ข่าว
มือดีป่วนเวทีชุมนุมกปปส. ลอบปาระเบิดเจ็บ 6 ราย

มือมืดลอบปาระเบิดบริเวณแยกประตูน้ำ ใกล้เวทีชุมนุมกปปส.ที่แยกราชประสงค์ ทำให้มีผู้เคราะห์ร้ายได้รับบาดเจ็บ 6 ราย รถยนต์เสียหายอีก 3 คัน

เมื่อเวลา 21.15 น. วันที่ 21 ก.พ. ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร รายงานว่า เกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิดที่แยกประตูน้ำ ใกล้กับเวทีการชุมนุม กปปส.บริเวณแยกราชประสงค์ เบื้องต้นมีประชาชนที่สัญจรผ่านได้รับบาดเจ็บ 6 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี 3 คน โรงพยาบาลพญาไท 1 จำนวน 1 คน และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 2 คน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท ได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งได้รับความเสียหาย 3 คัน ประกอบด้วย รถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์ ทะเบียน ษศ 4607 กรุงเทพมหานคร รถตู้ฮอนด้า ฟรีด สีดำ ทะเบียน กฉ 168 สมุทรปราการ และรถเก๋งโตโยต้าคัมรี ทะเบียน ศต 6521 กรุงเทพมหานคร โดยรถทั้งหมดจอดติดไฟแดงอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายน่าจะปาระเบิดลงมาจากสะพานข้ามแยกประตูน้ำ อย่างไรก็ตาม จะได้เร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าวเพื่อหาเบาะเเสของคนร้ายต่อไป

นปช. สวนกลับ'สุเทพ' ไม่ต้องท้า-ออกมาแน่!

แกนนำ นปช.ประกาศลั่นกลองรบแล้ว 'ณัฐวุฒิ' สวนกลับ 'สุเทพ' ไม่ต้องท้าก็ออกมาอยู่แล้ว 'ธิดา' นัดชุมนุมใหญ่ 23 ก.พ. ที่โคราช ประกาศให้คนเสื้อแดงหยิบเสื้อแดงมาใส่อีกครั้ง 'จตุพร' ลั่น การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว...

เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว แกนนำกลุ่ม นปช. นำโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ร่วมแถลงข่าวในสถานการณ์พิเศษ พร้อมทำการแสดงสัญลักษณ์ของการประกาศสงครามกับฝ่ายตรงข้าม ด้วยการนำสีธงแดงมาชักขึ้นระหว่างการแถลงข่าว ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องของเหล่าคนเสื้อแดงที่มาร่วมรับฟัง

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขอส่งข้อความถึงคนเสื้อแดง ขณะนี้มีคนบางคนพยายามเขียนคำว่าอยุติธรรมลงบนแผนที่ประเทศไทยและยัดเยียดให้คนอ่าน หากเอามาตรฐานที่นายสุเทพและพวกปฏิบัติมา 3 เดือน ว่าเป็นการชุมนุมอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ ก็เท่ากับการปฏิบัติของคนเสื้อแดงต่อไปนี้ ก็สามารถทำได้เช่นกัน และขอบอกไปยังนายสุเทพที่ประกาศท้าให้ นปช.ออกมาสู้กันว่า “ไม่ต้องท้า กูมาแน่”

นางธิดา กล่าวว่า การประชุมแกนนำ นปช.ทั้ง 4 ภาค เดิมนัดหมายตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. นปช.ขอเลื่อนมาจัดวันเดียว คือวันที่ 23 ก.พ. ที่ จ.นครราชสีมา โดยใช้ชื่อการประชุมครั้งนี้ว่า นปช.ลั่นกลองรบ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมราว 4 พันคน ประเด็นสำคัญคือต้องการให้แกนนำแต่ละพื้นที่ประชุมกันมาก่อน เพื่อเปิดให้แสดงความคิดเห็นว่า จะวางยุทธศาสตร์ในสถานการณ์นี้อย่างไร นี่จะไม่ใช่การปราศรัย หรือนัดพบกันธรรมดา แต่คือการระดมความคิด และความเป็นหนึ่งเดียวของคนรักประชาธิปไตย ว่าการที่นปช.จะปฏิรูปประเทศไทยกันอย่างไร เพราะเราไม่อาจทนเห็นการย่ำยีความยุติธรรมดำเนินต่อและไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้อีก หลังจากนี้ขอให้มวลชนกลับมาใส่เครื่องแบบเสื้อแดงกันอย่างเต็มที่อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นปช.ขอแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลแพ่ง และขอคัดค้านที่ศาลมองว่าการชุมนุมของ กปปส. สงบปราศจากอาวุธ เพราะเห็นตั้งแต่การชุมนุมของ นปช.ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง การใช้อาวุธสงครามถล่มผู้ไปขอคืนหีบเลือกตั้งที่แยกหลักสี่ ตลอดจนการขัดขวางการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง การยึดสถานที่ราชการ ล้วนแสดงให้เห็นว่า กปปส.มีกองกำลังติดอาวุธ นางธิดา กล่าว

ขณะที่นายจตุพรกล่าวว่า ข้อเสนอ ศรส.เสนอไปยังรัฐบาล ให้ยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับก่อน แล้วประกาศฉบับใหม่ โดยใช้กรณีเหตุการณ์กราดยิงอาวุธสงครามที่แยกหลักสี่ การตรวจค้นพบเจออาวุธในกลุ่ม กปปส. ฯลฯ มาเป็นเงื่อนไข เพราะคำวินิจฉัยศาลแพ่งที่ห้าม ศรส.กระทำการ 9 ข้อ เหมือนมองว่า ระเบิดที่ถล่มเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สะพานผ่านฟ้าฯ นั้นไม่ใช่เป็นอาวุธ เวลานี้เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่าอำนาจรัฐถูกตัดมือเท้าหมดแล้ว ไม่ให้เจ้าหน้าที่ทำอะไรแล้ว ปล่อยให้กปปส.ครองเมือง การลั่นกลองรบของ นปช.นั้น ก็เป็นการประกาศชัดเจนว่าขณะนี้สงครามได้เริ่มต้นแล้ว เราเคยได้พยายามอธิบายว่าที่เราอยู่ในที่ตั้งเพราะอยากให้อำนาจรัฐและกฎหมายได้ทำหน้าที่ แต่วันนี้ก็ไม่สามารถทำได้ เจ้าหน้าที่รัฐถูกย่ำยี ถูกฆ่า เจ้าหน้าที่รัฐและสุจริตชนไม่ได้รับการคุ้มครอง ศาลส่งห้ามหมดแต่ไม่มีคำสั่งห้ามผู้ชุมนุมละเมิดกฎหมาย ศรส.และรัฐบาลทำได้คือ ปล่อยให้ประเทศมั่วกันไปเลย นายสุเทพทำอะไรได้ คนอื่นก็ทำแบบนั้นได้ เมื่อบ้านเมืองใช้กฎหมายไม่ได้ ประชาชนก็ไม่มีทางเลือก

“ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว ขอให้ติดตามการประชุม นปช.ทั่วประเทศ วันที่ 23 ก.พ.ที่ จ.นครราชสีมา การต่อสู้คร้งนี้จะเป็นการต่อสู้กันอย่างมีระบบ คำว่าลั่นกลองรบนั้นเป็นเครื่องบอกอย่างชัดเจนว่า พร้อมทุกอย่างแล้วที่จะเข้าสู่ถนนแห่งการต่อสู้ นายสุเทพท้าใครได้ แต่มาท้าคนเสื้อแดง คุณท้าผิดคนแล้ว สมัยที่คุณมีกองกำลัง มีอาวุธสงคราม เคยห้ามอะไรเราได้บ้าง” นายจตุพร กล่าว

“ไฮโซดารุณี” นำกลุ่มเสื้อแดง บุกประจานศาลแพ่งอยุติธรรม

เวลา 09.00 น. วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นางดารุณี กฤตบุญญาลัย หรือเจ๊ดา ไฮโซเสื้อแดง นำมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 100 คน มาชุมนุมบริเวณหน้าศาลแพ่ง โดยมีการนำพวกหรีดซึ่งมีข้อความเขียนว่า “แด่...ความอยุติธรรมของศาลแพ่ง” พร้อมอ่านแถลงการณ์เรียกร้องความยุติธรรม โดยกลุ่มผู้ชุมนุมมีการร่วมกันร้องเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการทวงคืนความยุติธรรม กรณีที่ศาลแพ่งมีคำพิพากษาในคดีเพิกถอนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยห้ามไม่ให้ศูนย์รักษาความสงบ หรือศรส. บังคับใช้ประกาศและข้อกำหนดที่ออกตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินรวม 9 ข้อ เช่น ห้ามใช้กำลังสลายการชุมนุมกับประชาชนและผู้ชุมนุมกปปส. นอกจากนี้ดารุณี ยังได้อ่านคำพิพากษาของศาลในคดีเพิกถอนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ของปี 2553 เปรียบเทียบกับ คำพิพากษาในปี 2557

นางดารุณี กล่าวว่า ในฐานะประชาชนที่เคยร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 จึงได้มาขอความยุติธรรมจากศาลแพ่งและขอคำชี้แจงจากศาล เนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อปี 2553 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 99 ศพ และบาดเจ็บกว่าพันคน ซึ่งทางพรรคฝ่ายค้านได้เคยมายื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ยกเลิกประกาศ พ.รก.ฉุกเฉินฯ ของรัฐบาลสมัยนั้น แต่ศาลแพ่งกลับพิพากษาว่า ศาลมิอาจก้าวล่วงในการใช้ดุลยพินิจของฝ่ายบริหารได้ ซึ่งแตกต่างกับคำพิพากษาในครั้งนี้ที่มีคำสั่งคุ้มครองกลุ่มผู้ชุมนุมกปปส.

สำหรับบรรยากาศกลุ่มผู้ชุมนุมมีการชูป้ายข้อความในการประท้วงถึงคำพิพากษาของศาลโดยมีการนำตะเกียงส่องสว่างมาเป็นสัญลักษณ์และมีการนำถุงปลาร้ามาชูเป็นสัญลักษณ์ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมนปช.ก็ได้นำพวงหรีดมาวางที่เสาด้านหน้าอาคารศาลแพ่ง และร่วมร้องเพลงพร้อมตะโกนโห่ร้องว่า “ความยุติธรรม” หลายครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้มาหยิบพวงหรีดออกไป พร้อมประสาน พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน เจรจากับแกนนำให้พาผู้ชุมนุมนปช.เดินทางกลับ

ด้าน พ.ต.อ.ชาตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้รับแจ้งว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาวางพวงหรีดที่ศาลแพ่ง จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ประมาณ 40 คน มาคอยดูแลความสงบเรียบร้อย โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศาลแพ่ง ซึ่งเหตุการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุความรุนแรงแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ของศาลแพ่งได้มีการถ่ายวีดีโอเหตุการณ์ต่างๆและถ่ายภาพของกลุ่มผู้ชุมนุมไว้ โดยจะทำรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนำเสนอไปยังอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง เพื่อพิจารณาต่อไป