ข่าว
ไอเอสคลั่งอีก ระเบิดพังศาสนสถานยุคโรมัน ‘มรดกโลก’ซีเรีย

เมื่อ 24 ส.ค. บีบีซีรายงานภัยคุกคามหลักฐานทางอารยธรรมของมนุษยชาติอีกครั้งในซีเรีย หลังจากกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ก่อเหตุระเบิดทำลายอารามบาอัลชามิน สร้างขึ้นในค.ศ.17 หรือเมื่อ 1,998 ปีก่อน และต่อเติมเพิ่มในสมัยจักรพรรดิเฮเดรียนแห่งจักรวรรดิโรมัน เมื่อปี ค.ศ.130 โบราณสถานเก่าแก่แห่งหนึ่งของเมืองพัลไมรา เมืองมรดกโลกซีเรียอายุกว่า 2,000 ปีที่ถูกไอเอสบุกยึดตั้งแต่เดือนพ.ค.

นายมามอน อับดุลคาริม ผู้อำนวยการแผนกโบราณสถานซีเรีย เปิดเผยว่านักรบไอเอสใช้วัตถุระเบิดจำนวนมากทำลายอารามหลังดังกล่าวจนได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ภายในอารามพังทลาย และเสาหินหลายสิบต้นพังทรุดอยู่กับพื้น

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่ถึง 1 สัปดาห์หลังจากนายคาห์เลด อัล-อัสซาด อายุ 82 ปี นักโบราณคดีคนสำคัญของเมืองพัลไมรา หลังนายอัสซาดปฏิเสธที่จะเปิดเผยความลับว่าโบราณวัตถุอื่นๆ ของเมืองซ่อนอยู่ที่ใด

ก่อนหน้านี้ไอเอสยังทำลายศาสนสถานของศาสนาอิสลามอีก 2 แห่งในเมืองพัลไมรา นอกจากนี้ยังมีโบราณวัตถุถูกทำลายอีกมาก รวมถึงสิงโตหินอัล-แลทแห่งพัลไมรา พิพิธภัณฑ์เมืองโมซุล โบราณสถานเมืองนิมรุด และเมืองฮัตราของอิรัก

คุก 18 ปี "วิโรจน์ นวลแข" อดีตบิ๊กกรุงไทย ปล่อยกู้ยุคทักษิณ

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิพากษาคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่า 9,900 ล้านบาท ที่ อม.3/2555 อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย จำเลยที่ 2 นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำเลยที่ 3 และบริษัทในเครือของบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 27 ราย

ในฐานความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, ความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502, ความผิดต่อ พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505, ความผิดต่อ พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และความผิดต่อ พ.ร.บ.บริษัทมหาชน พ.ศ. 2535

ทั้งนี้ ศาลพิพากษาจำคุก ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นประธานบอร์ดบริหาร ธ.กรุงไทยในขณะนั้น นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการ ผจก.ธ.กรุงไทย จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 12 ซึ่งเป็นกรรมการอนุมัติสินเชื่อ ในความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรของรัฐ พ.ศ.2502 ม.4 ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุกคนละ 18 ปี

จากกรณีเมื่อปี 2546 ได้มีการอนุมัติสินเชื่อกว่า 8 พันล้านให้กับบริษัทในเครือของบริษัทกฤษฎามหานคร ซึ่งมีการอ้างว่าจะนำเงินไปรีไฟแนนซ์หนี้สินกับสถาบันการเงินอื่น และซื้อที่ดินทำโครงการเกี่ยวกับที่ดินอื่นอีก แต่ภายหล้งได้มีการนำเงินไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่ได้มีการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวอย่างแท้จริง โดยศาลได้มีคำพิพากษาให้พวกจำเลยต้องร่วมกันชดใช้เงินคืนให้กับ ธ.กรุงไทย ผู้เสียหายด้วย

นอกจากนี้ ศาลยังมีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 5 , 8-11 และ 13-17 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่เป็นกรรมการอนุมัติสินเชื่อ และกลุ่มเอกชนที่ทำการขอสินเชื่ออีกคนละ 12 ปี เช่นกัน โดยศาลก็ให้จำเลยซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ทำการขออนุมัติสินเชื่อโดยทุจริตคืนเงินให้กับ ธ.กรุงไทย กว่าหมื่นล้านบาทด้วย

ส่วนจำเลยที่ 23-27 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทเอกชนที่กระทำผิด ให้จำคุก คนละ 12 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6-7 ซึ่งเป็นกรรมการฝ่ายสินเชื่อ

ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 หลบหนีคดี ศาลฎีกาฯ จึงให้ออกหมายจับ ติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดี โดยให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณไว้เป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะได้ตัวมา


‘ประยุทธ์’นำครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์

23ส.ค.2558 เมื่อเวลา 15.23 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีการโปรดเกล้าฯเเต่งตั้งเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ทยอยเดินทางเข้ามาในทำเนียบรัฐบาล โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเดินทางมาถึงเป็นคนแรก ตามด้วยนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบรัฐบาลได้มีการจัดเตรียมห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ไว้สำหรับถ่ายรูปติดบัตรประจำตัว และถ่ายภาพหมู่ที่ห้องโถง

พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาล เวลา 15.50 น. เพื่อถ่ายภาพหมู่ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนที่เวลา 17.00 น.จะนำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ทั้ง 19 คน เดินทางไปยังโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งดังกล่าว


ออกหมายจับ′บรรยิน-2พริตตี้′ปมโอนหุ้น′เสี่ยชูวงษ์′

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าพนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ขอศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่เสียชีวิต

ซึ่งล่าสุด ศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเพื่อนของนายชูวงษ์ นางสาวกัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้สาว และ นางสาวอุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์สาว ที่รับโอนหุ้นต่อจากนายชูวงษ์ ในข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนส่วน นางสาวศรีธรา พรหมา มารดาของนางสาวอุรชา ถูกศาลออกหมายจับข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และรับของโจร


"พล.อ.ธีรชัย" พลิก นั่งผบ.ทบ."พล.อ.ปรีชา"ขึ้น ปลัดกลาโหม

รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม แจ้งว่า คณะกรรมการพิจารณาปรับย้ายนายทหารระดับนายพล ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้ประชุมสรุป โผแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากมีคณะกรรมการบางคนติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ จึงรอให้กลับมาเซ็นรับทราบ โดยในสัปดาห์หน้า ปลัดกระทรวงกลาโหมจะนำบัญชีการโยกย้ายระดับนายพล เสนอให้นายกรัฐมนตรี ดูก่อนเพื่อหารือกับองคมนตรี เพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้า ทูลกระหม่อมต่อไป สำหรับตำแหน่งผบ.ทบ.ที่มีการถกเถียงกันนั้น เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ. ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ขณะที่พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายของพล.อ.ประยุทธ์ จะดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม


1ปี′บิ๊กตู่′ทำงานดี โปร่งใส-ตรวจสอบได้ หนุนอยู่ต่อ2ปี

"นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นเรื่อง "1 ปีของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ระหว่างวันที่ 17-22 สิงหาคม จากประชาชนทั่วประเทศ 2,500 ตัวอย่าง พบว่าร้อยละ 46.50 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ ทำงานในตำแหน่งนายกฯ ได้ค่อนข้างดี ร้อยละ 38.80 ระบุว่า ทำได้ดีมาก 1 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองไม่มีความวุ่นวาย ทำงานดีกว่านายกฯที่มาจากการเลือกตั้ง มีความเด็ดขาด พูดจริงทำจริง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ยังมีข้อบกพร่องบางเรื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ร้อยละ 3.20 ระบุว่าทำได้ไม่ดีเลย อาทิ ใช้อำนาจเผด็จการมากเกินไป พูดจาไม่เหมาะสม ยังไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน เมื่อเทียบกับผลการสำรวจ 6 เดือนของนายกฯ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่า สัดส่วนผู้ที่ระบุว่าทำงานได้ดีมาก-ค่อนข้างดี ลดลงเล็กน้อย

เมื่อถามถึงลักษณะการทำงานรอบ 1 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 70.96 ระบุมีบุคลิกภาพผู้นำแบบทหาร ร้อยละ 15.92 ระบุมีบุคลิกภาพผู้นำแบบประชาธิปไตย ส่วนอุดมการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ร้อยละ 85.80 ระบุว่า มีอุดมการณ์และความตั้งใจทำงานเพื่อชาติและประชาชน ร้อยละ 9.90 ระบุว่าไม่มีอุดมการณ์ คิดแต่จะทำงานเพื่อรักษาอำนาจของตนเอง

'บิ๊กตู่' งัด ม.44 ห้ามเรียก 'รากหญ้า' ให้ใช้ 'ผู้มีรายได้น้อย'

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 58 ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "ปฏิรูปการศึกษา...สร้างอนาคตประเทศไทย" ในงานสัมมนา เรื่อง “การปฏิรูปการศึกษาและพัฒนามนุษย์สู่อนาคต” จัดโดยคณะกรรมาธิการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยกล่าวว่า การศึกษาเป็นรากฐานของทุกอย่าง ถ้าคนไม่มีคุณภาพ ประเทศก็ไม่มีทางก้าวหน้าได้ เราต้องพัฒนาคนต่อไป อย่างน้อยก็ต้องเท่าเทียมกัน เอาหลายอย่างของต่างประเทศมาทำบ้านเรา แต่บางเรื่องยังทำไม่ได้ เพราะการศึกษายังมีการเรียนรู้ที่ยังไม่เท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปการศึกษาต้องเข้าใจระบบการศึกษาของโลก อาเซียนและของเรา เพราะมีความแตกต่างกัน

ทั้งนี้ การเมืองก็เช่นกัน ถ้าต่างคนต่างทะเลาะก็จะเป็นปัญหา แต่ถ้าต่างคนต่างยอมรับว่าเป็นผลประโยชน์ของชาติ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน แต่เมื่อเป็นประโยชน์ส่วนรวม เราก็ต้องพร้อมที่จะร่วมมือเดินไปข้างหน้า โดยนักการเมือง หรืออะไรที่ขัดแย้ง เป็นปัญหาก็ค่อยๆ ทำกันไป ไม่ใช่จะเอาทุกอย่างเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ แล้วมันจะเดินไปตรงไหนได้ สิ่งสำคัญคือ เมื่อคนเหล่านี้มีความขัดแย้ง คนที่ถูกขับเคลื่อนก็จะเกิดความสับสน วุ่นวายต่อไปอีก

"วันนี้ผมขออนุญาตใช้มาตรา 44 ไม่ให้ใครในประเทศนี้ ห้ามเรียกคนเหล่านี้ว่า รากหญ้า ให้เรียกว่า ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเราต้องยกระดับพวกเขามาให้เท่าเทียม วันนี้บ้านเมืองเราไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นแล้ว"