ข่าว
มาเลเซียปิดประเทศ แต่คนแห่กลับภูมิลำเนา ผวา‘สึนามิ’แห่งการระบาด

มาเลเซียปิดประเทศแต่ ...

เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่มาเลเซีย หลังจากมีคำสั่งปิดประเทศ ปรากฏว่าคน Panic มาก แห่กันกลับภูมิลำเนาหมด ทำลายกฎทุกข้อของการปิดเมือง

ขณะที่อีกกลุ่ม กลับไม่ตื่นตัว แต่ยังไปเดินเล่นสวนสาธารณะ ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เหมือนเป็นวันหยุดทั่วไป

แน่นอนว่าหลายพื้นที่เงียบแล้ว แต่หากยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่ทำตามกฎ การกักโรค ก็ยังเป็นเรื่องที่เสี่ยงต่อความล้มเหลว

Hisham ABDULLAH ผู้อำนวยการกรมสุขภาพ กล่าวว่า "เราไม่อยากเห็นความล้มเหลว แต่เราก็อาจจะเจอกับคลื่นสึนามิแห่งการระบาด หากเรายังมีทัศนคติที่ขาดการกระตือรือร้น"

เขายอมรับว่า มาตรการปิดประเทศของมาเลเซีย อาจไม่ใช่มาตรการที่ได้ผล ในการคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค

ศาลสั่งจำคุก10ปี ‘ไอซ์ หีบเหล็ก’ คดียาบ้า-พกปืน

ศาลอาญาธนบุรี พิพากษาคุก 10 ปี 5 เดือน “ไอซ์ หีบเหล็ก” ปรับอีก 5 แสนเศษ คดีครอบครองยาบ้า-กัญชา พกปืน ส่วนคดีฆ่าโหดเหยื่อสาวทิ้งบ่อน้ำอยู่ระหว่างฝากขัง

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2563 ที่ศาลอาญาธนบุรี ถนนเอกชัย ศาลมีคำพิพากษาคดีไอซ์ หีบเหล็กครอบครองยาเสพติดหมายเลขดำ ย.199/2563 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรีเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอภิชัย องค์วิศิษฐ์ อายุ 40 ปี หรือ “ไอซ์ หีบเหล็ก” ที่อยู่ 58 ซ.เพชรเกษม 47 แขวง-เขตบางแค กทม.เป็น จำเลย ในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต , มียาเสพติดให้โทษประเภท (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32,33,371 พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490

ในชั้นสอบสวนและชั้นศาลนายอภิชัย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา15 วรรคสาม (2), 26/3 วรรคหนึ่ง 66 วรรคสอง , 76 วรรคหนึ่ง พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7 , 72 วรรคสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 13 ปี ปรับ 750,000 บาท , ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับ 3,000 บาท โดยให้เพิ่มโทษจำเลยกึ่งหนึ่ง ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 ด้วย ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายรวมจำคุก 19 ปี 6 เดือน ปรับ 1,125,000 บาท , ฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นปรับ 4,500 บาท

ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธฐานมีอาวุธปืนของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี โดยให้เพิ่มโทษจำเลย 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ในความผิดฐานนี้ด้วยเป็นจำคุก 1 ปี 4 เดือน รวมจำคุกจำเลย ทั้งสิ้น 20 ปี 10 เดือน และปรับ 1,129,500 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกรวม 10 ปี 5 เดือน ปรับ 564,750 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศาลเบิกตัวไอซ์ หีบเหล็กซึ่งอยู่ในชุดนักโทษ โดยไม่ได้รับการประกันตัว จากเรือนจำพิเศษธนบุรี มาฟังคำพิพากษา สำหรับคดีฆ่าผู้อื่น ฯซ่อนเร้นทำลายศพ เหยื่อหญิงสาวหลายคนทิ้งในบ่อน้ำที่ไอซ์ หีบเหล็ก ถูกดำเนินคดีนั้นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน และอยู่ระหว่างการฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรี


ทบ.ใช้สาร BKC ฆ่าเชื้อโควิด-19 หลังสิงคโปร์การันตีได้ผล พบระเหยไม่เกินครึ่งชั่วโมง

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1 หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก และกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ร่วมกันออกปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อน โดยจัดรถยนต์บรรทุกน้ำผสมสารฆ่าเชื้อโรค เข้าดำเนินการฉีดล้างสิ่งปนเปื้อนบนท้องถนนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในช่วงกลางคืน เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการประกอบกิจวัตรประจำวันของประชาชน โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ห้วงเวลา 01.00 - 05.00 น.

โดยการปฏิบัติการชุดล้างสิ่งปนเปื้อน สารฆ่าเชื้อที่ใช้คือ BKC (benzalkonium chloride) หรือ Sanisol เป็นสารทำความสะอาดที่ใช้ฆ่าเชื้อต่างๆ เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ได้เป็นอย่างดี และเป็นหนึ่งในสารทำความสะอาดที่ทางสิงคโปร์แนะนำว่าให้ใช้ได้ในการกำจัดโคโรนาไวรัส โดยความเข้มข้นที่แนะนำคือ 0.05% ซึ่งเป็นระดับความเข้มข้นน้อยสุดที่กำจัดไวรัสได้ และยังคงปลอดภัยต่อการใช้งาน การระเหยออกจากพื้นที่ ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ส่วนสาเหตุที่เลือกใช้ BKC เพราะว่าสามารถออกฤทธิ์ได้ที่ความเข้มข้นต่ำ ซึ่งสามารถผสมน้ำได้ในปริมาณมาก เหมาะกับการสนับสนุนภารกิจการชำระล้างพื้นที่ขนาดใหญ่


จับตากองทัพ-สธ.ถกซ้อมแผน 'บิ๊กตู่'สั่งเตรียมยา-รพ.รับ'โควิด'เฟส 3

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า เมื่อวานนี้ (18 มีนาคม 2563) ในการมอบนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 นายกฯ ได้สั่งเตรียมพร้อมรับมือ หากสถานการณ์การแพร่ระบาดลุกลามไปสู่สถานการณ์ที่รุนแรงเข้าสู่ระยะที่ 3 โดยให้เตรียมยา ฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ซึ่งเป็นตัวยาต้านไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 จากญี่ปุ่น ไว้ให้พร้อมรองรับกับจำนวนผู้ป่วยในระยะ 3 และให้จัดตั้งโรงพยาบาลเฉพาะโรคในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยให้กระทรวงสาธารณสุข และกองทัพ รวมถึงภาคเอกชน ปรับโรงพยาบาลขนาดกลาง ให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะโรคให้เร็วที่สุด "วันที่ 19 มี.ค.นี้ กองทัพ และกระทรวงสาธารณสุข จะประชุมซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเพื่อให้พร้อมรองรับกับการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายในกระทรวงกลาโหม และในวันที่ 23 มี.ค.นายกฯ จะเป็นประธานประชุมติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล จากเดิมที่จัดที่ตึกภักดีบดินทร์ ทั้งนี้ เพื่อปรับรูปแบบห้องประชุมให้ได้มาตรฐานตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข คือ จะต้องนั่งห่างกัน 1 เมตรขึ้นไป"

'สหรัฐ'พบ'โควิด-19'อยู่ในอากาศนับชม. บน'พลาสติก-เหล็ก'นานหลายวัน

19 มีนาคม 2563 สำนักข่าวซินหัวรายงาน วารสารการแพทย์เดอะนิวอิงแลนด์ (NEJM) ของสหรัฐฯ เผยแพร่ผลการศึกษาล่าสุดที่พบว่าไวรัสโคโรนาก่อโรคติดเชื้อโควิด-19 ดำรงอยู่ได้นานหลายชั่วโมงในละอองลอยในอากาศ (aerosal) จนถึงหลายวันบนพื้นผิวต่างๆ คณะนักวิทยาศาสตร์พบว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) อยู่ในละอองลอยในอากาศได้นานสูงสุด 3 ชั่วโมง อยู่บนทองแดงได้นานสูงสุด 4 ชั่วโมง อยู่บนกระดาษลูกฟูกได้นานสูงสุด 24 ชั่วโมง อยู่บนพลาสติกและเหล็กกล้าไร้สนิมได้นานสูงสุด 2-3 วัน การศึกษาข้างต้นของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ของสหรัฐฯ ได้มอบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการคงสภาพ (stability) ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และบ่งชี้ว่าผู้คนอาจได้รับเชื้อผ่านอากาศและหลังสัมผัสวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันฯ ซึ่งมาจากห้องปฏิบัติการเขาร็อกกี สังกัดสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) ทำการเปรียบเทียบว่าสภาพแวดล้อมมีผลกระทบต่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และไวรัสโคโรนาก่อโรคซาร์สอย่างไรบ้าง ผลการศึกษาพบว่าไวรัสโคโรนาก่อโรคซาร์สเป็นไวรัสโคโรนาในมนุษย์ที่เกี่ยวพันใกล้ชิดกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากที่สุด ซึ่งถูกกำจัดด้วยมาตรการแกะรอยผู้ติดเชื้อและแยกโรคอย่างเข้มข้นจนไม่พบผู้ป่วยตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา ส่วนการศึกษาการคงสภาพของไวรัสโคโรนาทั้งสองสายพันธุ์พบว่ามีพฤติกรรมคล้ายคลึงกันจนทำให้ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมโรคโควิด-19 กลายเป็นโรคระบาดขนานใหญ่กว่าโรคซาร์สอย่างมาก นักวิทยาศาสตร์พยายามจำลองไวรัสที่สะสมอยู่ในร่างกายผู้ติดเชื้อไปจนถึงไวรัสบนพื้นผิวต่างๆ ในครัวเรือนหรือโรงพยาบาล ที่เก็บจากการไอจามหรือการสัมผัสวัตถุ จากนั้นตรวจสอบว่าไวรัสยังคงแพร่เชื้อบนพื้นผิวเหล่านั้นได้นานเท่าไร การค้นพบครั้งนี้ตอกย้ำคำชี้แนะจากผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ที่ให้ปฏิบัติตามข้อควรระวังเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่และโรคระบบทางเดินหายใจอื่นๆ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ข้อควรระวังดังกล่าวกอปรด้วยหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดคนที่เจ็บป่วย, หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตา จมูก และปาก, อยู่แต่ในบ้านหากไม่สบาย, ใช้กระดาษทิชชูปิดจมูกและปากหากไอจาม ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรควัตถุและพื้นผิวที่สัมผัสเป็นประจำ อนึ่ง การศึกษาเกิดจากความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์ของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลัยลอสแอนเจลิส และมหาวิทยาลัยพรินสตันของสหรัฐฯ

'โควิด-19'คร่าชาวอิตาลีวันเดียว 475 ราย ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ2แสน

19 มี.ค.63 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ที่ก่อโรคโควิด-19 ในอิตาลี ยังน่ากังวล เมื่อจำนวนผู้เสียชีวิตใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา เพิ่มอีก 475 ราย คิดเป็นเพิ่มร้อยละ 19 เป็นจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดนับตั้งแต่การระบาด ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 2,978 ราย ส่วนยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 35,713 คน

อิตาลีเผชิญการระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะที่แคว้นลอมบาร์ดี ทางตอนเหนือของประเทศ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 16,000 ราย ขณะที่โรงพยาบาลในแคว้นกำลังใกล้ถึงขีดจำกัดในการรักษาผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนนาย อัตติลิโอ ฟอนทานา ผู้ว่าการแคว้นลอมบาร์ดี ต้องออกมาวิงวอนอีกครั้งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน

“เรากำลังขอให้พวกเขาเสียสละเพื่อช่วยเหลือชีวิตอีกมากมาย ทุกครั้งที่คุณออกจากบ้าน มันคือความเสี่ยงทั้งต่อคุณและคนอื่นๆ” นายฟอนทานากล่าว และเสริมด้วยว่า หากประชาชนยังคงไม่ทำตามมาตรการนี้ เขาจะขอให้รัฐบาลบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นไปอีก

สหรัฐเพิ่มมาตรการหยุด'โควิด-19' ประกาศระงับ'บริการวีซ่า'ทั่วโลก

19 มีนาคม 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐประกาศว่า สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลของรัฐบาลวอชิงตันทั่วโลก จะระงับบริการออกวีซ่าชั่วคราวและสำหรับผู้มีถิ่นพำนัก ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. โดยจะกลับมาให้บริการอีกครั้งโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่สามารถระบุวันที่แน่ชัดได้

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศในกรุงวอชิงตันไม่ได้ให้ข้อมูลอย่างชัดเจนว่ามีประเทศใดบ้าง และครอบคลุมกระบวนการออกวีซ่าทุกประเภทหรือไม่ แต่ระบุว่ามาตรการดังกล่าวมีผลกับประเทศที่สหรัฐเตือนภัยการเดินทางในระดับ 2 3 และ 4

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ยังระบาดหนักต่อเนื่อง โดยยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งสูงกว่า 218,631 คน เสียชีวิต 8,805 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกาอยู่ในลำดับที่หกจากอันดับทั่วโลก ป่วยสะสมกว่า 9,345 คน เสียชีวิต 150 ราย รักษาหาย 106 คน