ข่าว
ตัดสินจำคุก 40 เดือน คนสนิท'ทรัมป์'โกหกคองเกรสคดีรัสเซีย

21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ศาลสหรัฐตัดสินลงโทษจำคุก 40 เดือน โรเจอร์ สโตน เพื่อนเก่าแก่ของ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ฐานขัดขวางการสอบสวนของสภาคองเกรสกรณีรัสเซียแทรกแซงเพื่อช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งปี 2559 ทรัมป์ยังรอดูการพิจารณาคดีใหม่ ไม่รีบอภัยโทษ

โรเจอร์ สโตน สมาชิกพรรครีพับลิกันรุ่นเก๋าที่เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่ทรัมป์ไว้วางใจมากที่สุด ถูกคณะลูกขุนตัดสินเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาว่ามีความผิด 7 กระทง อาทิ ให้การเท็จต่อสภาคองเกรส, ยุ่งเหยิงกับพยาน และขัดขวางการสอบสวนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กรณีข้อกล่าวหาว่าคณะหาเสียงของทรัมป์สมคบคิดกับรัสเซียโกงการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559

เอมี เบอร์แมน แจ็กสัน ผู้พิพากษาศาลแขวงของสหรัฐ กล่าวขณะอ่านคำพิพากษาโทษจำคุก 40 เดือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ว่า ความจริงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แม้สโตนจะยืนกรานว่าไม่ใช่ ความก้าวร้าวความถือดีในคำโกหกของเขาเป็นภัยคุกคามต่อสถาบันรากฐานที่สุดของสหรัฐนั่นคือประชาธิปไตย

สโตนจะยังเป็นอิสระระหว่างรอการพิจารณาว่าศาลจะเปิดการพิจารณาคดีของเขาใหม่หรือไม่ ภายหลังคำพิพากษา ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นทันทีว่าสโตนมีโอกาสดีมากที่จะพ้นจากความผิด และกล่าวโจมตีคณะลูกขุนโดยไม่มีหลักฐานว่า "ด่างพร้อย"

สัปดาห์นี้ทรัมป์เพิ่งสร้างประเด็นถกเถียงเมื่อเขาอภัยโทษความผิดให้อาชญากรเกือบ 12 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับเพื่อนและพันธมิตรทางการเมืองของเขา ซึ่งรวมถึงนักการเมืองคอร์รัปชันและอดีตนายตำรวจที่เลี่ยงภาษี แต่กรณีของสโตน ทรัมป์แสดงท่าทีว่าเขาจะยังไม่อภัยโทษให้ แต่จะรอให้กระบวนการเดินหน้าต่อไปก่อน เมื่อถึงเวลาหนึ่งเขาจะตกลงใจเอง รอคอยไปก่อน

ผู้นำสหรัฐเคยฉุนเฉียวที่อัยการเสนอให้ศาลลงโทษจำคุกสโตนถึง 9 ปีตามแนวทางการกำหนดโทษของรัฐบาลกลาง และยังโจมตีคณะลูกขุน รวมถึงผู้พิพากษาแจ็กสัน ซึ่งปีที่แล้วเพิ่งตัดสินจำคุกพอล มานาฟอร์ต อดีตประธานหาเสียงของเขาฐานล็อบบี้อย่างผิดกฎหมายและยุ่งเหยิงพยาน

เวลาเดียวกับที่ทรัมป์ทวีตแสดงความไม่พอใจกับการเสนอโทษหนัก บิล บาร์ รัฐมนตรียุติธรรม ก็เข้าแทรกแซงโดยลงความเห็นว่าโทษดังกล่าวสุดโต่งและหนักเกินเหตุ ส่งผลให้อัยการคดีนี้ทั้ง 4 คนลาออกจากการทำคดี.

'ธนาธร'ตั้งคณะอนาคตใหม่สู้ต่อ'ปิยบุตร'ปลุกลุยนอกสภา

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 63 ที่พรรคอนาคตใหม่ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ในคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรคได้ร่วมกันแถลงข่าว โดย นายธนาธร กล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่สิ้นสุดลงแล้ว ขอโทษพี่น้องประชาชนที่ทำตามสัญญาไม่ได้ เราสัญญาจะหยุดยั้งอำนาจ คสช. แต่เราทำไม่ได้

"ผมขอกล่าวขอโทษทุกคน ผมและกรรมการบริหารพรรคทุกคนทำอย่างเต็มความสามารถ วันนี้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์แล้ว แต่การเดินทางจะจบลง นี่ไม่ใช่เวลาที่จะเสียใจ มันเร็วไป ที่จะร้องไห้ เราต้องเข้มแข็งกว่าเดิม นี่เป็นการลุกขึ้นยืนอย่างมั่นคง อย่าเปลี่ยนใจ อย่าหมดไฟ อย่าหยุดฝัน พรรคอนาคตใหม่เป็นมากกว่าพรรคการเมือง"นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวอีกว่า ดังนั้นเพื่อการนี้ ผมขอประกาศจัดตั้งคณะอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคน เพื่อทำงานการมืองต่อ โดยมีวัตถุประสงค์กลับไปเมื่อครั้งเราตั้งอนาคตใหม่ครั้งแรก คือปักธงความคิด

"ก้าวต่อไปของผมและกรรมการบริหารพรรคที่ถูกติดสิทธิ์ เราจะทำงานต่อ เราจะก้าวเดินต่อไปในรูปแบบใหม่ ขอพลังจากทุกคนก้าวเดินต่อไปด้วยกัน ก้าวต่อไปข้างหน้าถึงแม้จะไม่มีพรรคอนาคตใหม่ แต่จะมีคณะอนาคตใหม่ ที่ทำงานเพื่อสังคม" นายธนาธร กล่าว

ด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในประการต่างๆ ดังนี้

ประการที่ 1 พรรคการเมือง ไม่ได้ถือครองอำนาจรัฐ ไม่ได้ครองสถานะมหาชนจากนิติบุคคลเอกชน ศาลพิจารณาเป็นนิติบุคคลมหาชน

ประการที่ 2 เงินกู้อาจกลายเป็นเงินบริจาค ถ้าศาลรัฐธรรมนูญประสงค์ให้เป็นเช่นนั้น

ประการที่ 3 การใช้มาตรา 72 เพื่อมายบพรรคอนาคตใหม่ในวันนี้ ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย

ประการที่4 หากกม.ไทย ต้องการไม่ให้พรรคการเมืองกู้เงิน จำเป็นต้องมีการกำหนดกฎหมายไม้ให้มีการกู้เงินให้ชัดเจน มิใช่ปล่อยให้คลุมเครือ จนสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญตีความเอาเอง

ประการที่ 5 คำวินิจฉัยศาลรัฐนูญ มิต้องการให้นายทุนครอบครองพรรค แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้กับกลายเป็นสิ่งที่ยอกย้อนที่สุด เพราะ อนค. ต้องการทำงานอย่าโปร่งใส ทุกๆอย่างเราเอาขึ้นโต๊ะ แต่ถูกยุบพรรค ยิ่งโปร่งใสมากเท่าไร ยิ่งซวย ยิ่งถูกยุบพรรค พรรคใด ซ่อนเก่ง ซุกเก่ง ดันถูกกฎหมาย

ประการที่ 6 สืบเนื่อจากการยุบไทยรักษาชาติ ต่อเนื่องมาถึงพรรคอนาคตใหม่ ก่อนหน้านี้ใช้ รธน. 40,50 เพิกถอน 5 ปีก็ว่ามากแล้ว แต่นี่เพิกถอน 10 ปี

"หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินยุบพรรคในครั้งนี้ จะออกไปโลดแล่นรณรงค์การเมืองทั่วประเทศยิ่งกว่าเดิม หากคิดว่านี่คือการตัดไฟแต่ต้นลม แต่นี่คือไฟลามทุ่งเชิญชวนพี่น้องประชาชนออกมารวมกันที่พรรคอนาคตใหม่ เพื่อให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และเพื่อแสดงให้เห็นพลังของพวกเรา และส่งสัญญาณไปถึงผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า เขาจะไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ" นายปิยบุตร กล่าว


เศร้า! แพทย์หนุ่มอู่ฮั่นวัย 29 'เผิงอิ๋นหัว'เสียชีวิตแล้วหลังเลื่อนวิวาห์ลงสนามสู้ศึกโควิด-19

วันที่ 21 ก.พ.63 สำนักข่าวซินหัว ได้รายงานข่าวระบุว่า หน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่นนครอู่ฮั่นระบุว่า นายแพทย์เผิงอิ๋นหัว ผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครอู่ฮั่น ผู้รับหน้าที่รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เสียชีวิตแล้ว เมื่อคืนวันพฤหัสบดี (20 ก.พ.) ที่ผ่านมา

เผิงวัย 29 ปี ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้ป่วยวิกฤตระบบทางเดินหายใจ ได้ติดเชื้อไวรัสระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลประชาชนแห่งแรกของเขตเจียงเซี่ย นครอู่ฮั่น และเข้ารับการรักษาในวันที่ 25 ม.ค. ก่อนจะถูกส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจินอิ๋นถาน นครอู่ฮั่น เมื่อวันที่ 30 ม.ค.

แม้ว่าบรรดาแพทย์จะพยายามรักษาเผิงอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้ายเขาก็จากโลกนี้ไปเมื่อเวลา 21.50 น. คืนวันที่ 20 ก.พ. ในโรงพยาบาลจินอิ๋นถาน สำนักสาธารณสุขท้องถิ่นเขตเจียงเซี่ยได้แสดงความเสียใจต่อการจากไปของเผิงกับครอบครัวของเขา

หน่วยงานสาธารณสุขจีนระบุให้สำนักงานสาธารณสุขท้องถิ่นยื่นเรื่องต่อหน่วยงานกิจการทหารผ่านศึก เพื่อให้ยกย่องเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่เสียชีวิตให้เป็นวีรชน พร้อมให้ความช่วยเหลือและเยียวยาครอบครัวของผู้ล่วงลับ รวมถึงเผยแพร่เรื่องราวของผู้ที่สละชีวิตระหว่างต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์รายวันฉางเจียงรายงานว่า เดิมทีเผิงและภรรยาตกลงจะแต่งงานกันในวันที่ 1 ก.พ. แต่เนื่องจากต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะแพทย์ ทั้งสองจึงต้องเลื่อนพิธีสมรสออกไป

รายงานระบุว่า เมื่อเผิงปฏิบัติหน้าที่อย่างขันแข็งในเขตคัดแยกผู้ป่วยมาได้เกือบครบเดือน เพื่อนร่วมงานเห็นว่าเผิงทำหน้าที่อย่างหนักมาโดยตลอด ก็รู้สึกเป็นห่วงและสงสารจึงได้บอกให้เขากลับบ้านไปพักผ่อน และอยู่กับ “ภรรยาผู้ที่ยังไม่ได้เข้าประตูวิวาห์” ในวันสิ้นปี แต่เผิงตอบว่า “ให้คนอื่นๆ ที่มีครอบครัวได้พักผ่อนเถอะครับ ผมยังเด็ก หน้าที่ตรงนี้ให้ผมทำเถอะ” หลังได้พูดคุยกับภรรยาสั้นๆ เผิงอิ๋นหัวก็สวมชุดป้องกัน และกลับเข้าสู่สนามรบ ซึ่งเป็นสมรูมิที่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาอย่างยิ่งอีกครั้ง”


ผวาหนักไวรัสโควิด-19 ‘จีน’ยอมรับ แค่สูดลมหายใจก็ติดได้

วันศุกร์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563,จีนประกาศเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถติดต่อผ่านทางละอองในอากาศได้ เพียงแค่สูดลมหายใจก็รับเชื้อเข้าไปได้ ขณะที่ยอดเสียชีวิตทั่วโลก ล่าสุดอยู่ที่ 2,127 ศพและติดเชื้อ 75,678 คน “บิ๊กตู่”ยืนยัน ไทยทำดีแล้ว พร้อมหามาตรการเชิงรุก เตรียมพร้อมระยะที่ 3 หากพบการแพร่ระบาดในประเทศ เผยรัฐเตรียมมาตรการสูงสุด อาทิ ผุดโรงพยาบาลสนาม ปิดโรงเรียน-ค่ายทหาร-เรือนจำ ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขเตรียมประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ทําเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ โดยกล่าวว่า วันนี้สิ่งที่เราต้องเตรียมการคือ เรื่องการแพร่กระจายและการแพร่ระบาดจากหลายประเทศที่ยังคงมีอยู่ในระยะที่ 1 ส่วนไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 คือ สามารถควบคุมได้มากพอสมควรในขณะที่ประเทศอื่นมีการแพร่กระจายมากขึ้น ไทยจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการเพื่อป้องกัน ควบคุม และลดการแพร่กระจายกับคนที่เคลื่อนย้ายไปมา โดยเฉพาะจากประเทศต้นทาง ซึ่งขณะนี้ไทยทำได้ดีแล้ว แต่ตนยังอยากให้มีการเตรียมความพร้อมรับมือระยะที่ 3 หากมีการแพร่ระบาดภายในประเทศขึ้นมา โดยขอทราบมาตรการการเตรียมการเหล่านี้ไว้ล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาจะได้ปฏิบัติได้ทันที

นายกฯ กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้ขอให้รายงานสรุปผลการดำเนินงานโดยย่อ เพราะตนต้องการทราบความก้าวหน้าในมิติเชิงรุกต่อไป พร้อมกันนี้ได้ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ที่ทุกคนให้ความสนใจและเดินหน้าในเรื่องนี้อย่างดี จึงขอมอบความไว้วางใจ พร้อมคำขอบคุณ รวมทั้งขอชื่นชมและให้ความไว้วางใจกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะร่วมกันทำงานต่อไป โดยคาดหวังว่าสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายได้โดยเร็วในทุกประเทศ และในฐานะที่ไทยเป็นมิตรประเทศต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกันและเดินหน้าร่วมมือแก้ปัญหาในระดับประชาคมด้วย

คาดติดเชื้อวันละพันคนหากคุมไม่อยู่

มีรายงานข่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการเตรียมการไว้ว่าหากไทยไม่สามารถควบคุมการระบาดให้จำกัดอยู่ในระยะที่2ได้ ก็จะเกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างออกไปภายในประเทศ เป็นระยะที่ 3 ซึ่งคาดการณ์ว่าเพียงในช่วง1-2เดือนแรกของการระบาด อาจพบผู้ป่วยกว่า 1,000 รายต่อวันและอาจทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตทุกวัน จึงมีความจำเป็นต้องออกแผนบูรณาการความร่วมมือพหุภาคีเพื่อความปลอดภัยและลดผลกระทบจากโรคติดเชื้อนี้ เพื่อเป็นกรอบการประสานงานสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการป้องกันควบคุมโรคดังกล่าว

เตรียมสารพัดมาตรการรับมือ

รายงานแจ้งด้วยว่า กระทรวงต่างประเทศกำลังติดตามมาตรการที่ต่างประเทศมีต่อไทยขณะนี้ และอยู่ระหว่างการทบทวนมาตรการการตรวจลงตรา อีกทั้งจะมีการจัดการประชุมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)และหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสวงหาแนวทางการป้องกันผลกระทบด้านความมั่นคงอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมให้กระทรวงกลาโหม เตรียมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เมื่อได้รับการร้องขอ ประกอบกับการเตรียมออกกลยุทธ์การควบคุมการเเพร่ระบาดเชื้อในชุมชน เพื่อรองรับการระบาดในระยะที่ 3 เช่น กำหนดมาตรการให้ทำงานที่บ้าน ให้เลื่อน หรือ งดการจัดชุมนุมขนาดใหญ่ที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายโรค ปิดสถานที่ที่เกิดการระบาดและควบคุมการระบาดในสถานที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน เรือนจำ ค่ายทหาร เป็นต้น และจากนั้นจะพิจารณาประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพื่อควบคุมการระบาดในชุมชน

ดูแลคนไทยบนเรือไดมอนด์ฯเต็มที่

นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เรือสำราญไดมอนด์ปรินซ์เซสที่ถูกทางการญี่ปุ่นกักไว้เพื่อตรวจสอบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ว่า เรือลำดังกล่าวมีคนไทยรวม 25 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารคนไทย 2 คนและลูกเรือ 23 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3 คน โดยเป็นผู้โดยสาร 1 คนและลูกเรือ 2 คน สำหรับผู้ติดเชื้อชาวไทยทั้ง 3 คน ถูกนำไปรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลแล้ว สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้ติดต่ออย่างใกล้ชิด ทราบว่าอาการยังทรงตัว ส่วนผู้โดยสารไทยอีก 1 คน ผลการตรวจเป็นลบ ไม่ติดเชื้อ

ประกาศโรคอันตราย-โทษคุก-ปรับ

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ เห็นควรจะประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 โดยยกร่างเสร็จแล้วจะนำเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ นี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะเห็นชอบกับการประกาศดังกล่าวที่จำเป็นต้องออกประกาศฉบับนี้แม้มาตรการคุมการระบาดจะทำอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนมีการระบาดหลายประเทศ หากอีก 2 เดือนมีผู้ป่วยมากขึ้น เราจำเป็นต้องมีกฎหมายเอาไว้ดำเนินการคนที่ไม่ทำตามมาตรฐานการควบคุมโรคของไทย ซึ่งจะมีความผิดทั้งจำทั้งปรับครอบคลุมทุกคนที่อยู่ในไทย

จีนรายงานยอดตาย2,118คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะกรรมาธิการสาธารณสุขแห่งชาติของจีนรายงานสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ระหว่างเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 2,118 คน เพิ่มขึ้น 114 คน ขณะที่ผู้ป่วยสะสมในประเทศอยู่ที่อย่างน้อย 74,576 คน เพิ่มขึ้นเพียง 394 คน ซึ่งถือเป็นสถิติการพบผู้ติดเชื้อใหม่ต่ำที่สุด นับตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา แม้จากจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด ยังมีอย่างน้อย 11,864 คน มีอาการน่าเป็นห่วง แต่มีผู้ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว 16,155 คน

ด้านสถานการณ์การติดเชื้อในต่างประเทศ นอกเหนือจากจีน ฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน พบในอย่างน้อย 26 ประเทศ โดย 3 ประเทศนอกจีนที่มีผู้ป่วยสะสมมากที่สุด ได้แก่ สิงคโปร์และญี่ปุ่นเท่ากันที่ 84 คน ตามด้วยเกาหลีใต้ 82 คน ส่วนไทยมีผู้ป่วยสะสม 35 คน สำหรับการเสียชีวิตนอกแผ่นดินใหญ่พบแล้วแห่งละ 1 คน ในฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศสและไต้หวัน ขณะที่ฮ่องกงพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คนเท่ากับในอิหร่าน นอกจากนั้นยังมีผู้ป่วยนานาชาติอีกอย่างน้อย 621 คน จากผู้อยู่บนเรือทั้งสิ้น 3,711 คน ของเรือสำราญ “ไดมอนด์ ปรินเซส” และนักท่องเที่ยวหญิงชาวอเมริกันอายุ 83 ปี ซึ่งเป็นผู้โดยสารบนเรือสำราญ “เวสเตอร์ดัม” จอดเทียบท่าที่เมืองสีหนุวิลล์ของกัมพูชา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ล่าสุด(ช่วงค่ำวันที่ 20กุมภาพันธ์) มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2,127 ราย และติดเชื้อ 75,678 ราย

ยอมรับไวรัสมรณะแพร่ผ่านอากาศ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยงานสาธารณสุขจีนออกมายอมรับว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่ผ่านอากาศ โดยไวรัสจะไปจับกับฝอยละอองขนาดเล็ก (Aerosol) ทำให้ผู้ที่สูดอากาศหายใจเข้าไปสามารถติดเชื้อได้ โดยรายงานฉบับนี้เป็นคำแนะนำฉบับที่ 6 สำหรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อในจีน ระบุว่า สาเหตุหลักของการติดเชื้อคือ ละอองฝอยจากระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูกหรือน้ำลายจากการไอและจาม รวมถึงการติดเชื้อที่เกิดจาก การสัมผัสอย่างใกล้ชิด ความเสี่ยงการแพร่กระจายเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่พื้นที่ปิด เป็นเวลานานและมีความเข้มข้นสูง

ทั้งนี้ aerosol infection อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการรักษาทางการแพทย์ เช่น เมื่อสอดท่อเข้าสู่หลอดลมเพื่อเปิดช่องให้อากาศผ่านเข้าออก และความเป็นไปได้ที่จะเกิดการติดเชื้อแบบ aerosol infection ทำให้จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิมเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นภายในโรงพยาบาล

ขณะที่คณะนักวิจัยในมณฑลกวางตุ้งของจีนได้ศึกษาตัวอย่างที่เก็บมาจากจมูก และลำคอ ของผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคโควิด- 19 พบว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้มีพฤติกรรมคล้ายกับไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ มากกว่าไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดโรคซาร์ส บ่งชี้ว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สามารถแพร่กระจายได้ง่ายกว่าที่เคยคิดกัน เหมือนไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัดธรรมดา พร้อมแนะนำว่าการควบคุมโรคนี้จะต้องใช้วิธีการที่แตกต่างจากวิธีที่ใช้ในการควบคุมโรคซาร์ส

ญี่ปุ่นเศร้า!ติดเชื้อบนเรือตาย2ศพ

ขณะที่บรรษัทกระจายเสียงญี่ปุ่นหรือเอ็นเอชเค (NHK) รายงานว่า ผู้โดยสาร 2 คน ที่ติดเชื้อไวรัสบนเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซสและได้ขึ้นจากเรือไปก่อนหน้านี้ เสียชีวิตแล้ว นับเป็นผู้โดยสาร 2 คนแรกที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยผู้เสียชีวิตเป็นชาย วัย 87 ปี และหญิงวัย 84 ปี และเป็นชาวญี่ปุ่นทั้งคู่ เสียชีวิตในวันนี้ ทั้งสองคนมีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว และขึ้นจากเรือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ทำให้ญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว 3 คน

เกาหลีใต้พบติดเชื้อเพิ่มอีก31คน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี ( เคซีดีซี ) ออกแถลงการณ์ว่าผู้ป่วยโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นผลจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สะสมเพิ่มในประเทศเป็นอย่างน้อย 82 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยใหม่ 31 คน และจากจำนวนดังกล่าว 30 คนอยู่ที่เมืองแทกู เมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ ตั้งอยู่บริเวณภาคกลางตอนล่าง ห่างจากกรุงโซลประมาณ 300กิโลเมตร

นายกสภาไทยทาวน์ฯ บริหารไทยทาวน์ต่ออีกเป็นสมัยที่ 2

ขอแสดงความยินดี เมื่อวันนี้ 15 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ห้องประชุมชั้น 3 Hollyview Apt. กำหนดการประชุมสามัญประจำปี พร้อมเลือกนายกสภาไทยทาวน์ฯ คนใหม่ ผลการเลือกตั้งนายกสภาไทยทาวน์ครั้งนี้ ตัน พัฒนะ ได้เป็นนายกสภาไทยทาวน์ฯ บริหารไทยทาวน์ต่ออีกเป็นสมัยที่ 2 ตามกฏการเลือกตั้งของรัฐธรรมนูญสภาไทยทาวน์ทุกประการโดยมี ทวีพงษ์ ยินธรรม์ เป็นเลขานุการ และ จุไรรัตน์ เจริญชาศรี เป็นเหรัญญิก