ข่าว
ฝากขัง 8 แอดมินเพจ หวังให้บิ๊กตู่เป็นตัวตลก

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 8 รายที่ยื่นต่อศาลทหารนั้น ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 เม.ย. พล.ต.วิจารณ์ จุดแดง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกฎหมายหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการข่าวคสช. มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ 1-8 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(3) และวันที่ 28 เม.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ตจ้องหากับพวกได้ ตามหมายจับศาลทหารที่ 24-31/2559 ลงวันที่ 28 เม.ย. 2559 นำส่งพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.2557 ที่แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กทม. และทั่วราชอาณาจักร พบการกระทำผิดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2559

พฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2559 เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวทางทหารได้สืบทราบว่ามีกลุ่มบุคคลร่วมกันเปิดเว็บเพจเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อเพจว่า“เรารัก พล.อ.ประยุทธ” ตรวจสอบพบมีเนื้อหาโจมตีรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 116 ต่อมาวันที่ 27 เม.ย. 2559 เจ้าพนักงานรักษาความสงบ ซึ่งอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ร่วมกับตำรวจ ตรวจค้นสถานที่หลายจุดเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกันของกลุ่มผู้ต้องหา และตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้อง พร้อมเชิญตัวผู้ต้องหามาซักถามปากคำ ได้ความว่า น.ส.ณัฏฐิกา วรธัณยวิชญ์ ได้ชักชวนให้นายศุภชัย สายบุตร มาเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว เพื่อล้อเลียนการเมือง นำภาพพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคำพูดขำๆมาใส่ โดยมีนายโยธิน มั่งคั่งสง่า เป็นผู้นำภาพไปโพสต์ในเพจ นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรานันท์ ทำหน้าที่หา/ส่งข้อมูลตัดต่อภาพ นายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา เป็นผู้เผยแพร่เนื้อหา รูปภาพตัดต่อ นายนพเกล้า คงสุวรรณและนายธนวรรธ บูรณศิริ ทำหน้าที่ตัดต่อภาพเช่นกัน

ส่วนค่าใช้จ่ายที่ใช้ทำเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก นายหฤษฎ์ มหาทน ซึ่งรับเงินมาจากนาย ชัยธัช รัตนจันทร์ อีกทอด ซึ่งนายชัยธัช รู้จักและสนิทสนมกับนายพานทองแท้ ชินวัตร และเป็นผู้รับฝากเงินจากนายพานทองแท้ มาให้กับนายหฤษฎ์ อีกทอด โดยนายหฤษฎ์ จะนำเงินมาให้น.ส.ณัฎฐิกา และน.ส.ณัฏฐิกา ก็จะเป็นคนจ่ายเงินค่าจ้างในการทำงานของกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวนี้ และนายชัยธัช จะเป็นคนคอยสั่งการและควบคุมนายหฤษฎ์ อีกทอดหนึ่ง

การกระทำของผู้ต้องหานั้นเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีเจตนามุ่งหวังให้เกิดความวุ่นวายปั่นป่วนในประเทศ เพื่อให้คนเข้ามาอ่านในเพจรู้สึกว่ารัฐบาลและนายกฯเป็นตัวตลก ไร้ความสามารถบริหารประเทศ เกลียดชัง ต่อต้านไม่สนับสนุนรัฐบาลและนายกฯ พวกที่ชอบความรุนแรงอาจเกิดความกระด้างกระเดื่อง หรือก่อความไม่สงบขึ้นในประเทศได้ อีกทั้งกลุ่มผู้ต้องหายังเกี่ยวโยงกับกลุ่มการเมือง อาทิ น.ส.ณัฏฐิกา สนิทกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นพิเศษ และเป็นคนก่อตั้งเพจต่อต้านรัฐบาลหลายเพจ อาทิ เพจนายจตุพร พรหมพันธุ์ เพจพีซทีวี เพจ UDD Thailand เพจ Read Intelligence เพจ Red Democracy ทั้งนี้ ถ้อยคำที่นำมาใส่ในภาพเข้าข่ายยุยงปลุกปั่น เชิญชวนให้มาร่วมขับไล่รัฐบาล และเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวมีคนเข้ามาติดตามมากถึง 7 แสนคน

ผู้กล่าวหาในฐานะผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชนฯ ซึ่งได้รับมอบจากผู้บังคับบัญชาให้มาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เนื่องจากหน่วยงานเห็นว่ากระทำดังกล่าวก่อนให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และพ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14

พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. 2559 เวลา 15.00 น. แต่เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องดำเนินการ รอผลพิมพ์มือผู้ต้องหา รอสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 15 ปาก และรอผลการตรวจสอบเว็บไซต์จากกระทรวงไอซีที จึงจำเป็นต้องขอประทานศาลสั่งขังผู้ต้องหานี้ไว้กำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. ถึง 10 พ.ค. 2559 ตามพ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 โดยอนุโลม และประกาศคสช. ฉบับที่ 37/2557 ลงวันที่ 25 พ.ค. 2557 และหากผู้ต้องหาร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ขอคัดค้านเนื่องจากคดีนี้มีอัตราโทษสูง และเป็นคดีความผิดต่อความมั่นคง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี และไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือก่อเหตุอันตรวจประการอื่น

BB Clinic เปิดตัว 7 พ.ค. ผู้เข้าร่วมลุ้นรับรางวัลใหญ่ตั๋วไปกลับ แอลเอ-กรุงเทพฯ

คณะผู้บริหารพร้อมด้วยคณะแพทย์พยาบาลจาก BB Clinic & Beauty Center สถานเสริมความงาม และ คลินิกศัลยกรรมตกแต่งสไตล์เกาหลีแบบครบวงจร ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักดีในเมืองไทย กำหนดเดินทางมาเปิดตัว ให้ความรู้กับสาวน้อยสาวใหญ่ที่รักสวยรักงาม รวมทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลบุคลิกภาพเป็นอันดับต้น ๆ โดย ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล ดาราสาวเจ้าบทบาท หนึ่งในผู้บริหารและเป็นพรีเซ็นเตอร์ของบีบีคลินิก จะมาร่วมพูดคุยเรื่อง “เคล็ดลับหน้าเด็ก”ให้ทุกคนได้ทราบในงานเปิดตัวครั้งนี้ ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2559 เริ่มเวลา 2 pm ที่ไทยแลนด์ พลาซ่า ในไทยทาวน์ บนถนนฮอลลีวูด ทั้งนี้ผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมรับฟังจะต้องแจ้งชื่อล่วงหน้าไปที่ผู้ประสานงานการจัดในแอลเอก่อน โดยทางผู้จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มไว้ต้อนรับทุกท่านรวมทั้งมีรางวัลมอบให้กับผู้โชคดีในงานนี้ด้วย

จากการเปิดเผยของ เพ็ญพิมพ์ จิตรธร ผู้จัดการไทยแลนด์ พลาซ่า และ เจ้าของรายการวิทยุภาคภาษาไทยเพลงพิมพ์ใจและข่าว ซึ่งเป็นผู้ประสานงานการจัดการเปิดตัว บีบีคลินิกที่แอลเอ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สถานเสริมความงาม และศัลยกรรมแบบครบวงจร บีบีคลินิกแอนด์บิวตี้เซ็นเตอร์ ภายใต้การบริหารงานของสองสาวนักธุรกิจ คือ คุณปุ๊กกี้ หรือ สินีนารถ เองตระกูล และ พี่สะใภ้ดาราสาวชื่อดัง คุณธัญญ่า –ธัญญาเรศ เองตระกูล โดยมี คุณพ่ออดีตปลัดกระทรวงการคลัง สมใจนึก เองตระกูล เป็นที่ปรึกษา บีบีคลินิกเป็นคลินิกศัลยกรรมตกแต่งสไตล์เกาหลีที่ได้รับความนิยมอย่างมากเปิดดำเนินการในประเทศไทยมาเข้าปีที่ 7 แล้ว ปัจจุบันมี 5 สาขา สี่สาขาอยู่ในประเทศไทยและอีกหนึ่งสาขาอยู่ในประเทศลาว ทั้งนี้ทางผู้บริหารได้มองเห็นว่าที่สหรัฐอเมริกาในเมืองใหญ่ ๆ จะมีเพื่อนชาวไทยอาศัยและทำธุรกิจกันอยู่อย่างมากมาย เลยมีความคิดที่จะมาเปิดตัวให้ความรู้ในด้านนวัตธรรมใหม่ ๆ ทางด้านศัลยกรรมเพื่อให้เพื่อนชาวไทยในแดนไกลได้รับความรู้และรู้จักรักษาดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอแม้จะเข้าสู่วัย ส.ว.แล้วก็ตามทุกคนสามารถที่จะมีบุคลิกที่ดีได้ และหากได้เดินทางกลับไปเมืองไทยก็สามารถไปใช้บริการที่สถาบันเสริมความงามบีบีคลินิกในทุกสาขาได้ ทั้งนี้ทางบีบีคลินิกตั้งใจจะมาเปิดตัวในสามเมืองใหญ่ของอเมริกาในปีนี้เป็นปฐมฤกษ์ คือที่ นครลอส แอนเจลิส นคร ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย และอีกแห่งที่นครลาสเวกัส รัฐเนวาด้า

ในส่วนของการเดินทางมาเปิดตัวที่แอลเอนั้น เพ็ญพิมพ์ จิตรธร ได้กล่าวในรายละเอียดว่า กำหนดจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2559 เริ่มเวลาบ่าย 2 โมง ที่ไทยแลนด์ พลาซ่า ในไทยทาวน์ บนถนนฮอลลีวูด โดยทางผู้บริหาร พร้อมด้วยทีมแพทย์พยาบาลที่ปรึกษาของ BB Clinic & Beauty Center รวมทั้งดาราสาวพรีเซนเตอร์คนสวย ธัญญ่า-ธัญญาเรศ จะมาให้ความรู้ ตอบปัญหา ให้เคล็ดลับที่ทำให้หน้าดูเด็กอยู่เสมอ แก่ผู้ที่สนใจอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งได้จัดเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มให้กับผู้เข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วย ที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่เข้าร่วมงานเปิดตัวของบีบีคลินิกในวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ มีสิทธิ์ที่จะลุ้นรับรางวัลใหญ่ที่ทางผู้จัดเตรียมไว้ให้ถึง 3 รางวัล ได้แก่ รางวัลที่ 1 ตั๋วเครื่องบินไปกลับแอลเอ-กรุงเทพฯ รางวัลที่ 2 Gift Vocher มูลค่า $500 และรางวัลที่ 3 Gift Set มูลค่า $250 ทั้งนี้ผู้ที่จะมีสิทธิ์ได้รับรางวัลจะต้องแจ้งชื่อเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมล่วงหน้าเอาไว้ก่อนถึงวันงาน

“ผู้ที่สนใจอยากจะเข้าร่วมงานเปิดตัวบีบีคลินิกกับเราในครั้งนี้ ขอเชิญแจ้งรายชื่อมาที่ เพ็ญพิมพ์ จิตรธร โทร.323-606-2139 หรือที่ ผิง-รุจิลาภา พัฑฒนะ โทร.323-632-2071 ก่อนถึงวันงานนะคะ นอกจากจะได้รับความรู้และคำปรึกษาจากทีมเสริมความงามครบวงจรระดับมืออาชีพและได้พบกับดาราสาว ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล แล้ว ทุกคนยังมีสิทธิ์ได้ลุ้นรับรางวัลใหญ่กลับบ้านกันด้วยอีกค่ะ” เพ็ญพิมพ์ จิตรธร ผู้จัดการไทยแลนด์พลาซ่า กล่าวเชิญชวนในท้ายที่สุด.


'บิ๊กตู่' รับแก้ไฟใต้ไม่คืบ แต่อยากจบ ขอผู้ก่อเหตุพูดคุยอย่างสันติ

"ประยุทธ์" ฝากผู้ใช้แรงงานร่วมกันสร้างชาติ แนะพัฒนาตัวเองตามเทรนด์โลก แจงยิบจัดระเบียบแรงงาน-ต่างด้าว ย้ำปฏิรูปประเทศ 2 ปี ไม่จบ ต้อง 20 ปี รับไม่แตะกองทัพ-ตำรวจ เหตุยังต้องเข้มแข็งเพื่อป้องกันประเทศ ทั้งภัยธรรมชาติ-ศก. รับปัญหาไฟใต้ไม่จบ เดินหน้าไม่คืบ ระบุเสียเวลา-โอกาส วอนผู้ก่อเหตุหันมาช่วยพัฒนาชาติดีกว่า

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.59 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยมี พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการ ถึงผู้ใช้แรงงานเนื่องในโอกาสวันแรงงานแห่งชาติ 1 พ.ค.นี้ว่า ขอร่วมเป็นกำลังใจในการทำงานของแรงงานทุกคน ที่ช่วยกันสร้างชาติ และก็ขอให้มีการพัฒนาตนอย่างสม่ำเสมอ พัฒนาฝีมือ เพื่อยกระดับให้มีรายได้ที่แตกต่างด้วยฝีมือ มากกว่าใช้แรงงานอย่างเดียว และก็มุ่งสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วย เพราะว่าวันนี้เราต้องพัฒนาตัวเองด้วยการเรียนรู้ให้มากขึ้น จะได้ติดตามวิวัฒนาการ เทคโนโลยีของโลกเพื่อจะได้กำหนดตัวเองว่าเราจะไปอยู่ตรงไหนของโลกในอนาคต ในการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงาน อันนี้เราได้ให้กระทรวงแรงงานมีการออกใบรับรองมาตรฐาน 22 สาขาอาชีพ ใน 5 กลุ่มอุตสาหกรรมและภาคบริการ ทั้งนี้เราต้องเตรียมการในการรับสถานการณ์สังคมสูงวัยในอนาคตด้วย

"สำหรับการปฏิรูปนั้น ระยะที่ 1 ก็ตั้งแต่ ปี 57 ถึง 60 ซึ่งผมจะเร่งปฏิรูปตามระยะที่ 1 ให้ได้ ที่เหลือก็จะกำหนดไว้เป็นการปฏิรูประยะที่ 2-5 ระยะละ 5 ปี สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ทุกเรื่องมีกิจกรรมย่อยเยอะแยะไปหมด ก็หวังว่ารัฐบาลหน้าคงจะทำให้ เพราะเป็นความต้องการของประชาชน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงข้อเรียกร้องในการปฏิรูปกองทัพและตำรวจด้วยว่า อย่ากังวล ตนเข้าใจดี เพราะฉะนั้นเราต้องไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน เพราะถ้าไม่มีทหาร ไม่มีตำรวจเลย มันคงอยู่ไม่ได้ ทุกประเทศในโลกอยู่ไม่ได้หมด เขามีทหารกันหมด ต้องเข้มแข็ง ไม่ได้มีไว้เพื่อรบ มีไว้ปกป้อง ทั้งภัยธรรมชาติแล้วก็ดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราได้มีการตั้งคณะกรรมการพูดคุยสันติภาพ มีการพูดคุยมาหลายครั้ง ก็มีความก้าวหน้ามาตามลำดับ แต่ไม่อยากจะใช้สิ่งเหล่านี้มาเป็นตัวกำหนดว่าจะเสร็จเมื่อไรอะไรยังไง ขอให้ทุกคนเข้าใจ เราก็อยากให้ปัญหาจบ เพราะเสียดายชีวิตที่สูญเสียไป เสียทั้งเวลา เสียโอกาส เสียงบประมาณมากมาย

"ฝากไปถึงพวกที่ก่อเหตุต่างๆ ก็ขอให้เลิกเถอะ เรากลับมาเป็นคนไทย พัฒนาชาติไทยด้วยกันดีกว่า จะได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ แล้วก็โอกาสของภาคใต้มีอย่างเยอะแยะ" นายกฯ กล่าว.


กกต.คลอด 8 ข้อห้าม 6 ข้อทำได้ ไลค์-แชร์ข้อมูลผิด พ.ร.บ.ประชามติ

กกต. ออก 6 ข้อทำได้ 8 ข้อห้ามทำ คุมรณรงค์ประชามติ เตือนแม้ไม่ขัดประกาศ กกต.แต่ต้องระวังผิดคำสั่ง คสช.ยันไม่จำกัด เมื่อวันที่ 29 เม.ย.59 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต.กล่าวถึงผลประชุม กกต.ว่า กกต.มีมติให้ออกประกาศ กกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงประชามติ จะมีผลเมื่อประกาศดังกล่าวลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว คาดว่าจะมีผลไม่เกินสัปดาห์หน้า โดยมีข้อกำหนด สิ่งที่ประชาชนทำได้ 6 ข้อ คือ

1. ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นเพิ่มเติมให้เข้าใจอย่างครบถ้วน จากเว็บไซต์หรือสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการแสดงความคิดเห็นของตน

2. แสดงความเห็นโดยใช้ถ้อยคำที่สุภาพ

3. แสดงความเห็นด้วยข้อมูลที่มีความชัดเจนไม่กำกวม อันอาจทำให้บุคคลอื่นเห็นว่าเป็นการบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง

4. การนำเสนอหรืออ้างอิงงานวิจัยตามหลักวิชาการ เพื่อประกอบการแสดงความคิดเห็นให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงบุคคลนั้น ควรตรวจสอบความถูกต้องและแสดงที่มาของงานวิจัยนั้นด้วย

5. การสัมภาษณ์ผ่านสื่อเพื่อแสดงความคิดเห็นพร้อมเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งของตน

6. การนำเข้าข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็นพร้อมแสดงเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งของตน ในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือการส่งต่อข้อมูลดังกล่าว โดยไม่มีการแสดงความเห็นเพิ่มเติม

เลขาธิการ กกต.กล่าวต่อว่า ส่วนที่ทำไม่ได้ 8 ข้อประกอบด้วย

1. การสัมภาษณ์ผ่านสื่อด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่

2. การนำเข้าข้อมูล (โพสต์) อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดมหรือข่มขู่ในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือส่งต่อข้อมูล (แชร์) ในลักษณะดังกล่าว

3. การทำหรือส่งสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายอันมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่

4. การจัดเวทีสัมมนา อภิปราย โดยกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่ไม่มีหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรสื่อมวลชน ตามกฎหมายเข้าร่วม และมีเจตนาเพื่อปลุกระดมทางการเมือง

5. การชักชวนให้ใส่เสื้อ หรือติดป้าย เข็มกลัด ธง ริบบิ้น หรือเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือการขายการแจกจ่ายสิ่งของดังกล่าว ในลักษณะรณรงค์ทั่วไปเพื่อนำไปสู่การปลุกระดมทางการเมือง

6. การใช้เอกสารใบปลิวหรือแผ่นพับ ที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคายหรือปลุกระดมทางการเมือง

7. การรายงานข่าวหรือการจัดรายการของสื่อมวลชนที่นำไปสู่การปลุกระดมหรือสร้างความวุ่นวายในสังคม

8. การรณรงค์เพื่อให้เกิดการคล้อยตามของคนในสังคม เพื่อให้ออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง มีลักษณะการปลุกระดมหรือขัดขวางการออกเสียง

นายธนิศร์ กล่าวด้วยว่า กรณีสื่อมวลชนสามารถรายงาน หรือ เสนอข่าวด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ด้วยความรับผิดชอบ เป็นกลาง คำนึงถึงความเท่าเทียมและไม่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งนี้ กกต.อาจจะออกประกาศเพิ่มเติม ถ้ามีกรณีใดเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกเพื่อให้เกิดความชัดเจน กรณีการกระทำในเรื่องอื่นที่ กกต.อาจเขียนบอกว่าสามารถทำได้ การออกประกาศของ กกต.ยืนอยู่บนพื้นฐาน พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แต่การกระทำอาจจะผิดกฎหมายอย่างอื่น เช่น พ.ร.บ.รักษาความสะอาด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ประกาศหรือคำสั่ง คสช. โดยประชาชนพึงระวังความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย ซึ่งประชาชนพบเห็นการกระทำผิดสามารถร้องพนักงานสอบสวนได้เลย ไม่ต้องร้องผ่าน กกต. และพนักงานสอบสวนจะเรียกบุคคลนั้นไปให้ปากคำ และกกต.มีดำริจะเชิญ ผบ.ตร.มาทำความเข้าใจเพื่อให้การปฏิบัติงานเรียบร้อย แต่รอให้ร่างประกาศมีผลก่อน.


'บิ๊กจิ๋ว'บ่ฮู้บ่เห็นบ่หันคดีสลายพธม.

29 เม.ย. 59 เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง ประธานแผนกคดีเลือกตั้ง เจ้าของสำนวน หมายเลขดำ อม.2/2558 และผู้พิพากษาองค์คณะ รวม 9 คน นัดไต่สวนพยานโจทก์นัดที่ 2 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบการสลายม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี , พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี , พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. เป็นจำเลยที่ 1 - 4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 295 และ 302 จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 51 รัฐบาลนายสมชาย ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา โดยมิชอบตามหลักสากลกระทั่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 471 ราย

อย่างไรก็ดีเมื่อถึงเวลาไต่สวน ทนายความ ป.ป.ช. แถลงต่อศาลว่า พยานทั้ง 5 ปากประกอบด้วย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. , พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ อดีต ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ลือชัย สุดยอด รอง ผบช.ภ.3 , พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวน อดีต รอง ผบช.น. และ พล.ต.ท.อนันต์ ศรีหิรัญ ผช.ผบ.ตร. เนื่องจากติดภารกิจและบางคนติดต่อไม่ได้ โดย ป.ป.ช.โจทก์ ไม่ติดใจจะไต่สวนพยาน 5 ปากนี้อีกต่อไป แต่จะยื่นเป็นคำให้การของพยานดังกล่าวที่ให้ไว้ในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช.ต่อศาลแทน ขณะที่ศาลสอบถามฝ่ายจำเลยแล้ว ทนายความจำเลย แถลงว่า ฝ่ายจำเลยยังติดใจไต่สวนพยานทั้ง 5 ปากตามบัญชีพยานที่เคยยื่นไว้ต่อศาล

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยยังติดใจจะไต่สวนพยานดังกล่าว จึงให้มีการไต่สวนพยานทั้งห้าเป็นพยานจำเลยต่อไปพร้อมกับ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต อดีต รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ อดีต รอง ผบ.ตร.

โดยศาลนัดไต่สวนพยานโจทก์ที่เหลือ ต่อไปในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ขณะที่ศาลกำชับให้ ป.ป.ช.โจทก์ ขอหมายเรียกพยานและติดตามพยานมาไต่สวนให้ได้ตามกำหนดนัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ มีมวลชนเสื้อแดง ประมาณ 20 คน มาถ่ายรูปและมอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจนายสมชาย อดีตนายกฯ ขณะที่มีมวลชนกลุ่ม พธม.กว่า 20 คน มาติดตามความคืบหน้าคดีด้วย

ภายหลังศาลเลื่อนการไต่สวน นายสมชาย อดีตนายกฯ ได้เลี่ยงมวลชนเดินทางกลับทันที

ขณะที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ ปฏิเสธตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีมีกระแสข่าว ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อกฎหมายจะถอนฟ้องคดี ซึ่ง พล.อ.ชวลิต ยิ้มพร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ เป็นภาษาอีสานว่า “ บ่ฮู้ บ่เห็น บ่หัน ”

ตร.รวบ 2 ผู้ต้องสงสัย ลวงสาวไทยไปอริโซน่า

ชายรายหนึ่งถูกตำรวจสหรัฐฯจับกุมตัว พร้อมกล่าวหาดัดแปลงอพาร์ทเมนต์ในเมืองเทมเป เป็นโรงเรือนโสเภณี ส่วนผู้หญิงอีกคนโดนรวบตัวฐานสมรู้ร่วมคิด ในคดีที่เจ้าหน้าที่สืบสวนเผยว่าพวกคุณตัวซึ่งตกเป็นเหยื่อค้ากามข้ามชาตินั้น เป็นคนไทยที่ถูกหลอกมายังแอริโซนา

เจ้าหน้าที่สืบสวนสหรัฐฯระบุว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนล่อลวงผู้หญิงมาจากประเทศไทย และบังคับใช้สตรีเหล่านั้นใช้หนี้ด้วยการทำงานเป็นโสเภณีที่อพาร์ทเมนต์ 2 หลังในเมืองเทมเป

ตำรวจเผยว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้แก่ พัชรินทร์ โคอิบูชิ และเอริค ดันแฮม ดำเนินการเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว โดยว่ากันว่า พัชรินทร์ มีเครือข่ายในไทย และจะคอยมารับพวกผู้หญิงที่สนามบินและพาพวกเธอไปซ่อนที่อพาร์ทเมนต์หรูแห่งหนึ่งในเทมเป สถานที่ที่ตำรวจจู่โจมตรวจค้นเมื่อวันอังคาร(26เม.ย.)

ในเอกสารของศาล ระบุว่าผู้ต้องหาล่อลวงด้วยการลงโฆษณาหาสาวบริการเพื่อนเที่ยวชาวไทย ค่าจ้าง 250 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ขณะที่ตำรวจเผยว่าหลังจากหญิงสาวเหล่านั้นเดินทางมาถึงสหรัฐฯแล้ว พวกเธอจะถูกยึดเอกสารต่างๆจนกว่าจะทำงานขายบริการทางเพศใช้หนี้ค่าพาพวกเธอเข้ามายังอเมริกาจนหมด

ผู้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่ละแวกใกล้เคียงเผยว่า "สิ่งเดียวที่ผมสังเกตเห็นก็คือ มีผู้ชายบางคนออกมาจากอพาร์ทเมนต์ และพวกเขาดูมีความสุข พวกผู้ชายส่วนใหญ่มีอายุมากแล้ว" ส่วนอีกคนเผยว่า "ไม่เคยเห็นพวกผู้หญิงออกนอกอพาร์ทเมนต์เลย พวกเธออยู่ในอพาร์ทเมนต์ตลอดเวลา มันน่าประหลาดใจมาก"

ทั้งนี้ผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่าพบเห็นตำรวจบุกจู่โจมอพาร์ทเมนต์ในวันอังคาร(26เม.ย.) และผู้หญิงในสภาพเปลือยเปล่ากำลังวิ่งหนี