ข่าว
ไม่เป็นไรเราไปได้

เมื่อพ.ศ.๒๕๒๘ เป็นการเสด็จฯ ที่เรียกว่าสมบุกสมบันมากเลยทีเดียว แม้แต่ข้าราชดารยังไม่มีหน่วยงานไหนเคยเข้าไปถึงต้นน้ำมาก่อนเลย แต่พระองค์ท่านไปถึง ทรงต้องการไปยังต้นน้ำสายบุรี บริเวณนิคมสร้างตนเองสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เพื่อทอดพระเนตรสถานที่สร้างอ่างเก็บน้ำที่เหมาะสม แต่เส้นทางเป็นป่ารกทึบ รถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้ เฮลิคอปเตอร์ซึ่งผมได้ลุยล่วงหน้าเข้าไปสำรวจ ตามจุดที่พระองค์กำหนดพิกัดมาก่อนหน้านี้แล้ว

การเดินทางเข้าไปนั้นลำบากมาก ครั้นจะไปตกแต่งเส้นทางก็เกินกำลังจึงต้องนำเสด็จฯ พระองค์ท่านลุยตามร่องน้ำเข้าไปราว 1 กิโลเมตร ซึ่งน้ำก็ไหลเชี่ยวมากลุยเข้าไปอย่างทุลักทุเลอย่างภาพที่เห็น

เมื่อเข้าไปถึงจุดที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ในแผนที่ พวกเราแทบหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เมื่อทรงแย้มพระสรวล(ยิ้ม) พร้อมกับตรัสว่า ใช่แล้ว!

ยูเอ็นสดุดีในหลวง ชูกษัตริย์นักพัฒนา

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 ตุลาคม ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ได้ประชุมเพื่อสดุดีและถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนายปีเตอร์ ธอมสัน ผู้แทนถาวรฟิจิประจำยูเอ็นในฐานะประธานยูเอ็นจีเอ สมัยสามัญครั้งที่ 71 ได้เริ่มกล่าวสดุดีว่า พระองค์ทรงครองราชย์มายาวนานถึง 70 ปี ทรงได้รับการยกย่องจากประชาชนชาวไทยและนานาประเทศจากความวิริยะอุตสาหะในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอด ทรงมีพระราชปณิธานที่จะปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม ทรงได้รับการทูลเกล้าถวายรางวัลมากมายเช่น รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์จากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) ทรงเป็นผู้นำในการดูแลดินและทรัพยากรธรรมชาติในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ทำให้สหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคมซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์เป็นวันดินโลก จากนั้นนายธอมสันได้ขอให้ที่ประชุมยืนถวายความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ต่อมานายบัน คี มุน เลขาธิการยูเอ็น ได้กล่าวแสดงความอาลัยถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยระบุว่า พระองค์ท่านทรงได้รับการยกย่องจากนานาประเทศ ตนได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่านเมื่อปี 2550 พระองค์ทรงเป็นพลังที่สำคัญของประเทศในการรักษาความมีเสถียรภาพ ทรงทุ่มเทในพระราชกิจเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน

ด้านนายคาฮา อิมนัดซี ผู้แทนถาวรจอร์เจียประจำสำนักงานยูเอ็น นครนิวยอร์ก ในฐานะประธานภูมิภาคยุโรปตะวันออก ได้กล่าวแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า พระองค์ทรงทุ่มเทเพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ทรงเป็นที่รักของประชาชน ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้คนทั่วโลก ความดีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญนำไปสู่การกระทำความดีของผู้อื่น พระองค์ท่านได้ทุ่มเทอย่างหนักในการพัฒนาในหลายๆ ด้าน นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการยูเอ็นได้เคยกล่าวไว้ว่า พระองค์ทรงเป็นนักคิดที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล

ขณะที่นายอับดัลเลาะห์ วาฟี ผู้แทนถาวรไนเจอร์ประจำสำนักงานยูเอ็นในนครนิวยอร์ก ในฐานะประธานภูมิภาคแอฟริกา กล่าวแสดงความเสียใจต่อพระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ต่อการสูญเสียครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยและทรงอุทิศพระองค์เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชนไทยทั้งมวล พระองค์ทรงก่อให้เกิดความเจริญรุดหน้าที่น่าทึ่งทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมส่วนใหญ่ของประเทศในหลายทศวรรษที่ผ่านมา โครงการพัฒนาตามแนวทางพระราชดำริมากกว่า 4,000 โครงการตลอดช่วงรัชสมัย 70 ปี ตั้งแต่โครงการด้านชลประทานเรื่อยไปจนถึงแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระราชทานมาให้ ที่นำไปใช้ทั่วไปนอกประเทศไทยเพื่อยังผลให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ความสูญเสียครั้งนี้ไม่แค่เป็นการสูญเสียของประเทศไทยแต่เป็นความสูญเสียของทั้งโลก พระองค์จะถูกจดจำและสักการะต่อไปในฐานะกษัตริย์นักพัฒนา กลุ่มประเทศในภูมิภาคแอฟริกาเชื่อว่ามรดกตกทอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินการอันนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนของพระองค์จะกลายเป็นแรงบันดาลใจแก่ชาวไทยและประชาคมนานาชาติต่อไป ขอพระองค์เสด็จฯสู่สวรรคาลัย

นายมันซูร์ อัล โอไทบี ผู้แทนถาวรคูเวตประจำสำนักงานยูเอ็น นครนิวยอร์ก ในฐานะประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อรัฐบาลและประชาชนชาวไทยในการสูญเสียผู้ซึ่งเป็นประทีปนำทางของประเทศตลอด 70 ปีที่ผ่านมา ทรงเป็นผู้สร้างความเป็นปึกแผ่นและเอกภาพให้กับประเทศในห้วงเวลาของความยากลำบาก เป็นที่รับรู้ทั่วกันว่าพระองค์คือผู้สร้างสันติและมีความเห็นอกเห็นใจ ทรงโปรดให้มีการสานเสวนาแทนที่ความขัดแย้ง ส่งผลให้ทรงได้รับความเคารพสักการะสูงสุดตลอดรัชสมัยของพระองค์ นำพาประเทศให้รุ่งเรืองรุดหน้าสู่ความเป็นผู้นำของภูมิภาค และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความรักและห่วงใยที่พระองค์ทรงมีต่อประเทศไทยนั้นเห็นได้จากการที่ทรงยึดมั่นในการนำพาประเทศไทยและคนไทยทั้งชาติไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม กระทั่งโครงการเพื่อการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ กราบบังคมทูลเกล้าฯถวายรางวัลผู้ทรงประสบความสำเร็จสูงสุดในการพัฒนามนุษย์ รัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ได้จากพวกเราทั้งหลายไปแล้ว ความสูญเสียของประเทศไทยคือความสูญเสียของผู้คนทั่วทั้งภูมิภาคและโลกทั้งโลก

นายแมทธิว ไรครอฟต์ ผู้แทนถาวรอังกฤษประจำยูเอ็น ในฐานะประธานภูมิภาคยุโรปตะวันตก กล่าวแสดงความเสียใจในนามของกลุ่มชาติยุโรป แด่พระบรมวงศานุวงศ์และประชาชนชาวไทยต่อการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ทรงเป็นผู้นำพาประเทศด้วยเกียรติภูมิ การอุทิศพระวรกายและการมีสายพระเนตรอันกว้างไกลตลอด 70 ปีของการทรงครองราชย์ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก และพระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ในขณะที่องค์การสหประชาชาติเพิ่งจะมีอายุเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น และไทยได้กลายเป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ 55 ของยูเอ็น พระองค์ทรงครองราชย์ในช่วงยุคหลังสงครามที่ผู้คนมีความหวัง ความฝันถึงสันติภาพในโลก การพัฒนาและสิทธิมนุษยชนสากล ที่ทำให้เกิดกฎบัตรสหประชาชาติขึ้น และในความท้าทายที่พระองค์เผชิญในระหว่างทรงครองราชย์มายาวนานได้สะท้อนถึงสิ่งที่รัฐสมาชิกในองค์การแห่งนี้เผชิญ


สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ บำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ...

วันที่ 28 ตุลาคม เมื่อเวลา 19.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยัง พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดบวรนิเวศวิหาร สวดพระอภิธรรม

ก่อนหน้านี้ เวลา 15.00 น. นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เดินทางมาวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง จากนั้น ลงนามแสดงความอาลัย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง และเวลา 15.22 น. นายราตู เอเปลี ไนลาติเกา อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐฟิจิ เดินทางมาลงนามแสดงความอาลัย ณ ศาลาว่าการพระราชวัง ในพระบรมมหาราชวัง

วันเดียวกัน สำนักราชเลขาธิการ ชี้แจงถึงกรณีที่มีการอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปขับร้องในสถานที่ต่างๆ ว่า หากอัญเชิญไปขับร้อง หรือเผยแพร่ในที่สาธารณะนั้น สามารถอัญเชิญไปเปิดหรือขับร้องได้ทันที เพราะเป็นการเผยแพร่ถึงพระอัจฉริยภาพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทางด้านดนตรี แต่สำหรับสถานีโทรทัศน์ หรือรายการต่างๆ ของสถานี ที่ได้นำบทเพลงพระราชนิพนธ์ไปเปิดนั้น ก็ขึ้นอยู่ที่ดุลพินิจของสถานีโทรทัศน์ช่องนั้นๆ ว่า ควรขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตก่อนหรือไม่ ทั้งนี้ ต้องดูเจตนาของแต่ละสถานีว่าเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ หรืออัญเชิญนำไปขับร้องนั้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด ถ้าเพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพก็สามารถทำได้ แต่หลังจากนี้ทางสำนักราชเลขา จะได้มีการกำหนดเงื่อนไขในการอัญเชิญบทเพลงพระราชนิพนธ์ต่อไป


ชาวโคราชนับแสนรวมพลัง แสดงความอาลัยในหลวง

ชาวโคราชรวมพลัง จุดเทียน ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ดังกึกก้องทั่วเมือง แม้บางช่วงจะมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีใครถอย หวังแสดงความอาลัยต่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ...

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 27 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้มีประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ต่างสวมใส่ชุดดำเดินทางมาร่วมงาน “ชาวโคราช ร้อยดวงใจ ถวายความอาลัยในหลวง” กันอย่างเนืองแน่นมากกว่า 50,000 คน ทำให้ถนนโดยรอบลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี 7 สายเศรษฐกิจใจกลางเมืองเต็มไปด้วยคลื่นประชาชน ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทุกหมู่เหล่า ทุกเพศทุกวัย ที่มายืนจับจองพื้นที่ เพื่อแสดงพลังร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช รัชกาลที่ 9 โดยเฉพาะบริเวณลานครึ่งวงกลม ข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายสุวัจน์ ลิปพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีได้นำประชาชนผู้ร่วมงานทั้งหมด ร้องเพลงชาติไทยอย่างกึกก้อง

โดยมีการถ่ายทอดสัญญาณภาพและเสียง ไปตามจุดต่างๆ ในตัวเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งมีการติดตั้งเครื่องเสียงขนาดใหญ่ไว้กว่า 50 จุด รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัด อาทิ พล.ท.วิชัย แชจอหอ แม่ทัพภาคที่ 2, นายณฤทธิ์ บุญปริอาทร อธิบดีผู้พิพากษาภาค 3, ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล ที่ปรึกษาชมรมทูบีนัมเบอร์วันเอี่ยมเฮง อำเภอเสิงสาง และนายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา โดยมีฝนตกลงมาอย่างหนักตั้งแต่ช่วงเย็นและค่ำ ซึ่งประชาชนทุกคนเปียกปอน ชุ่มฉ่ำ แม้ฝนตกลงมาก็ไม่เป็นอุปสรรค ประชาชนทุกคนนั่งลงกับพื้นถนนเปียกแฉะ ไม่ย่อท้อ โดยมี นายอัสนี เชิดชัย, นางลินดา เชิดชัย, นางกฤษณา อัมพุช และ นายปรีชา ลิ่มอั่ว ร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง

จากนั้นทุกคนได้ร่วมกันยืนสงบนิ่ง เป็นเวลา 9 นาที ก่อนที่จะจุดเทียนแสดงความอาลัยจำนวน 32,798 ดวง สว่างไสวไปทั่วทั้งเมือง และอาจารย์สมเถา สุจริตกุล ได้ทำหน้าที่อำนวยการนักดนตรีวงดุริยางค์สยามฟิลฮาร์โมนิก บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ให้ประชาชนที่มาร่วมงานทั้งหมดกว่า 100,000 คน ร้องพร้อมกัน 3 รอบ เพื่อแสดงความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 หลังจากนั้นประชาชนได้นำรูปพระบรมฉายาลักษณ์ชูขึ้นเหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงของขวัญของแผ่นดิน, เพลงพ่อผู้พลิกแผ่นดิน โดยมีศิลปินนักร้อง ติ๊ก ชีโร่ และ สุเทพ วงศ์คำแหง นำร้องในช่วงนี้

สำหรับบรรยากาศท่ามกลางฝนตกโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย และเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ประชาชนหลายคนอดที่จะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ต่างร้องไห้ออกมาด้วยความอาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 โดยการแสดงพลังร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีในครั้งนี้ ได้มีการบันทึกเป็นภาพและเสียงตามจุดต่างๆ ทั้งมุมต่ำและสูงทั่วทั้งงาน โดยมี 3 ผู้กำกับภาพยนตร์ดัง ได้แก่ ปรัชญา ปิ่นแก้ว, ธนิต จิตนุกุล และบัณฑิต ทองดี เป็นผู้ควบคุมภาพและเสียงทั้งหมด เพื่อเก็บเป็นภาพแห่งความทรงจำครั้งประวัติศาสตร์ของจังหวัดนครราชสีมา ต่อไป


มท.จัดคิวสักการะพระบรมศพ ให้เรียงจังหวัดตามอักษร ก.-ฮ.

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการอำนวยความสะดวกประชาชนในต่างจังหวัดที่จะเข้ามาถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.เป็นต้นไปว่า กระทรวงมหาดไทยกำหนดประชาชนออกเป็น 4 ภาค รวมวันละ 3,000 คน เฉลี่ยจังหวัดละ 750 คน เรียงตามอักษรก.–ฮ. รอบแรกวันที่ 29 ต.ค.นี้ ประกอบด้วย จ.กระบี่ กำแพงเพชร กาฬสินธุ์ กาญจนบุรี และจันทบุรี เบื้องต้นสำนักพระราชวังแจ้งว่าจะเปิดให้ประชาชนเข้ามาถวายสักการะพระบรมศพ ได้ประมาณวันละ 8,000–10,000 คน ซึ่งในส่วนของกระทรวงมหาดไทยประเมินว่า 100 วันแรกที่เปิดโอกาสให้ประชาชนต่างจังหวัดเข้ามาจะมีจำนวนกว่า 225,000 คน

นายกฤษฎา กล่าวอีกว่า ยืนยันกระทรวงมหาดไทยไม่ได้จำกัดสิทธิบุคคลใด แต่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีสิทธิ ซึ่งย้ำกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า อย่าคัดเลือกเฉพาะข้าราชการหรือญาติพี่น้องของตนเอง หากสำนักพระราชวังขยายวันให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพเพิ่มขึ้น ทางกระทรวงมหาดไทยจะขยายเวลาเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องกำชับประชาชนเรื่องการแต่งกาย โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องสวมกระโปรงหรือผ้าถุงยาวเท่านั้น ส่วนคนที่มีโรคประจำตัวต้องพกยามาด้วย อย่างไรก็ตามบนรถบัสที่นำประชาชนมายังสนามหลวงจะมีเจ้าหน้าที่แพทย์คอยดูแลเรื่องสุขภาพ

นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า สำหรับขบวนรถของแต่ละจังหวัดจะมี 15 คัน เบื้องต้นกำหนดจุดพักคอยไว้ 2 จุดสำคัญ คือ ภาคใต้ จะพักคอยที่พุทธมณฑลสาย 4 ส่วนภาคเหนือและอีสานจะพักคอยที่อิมแพ็คเมืองทองธานี เพื่อรอการประสานให้ทยอยเข้ามาทีละขบวน เพื่อป้องกันปัญหาการจราจรติดขัด ยืนยันประชาชนที่เดินมาทางมากับกระทรวงมหาดไทยจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ เพราะเมื่อมาถึงสนามหลวงทั้งหมดต้องเข้าคิวรับบัตรเหมือนประชาชนทั่วไป


“ทูลกระหม่อม” ประทานอาหาร ทรงใกล้ชิดประชาชน!

วันที่ 27 ต.ค. เวลา 18.55 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จออกจากพระบรมมหาราชวัง ทางประตูเทวาพิทักษ์ เพื่อประทานอาหารและพระบรมฉายาลักษณ์ แก่ประชาชนที่เดินทางมาถวายราชสักการะและแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยประชาชนพร้อมใจเฝ้ารับเสด็จอย่างเนืองแน่น ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ยังมีพระปฏิสันถารกับประชาชนอย่างใกล้ชิด และทรงขอบใจเจ้าหน้าที่ ก่อนเสด็จกลับเข้าพระบรมมหาราชวังเมื่อเวลา 19.20 น.

พระบรมฯ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน) ถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช