ข่าว
‘มดดำ’ เผย ‘แมท’ เครียดมาก ไม่ได้แย่ง’สงกรานต์’จากใคร

เป็นเรื่องบังเอิญ หรือความตั้งใจก็ไม่รู้ ที่ทำให้ มดดำ คชาภา พิธีกรฝีปากกล้า ได้ไปเจอกับนางเอกสาว แมท ภีรนีย์ งานนี้เลยทำให้สาวแมทได้ฝากให้มดดำช่วยออกมาชี้แจงเรื่องข่าวในบางมุมที่มันไม่ใช่เรื่องจริงให้กับคนทั่งประเทศได้รับรู้ ซึ่งงานนี้ มดดำ คชาภา เลยนำสารที่นางเอกสาวฝากมากบอกถึงแฟนๆ ให้ได้รู้กันผ่านรายการ แฉ เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา โดย มดดำ คชาภา เล่าว่า

"เมื่อวานนี้ฉันไปเจอนาง นางก็บอกว่านางหนัก หนักจริงๆ และฉันก็ได้มีโอกาสคุยกับสงกรานต์ เพราะชั้นเชื่อว่าตอนนี้ไม่มีใครติดต่อสงกรานต์ได้ ไหวมั้ย เค้าก็บอกว่าถ้ามีโอกาสพี่ช่วยหนูด้วยนะ เพราะมีบางเรื่องมันก็ไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด เรื่องที่นำเสนอข่าวทั้งหมด มันก็ไม่ใช่เรื่องจริง ฉันก็ไม่กล้าถามต่อว่านางมีเอฟเฟกต์อะไรบ้างรึเปล่า บอกว่าตอนนี้กระแสเข้าตัวหนูลบหมด จนหนูทำอะไรไม่ได้ โทรศัพท์นางแตกหมดเลย นางคงเครียดมาก ก็บอกแมทไปเปลี่ยนโทรศัพท์นะลูก โทรศัพท์หน้าจอแตกมันไม่ดีนะ นางก็ไป สภาพจิตใจนางเอาตรงๆ ไม่ดีอะ ไม่ดีเลยแหละ นางเครียดมากถึงมากที่สุด ขอให้ช่วยพูดหน่อยว่า พูดเหมือนที่แมทพูดนะว่า เค้าไม่ได้แย่งนะพี่ และในระหว่างนั้นหนูก็ระหองระแหงกับแฟนหนูอยู่แล้ว ผู้ชายไม่มาแต่งงานกับนางซะที ผู้หญิงคบกันมา 10 กว่าปี เพื่อนมาร์กี้ก็ท้องลูกแฝด เพื่อนหลายๆ คนก็แต่งงานไปเกือบหมด"

น็อตเสริมต่อว่า "ประเด็นที่หนึ่งคือ เค้าไม่ได้แย่งสงกรานต์มาจากใคร เพราะเค้าเลิกแล้ว และรู้มั้ยว่าระหองระแหงกันเรื่องอะไร คือเค้าคบกันมานานแต่ไม่แต่งซะที ไอ้แมทมันอยากแต่งงาน มันอยากมีครอบครัว อันนี้เข้าใจได้ อย่างแฟนเก่าคบกับแฟนมา 10 ปีเหมือนกัน แล้วผู้ชายก็ยังไม่แต่ง ก็เลยเลิกดีกว่า ก็เลยได้มาเจอฉัน (ยิ้ม)"

'บิ๊กตู่' ปรอทแตก ถูกถามแบ่งเขต 'จะตายห่าหรือไง เรื่องซังกะบ๊วย'

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงหนึ่ง ระหว่างเป็นประธานประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 5/2561 ซึ่งมีการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก "สภาพัฒน์" ถึงการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า หลายอย่างวันนี้ยังมีปัญหา ตนกลับมาก็ไม่ได้พัก ไม่ได้ไปเที่ยวไหน ถูกตามจี้ตูดถามกันทุกเรื่อง ถ้าฟังตนบ่นบ้างก็อย่าเพิ่งเบื่อกัน เพราะจะบ่นเป็นครั้งสุดท้ายจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ที่ผ่านมารัฐบาลอื่นไม่ทำอะไร เพราะกลัวเสียคะแนนเสียง อย่างเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขต ของกกต.

"สื่อที่อยู่ข้างนอกก็ถามกันอย่างเดียว เรื่องการแบ่งเขต แม่งจะตายห่ากันให้หมดหรืออย่างไร ก็ไม่รู้กับไอ้เรื่องซังกะบ๊วยพวกนี้ ก็ว่ากันไปตามกติกาจะผิดหรือถูกผมไม่รู้ กติกาว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น ผมจะไปรู้อะไร นายกฯ ไม่เกี่ยว ใครได้ใครเสียก็ว่าไป วันนี้เขาแบ่งด้วยอะไร เขาแบ่งด้วยประชากรที่เพิ่มขึ้นกับเรื่องของพื้นที่ วันนี้เปลี่ยนไปเท่าไรแล้ว 4-5 ปีแล้ว แต่กูจะเอาแต่แบบเดิมตลอด ติดพื้นที่แบบเดิมตลอด ถ้าคนไม่เลือกเลยพรรคไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น ก็แล้วแต่โชคชะตาก็แล้วกัน ประเทศไทยไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เหลือแต่คนในห้องนี้คงเข้าใจผมนะ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ต่อมา นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ ว่า 4 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพ ทำให้คนเข้ามาเที่ยว และประชาชนทำงานได้ ดังนั้นจึงขออย่าทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะตนไม่อยากให้เกิด และไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น เชื่อว่าทุกคนรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ส่วนการเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยนั้นจะเป็นไปตามกำหนดเวลา หากจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็เป็นเรื่องของ กกต.เช่นเดียวกับการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ เป็นเรื่องของ กกต.ที่บอกกันว่าเป็นการแบ่งเขตเพื่อเข้าข้างฝ่ายนั้นหรือฝ่ายนี้ ตนไม่ได้อยู่ฝ่ายใดและไม่ได้สั่งการใดๆ กกต.ปรับเปลี่ยนการแบ่งเขตโดยดูระยะเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนประชากรเปลี่ยนแปลงไป เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ถ้าทุกคนยืนยันจะเอาแบบเดิม แล้วประเทศชาติจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

“การแบ่งเขตไม่ว่าจะเข้าพรรคใครก็ตาม ถ้าประชาชนไม่เลือกก็จบ อย่าดูถูกประชาชนเขา ประเทศนี้ไม่ได้อยู่ด้วยคนไม่กี่คน แต่อยู่ด้วยประชาชนทั้งประเทศ โดยมีนายกฯ และรัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบาย พร้อมให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วยการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งประชาธิปไตยต้องประกอบด้วย ธรรมาภิบาล กระบวนการที่เป็นสากล ความพร้อมของประชาชน ที่จะเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย ดังนั้นต้องสร้างการรับรู้ให้ทุกภาคส่วนได้เข้าใจว่าอะไรคือประชาธิปไตย เนื้อในของประชาธิปไตยอยู่ที่ใด เพื่อที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ และแผนแม่บท ให้ไทยเป็นประเทศที่พ้นกับดักรายได้ปานกลาง ในอนาคตก็ให้คนรุ่นใหม่ได้ทำต่อไป " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อที่วันหน้าทุกคนจะได้สบายใจ ว่าจะใช้งบประมาณอย่างไร มิเช่นนั้นทุกคนจะพูดถึงแค่การใช้งบประมาณ แต่ไม่ได้พูดถึงวิธีการหาเงิน ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ชาติ จะต้องทำให้เรียบร้อยภายในเดือน ม.ค.62 โดยทุกภาคส่วนต้องนำไปปฏิบัติ ตามข้อกำหนดใน 20 ปีข้างหน้า ที่อะไรจะเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยเน้นความสำคัญที่ 5 ปีแรก.


ม็อบเปิดเพลง "ประเทศกูมี" ต้อนรับ "ลุงตู่" เยือนเยอรมัน

คนไทยในเยอรมนีกลุ่มหนึ่ง เดินขบวนพร้อมชูป้ายขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุต้องการเลือกตั้ง และเปิดเพลง “ประเทศกูมี” ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย นางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เดินทางมาเยือนกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 27 – 29 พ.ย. 2561 โดยมีคนไทยในเยอรมันกลุ่มหนึ่งมาต้อนรับนั้น

มีรายงานว่า ชาวไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศเยอรมนีและประเทศข้างเคียงอีกกลุ่มหนึ่ง จำนวนหลายสิบคน ก็ได้มีการนัดรวมตัวกันชูป้ายไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมป้ายต้องการเลือกตั้ง บริเวณประตูบรันเดินบวร์ค กลางกรุงเบอร์ลิน ท่ามกลางอากาศหนาวติดลบ 3 องศา รวมทั้งเปิดเพลง “ประเทศกูมี” ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในอินสตาแกรมของนายกรัฐมนตรี ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “ถึงเยอรมนี เข้าที่พักเรียบร้อย เตรียมตัวประชุมกับทีมประเทศไทย คิดถึงทุกคนนะครับ #ตัวอยู่ไกล #ใจไม่เคยห่าง #รักเธอประเทศไทย”


‘ภูมิธรรม’แฉแบ่งเขตเลือกตั้ง เอื้อประโยชน์พรรคการเมือง

30 พ.ย. 61 นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “Phumtham Wechayachai” ระบุว่า “การจัดการเลือกตั้งที่เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองบางพรรคนั้นมีอยู่จริง จากการแบ่งเขตเลือกตั้ง” กกต. สะท้อนให้เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น

นับจากที่ คสช ออกคำสั่ง ม.44 ให้ กกต สามารถเปลี่ยนแปลงการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ นอกเหนือจากสิ่งที่ กกต. ได้เคยดำเนินการมาแล้วในการทำประชาพิจารณ์ โดยเฉพาะประเด็นจาก ม.44 ที่ออกมาอนุญาตให้กกต.สามารถทำสิ่งที่อาจผิดกับกับกฎเกณฑ์ กติกาต่างๆได้และให้ถือว่าเป็นการกระทำโดยชอบ แสดงให้เห็นว่าข้อกังวลเรื่องการจัดการเลือกตั้งที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองบางพรรคนั้นมีอยู่จริง

การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ประกาศออกมา ประมาณ 20-30% นั้นมีผลสะท้อนให้เห็น การเปลี่ยนแปลงที่ นอกเหนือจากกฎเกณฑ์เดิม ..โดยเฉพาะบางเขตถูกแบ่งเป็น 4-5 ส่วน ซึ่งจะเกิดขึ้นในเขตเลือกตั้งของนักการเมืองที่ย้ายไปสังกัดพรรคสนับสนุนรัฐบาลหรือในบางกรณี เกิดกับคนของพรรคที่ถูกดูดแต่ไม่ยอมไปตามคำเชิญชวน ทั้งนี้ก็เพื่อเอื้อ อำนวยประโยชน์ในการเลือกตั้ง เช่น เขตเลือกตั้งใน โคราช สุโขทัย อุบลราชธานี เป็นต้น.

อย่างไรก็ตามผมเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนว่า จะเป็นผู้ทำหน้าที่ คืนความยุติธรรมให้เกิดขึ้นจากการเลือกตั้ง เมื่ออำนาจการตัดสินใจในการเลือกตั้งกลับคืนมาอยู่ในมือประชาชน. “ผมเชื่อมั่น ในอำนาจประชาชน”


'ทักษิณ' สายตรงไขปริศนาในพรรค แกนนำแดงพัทยา ซบอก เผด็จการ

ถ้าไม่ใช่คนเสื้อแดง ก็คงไม่รู้จักมักคุ้นอะไรมากกับ นางจุรีพร สินธุไพร รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ร้อยเอ็ด อดีตแกนนำเสื้อแดงพัทยา ชลบุรี ผู้มีชื่อเสียงของภาคตะวันออก และมีสถานะเป็นน้องสาวของ นายนิสิต สินธุไพร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย แต่ถ้าเป็นคนเสื้อแดง หรือเคยเข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคเพื่อไทยในห้วงหลายปีที่ผ่าน ทุกคนน่าจะรู้จักเธอดี "เจ๊รี" หรือ นางจุรีพร สินธุไพร เศรษฐีเจ้าของธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ในเมืองพัทยา

ภายหลังประกาศจุดยืนใหม่ออกทีวีเลือกข้างอย่างชัดเจน ทิ้งอุดมการณ์ประชาธิปไตย มาเลือกอยู่กับเผด็จการ ลงสมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เล่นเอาคนสนิทงงเป็นไก่ตาแตก "เกิดอะไรขึ้นกับแดงตัวแม่" จากที่เคยควักทุนตัวเอง พามวลชนไปร่วมสู้ขับไล่อำมาตย์ เผด็จการ แถมยังเคยโดนทหารเรียกไปปรับทัศนคติ (ข่าวที่เกี่ยวข้อง :: เปิดเส้นทาง 'จุรีพร สินธุไพร' คนสนิททักษิณ แกนนำพัทยา ทำไมย้ายมา พลังประชารัฐ?)

ขณะเดียวกัน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา วงในสายตรงรายงานจากต่างประเทศ กรณีเจ๊รี ย้ายพรรค ทำเอา อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร #มีความงง หนักกว่าใครๆ เมื่อรู้ข่าว พร้อมยกหูโทรทางไกลกลับมาหาผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ถามไถ่เรื่องราวความเป็นมาว่าเกิดอะไรขึ้น? อยากรู้ต้นสายปลายเหตุผล เพราะทำเอาแดงตัวแม่ ฐานเสียงกำลังหลักของภาคตะวันออก แถมยังเป็นน้องสาวสุดรัก ที่ทักษิณ เคยไว้วางใจให้ทำสารพัดสิ่งอย่าง มาบัดนี้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือไปเสียอย่างนั้น

ส่วนเหตุผลลึกๆ เป็นเพราะอะไร คิดว่าทักษิณ คงยังไม่ได้คำตอบที่แท้จริงกลับไป เพราะขนาดครอบครัวของเจ๊รี เอง ก็ยังตอบคำถามสังคมไม่ได้ มีเพียงเหตุผลสวยๆ พูดโชว์สื่อว่า ตัวเธอเองยังยืนยัน ตัดสินใจดีแล้ว และไม่คิดจะเป็นศัตรูกับใครเลย ผู้ใหญ่ที่เคยเคารพนับถือก็ยังคงให้ความเคารพนับถืออย่างเดิม ส่วนมวลชนคนเสื้อแดงที่ผ่านมาเคยให้ความช่วยเหลืออย่างไร ตนเองก็ยังยินดีจะช่วยเหมือนเก่า แต่ไม่อยากให้แบ่งแยกแตกสี อยากจะช่วยในฐานะคนที่ทำเพื่อชาติบ้านเมืองคนหนึ่ง และถึงแม้วันนี้ตนเองจะย้ายพรรคไปอยู่กับพลังประชารัฐ ขอให้เชื่อว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดยิ่งๆ ขึ้นไป อย่างที่ได้สัญญาไว้

**ถ้าใครยังไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด ก็ลองพยายามง้างปากกันเองว่า "เหตุผลที่แท้จริงลึกๆ แล้ว เธอปันใจเพราะอะไรกันแน่" ??

‘ธนาธร’เปิดแผนเศรษฐกิจ แจก1ตำบล1เครื่องจักร

30 พ.ย.61 ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.แพร่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายให้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัย ในประเด็น “อนาคตการเมืองไทยและเศรษฐกิจไทย”

นายธนาธรได้กล่าวถึงที่ไปที่มาของสภาพการเมืองและเศรษฐกิจไทย ที่เต็มไปด้วยการผูกขาดทั้งด้านอำนาจการเมืองและการผูกขาดทางเศรษฐกิจ ที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ และเป็นปัญหาที่พรรคอนาคตใหม่เห็นว่าเป็นอุปสรรคฉุดรั้งประเทศ ที่ต้องปลดล็อกให้ได้ ขณะที่แผนบางส่วนที่จะนำมาเป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระจายโอกาสในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยด้านการคมนาคมขนส่ง ผ่านการปฏิรูประบบรางทั้งประเทศ

“ผมอยากจะสร้างรถไฟในประเทศให้เป็นระบบการคมนาคมหลัก ผมคิดว่ารูปแบบการเดินทางคมนาคมโดยการใช้ถนนเป็นหลักมันหมดยุคไปแล้ว 1.มันทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม มันสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์เยอะมาก 2.มันเปลืองพื้นที่เยอะมาก สามมันส่งเสริมความไม่เท่าเทียม เพราะการที่คุณต้องใช้รถยนต์ แต่บางคนรายได้ไม่พอซื้อรถเป็นของตัวเอง ต้องไปกู้ยืมเป็นหนี้กัน แต่ถ้าเราพัฒนาระบบรางให้เข้าถึงทั้งประเทศได้ นั่นคือโอกาสทางรายได้สำหรับทุกคน” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายทางด้านเกษตรนั้น ภาคการเกษตรในประเทศไทย แม้จะมีการจ้างงานมากที่สุดถึง 32% ของประชากรทั้งประเทศ แต่ได้ผลผลิตกลับมาเพียง 6% ของผลผลิตในประเทศ เนื่องจากขาดนวัตกรรมที่จะนำมาใช้ในการผลิต และเน้นการใช้แรงงานคนแบบดั้งเดิม ซึ่งสะท้อนการใช้ทรัพยากรที่มากเพื่อแลกกับผลผลิตที่น้อย จึงเสนอว่าภาคการเกษตรของประเทศไทย ควรต้องนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ และกระจายไปให้ทั่วถึงในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อลดขั้นตอนการใช้แรงงานในกระบวนการแปรรูป โดยระหว่างการบรรยาย นายธนาธรได้ฉายภาพชุดเครื่องจักรและโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรที่ฝ่ายนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ ได้เคยทำการศึกษามาแล้ว และเตรียมเสนอเป็นนโยบายหลักในการพลิกโฉมภาคเกษตรของประเทศไทย

“เครื่องจักรตัวนี้ไม่มีเทคโนโลยีที่ประเทศไทยผลิตเองไม่ได้เลย ถ้าอยากจะให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 16,000 บาทต่อตัน ไม่ต้องเอาเงินไปแจกเขา เอาเครื่องจักรตัวนี้ไปให้เขาตำบลละหนึ่งเครื่อง” นายธนาธร กล่าว