ข่าว
กราดยิง”ร.ร.รัฐเนวาดา-ตาย 2 เจ็บ 2 “ครูฮีโร่” หวังช่วยนักเรียนจนโดนสังหาร

วันจันทร์ (21) นักเรียนชายคนหนึ่งที่ไม่ทราบชื่ออายุ 13-14 ปี ในโรงเรียนมัธยมต้นแห่งรัฐเนวาดา “สปาร์คส์ มิดเดิล สคูล” ได้สังหาร “ไมเคล แลนด์สเบอร์รี” อาจารย์วิชาคณิตศาสตร์ อดีตทหารผ่านศึกวัย 45 ปี เสียชีวิต หลังจากที่นักเรียนผู้นี้ได้นำอาวุธปืนออกมาเล่น และแลนด์สเบอร์รีเกิดเห็นเข้า และพยายามที่จะขอให้เด็กนักเรียนคนนี้วางอาวุธ และเป็นผลให้ตัวเขาโดนยิงจนเสียชีวิต รวมไปถึงตัวนักเรียนผู้ก่อเหตุ และนักเรียนชายคนอื่นๆ ที่โดนลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย

เกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น “สปาร์คส์ มิดเดิล สคูล” แห่งรัฐเนวาดาในช่วงเช้า 07.15 น.ก่อนเสียงออดโรงเรียนจะดังเมื่อวานนี้ (21) โดยมีจำนวนนักเรียน 30 คน เป็นพยานเห็นเหตุการณ์กราดยิงในครั้งนี้ ยังเป็นที่ไม่แน่ชัดว่านักเรียนผู้ก่อเหตุอายุราว 13-14 ปี ปลิดชีพตนเองหรือไม่ แต่ทว่าไม่มีกระสุนปืนสักนัดถูกยิงออกจากปากกระบอกปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจเนวาดา โดยผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจเมืองรีโน ทอม โรบินสัน กล่าวถึงอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์ผู้ซึ่งถูกสังหารว่า “ในความรู้สึกของผม ไมเคล แลนด์สเบอร์รี เป็นฮีโร่ เรารู้ว่าเขาพยายามระงับเหตุเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กนักเรียนคนอื่นถูกยิง”

โดยญาติของแลนด์สเบอร์รีกล่าวว่า เขาสอนวิชาคณิตศาสตร์ และมีอายุได้ 45 ปี แลนด์สเบอร์รีเป็นอดีตทหารผ่านศึกที่อยู่กับภรรยาและลูกสาวบุญธรรม 2 คน “เมื่อรู้ว่าไมเคิลพยายามจะเข้าระงับเหตุเมื่อเห็นนักเรียนนำปืนออกมาเล่น นั่นทำให้ดิฉันไม่แปลกใจเลย” น้องสะใภ้ของแลนด์สเบอร์รี แชนดา แลนด์สเบอร์รี เผยต่อไปว่า สามารถกล่าวได้ว่า ชีวิตของไมเคิลมีความรักให้กับครอบครัว นักเรียน และสหรัฐฯ”

นอกจากมีผู้เสียชีวิต 2 รายแล้ว ยังมีเด็กนักเรียนชายอีก 2 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส ไคล์ นูคัม วัย 13ปี กล่าวว่า “ผมเห็นเพื่อนนักเรียนอายุราว 13-14 ปี ยิงคุณครู” โดยเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น Reno Gazette-Journal ว่า อาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์สังเกตเห็นนักเรียนชายคนหนึ่งนำปืนออกมาเล่นใกล้กับสนามบาสในเวลา 07.15 น. จึงเดินเข้าไปหาและสั่งให้เด็กนักเรียนคนนั้นวางปืนลง และหลังจากนั้นอาจารย์ท่านนั้นโดนยิงเสียชีวิต

ในขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อของนักเรียนผู้ก่อเหตุและเหยื่อลูกหลงที่บาดเจ็บอีก 2 รายแต่อย่างใด รวมไปถึงจุดมุ่งหมายของนักเรียนผู้ก่อเหตุที่นำอาวุธมายังโรงเรียนยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

นอกจากนี้ มีการอพยพนักเรีนจากโรงเรียนมัธยมต้นที่เกิดเหตุ รวมไปจนถึงโรงเรียนประถมในบริเวณใกล้เคียงไปอยู่ในโรงเรียนมัธยมปลายที่ไม่ห่างจากบริเวณนั้น และมีการยกเลิกการเรียนการสอนของโรงเรียนที่ถูกอพยพ ซึ่งโรงเรียนที่เกิดเหตุจะยังปิดทำการเป็นเวลา 1 สัปดาห์ โรงเรียน “สปาร์คส์ มิดเดิล สคูล” เปิดการสอนในระดับเกรด 7- เกรด 8 นักเรียนทั้งสิ้น 700 คน ซึ่งทางโรงเรียนมีข้อห้ามในการใส่เสื้อผ้าที่ชัดเจน โดยสีน้ำเงินและสีแดงที่เกี่ยวพันถึงแก๊งในโรงเรียนที่มักมีเรื่องกันถูกสั่งห้ามไม่ให้สวมมาเข้าชั้นเรียน ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชุมชนของผู้มีรายได้น้อยในรัฐเนวาดา

ยาปฏิชีวนะสำหรับคนไม่ใช่สัตว์

ในปีนี้ มีผู้คนกว่า300คนได้มีอาการป่วยมาจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า เชื้อซาลมอเนล่าไฮเดลเบิร์ก (Salmonella Heidelberg)และสามในสี่ของผู้ป่วยนั้นอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) รายงานว่า ไก่ที่ผลิตในรัฐแคลิฟอร์เนียมีแนวโน้มของการระบาดของเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ และแบคทีเรียนี้มีความสามารถที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะทั่วไป

ทาง CDC ประมาณการว่าถ้าไม่ได้รายงานการติดเชื้อซาลมอเนล่า (Salmonella)เพียง 29 กรณีสามารถส่งผลให้มีผู้เคราะห์ร้ายมากกว่า 9,000 ราย และ42% ของผู้ติดเชื้อที่ได้รายงานเข้ามาได้รับการรักษาบ่งชี้ว่าเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เป็นเชื้อที่มีความรุนแรงกว่าปกติ ตามที่ CDCได้รายงาน ยาป้องกันอาจจะทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการรักษาหรืออาจจะทำให้การรักษาล้มเหลวในบุคคลที่ติดเชื้อ

ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐไอโอวา ไม่ได้ห่วงที่แบคทีเรียมีความต้านทานยาเพราะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่แบคทีเรียแต่ละชนิดจะมีความสามารถในการต่อต้านยาปฏิชีวนะในบางชนิดได้เช่นกัน

การดื้อยาปฏิชีวนะไม่ได้เป็นแบบนี้เสมอไป มันเป็นสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นมาจากการทำฟาร์มแบบอุตสาหกรรมทาง CDCสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และองค์การอนามัยโลกมีความวิตกและตระหนักดีถึงปรากฎการณ์การดื้อยาปฏิชีวนะของกลุ่มแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้น

สี่สิบปีของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่าการใช้ยาปฏิชีวนะที่ช่วยให้สัตว์เจริญเติบโตได้ไวในสถานที่เพาะเลี้ยงที่คับแคบนั้นสามารถทำให้คนติดเชื้อได้ ซึ่งในความเป็นจริงเชื้อ Salmonella นี้สามารถรักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่ใช้ในคนและสัตว์ แต่ FDA ได้รายงานว่า ผู้ผลิตยาปฏิชีวนะได้ขายยาไป 30 ล้านปอนด์ในปี 2011 สำหรับใช้งานในไก่ และปศุสัตว์อื่นๆนั้นสูงถึงสี่เท่าเมื่อเทียบกับยาที่ได้ขายให้กับผู้ป่วย

นโยบายของประธานาธิบดีโอบามา ในปี 2012 ได้มีจุดมุ่งหมาย “ให้มีการกำหนดการใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับปศุสัตว์... เพื่อการรักษาโรคไม่ใช่สำหรับการเร่งการเจริญเติบโตของปศุสัตว์" และFDA ได้มีการวางแผนที่จะขอให้บริษัทฯ หยุดการผลิตยาเพื่อเร่งการเจริญเติบโตและขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา

ในขณะที่ผู้บริโภคจำนวนมากคำนึงถึงเรื่องนี้และหันไปซื้อเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้ผ่านยาปฏิชีวนะด้านผู้ปกครองของเด็กก็กำลังช่วยกระตุ้นให้ระบบโรงเรียนทำเช่นเดียวกัน ซึ่งโรงเรียน Chicago and Jefferson County อยู่ในกลุ่มผู้ริเริ่ม และยังมีโรงพยาบาลอีกจำนวนมาก รวมถึง UC San Francisco's Medical Center และ Burlington, Vt.'s Fletcher Allen Health Care ที่ให้อาหารผู้ป่วยด้วยเนื้อสัตว์ที่ได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อการรักษาเท่านั้น

ยาปฏิชีวนะนี้ เคยได้รับความนิยมในช่วงศตวรรษที่ 20 เพราะได้ผลในการรักษาที่ดี แต่มา ถึงในศตวรรษที่ 21 ยาปฏิชีวนะนี้ กลับกลายเป็นยาที่ทำให้เกิดผลข้างเคียง ซึ่งเท่านี้ก็เป็นข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่เพียงพอที่ประธานาธิบดี และสภาผู้แทนฯ จะเริ่มต้นวางแผนกระบวนการแก้ไข ว่ายาปฏิชีวนะนี้ถูกใช้มากเกินไปในกลุ่มของสัตว์ที่ถูกเลี้ยงไว้เพื่อการบริโภค

แปล ย่อและเรียบเรียงโดย: ธัญญ่า


พก “ศพทารกแรกคลอด” เข้าร้าน “วิกตอเรียซีเครต”

พนักงานรักษาความปลอดภัยป้องกันการขโมยทรัพย์สินประจำร้านชุดชั้นในชื่อดัง “วิกตอเรียซีเครต” สาขาในเมืองแมนฮัตตันได้ทำการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระของวัยรุ่นหญิงอเมริกันอายุ 17 จำนวน 2 ราย หลังจากสังเกตเห็นว่าทั้งคู่ได้ขโมยชุดชั้นในออกจากราวแขวนในบ่ายวันพฤหัสบดี (17) ที่ผ่านมา แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าภายในกระเป๋าของหนึ่งในสองสาวนั้นมีศพทารกในครรภ์เพศชายส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งอยู่ ตำรวจเมืองนิวยอร์กกล่าว

วันพฤหัสบดี (17ต.ค.) วัยรุ่นหญิงชาวนิวยอร์กอายุ 17 ปี จำนวน 2 ราย ทิโอนา รอดริเกวซ และ ฟรานซิส เอสเตเวซ ได้เข้าไปที่ร้านชุดชั้นในชื่อดัง “วิกตอเรียซีเครต” สาขาดาวน์ทาวน์ในเมืองแมนฮัตตัน และทั้งคู่ได้ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยป้องกันการขโมยทรัพย์สินประจำร้านเรียกให้หยุดเพื่อขอค้นสัมภาระ เนื่องจากสังเกตว่าทั้งคู่ได้ขโมยชุดชั้นในออกจากราวแขวน และเมื่อเปิดกระเป๋าของพวกเธอออก เขาต้องผงะอย่างตกใจเมื่อพบว่ามีศพทารกเพศชายที่เหม็นคลุ้งในนั้น โดยหนึ่งในสองของสองสาว ทิโอนา รอดริเกวซ สารภาพกับตำรวจนิวยอร์กว่า เธอเพิ่งจะผ่านการคลอดก่อนหน้านั้น 1 วันเพราะเธอได้บังเอิญเกิดแท้งบุตร และไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรกับร่างที่ไร้ชีวิตได้ ด้านเจ้าหน้าที่เผยว่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าขณะที่ทารกได้คลอดออกมานั้นมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เป็นที่คาดกันว่าเด็กสาวผู้นี้จะทำการคลอดเมื่ออายุครรภ์ได้ 6 เดือนครึ่ง

เด็กสาววัย 17 ปี ทั้งคู่ถูกจับด้วยข้อหาขโมยทรัพย์มูลค่าต่ำและข้อหามีทรัพย์สินที่ได้ถูกขโมยมาไว้ในการครอบครอง เจ้าหน้าที่นิวยอร์กเผยต่อ โดยรอดริเกวซ ที่คาดว่าจะทำการคลอดบุตรก่อนหน้านี้นั้นถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาล ในขณะที่เอสเตเวซ เด็กสาวอีกคนถูกนำไปสอบปากคำที่โรงพัก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ชันสูตรศพของทารกแรกคลอดแต่ยังไม่มีผลออกมา คาดว่าคุณแม่วัย 17 ปีอาจจะถูกตั้งข้อหาที่หนักกว่านี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการเสียชีวิตของเด็ก

อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ติดต่อทางบ้านของรอดริเกวซ คุณแม่วัย 17 ปี แต่ทว่าทางบ้านไม่ขออกความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนเด็กสาวอีกรายที่ถูกจับพร้อมกัน ทางตำรวจปฎิเสธที่จะให้เบอร์โทรศัพท์ทางบ้านของเอสเตเวซแก่นักข่าว

ทางร้านวิกตอเรียซีเครตสาขาที่เกิดเหตุยังคงเปิดให้บริการเหมือนเดิม ตำรวจนิวยอร์กใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในร้านเพื่อรวบรวมหลักฐานก่อนจะกลับออกไปในเวลา 17.00 น.