ข่าว
ปล้น"แชมป์"น้องเปิ้ล นาคร ที่จอดรถคาสิโน ลาสเวกัส

ปล้น "แชมป์"น้องชาย"เปิ้ล นาคร" พร้อมเพื่อนกลางลานจอดรถคาสิโนดังใน "ลาส เวกัส" หลังขัดขืนโดนปืนจ่อหัวขึ้นลำกล้อง ถึงกับความดันขึ้น ช็อก จนหอบกำเริบ ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ.ล่าสุดอาการดีขึ้น และให้ข้อมูลกับทางตำรวจ เพื่อเช็คจากกล้องวงจรปิดคาดว่าเที่ยงวันนี้รู้เรื่อง ขณะที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส จะเร่งทำเอกสารพาสปอร์ตให้...

จากกรณีที่ เปิ้ล นาคร ศิลาชัย นักแสดง และพิธีกรชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือผ่าน อินสตาแกรมส่วนตัว @ple_nakorn ระบุว่า เมื่อตอนเวลาตีสองครึ่ง ของวันที่ 28 ธ.ค. น้องชายของตนเอง คือ นายนาคินทร์ ศิลาชัย ถูกคนร้ายเป็นฝรั่งผิวขาว 2 คน เข้ามาประชิดตัว เอาปืนจ่อหัวพร้อมลั่นไก ระหว่างเดินทางออกมาจากโรงแรม Caesar Palace Casino ไปลานจอดรถที่ชั้น 4 ขณะไปเยี่ยมแม่ซึ่งอยู่ที่เวกัส ก่อนที่จะปล้นเอาทุกอย่างไป ทั้งของมีค่า และพาสปอร์ต จากนั้นหนีไป จนน้องชายของตัวเอง เกิดการหอบรุนแรง จากการวิ่งหนี ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในลาสเวกัส พร้อมขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรต่อ เนื่องจากไม่รู้จักใครเป็นการส่วนตัว.

ล่าสุดนายภาณุพล รักแต่งาม ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ รายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.อัญชนา ซึ่งเป็นเพื่อนของ "แชมป์" นาคินทร์ ศิลาชัย ว่า แชมป์ นาคินทร์ เพิ่งมาถึงเวกัส เพื่อมาเยี่ยมแม่ได้ 2 วัน โดยมีกำหนดจะอยู่ 12 วัน แต่ในวันเกิดเหตุ คือเวลา 02.30 น. (ตีสองครึ่ง) เช้ามืดของวันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม "แชมป์" ได้พาเพื่อนชื่อ "พันธกานต์"ไปที่โรงแรม ซีซาร์ พาเลส ซึ่งเป็นคาสิโนขนาดใหญ่ กลางเมืองลาสเกวัส

"เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 4 ของซีซ่าร์ พาเลซ ซึ่งไม่มีหน่วยรักษาความปลอดภัยดูแล และไม่มีคน มีแต่รถ เพราะเดี๋ยวนี้ ซีซาร์ พาเลส เก็บค่าจอดรถ ทำให้คนจอดรถน้อยลง เมื่อลงจากรถก็มีโจรมาปล้น โดยได้เอาปืนจ่อหัวทั้ง 2 คน พร้อมพูดว่าจะเอากระเป๋า ซึ่งผู้ที่ก่อเหตุน่าจะเป็นคนแม็กซิกัน เพราะมองจากรูปลักษณ์ คิ้วเข้มๆ ตาโตๆ ผิวขาว โดยได้เอาปืนมาจี้หัวแล้วจะเอากระเป๋าเป้ และได้กระเป๋าของทั้งสองคนไป"น.ส.อัญชนากล่าว

เพื่อนแชมป์ กล่าวด้วยว่า โดยกระเป๋าของ พี่แชมป์ ในกระเป๋ามีเงินสดอยู่ประมาณ 4,000 เหรียญ มียาประจำตัว ไอแพด กล้อง โทรศัพท์ บัตรเครดิต และเอกสารสำคัญทุกอย่าง รวมถึงพาสปอร์ตด้วย ซึ่งคนร้ายไม่ได้ทำร้าย แต่ขู่ว่าจะยิง โดยตอนแรกพี่แชมป์ จะไม่ให้คนร้ายก็ทำท่าจะยิง ขึ้นลำกล้องปืน และมีปลอกกระสุนตกลงมาจากปืนด้วย พี่แชมป์ตกใจ ช็อก และล้มลงไปที่พื้น ก็เลยเอากระเป๋าเป้ไปได้

หลังจากนั้นพี่แชมป์ ความดันขึ้น มีอาการหืดหอบ เพราะเป็นโรคเบาหวานด้วย พอตกใจมากๆ ก็แย่หายใจไม่ออก พอวิ่งเข้าไปในโรงแรมก็เลยเรียกรถพยาบาล แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว พออาการดีขึ้นแล้ว ตำรวจได้พาไปสอบสวน 3-4 ชม. และให้ข้อมูลตำรวจไปหมด ตำรวจให้รอติดต่อกลับมา ตอนนี้กลับมาพักที่บ้านแม่แล้ว ซึ่งทางตำรวจบอกว่ามีกล้องวงจรปิดกำลังขอทางโรงแรมดู และจะติดต่อกลับไปตอนเที่ยงๆ

น.ส.อัญชนา กล่าวต่อว่า ตอนนี้ได้ติดต่อกับทางสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส เพราะกังวลเรื่องพาสปอร์ต เรื่องเอกสารต่างๆ เพราะจะกลับเมืองไทยวันอาทิตย์ (6 ม.ค.) ตอนแรกคิดว่าคงต้องเดินทางไปติดต่อเองที่แอลเอ แต่วันนี้คงไปไม่ได้ เพราะยังไม่สบาย ล่าสุดได้มีคนจากสถานกงสุลใหญ่ฯ โทรกลับมา บอกขอให้ส่งเอกสารจะเร่งทำให้ อย่างไก็ตามตอนนี้ได้บอกทางบ้านที่เมืองไทยไปแล้ว ว่าปลอดภัยดีแล้ว ไม่ต้องห่วง

"คิดว่าจะต้องคุยกับทางคาสิโน ของโรงแรมซีซาร์ พาเลส เพราะเหตุการณ์เกิดในที่ของเขา และพยายามติดต่อทนาย คิดว่าจะต้องเอาเรื่อง เพราะไม่มีซีเคียวริตี้ ไม่มีมาตราการ รปภ.เลย ครั้นเกิดเรื่องต้องวิ่งเข้าไปในคาสิโน"น.ส.อัญชนากล่าว.

"บิ๊กป้อม" รอด! 5 ต่อ 3 ป.ป.ช.ตีตกปมนาฬิกาหรู

27 ธ.ค.61 - ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีถือครองนาฬิกาหรูจำนวน 22 เรือน ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า

ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 3 เสียง ยกคำร้องกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นนาฬิกาของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ที่ให้ พล.อ.ประวิตร ยืมใช้ จำนวน 21 เรือน ส่วนอีกเรือนแม้ยังหาไม่ได้ว่าเป็นของนายปัฐวาท แต่ทราบว่าชอบให้เพื่อนคนอื่นๆ ยืมเป็นเรื่องปกติ ซึ่งตรงนี้จะให้กรมศุลกากรตรวจสอบว่าเป็นของใครต่อไป

ส่วนแหวน 12 วง พยานหลักฐานรับฟังได้ว่าเป็นมรดกที่ได้รับจากมารดา ทั้งนี้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ไม่ได้เข้าร่วมพิจารณาในวาระดังกล่าว เนื่องจากขอถอนตัว


'ชูวิทย์'ลั่นอย่าซีเรียสเป็นกม.พิเศษ เหน็บ ป.ป.ช. สอบนาฬิกา'บิ๊กป้อม'

27 ธ.ค. 61 จากกรณีที่ ป.ป.ช. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีถือครองนาฬิกาหรูจำนวน 22 เรือน ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 เสียง 3 ยกคำร้องกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นนาฬิกาของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ ที่ให้ พล.อ.ประวิตร ยืมใช้ จำนวน 21 เรือน ส่วนอีกเรือนแม้ยังหาไม่ได้ว่าเป็นของนายปัฐวาท แต่ทราบว่าชอบให้เพื่อนคนอื่นๆยืมเป็นเรื่องปกติ ซึ่งตรงนี้จะให้กรมศุลากรตรวจสอบว่าเป็นของใครต่อไป

ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็นกรณีนี้ ระบุว่า คนอย่างผมมีสิทธิที่จะพูดเรื่องนี้ เพราะ ป.ป.ช. ส่งผมติดคุกมาแล้ว ไม่ว่าเงินน้อย เงินมาก หากว่าลืมรายงาน กฎหมายสันนิษฐานว่า “มีเจตนา จงใจปกปิดทรัพย์สิน” อย่างตัวผม ลืมรายงานหุ้นเป็นเงินแค่ 150,000 บาท สมัยก่อนให้เงินนักร้องยังมากกว่านี้ แต่จะพูดแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เพราะท่านบอกว่าเป็นกฎหมาย “ปิดปาก” ต้องคอตกติดคุก

วันนี้ ป.ป.ช. สอบเรื่องนาฬิกาหรูแล้ว สรุปว่า

- นาฬิกาเป็นของเพื่อนจริงๆ (แม้ว่าเพื่อนตายไปแล้ว)

- นาฬิกาไม่ใช่ของบิ๊กป้อมจริงๆ (เพราะเก็บอยู่ที่บ้านเพื่อน)

- นาฬิกาให้เพื่อนคนอื่นยืมด้วยจริงๆ (ไม่ใช่แค่เพื่อนชื่อป้อม)

- นาฬิกาเป็นของเคลื่อนย้ายง่ายจริงๆ (ชักงง อะไรที่มันเคลื่อนย้ายยากวะ?)

- นาฬิกาไม่ได้มีผลประโยชน์ทับซ้อนจริงๆ (แม่งเรือนละเป็นสิบๆล้าน)

อ่านแล้วอย่าไปซีเรียส ป.ป.ช. สอบมาตั้งนานได้แค่นี้จริงๆ

มันเป็นกฎหมายพิเศษ คนธรรมดาอย่างพวกเรา ไม่เข้าใจจริงๆ

นี่ถ้ารู้ว่า “ยืม” แล้วรอดแบบนี้ ผมไม่สารภาพให้ติดคุกจริงๆ

แหม... คิดแล้วมันช่างน่าเจ็บใจเสียจริงๆ


"ชัชชาติ" ลาออกจาก "คิวเฮ้าส์" คุมทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยโดยตรง

อดีต รมว.คมนาคม "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ลาออกจากซีอีโอ-กรรมการ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ ระบุ "สวัสดีอนาคต ผมพร้อมแล้ว" หลังถูกวางตัวจากพรรคเพื่อไทยให้คุมทีมเศรษฐกิจในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมทำงานในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ครบวาระหลังจากทำงานมาสี่ปีเต็ม ขอบคุณอดีต สำหรับทุกๆ บทเรียน สวัสดีอนาคต ผมพร้อมแล้ว" โดยเป็นภาพนายชัชชาติในชุดทำงานพร้อมพื้นหลังเป็นโลโก้บริษัท กับอีกภาพมีพื้นหลังเป็นรถไฟความเร็วสูง

ด้านนางสาวอภิญญา จารุตระกูลชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเวลา 20.43 น. ระบุว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อดำรงตำแหน่งแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการที่ว่างลง

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นายชัชชาติ ได้ขึ้นเวทีประชุมเตรียมการเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทางพรรคได้วางตัวให้นายชัชชาติเป็นทีมเศรษฐกิจของพรรค ระบุว่า ประชาชนประสบปัญหาเรื่องปากท้อง เศรษฐกิจไม่ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะระดับกลางและระดับล่าง หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นเร็วกว่ารายได้ และตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไทยใช้งบประมาณขาดดุลมาตลอด แต่เศรษฐกิจไม่ได้เติบโตหมุนเวียนขึ้น พร้อมเสนอแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีทีมงานที่เข้าใจปัญหาและทำเป็น


'อนุทิน' ย้ำให้เลือก 'ภูมิใจไทย' นโยบายแก้ปากท้องประชาชน

"อนุทิน" ย้ำชัด เลือก "ภูมิใจไทย" นโยบายทำได้จริงไม่ขายฝัน มั่นใจยกระดับ อสม.รับเงินเดือน 2,500-10,000 บาท ชาวนาได้เงิน 70% พักหนี้ กยศ. ไม่กระทบงบประมาณชาติ-ภาษี ปชช. ยัน "แกร็บคาร์-แท็กซี่" ไร้ขัดแย้งมุ่งคนละกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มช่องทางทำมาหากิน แก้ปัญหาปากท้อง ใจกว้างรัฐนำไปชูเป็นผลงานได้

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.61 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวถึงนโยบายที่จะผลักดันให้ประชาชนขับแกร็บคาร์(Grab) ถูกกฎหมายว่า มั่นใจว่าคนขับแกร็บคาร์จะไม่เกิดความขัดแย้งระยะยาว กับผู้ขับรถแท็กซี่สาธารณะที่ถูกกฎหมายอยู่แล้ว เพราะทั้ง 2 อาชีพมีกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ทั้งนี้แกร็บคาร์คือทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย แต่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่วนแท็กซี่สาธารณะ เป็นการบริการหลักเทียบจำนวนกันไม่ได้ ถือเป็นเรื่องปกติไม่ทับซ้อนกัน คนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งคือผู้สร้างปัญหาให้เกิดขึ้น

"การใช้บริการแกร็บคาร์ เรานั่งอยู่กับที่แล้วมีรถมารับถึงที่ เทียบกับเราใช้บริการแท็กซี่ต้องเดินออกไปหน้าปากซอย ก็ลูกค้าคนละกลุ่มแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าทำความเข้าใจจริงๆ ไม่มีอะไรที่ทับซ้อนกันเลย อีกทั้งในทางกลับกันเราต้องการสร้างโอกาสให้ประชาชน ที่ขับแกร็บคาร์มีหนทางทำมาหากินมากขึ้น แก้ปัญหาปากท้องด้วยตัวเองได้" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า แนวคิดดังกล่าวสามารถทำได้จริง ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้เป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ก็สามารถผลักดันเรื่องนี้ได้ด้วยการเสนอกฎหมายแก้ไข และยินดีหากรัฐบาลปัจจุบันจะหยิบยกไปดำเนินการในเรื่องนี้ โดยไม่ได้หวังว่าคะแนนเสียงจะไปตกอยู่กับพรรคการเมืองใด

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทยยังมีนโยบายที่จะยกสถานะ อสม.เทียบเท่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน มีเงินเดือนตามขั้นบันได ตั้งแต่ 2,500-10,00 บาท, ระบบแบ่งปันผลกำไร ข้าว 70%:15%:15% โดยชาวนาได้เงิน 70% ในทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นทางไปปลายทาง คือ การขายข้าวสาร และการแก้ปัญหาหนี้ กยศ. คือ การพักหนี้ 5 ปี โดยชำระตามความสามารถและปลดภาระผู้ค้ำประกัน

"เราไม่ต้องเพิ่มงบประมาณหรือไปเก็บภาษีเพิ่ม แต่จะมาจากบริหารจัดการงบในกระทรวง หรือหน่วยงานที่เกี่ยข้องพร้อมนำเทคโนโลยี เข้ามาบริหารจัดการ ส่งผลทำให้เงินเหลือและนำงบประมาณมาใช้ในนโยบายต่างๆ ดังนั้นรับรองหากเลือกพรรคภูมิใจไทย ทุกอย่างที่นำเสนอไปทำได้จริง ไม่ขายฝันและทำลายระบบงบประมาณของประเทศแน่นอน " นายอนุทิน กล่าว

"ลิซ่า-ญาญ่า" สาวไทยติดโผ จัดอันดับสาวสวยสุดในโลก

หลังจากที่ประกาศรายชื่อกันไปวามีสาวใดบ้างเข้าไปมีชื่อติดอันดับการคัดเลือกสาวที่มีใบหน้าสวยที่สุดในโลกที่จัดเป็นประจำทุกปีโดยTC Candler ก็ปรากฏว่ามีการรายงานข่าวกันครึกโครมว่านางเอกไทยอย่าง“ญาญ่า อุรัษยา สปอร์บันด์” เข้าไปไกลถึงอันดับ 2 ซึ่งถือเป็นข่าวมั่วและไม่ใช่การจัดอันดับอย่างเป็นทางการ เพราะล่าสุดทาง TC Candler ได้เปิดเผยอันดับอย่างเป็นทางการออกมาเรียบร้อยแล้วผ่านทางYouTube (มักเปิดเผยการจัดอันดับในช่วงปลายปีของทุกปี ) ผลปรากฏว่า “ญาญ่า”ไปได้ไกลสุดที่อันดับ 11 โดยมีอีกหนึ่งสาวไทยอย่าง “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล”เข้าไปติดอันดับท็อปด้วย

โดยการจัดอันดับครั้งนี้เกิดขึ้นโดยทาง TC Candler ได้เปิดโอกาสให้ผู้ชมเว็บไซต์ได้ร่วมเสนอรายชื่อเข้าไปซึ่งทางเว็บไซต์ระบุว่าในบรรดาผู้ชมของทางเว็บที่มีมากกว่า 100 ล้านคนมีประมาณ 10 ล้านคนได้ร่วมกันเสนอรายชื่อสาวคนดังกว่า 50,000รายชื่อจากทั่วโลก ก่อนที่ทาง The Independent Critics จะทำการคัดเลือกให้เหลือเพียง100 คนเท่านั้นซึ่งสาวไทยอย่าง“ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” สมาชิกสาวจากเกิร์ลกรุ๊ปดัง BlackPink ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเข้าไปมีชื่อติดอันดับท็อปส่วนนางเอกไทยอย่าง “ญาญ่า อุรัษยา สเปอร์บันด์” ก็อยู่ในอันดับต้นๆเช่นเดียวกัน

โดยญาญ่า ถูกจัดอันดับให้อยู่ลำดับที่ 11 ของโพลสำรวจ ซึ่งปี 2018นี้นับว่าญาญ่าเข้ามาอยู่ในอันดับที่สูงที่สุดตั้งแต่เคยมีรายชื่อติดโพลมาเลยทีเดียว ด้านลิซ่า ลลิษา มโนบาลเข้ามาติดอยู่ที่อันดับ 9 หลังจากที่เคยมีชื่อติดอันดับมาแล้วถึง 3 ครั้ง ส่วนอีกหนึ่งสมาชิกวงของBlackPink อย่าง เจนนี ก็เข้ามาอยู่ในอันดับที่ 13 ของการจัดอันดับเช่นกัน

ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีที่มีสาวเอเชียเข้าไปติดโผสำรวจอยู่ไม่น้อยทีเดียวโดยอันดับท็อป 5 ยังมี จื่ออวี๋ จากวง Twice เข้าไปอยู่สูงสุดที่รองท็อปเป็นอันดับ2 พร้อมกับเพื่อนร่วมวง Twice คนอื่นๆอย่าง นายอน อันดับที่ 82 และ ยูจองยอน อันดับที่ 66

นอกจากนั้น 2 สาวจากวง Red Velvet อย่าง ไอรีนก็เข้ามาอยู่ที่อันดับที่อันดับ 41 ด้าน ซึลกี อยู่ในอันดับที่ 20 ส่วนแทยอนนักร้องสาวรุ่นพี่จากค่าย SM Entertainment ที่เข้ามามีชื่อติดอันดับเป็นครั้งที่7 แล้วปีนี้เข้ามาอยู่ที่อันดับ 49 ส่วนอันดับสูงสุดที่เคยทำได้อยู่ที่อันดับ 9เมื่อปี 2013ด้านแชมป์เก่าอย่าง นานะ จากวง AfterSchoolที่เคยติดอันดับ 1 ถึง 2 ปีซ้อนคือเมื่อปี 2014 และ 2015ปีนี้ร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 6

ส่วนสาวเอเชียหน้าหมวยจีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น รายอื่นๆก็มีทั้ง โกอารา (99 ), ลานา คอนดอร์ นักแสดงสาวเวียดนาม-อเมริกันจากภาพยนตร์ Netflix เรื่องดัง ToAll the Boys I've Loved Before ก็ติดอยู่ที่อันดับ 96, จางวอนยอง ( 88 ), ไอ ชิโนอากิ ( 84 ), นายอนTwice ( 82 ), นิกิ นิวะ ( 75 ), อีซึงคยอง(72 ), ยูจองยอน Twice (66),หลินหยุน (64 ), จูจู ( 60 ), ซูจี ( 58 ), แทยอน ( 49 ), ซานา มินาโตะซากิ ( 46 ) , ซาโตมิ อิชิฮาร่า ( 43 ), ไอรีน RedVelvet ( 41 ), โซลาร์ คิมยองซอน Mamamoo (36 ), นานะโคมัตสึ ( 31 ), จูจิงอี้ ( 29 ), ลอว์เรน ไช่ ( 25 ), ยูอาห์ ยูชีอา ( 23 ),ซึลกี Red Velvet (20 ), แนนซี แมคดอนนี ( 18 ), ตี่ลี่เร่อปาหรือ ดิลราบา ดิลมูรัต ดาราสาวจีนเชื้อสายอุยกูร์ (16 ), เจนนีBlackPink ( 13 ), ญาญ่า อุรัษยา สเปอร์บันด์ ( 11 ), ลิซ่า ลลิษา มโนบาล BlackPink(9), นานะ After School ( 6 ), จื่ออวี๋ Twice ( 2 )

ส่วนอันดับหนึ่งตกเป็นของ ธีแลน บลองโด จากฝรั่งเศส อดีตหนูน้อยตาฟ้าที่เคยเป็นภาพที่ชาวเน็ตยกให้เป็นเด็กที่สวยที่สุดในโลกเรียกได้ว่าเมื่อโตเป็นสาวเต็วตัวก็ไม่ได้กลายพันธุ์หรือทำให้ใครๆผิดหวังในความสวยแต่อย่างใดเพราะโตมาสวยเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือความเซ็กซี่จึงไม่แปลกใจที่เจ้าตัวจะได้อันดับหนึ่งไปครองหลังมีชื่อติดอันดับมาถึง 5 ครั้งแล้ว