย เหตุสังหารหมู่เมืองบูชา 1 ปีที่แล้ว

31 มีนาคม 2566: สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ได้กล่าวเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีการที่กองทัพรัสเซียถอนกำลังออกจากเมืองบูชาในประเทศยูเครนว่า จะไม่มีวันยกโทษให้กองทัพรัสเซียที่สังหารพลเรือนยูเครนขณะยึดครองเมืองเป็นเวลา 33 วัน

หลังจากที่ยูเครนสามารถปลดปล่อยเมืองบูชาได้สำเร็จ ภาพอันน่าสลดของศพนอนเรียงรายอยู่ตามท้องถนนของเมืองถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลก อัยการของยูเครนให้ข้อมูลว่ามีพลเรือนเสียชีวิตในเมืองบูชาระหว่างการยึดครองของกองทัพรัสเซียถึงกว่า 1,400 ราย เป็นเด็ก 37 ราย และรัสเซียเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิตของพลเรือนเหล่านี้

ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนขึ้นกล่าว พร้อมกับผู้นำของประเทศมอลโดวา โครเอเชีย สโลวาเกีย และสโลวีเนีย ที่เดินทางมาที่เมืองบูชาด้วยเช่นกันว่า “การต่อสู้เพื่อรากฐานของโลกเสรีกำลังเกิดขึ้นบนแผ่นดินยูเครน เราจะเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน ความชั่วร้ายของรัสเซียจะล่มสลายลงที่นี่ในยูเครน” และกล่าวด้วยว่า เมืองบูชาคือสัญลักษณ์ของความโหดร้ายของกองทัพรัสเซีย

“เราจะไม่มีวันลืมเหยื่อทุกคนในสงครามนี้ และเราจะนำตัวฆาตกรชาวรัสเซียทุกคนมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เราไม่มีวันให้อภัยและจะลงโทษผู้ก่อเหตุทุกคน” เซเลนสกีกล่าว

ทางฝั่งรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าของยูเครน พร้อมกับอ้างว่ายูเครนเป็นคนจัดฉากโศกนาฏกรรมดังกล่าวขึ้นมา


ศาลฎีกามาเลเซียยกคำร้องรื้อคดี “นาจิบ” ชี้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนแล้ว

ศาลสูงสุดมาเลเซียกล่าวว่า “ไม่มีความจำเป็น” ต้องรื้อฟื้นการไต่สวน คดีที่พิพากษาให้นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรี รับโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปี ฐานยักยอกเงิน จากหนึ่งในกองทุนย่อยของ “วันเอ็มดีบี”...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ว่า ศาลฎีกามาเลเซียมีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 เสียง ยกคำร้องของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ซึ่งขอให้มีการรื้อฟื้นการสืบสวนสอบสวน คดีการยักยอกเงิน 42 ล้านริงกิต (ราว 325 ล้านบาท) จากเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนย่อยของกองทุนพัฒนาแห่งชาติ (วันเอ็มดีบี) และศาลสูงสุดพิพากษา เมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว ยืนตามชั้นต้น ให้นาจิบรับโทษจำคุกเป็นเวลา 12 ปี จากความผิดดังกล่าว

คำพิพากษาของคณะตุลาการระบุว่า กระบวนการทุกอย่างตั้งแต่ศาลชั้นต้น “เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย” และการรับพิจารณาคำร้องของอดีตนายกรัฐมนตรี “ถือเป็นกรณีพิเศษแล้ว”...

มติดังกล่าวของศาลฎีกาถือเป็นอันสิ้นสุด อย่างไรก็ตาม อดีตผู้นำมาเลเซียยังคงเหลืออีกหนึ่งหนทาง ซึ่งเป็นหนทางเดียวเท่านั้น ที่อาจทำให้ไม่ต้องรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำจนครบกำหนด นั่นคือ การยื่นฎีกาเพื่อขอรับพระราชทานอภัยโทษ จากสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ อาหมัด ชาห์

ทั้งนี้ นาจิบยื่นฎีกาผ่านสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อเดือน ก.ย. ปีที่แล้ว โดยคณะองคมนตรีจะเป็นผู้พิจารณารายละเอียดทั้งหมดในฎีกา แต่อาจมีการขอคำปรึกษา หรือความเห็นจากรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม คู่ปรับทางการเทืองของนาจิบ...

อนึ่ง นาจิบ วัย 69 ปี เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ของมาเลเซีย ซึ่งต้องเข้าสู่เรือนจำจากความผิดฐานคอร์รัปชั่น โดยคดีของเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นคดีแรกจาก “อีกหลายสิบคดี” ของวันเอ็มดีบี ที่นาจิบเป็นผู้ก่อตั้ง สมัยยังดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ซึ่งอัยการสูงสุดของมาเลเซีย กล่าวหาอดีตผู้นำประเทศ ยักยอกเงินรวมแล้วมากกว่า 18,000 ล้านริงกิต (ราว 139,472 ล้านบาท) ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2552-2561

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES...


ตุรกีให้สัตยาบัน “ฟินแลนด์” ร่วมสมาชิกนาโต เลขาธิการวอนรับรอง “สวีเดน” โดยเร็ว

บีบีซี รายงานวันที่ 31 มี.ค. ว่า รัฐสภาตุรกีลงมติให้สัตยาบันรับรอง ฟินแลนด์ เข้าร่วมเป็นสมาชิก องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) โดยฟินแลนด์จะได้รับการรับรองเข้าร่วมนาโตอย่างเป็นทางการและเป็นาสมาชิกนาโตประเทศที่ 31 ในการประชุมสุดยอดผู้นำชาติสมาชิกนาโตครั้งถัดไปในเดือน ก.ค.ที่จะถึงนี้

ขณะที่สวีเดนซึ่งยื่นขอเข้าร่วมองค์การนาโตพร้อมกับฟินแลนด์เมื่อเดือนพ.ค.2565 ได้รับรองจากสมาชิก 28 ประเทศ เหลือเพียงตุรกีและฮังการีซึ่งมีประเด็นกระทบกระทั่งบานปลาย โดยตุรกีไม่พอใจที่สวีเดนปฏิเสธการส่งกลุ่มนักรบชาวเคิร์ดซึ่งตุรกีเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังความพยายามก่อรัฐประหารโค่นอำนาจเมื่อปี 2559 กลับมาดำเนินคดี

อย่างไรก็ตาม นายเย็นส์ สต็อลเตินบาร์ก เลขาธิการองค์การนาโต เรียกร้องให้ชาติพันธมิตรเห็นพ้องกับกระบวนการให้สัตยาบันรับรองสวีเดน และหวังว่าจะได้ต้อนรับสวีเดนในฐานะสมาชิกเข้าสู่ครอบครัวนาโตโดยเร็วที่สุด


เหตุสลด พื้นวัดฮินดูสร้างทับบ่อน้ำลึกเกิดพังถล่ม คนตกลงไปดับ 14 ศพ

เกิดเหตุพื้นวัดฮินดูสร้างขึ้นปิดปากบ่อน้ำลึกได้เกิดพังถล่ม คนตกลงไปเสียชีวิตอย่างน้อย 14 ศพ เหตุเกิดขณะที่ชาวฮินดูจำนวนมากไปที่วัดนี้เพื่อร่วมงานเทศกาลฉลองวันประสูติของพระราม

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2566 เว็บไซต์ข่าวฮินดูสถาน ไทมส์ รายงานว่า พื้นวัดฮินดูในรัฐมัธยประเทศได้พังถล่ม ประชาชนที่ไปร่วมงานสำคัญทางศาสนา ได้พลัดตกลงไปเสียชีวิตอย่างน้อย 14 ศพ ซึ่งจากคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ในโซเชียลมีเดีย แสดงให้เห็นว่า ประชาชนตกลงไปจำนวนมาก บางคนติดอยู่ตามขั้นบันไดลงบ่อก็พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมา บางคนก็เกาะนิ่งๆ รอการช่วยเหลือ

รายงานข่าวระบุว่า พื้นบริเวณนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อ 50 ปีก่อน เพื่อปิดบ่อน้ำโบราณ ซึ่งเคยใช้เป็น บ่อน้ำลึกของชุมชน ซึ่งผนังบ่อทำเป็นบันไดลงไปตักน้ำ และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่วัดศรี พเนศวร มหาเทพ ฌุเลลาล ในเมืองอินดอร์ รัฐมัธยประเทศ ขณะเกิดเหตุมีผู้คนจำนวนมากยืนอยู่บริเวณนี้ก่อนที่พื้นจะถล่ม เนื่องจากเป็นวันที่ชาวฮินดูแห่ไปทำบุญ ร่วมพิธีทางศาสนาในวัน “ราม นวมี” หรือวันประสูติของพระราม

จนถึงตอนนี้มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ศพ ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง นอกจากนี้มีคนได้รับการช่วยเหลือขึ้นมา 19 ราย บางรายมีอาการบาดเจ็บสาหัส ล่าสุดทางการสั่งเร่งสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว

Cr ภาพ : IPT


ตึงเครียด ! นักข่าวมะกันถูกจับในรัสเซีย ข้อหาเป็นสายลับ ทำเนียบขาวโร่ประณาม

31 มีนาคม 2566: สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายอีวาน เกิร์ชโควิช นักข่าวชาวอเมริกันของหนังสือพิมพ์เดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัล ถูกเจ้าหน้าที่รัสเซียจับกุมในข้อหาเป็นสายลับให้กับทางการสหรัฐฯ ส่งผลให้ทำเนียบขาวออกมากล่าวโจมตีข้อกล่าวหาของรัสเซียว่า “ไร้สาระ”

เกิร์ชโควิชถูกควบคุมตัวที่เมืองเยกาเตรินเบิร์ก และถูกส่งตัวมาที่กรุงมอสโกของรัสเซียเพื่อฝากขังไว้จนถึงวันที่ 29 พฤษภาคม เพื่อรอการตัดสินคดี หน่วยความมั่นคงกลางแห่งรัสเซีย (เอฟเอสบี) อ้างว่าเกิร์ช โควิช ถูกจับขณะพยายามเข้าถึงข้อมูลลับของกองทัพรัสเซีย โดยรัฐบาลและกระทรวงต่างประเทศรัสเซียระบุว่านักข่าวคนดังกล่าวถูกจับได้คาหนังคาเขา องค์กรนักข่าวไร้พรมแดนให้ข้อมูลว่า เกิร์ชโควิชกำลังสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มวากเนอร์ ทหารรับจ้างของรัสเซีย

ด้านวอลล์สตรีทเจอร์นัลระบุว่า เป็นกังวลต่อความปลอดภัยของเกิร์ชโควิช พร้อมกับปฏิเสธข้อกล่าวหาของเอฟเอสบีว่านักข่าวของตนไม่ได้จารกรรมข้อมูลให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ

ขณะที่ทำเนียบขาวได้ประณามการจับกุมนักข่าวสหรัฐฯ พร้อมกับออกประกาศเตือนไม่ให้ชาวอเมริกันเดินทางไปประเทศรัสเซีย และขอให้ชาวอเมริกันที่อยู่ในรัสเซียออกจากประเทศเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่า การมุ่งเป้าโจมตีชาวสหรัฐฯ ของรัฐบาลรัสเซียนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ “ข้อหาจารกรรมข้อมูลของรัสเซียนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ”

สหภาพยุโรป (อียู) ออกมาประณามรัสเซียเช่นกัน นายโจเซฟ บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียูโพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่า “นักข่าวควรได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาอย่างอิสระและสมควรได้รับการคุ้มครอง”

เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความกังวลต่อการจับกุมนายเกิรซโควิชที่อาจเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัสเซียที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนนักโทษ นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และเจ้าหน้าที่ของรัสเซียจะจับกุมชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวสหรัฐฯ”

โดนัลด์ ทรัมป์ถูกสั่งฟ้อง กลายเป็นอดีตผู้นำสหรัฐฯ คนแรกที่โดนคดีอาญา

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 กล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เผชิญกับข้อกล่าวหามากมายภายหลังก้าวลงจากตำแหน่ง และล่าสุดถูกสั่งฟ้องในคดีอาญาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี

คณะลูกขุนใหญ่ในนิวยอร์กทำการสั่งฟ้องโดนัลด์ ทรัมป์ จากความผิดคดีจ่ายเงินให้ดาราหนังโป๊อย่างลับๆ เพื่อปิดปากไม่ให้เผยแพร่ความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน

คำฟ้องครั้งประวัติศาสตร์ที่มีต่ออดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันวัย 76 ปี ซึ่งปฏิเสธการกระทำผิดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินก่อนการเลือกตั้งในปี 2559 จะเป็นการยุติเส้นทางการกลับสู่ทำเนียบขาวอีกครั้งของทรัมป์ที่เพิ่งเปิดตัวลงชิงชัยในการเลือกตั้งสมัยหน้าปี 2567

โดนัลด์ ทรัมป์ หลุดพ้นจากการถูกฟ้องร้อง 2 ครั้ง ตั้งแต่คดีจลาจลในรัฐสภาสหรัฐฯ ไปจนถึงกรณีเอกสารลับที่หายไป แต่จนแล้วจนรอดต้องมาเพลี่ยงพล้ำขึ้นศาลในคดีอื้อฉาวทางเพศที่เกี่ยวข้องกับสตอร์มี แดเนียลส์ วัย 44 ปี ซึ่งเป็นนักแสดงหนังผู้ใหญ่

ช่วงก่อนการเลือกตั้งในปี 2559 ทรัมป์เคยยืนยันว่าได้จ่ายเงินเป็นค่าปิดปากให้ผู้หญิง 2 คน ที่เปิดเผยว่ามีเพศสัมพันธ์กับเขา และชี้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ขัดต่อกฎหมายการใช้เงินหาเสียงเลือกตั้ง และระบุว่าเงินที่จ่ายเป็นเงินส่วนตัว ไม่ได้ดึงมาจากงบหาเสียงเลือกตั้ง แต่หลังจากนั้น อดีตทนายความส่วนตัวของทรัมป์ได้รับสารภาพขณะให้การต่อศาลในนิวยอร์กว่า ได้กระทำผิดกฎหมายระหว่างการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 ด้วยการใช้เงินหาเสียงจ่ายค่าปิดปากดาราหนังโป๊ชื่อสตอร์มี แดเนียลส์ และซัดทอดว่าทรัมป์เป็นคนสั่งให้จ่ายเพื่อปกป้องภาพลักษณ์และชื่อเสียงในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ทั้งนี้ อัยการในแมนฮัตตันมีแนวโน้มที่จะขอให้ทรัมป์ยอมรับสารภาพและเผชิญกับการฟ้องร้อง โดยข้อกล่าวหาทางอาญาต่อเขาจะถูกเปิดเผยในการพิจารณาคดี ตามรายงานของ The New York Times

ทรัมป์ออกมาโต้ทันทีหลังถูกสั่งฟ้อง เขาได้ตราหน้าการสืบสวนทั้งหมดว่าเป็นการ “ล่าแม่มด” และประณามข้อกล่าวหาดังกล่าวว่าเป็น “การประหัตประหารทางการเมืองและการแทรกแซงการเลือกตั้ง” พร้อมสาบานว่ามันจะส่งผลย้อนกลับมาทิ่มแทง โจ ไบเดน ที่เขาเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการสั่งฟ้องครั้งนี้

เช่นเดียวกับ เควิน แม็กคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันที่ได้กล่าวว่า คำฟ้องดังกล่าวทำให้ประเทศเสียหายอย่างไม่สามารถแก้ไขได้ ย้อนไปก่อนหน้านี้ ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของทรัมป์ ซึ่งเป็นพยานต่อหน้าคณะลูกขุน เคยกล่าวในสภาคองเกรสเมื่อปี 2562 ว่าเขาจ่ายเงินให้แดเนียลส์ในนามของทรัมป์ และทรัมป์ได้จ่ายเงินคืนให้เขาในภายหลัง แต่อัยการโต้แย้งว่าเช็คไม่ได้ลงทะเบียนอย่างถูกต้อง และขอให้คณะลูกขุนพิจารณาว่าบัญชีของผู้ต้องสงสัยเป็นส่วนหนึ่งของการปกปิดหรือไม่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อการกลบเกลื่อนเรื่องอื้อฉาวไม่ให้ขัดกับประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งของทรัมป์ การสืบสวนของคณะลูกขุนของนิวยอร์กถือเป็นครั้งแรกที่ดำเนินการตั้งข้อหาทางอาญาต่ออดีตประธานาธิบดี