ข่าว
วัวกตัญญูคุกเข่ากราบพระ

ชาวบ้านเมืองกรุงเก่าฮือฮา "เจ้าแดง" วัวเพศเมียวัย 3 ปี ก้มกราบพระสงฆ์ เชื่อแสนรู้และสำนึกบุญคุณของพระและวัดที่ได้มาอาศัยหลังได้รับการไถ่ชีวิตจากโรงฆ่าสัตว์

เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้าน อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา พบเห็นวัวเพศเมียที่อยู่ในวัดท่าตอ ต.ท่าตอ มีลักษณะพิเศษเชื่องและเชื่อฟังพระสงฆ์ที่เรียกให้ลุกให้นั่งและคุกเข่าก้มลงกราบ จนชาวบ้านต่างเชื่อว่าเป็นวัวแสนรู้และมีความกตัญญูซื่อสัตย์ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบ พระนฤทัย กิตติคุณโน อายุ 21 ปี พระลูกวัดกำลังเดินจูงวัวเพศเมียสีน้ำตาล ชื่อแดง อายุประมาณ 3 ปี รูปร่างสวยงามยืนอยู่บริเวณสนามหญ้าหน้าโบสถ์ โดยพระนฤทัยได้เรียกเจ้าแดงให้เข้ามาหา พร้อมกับพูดว่า “แดงๆ นั่งลง” เจ้าแดงก็คุกเข่าด้วยขาหน้าทั้งสองข้างเหมือนกับการก้มลงกราบ ก่อนที่จะนอนลงอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังยอมให้พระนฤทัย นั่งบนหลังไม่แสดงอาการขัดขืนเป็นภาพที่ชาวบ้านเห็นแล้วประทับใจในความแสนรู้ของเจ้าแดง นอกจากนี้บริเวณใกล้กันยังพบวัวเพศเมียสีดำอีกตัวเดินหาหญ้ากินอยู่ใกล้ แต่ไม่ได้ได้มีความเชื่องเหมือนเจ้าแดง

พระนฤทัย กล่าวว่า สำหรับเจ้าแดง เป็นวัวที่เจ้าของห้างสรรพสินค้าพาต้าไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์แห่งหนึ่ง 10 ตัว แล้วนำมาถวายให้พระครูประโชติภัทรกุล เจ้าอาวาส 2 ตัว ได้ประมาณ 2 ปีแล้ว ส่วนวัวที่เหลือได้ถวายให้วัดต่างๆ โดยทุกวันช่วงเช้าจะจูงเจ้าแดงและเจ้าดำออกมาหาหญ้ากินที่สนามหญ้าและจูงกลับเข้ามาไปไว้ในคอกใต้ถุนกุฎิ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา จู่ๆ เจ้าแดงเดินเข้ามาหาอาตมาแล้วคุกเข่าขาลงเหมือนก้มลงกราบแล้วหมอบลงนอนเอามือลูบหลังแล้วลองขึ้นไปนั่ง ซึ่งเจ้าแดงก็ยอมให้นั่งโดยไม่ได้แสดงอาการอะไร แต่ถ้าเป็นพระรูปอื่นหรือชาวบ้านที่มาทำบุญทำดูบ้าง เจ้าแดงกลับไม่ยอมทำ ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจเหมือนกัน ส่วนเจ้าดำวัวอีกตัวก็ไม่ได้แสดงอาการเวลาที่จูงหรือพาออกไปกินหญ้า เชื่อว่า เจ้าแดงคงมีความกตัญญูรู้สำนึกรู้บุญคุณของพระและวัดที่ได้มาอาศัยอยู่..

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 9 นายทหารกล้า

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.เป็นประธานพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 9 นายทหารกล้า ที่ประสบอุบัติเหตุ ฮ.ตก ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้ร่วมงาน

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 18 พ.ย. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.เป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ นายทหารทั้ง 9 นาย ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกเมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลา 1 วัดคูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก โดยมี พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ผู้ช่วยผบ.ทบ.และคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบก ร่วมงานท่ามกลางญาติมิตรและผู้ที่รักใคร่ร่วมงานจำนวนมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

โดยในขั้นต้นศพของนายทหารทั้ง 9 นาย จะมีพิธีสวดพระอภิธรรมศพในวันที่ 18-24 พ.ย. ในเวลา 20.00 น. และพิธีพระราชทานเพลิงศพ ในวันอังคารที่ 25 พ.ย. เวลา 16.00 น. ณ วัดคูหาสวรรค์อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

กองทัพภาคที่ 3 ได้เข้าดูแลและอำนวยความสะดวกในทุกเรื่อง ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ทาง กองทัพบกได้ดำเนินการเกี่ยวกับสิทธิกำลังพลการ มอบเงินช่วยเหลือตามสิทธิของทางราชการ ได้แก่ เงินค่าทดแทน บำเหน็จตกทอด สินไหมทดแทนจากการประกันชีวิตของกองทัพบก เงินบำรุงขวัญจากหน่วยงานต่าง ๆ และเงินสงเคราะห์ฌาปนกิจ เป็นต้น โดยจะได้รับประมาณ 2-6 ล้านบาท ตามสิทธิของแต่ละบุคคล พร้อมกันนี้กองทัพบกได้ปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น และขอพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษ ให้กับผู้เสียชีวิตซึ่งจะได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นดังนี้ พล.ต.ทรงพล ทองจีน พ.อ.กิตติ สุวรรณเจริญ พ.อ.ยุทธพงษ์ เพื่อนฝูง พ.ท.วุฒิศักดิ์ สุนทรสุข และ พ.ท.มานิต สุระเสนา ทั้ง 5 ท่าน จะได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นเป็น " พลเอก"

สำหรับ ร.อ.วรพงศ์ ช่างสลัก ได้รับพระราชทานยศเป็น พ.อ. จ.ส.อ.อนันต์ ชมเชียงคำ ได้รับพระราชทานยศเป็น พล.ท. จ.ส.อ.อภิรุณ แสนดอนดู่ ได้รับพระราชทานยศเป็น พล.ต. และ จ.ส.ท.สมภพ มาลัยวงศ์ ได้รับพระราชทานยศเป็น พ.ท. ตามอายุการรับราชการทหาร..


วอนช่วย ด.ช.พิการคลานไปเรียนหนังสือ

หนูน้อยเมืองคอนวัย 12 ปี พิการขาโปลิโอแต่กำเนิด แต่ไม่ท้อชะตาชีวิตใช้มือต่างเท้าคลาน 4 ขาไปโรงเรียน เผยอยากได้วีลแชร์คันใหม่ พร้อมทุนกาศึกษาและสร้างบ้านหลังใหม่ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร

วันนี้ (18 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชาร่วมใจ จ.นครศรีธรรมราช ว่า พบเด็กพิการมีชีวิตที่น่าสงสารป่วยเป็นโรคโปลิโอมาตั้งแต่กำเนิด เวลาเคลื่อนไหวต้องใช้คลาน อาศัยอยู่กับพ่อแม่และพี่น้องที่บ้านหลังเล็กๆ หมู่ 6 ปากพะยิง ต.ปากพูน อ.เมือง และปัจจุบันเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนบ้านปากน้ำเก่า หมู่ 3 ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงเดินทางไปตรวจสอบที่โรงเรียนฯ พบนายสุทน ชีแก้ว รักษาการ ผอ.โรงเรีนนบ้านปากน้ำ พร้อมพาไปยังห้อง ป. 5 ซึ่งมีนักเรียนทั้งหมดแค่ 10 คน นั่งเรียนอยู่ รวมทั้ง ด.ช. เขต ภักดี หรือ “น้องอาลี” อายุ 12 ปี เด็กพิการโปลิโอ ขาทั้งสองข้างเล็กลีบ นั่งเรียนหนังสืออยู่ในห้องตามปกติ

ด.ช.เขต หรือ “น้องอาลี” เปิดเผยว่า ตนมีบิดาชื่อนายโกบ มารดาชื่อนางนุ้ย มีอาชีพทำประมงและรับจ้างทั่วไป ตนมีพี่น้องท้องเดียวกันทั้งหมด 5 คน โดยตนเองเป็นคนสุดท้อง ส่วนพี่ๆ ทั้ง 4 คนมีร่างกายเป็นปกติเหมือนคนทั่วๆ ไป ในขณะที่ตนพิการเป็นโปลิโอมาตั้งแต่กำเนิด ขาเล็กลีบ ไม่มีเรียวแรง แต่ตนก็ไม่เคยคิดย่อท้อพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะการเดินตนใช้วิธีการคลานโดยมือทั้งสองข้างรับน้ำหนักตัวเป็นหลัก ในขณะที่มีรถวีลแชร์เก่าๆ เป็นพาหนะ แต่ในปัจจุบันรถวีลแชร์อยู่ในสภาพเก่าล้อยางฉีกขาด ลูกปืนก็เสีย ทำให้ล้อไม่ค่อยหมุนตามปกติ เมื่อนำมาโรงเรียนจะต้องออกแรงเยอะ เมื่อมาถึงโรงเรียนจะใช้มือค้ำพื้นที่พร้อมเท้าทั้งสองข้างที่เล็กลีบก็ค้ำยันประคองตัวเดินหรือคลาน 4 ขาไปไหนมาไหน

"ฐานะบ้านผมยากจน ผมอยากช่วยพ่อแม่ทำงาน อยากมีเงินซื้อวีลแชร์คันใหม่ อยากมีบ้านหลังใหม่ รวมทั้งเงินทุนการศึกษา ตนเคยดูรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับองค์กรหรือหน่วยงานที่ช่วยเหลือครอบครัวเด็กพิการ ทั้งด้านเงินทุนการศึกษา ช่วยสร้างบ้านให้ แต่ไม่รู้จะประสานงานติดต่อหน่วยงานดังกล่าวไอ้อย่างไร หากสื่อมวลชนหรือผู้ใจบุญรายได้องค์การช่วยเหลือผมและครอบครัวติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 082-832-4553 ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือของนางนุ้ย คุณแม่ของผม” น้องอาลี กล่าว


แจ้งจับลูกอดีต รมช.ยำแฟนน่วม

มารดาของหญิงสาววัย 33 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายตรีธนา ประเสริฐโสภา บุตรชาย นายบุญลือ ประเสริฐโสภา อดีต รมช.ศึกษาธิการ ฐานพยายามฆ่า หลังคบหากับลูกสาว แล้วเกิดทะเลาะกันบนรถ ก่อนฝ่ายหญิงจะเลี้ยวเข้าโรงพักทองหล่อเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับถูกฝ่ายชายโชว์แมนรุมประเคนหมัด-เท้าใส่ไม่ยั้ง

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (16 พ.ย.) นางรัตนา กมลเวช อายุ 54 ปี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายตรีธนา ประเสริฐโสภา อายุ 28 ปี บุตรชาย นายบุญลือ ประเสริฐโสภา อดีต รมช.ศึกษาธิการ ฐานพยายามฆ่า กรณีทำร้ายร่างกาย น.ส.ไพริญา ลับบัวงาม อายุ 33 ปี บุตรสาว จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ศีรษะบวม กะโหลกร้าว และมีเลือดคั่งบริเวณท้ายทอย ต้องพักรักษาตัวที่ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท เหตุเกิดในบริเวณ สน.ทองหล่อ เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ชูตระกูล กล่าวว่า นายตรีธนา กับผู้เสียหาย คบหาเป็นแฟนกันเป็นเวลากว่า 1 ปี ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงค่ำวันที่ 14 พ.ย. ทั้งสองได้ไปรับประทานอาหารกับเพื่อนอีก 2 คน ที่ร้านอาหารย่านทองหล่อ หลังออกจากร้านได้ขับรถไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวต่อ

ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวต่อว่า ระหว่างทางผู้เสียหายเป็นคนขับรถ ส่วน นายตรีธนา เป็นคนนั่ง จากนั้นได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ก่อนที่นายตรีธนาจะเอื้อมมือมาหักนิ้วมือของผู้เสียหายที่กำลังขับรถ ฝ่ายหญิงจึงรีบขับรถเลี้ยวเข้าไปใน สน.ทองหล่อ และเปิดประตูรถร้องเรียกให้ตำรวจช่วย แต่ นายตรีธนา ได้วิ่งอ้อมมายังฝั่งคนขับ แล้วลงมือทำร้ายผู้เสียหาย ทั้งต่อยและเตะอย่างไม่ยั้ง โชคดีที่ตำรวจ 6-7 นายที่เห็นเหตุการณ์ได้วิ่งกรูเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน และได้รีบนำตัวผู้เสียหาย ส่ง รพ.สมิติเวช สุขุมวิท ส่วน นายตรีธนา ตำรวจต้องล็อกตัวเข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้องขัง หลังจากการคุุมตัวให้สงบสติอารมณ์จนถึงเช้า นายตรีธนา ได้ติดต่อให้ญาติเข้าประกันตัวไป ด้วยวงเงิน 1.5 แสนบาท สำหรับอาการของฝ่ายหญิงขณะนี้นั้น อาการดีขึ้นตามลำดับ สามารถให้การได้ แต่แพทย์ยังคงให้พักรักษาตัว ที่ รพ. อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำเพิ่มเติม ทำให้ทราบว่าเรื่องที่ทะเลาะกันภายในรถ เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องหึงหวง โดยหลังเกิดเหตุฝ่ายหญิงยืนยันว่า จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดด้วย เบื้องต้นตำรวจได้รับแจ้งความไว้ และเตรียมประสานเรียกตัว นายตรีธนา มาสอบปากคำ ต่อไป ส่วนจะแจ้งข้อหาใด อยู่ระหว่างพิจารณาจากอาการบาดเจ็บตามความเห็นของแพทย์ก่อน


คนงานรื้อห้องขังกองปราบ เจอเฮี้ยน

เร่งรื้อถอนและทุบอาคาร บก.ป. ขณะผู้รับเหมาตัดห้องขังเฮี้ยนยังไม่เสร็จแต่บอกขายช่วงต่อก่อนเผ่นหนี ส่วนคนงานช็อกเห็นผีเสื้อแดงจ้องหน้าบอก "อยากกลับบ้าน"

เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณอาคารทำการเดิมของ บก.ป. ซึ่งคนงานบริษัท วรวุธ แทร็คเตอร์ กำลังเร่งมือรื้อถอนและทุบอาคาร ก่อนส่งมอบพื้นที่ให้บริษัท บีพีวีเอส จำกัด ก่อสร้างที่ทำการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) แห่งใหม่ โดยมีคนงานตัดเชื่อมเหล็กได้ใช้อุปกรณ์ตัดเหล็กลูกกรงห้องขัง บก.ป. ก่อนลงมือตัดได้หาซื้อน้ำแดงมาเปิดเซ่น พร้อมจุดธูปบอกสิ่งบรรดาวิญญาณคนตายที่ยังวนเวียนอยู่แถวนี้ ว่า มีความจำเป็นต้องทำงาน ขออย่าได้รบกวน แต่ตัดไปได้ห้องเดียว อีกห้องยังไม่ได้ตัด หัวหน้าคนงานบอกขายช่วงต่อ เฉพาะลูกกรงที่ผูกคอตายให้นายบอด รับเหมาช่วงต่อไปราคา 7 หมื่นบาทให้เขามารื้อเอาเอง

ขณะเดียวกันคนงานรื้อถอน น.ส.จริญา ภูครองทุ่ง อายุ 23 ปี ชาวเมืองขอนแก่น เพิ่งมาทำงานรื้อถอนอาคาร บก.ป.ได้แค่วันเดียว เล่าประสบการณ์เห็นสิ่งเล้นลับ โดยอ้างว่าเมื่อคืนตอนมายืนดูทีมงาน ณ จุดนี้ รายการของสถานีโทรทัศน์ไบร์ททีวี มาถ่ายทำ มองเห็นผู้ชายใส่เสื้อกล้ามสีแดง ยืนมองมาที่เธอ มองดูปากเห็นพูดว่า “อยากกลับบ้าน” บอกเล่าให้ทีมงานถ่ายทำรายการฟัง เช้ามาบอกเล่าให้ญาติฟัง จนต้องเอาตะกรุด พระเครื่องมาให้ใส่ทำงาน ไม่เคยได้ยิน หรือรู้เรื่องเกี่ยวกับผีเสื้อแดงห้องขังกองปราบฯ มาก่อนหน้าเลย โดยมี นายโชคชัย ภูผิวนาค อายุ 27 ปี คนงานรื้อถอนอีกคนที่เพิ่งมาทำงานได้ 3 วัน ยืนยันว่าเห็นเหตุการณ์ด้วยกันกับ น.ส.จริญา

ด้านนายชาญวิทย์ ลัภโต พิธีกรรายการ “ณ จุดนี้” สถานีโทรทัศน์ไบรท์ทีวี ให้สัมภาษณ์ผ่านโทรศัพท์ เปิดเผยว่า ทีมงานมาถ่ายทำเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา มีช่างภาพ ช่างจัดแสง พิธีกร แขกรับเชิญ 2 ท่าน คือ “ตุ้ย เอ็กซเรย์” และ ร.ต.ท.ปรีชา ศรีสอาด รอง สว.กก.1 บก.ป. ร่วมด้วย

นายชาญวิทย์ กล่าวยอมรับว่า แต่ละคนพบเจอประสบการณ์แปลกๆ โดยคนหนึ่งเห็นชายเดินขึ้นตึกอาคาร 2 ชั้น แต่มาสอบถามทราบว่าไม่มีใครขึ้นไปบนตึกแล้ว เพราะสำนักงานรื้อไปหมด คนงานก็หยุดงานไม่มีใครขึ้นไป พอมาเล่าเรื่องให้คนอื่นฟัง ไปยืนดูเห็นชายยืนมองลงมาจากหน้าต่างชั้น 2 ก่อนหายตัวไป ทีมงานจัดแสง 2 คน ก็เจอขณะเข้าไปจัดไฟส่องให้กล้องถ่ายภาพ อยู่กัน 2 คน แต่ได้ยินเสียงคนที่สามบอกสวิทซ์ๆ พูดซ้ำๆ หลายครั้ง พร้อมกับสวิทย์ไฟปิดๆ เปิดๆ

ขณะที่ “ตุ้ย เอ็กซเรย์” ที่มาร่วมรายการด้วย บอกขณะพากันขึ้นไปสำรวจตรงจุดห้องขัง บก.ป. บอกว่ามีวิญญาณเร่ร่อน 4 ตนไม่รวมเจ้าของเสื้อแดงที่ผูกคอ ขณะนี้กำลังเขาอ่อนแรงไปตามกาลเวลา ซึ่งเขาไปไหนมาไหนได้ทั่วพื้นที่กองปราบฯ แต่จะมีกำลังแรงมากที่สุดเมื่อตอนที่อยู่ภายในห้องขัง เพราะเป็นจุดที่เขาเสียชีวิต คนที่จะสัมผัสได้มี 2 ประเภทคือ คนที่จิตอ่อน กับคนที่จิตเข้มแข็งสมาธิกล้าแข็งจริงๆ เท่านั้น และสำหรับเทปรายการ “ณ จุดนี้” ที่ถ่ายห้องขัง บก.ป.จะออกอากาศในเวลา 22.10 น. วันเดียวกันนี้

สั่งห้ามแตะต้องภาพ"เณรคำ"

ลูกศิษย์สั่งห้ามแตะต้องรูปภาพ "หลวงปู่เณรคำ" ที่ติดอยู่ทั่วสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม หลังเพจดังปรากฎภาพ หลวงปู่สุขสบายดีอยู่เมืองลุงแซม แถมแขวะไม่มีหน่วยงานใดแจ้งประสงค์ขอส่งตัวกลับ

จากกรณี เพจเฟซบุ๊ก "CSI LA" โพสต์ภาพของ พระวิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ แห่งสำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ที่เคยถูกกระแสสังคมถาโถมในเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับกิจของสงฆ์ ทั้งเรื่องมีเงินสะสมจำนวนมากมาย นั่งเครื่องบินส่วนตัว ที่สำคัญคือเรื่องมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาวจนถึงขั้นตั้งครรภ์ ก่อนที่เจ้าตัวจะลี้ภัยไปพักอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและไม่ยอมเดินทางกลับมาที่ประเทศไทยอีก โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพที่หลวงปู่เณรคำอยู่ในอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส มีญาติโยมแวะเวียนมาทำบุญและทักทายอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งระบุข้อความไว้ใต้ภาพเชิงว่า หลวงปู่เณรคำยังสบายดีอยู่ที่อเมริกา ไม่มีการแจ้งหรือติดต่อให้กลับภูมิลำเนามารับทราบข้อกล่าวหาเลย คล้ายต้องการจะฝากไปถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าหลังข่าวคราวเงียบหายไปก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจังแล้ว

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. หลังมีข่าวดังกล่าวปรากฎออกมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่มีพระอาจารย์สมบูรณ์ ขันติโก หรือหลวงปู่จ่อย จาก จ.อุบลราชธานี มารักษาการประธานสงฆ์ชั่วคราว พบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีพระภิกษุสงฆ์จำวัดอยู่เพียง 7 รูป นอกจากนี้รูปภาพของหลวงปู่เณรคำที่ติดอยู่ทั่ววัดยังคงติดอยู่ที่เดิมตามปกติ ไม่ได้มีการปลดออกเหมือนสาขาอื่นๆของสำนักสงฆ์ ซึ่งพระรูปหนึ่งให้ข้อมูลว่า ไม่สามารถปลดออกได้เลย เพราะลูกศิษย์และญาติโยมที่ยังเคารพนับถือบางส่วนรวมตัวกันคัดค้านห้ามแตะต้องเด็ดขาด ขณะที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ก็อยู่ระหว่างเร่งประสานขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับทางสหรัฐอยู่