วันที่ 6 ตุลาคม 2564 พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงกรณีที่มีเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างซ่อมแซมรถฉีดน้ำแรงดันสูงควบคุมฝูงชน หรือรถจีโน่ รวมมูลค่ากว่า 47 ล้านบาท หรือตกคันละ 8.9 ล้านบาทเผยแพร่ลงในโลกโซเชียล โดยยืนยันว่าการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวเป็นไปถูกต้องตามขั้นตอนของระบบราชการ และการจัดซื้อดังกล่าวเป็นไปด้วยความคุ้มค่าถือว่าราคาไม่แพงเกินจริง

ในส่วนราคาค่าซ่อมแซมที่เกิน 47 ล้านบาท ถือว่าเป็นราคามาตรฐานดีกว่าไปซื้อใหม่ ไม่มีที่ไหนซ่อมได้นอกจากบริษัทนี้ เพราะต้องเปลี่ยนเครื่องยนต์หลังผู้ก่อเหตุนำทรายกรอกใส่ ยืนยันว่า บช.น.ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้ ส่วนจะซ่อมเสร็จทันสิ้นปี 2564 หรือไม่ คงตอบยาก เพราะต้องนำรถไปซ่อมที่ประเทศเกาหลีซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทแม่ แค่ค่าขนสงก็หลายบาทแล้ว

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมพิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เคยก่อความเสียหายกับรถทั้ง 5 คันด้วยโดยจะมีการฟ้องแพ่งเอาผิดชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นคันละกว่า 8.9 ล้านบาททั้งหมด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่เข้ามาก่อเหตุ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานน่าจะสามารถดำเนินคดีได้ทั้งหมด

วันนี้ (6 ต.ค.64) ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม อำเภอศรีธาตุ จังหวัดอุดรธานี นายจำรัส กังน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและติดตามสถานการณ์การฉีดวัคซีนนักเรียนวันแรกของจังหวัดอุดรธานี โดยมีนางสาวศิริกัลยา กิจรักษา นายอำเภอศรีธาตุ นายปิยวัตร ตุงคโสภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธาตุ และคณะให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีนจะให้นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนลงทะเบียนยินยอมในประวัติการเข้ารับการฉีดวัคซีน ชักประวัติโดยทีมบุคลากรการแพทย์ เข้ารับการฉีดวัคซีน สังเกตอาการหลังการฉีดวัคซีน 30 นาที โดยทีมบุคคลกรการแพทย์จะให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนหลังฉีด เพื่อให้น้องๆนักเรียนได้สังเกตอาการตนเอง หากมีอาการแน่นหน้าอก ให้รีบไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน พร้อมกำชับงดออกกำลังกายอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แต่ยังสามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

ผู้ปกครองนักเรียนส่วนใหญ่ที่เข้ารับการฉีดวัคซีน กล่าวว่า รู้สึกว่าถ้าลูกเดินทางไปไหนก็ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น ไม่ได้กลัวโควิด อาจจะติดก็ได้ แต่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ

ด้านนายปิยวัตร ตุงคโสภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธาตุ กล่าวว่า วันนี้เป็นการฉีดวัคซีนครั้งแรกในกลุ่มนักเรียน อำเภอแรกที่อำเภอศรีธาตุของจังหวัดอุดรธานี มีกลุ่มเป้าหมายเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และ ปวช.ใน 4 โรงเรียน ทั้งหมด 836 คน วัคซีนที่ฉีดวันนี้เป็น ไฟเซอร์ มีข้อพึ่งระวังหลังฉีดวัคซีน คือ อาจเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ต้องมีการเฝ้าระวังออกเป็นอีก 2 สัปดาห์ โดยให้หยุดพักไม่ต้องออกกำลังกายหรือกิจกรรมใช้แรงหนักๆ ส่วนกิจกรรมอื่นๆสามารถทำได้ตามปกติ ดื่มน้ำเยอะ และพักผ่อนเยอะๆ หากมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกและอาการเหนื่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แนะนำถ้าเริ่มมีอาการและไม่แน่ใจให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานบริการสาธารณสุขที่โรงพยาบาล รพ.สต. หรือคลินิกได้เลย ซึ่งจังหวัดอุดรธานี โดยกุมารแพทย์โรงพยาบาลอุดรธานี ได้ทำแนวทางเตรียมไว้ทั้งหมดและมีแผนรองรับไว้ทุกอำเภอ

"อยากให้ผู้ปกครองสบายใจวัคซีนที่ฉีดให้มีความปลอดภัย จังหวัดมีการวางระบบในการรับกรณีมีปัญหาเกิดขึ้นไว้แล้ว อาการทั่วไปก็จะมีเจ็บตรงที่ฉีด หรือปวดหัว หากอาการไม่ดีขึ้นก็ให้ไปพบแพทย์ได้เช่นกัน พร้อมเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองให้นำลูกหลานมาฉีดวัคซีน เพื่อรองรับการเปิดเทอมเพื่อความปลอดภัยของอุดรธานี"นายปิวัตร กล่าว

สำหรับจังหวัดอุดรธานีมีนักเรียนในสถานศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน อายุ 12-18 ปี ทั้งจังหวัดรวมทั้งสิ้น 148,681 คน พ่อแม่ผู้ปกครองสมัครใจให้บุตรหลานรับการฉีดวัคซีน“ไฟเซอร์” 96,146 คน หรือ 64.7 % เจ้าหน้าที่ฯพร้อมฉีดวัคซีนได้ทันที จนถึงวันที่ 10 ต.ค.64 โดย จ.อุดรธานีได้รับวัคซีนไฟเซอร์มาแล้ว 44,000 คน หรือ 1 ใน 3 แยกเป็น อ.เมือง 26,400 คน ที่เหลือกระจายไปอำเภอๆละ 900 คนทั้ง 20 อำเภอ

6 ตุลาคม 2564 สำนักข่าวซินหัวรายงาน แถลงการณ์ร่วมจากองค์การโบราณวัตถุอิสราเอล (IAA) และแหล่งโบราณคดีเมืองแห่งเดวิด (the City of David) เผยว่าคณะนักโบราณคดีอิสราเอลค้นพบโถชักโครกแบบมีผนังกั้น อายุย้อนไปราว 2,700 ปีก่อน ในคฤหาสน์ราชวงศ์โบราณแห่งหนึ่งบริเวณทางเดินอาร์มอน ฮาเน็ตซีฟ (Armon Hanetziv) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเยรูซาเล็ม ซึ่งถูกใช้งานช่วงอาณาจักรยูดาห์ตอนปลาย สมัยศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสต์ศักราช

โถชักโครกดังกล่าวอยู่ในสิ่งปลูกสร้างโอ่อ่าหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นอาคารที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเยรูซาเล็มและเนินพระวิหาร (Temple Mount) ตัวโถสลักขึ้นจากหินปูน ออกแบบมาให้นั่งอย่างสะดวกสบาย และมีรูอยู่ตรงกลาง

โถชักโครกนี้ตั้งอยู่ในห้องน้ำที่ถูกเจาะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม และใต้ชักโครกพบถังเก็บของเสียที่อยู่ลึกลงไป

คณะนักโบราณคดีระบุว่าโถชักโครกส่วนตัวเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในสมัยโบราณ และมีแต่คนร่ำรวยที่จะสามารถทำขึ้นได้ พร้อมเสริมว่าถังเก็บของเสียที่ค้นพบใต้โถชักโครกยังบรรจุเครื่องปั้นดินเผาและกระดูกสัตว์จำนวนมาก

นอกจากนั้นมีการค้นพบสารพัดสถาปัตยกรรมสุดตื่นตาระหว่างการขุดค้น อาทิ หัวเสาหินออกแบบโดยช่างฝีมือ ซึ่งมีลักษณะตามแบบฉบับของช่วงเวลาดังกล่าว และเสาสถาปัตยกรรมขนาดเล็กทำหน้าที่เสมือนราวสำหรับหน้าต่าง

ทั้งนี้ ทีมงานค้นพบหลักฐานว่าเคยมีการปลูกสวนไม้ประดับ ไม้ผล และพืชน้ำใกล้กับห้องน้ำแห่งนี้ โดยโครงสร้างทั้งหมดช่วยนักวิจัยร่างภาพของคฤหาสน์แห่งนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นพระราชวังที่กว้างขวางและเขียวชอุ่ม ขึ้นมาได้อีกครั้ง

6 ตุลาคม 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย และเกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ประกาศว่ารัฐบาลออสเตรเลียได้สั่งซื้อ “โมลนูพิราเวียร์” (Molnupiravir) ยาที่มีแนวโน้มรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิกระยะสุดท้าย จำนวน 300,000 ชุด เพื่อต่อสู้กับการระบาดระลอกที่ 3

เมื่อไม่นานนี้ เมอร์ค ชาร์ป แอนด์ โดห์ม (MSD) และริดจ์แบ็ก ไบโอเทราพิวติกส์ (Ridgeback Biootherapeutics) บริษัทเภสัชภัณฑ์ของสหรัฐฯ ผู้ผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ ประกาศว่ายาโมลนูพิราเวียร์สามารถลดความเสี่ยงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ลงร้อยละ 50 จากการวิเคราะห์ระหว่างการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3

สำหรับการสั่งซื้อข้างต้น เมอร์คจะจัดส่งยาโมลนูพิราเวียร์ให้ออสเตรเลีย หากได้รับอนุมัติจากองค์การกำกับดูแลสินค้ารักษาโรค (TGA) ซึ่งมอร์ริสันและฮันต์คาดว่าอาจเกิดขึ้นช่วงต้นปี 2022

ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นยาเม็ดสำหรับผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่ที่มีอาการป่วยโรคโควิด-19 ขั้นเล็กน้อยถึงปานกลาง รับประทานวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน และเก็บได้โดยไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น ซึ่งช่วยให้สามารถนำไปมอบให้ชุมชนหรือในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงและตามพื้นที่ชนบท

ทั้งนี้ ออสเตรเลียรายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่มมากกว่า 2,400 ราย ในช่วงเช้าวันอังคาร (5 ต.ค.) โดยเป็นผู้ป่วยในรัฐวิกตอเรีย 1,763 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขผู้ป่วยใหม่รายวันสูงสุดของประเทศ นับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ขึ้นมา

ขณะที่รัฐนิวเซาธ์เวลส์ (NSW) ซึ่งมีประชากรหนาแน่นมากที่สุดและซิดนีย์เป็นเมืองหลวง พบผู้ป่วยติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่ม 608 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 7 ราย ส่วนเขตเมืองหลวงออสเตรเลีย (ACT) พบผู้ป่วยใหม่ 33 ราย

ทั้งนี้ ร้อยละ 79.9 ของชาวออสเตรเลียอายุ 16 ปีขึ้นไป ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งโดส และร้อยละ 57.4 ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว