ข่าว
นักอนุรักษ์ประณามญี่ปุ่น ฆ่าวาฬมิงค์ตั้งท้อง 122 ตัว

จากรายงานที่เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นส่งถึงคณะกรรมการล่าวาฬระหว่างประเทศ (ไอดับเบิลยูซี) เมื่อเดือนที่แล้ว ถึงจำนวนวาฬที่ฆ่าระหว่างการออกล่าวาฬประจำปี นาน 4 เดือน ในมหาสมุทรแอนตาร์กติก ซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กองเรือล่าวาฬญี่ปุ่นฆ่าวาฬมิงค์ไปทั้งสิ้น 333 ตัว โดยเป็นวาฬมิงค์ที่กำลังตั้งท้องถึง 122 ตัว นอกจากนี้ยังฆ่าวาฬอีกหลายสิบตัว ซึ่งเป็นวาฬที่ยังไม่โตเต็มวัย

องค์กรฮิวเมน โซไซตี อินเตอร์เนชั่นแนล (เอชเอสไอ) ที่เป็นกลุ่มอนุรักษ์เคลื่อนไหวต่อต้านการทารุณสัตว์ แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม ประณามญี่ปุ่นที่ฆ่าวาฬมิงค์ตั้งท้องจำนวนมากขนาดนี้ โดยระบุว่า เป็นตัวเลขที่น่าช็อก และแสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนในการออกล่าวาฬของญี่ปุ่น

อเลเซีย เวลบีเลิฟ ผู้จัดการโครงการอาวุโสของเอชเอสไอ กล่าวว่า แม้ญี่ปุ่นจะมีข้ออ้างเรื่องการล่าวาฬเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่จากจำนวนวาฬมิงค์ตั้งท้องที่ถูกฆ่ามากเช่นนี้ แสดงเห็นถึงความน่ารังเกียจและเป็นการล่าวาฬอย่างที่ไม่มีความจำเป็นของญี่ปุ่น

ด้านยูกิ โมริตะ เจ้าหน้าที่กรมประมงญี่ปุ่นที่รับผิดชอบเรื่องการล่าวาฬ ชี้แจงเรื่องนี้ว่า ญี่ปุ่นไม่ได้ตั้งใจที่จะจับวาฬที่ตั้งท้อง แต่เป็นการจับแบบสุ่ม ซึ่งคณะกรรมการวิทยาศาสตร์ของไอดับเบิลยูซีเองก็ยอมรับว่า จำนวนวาฬที่ญี่ปุ่นล่ายังอยู่ในระดับที่จำเป็นต่อการวิจัย ซึ่งไม่เกินกว่าระดับที่ต้องการอนุรักษ์วาฬเอาไว้ และการจับวาฬตั้งท้องได้มากครั้งนี้แสดงว่ามีประชากรวาฬโตเต็มวัยเพศเมียอยู่อีกมาก

เมื่อปี 2557 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีคำสั่งให้ญี่ปุ่นหยุดการล่าวาฬในมหาสมุทรแอนตาร์กติก เนื่องจากเห็นว่าการล่าวาฬของญี่ปุ่นไม่ได้ทำเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ปีถัดมาญี่ปุ่นจึงระงับการล่าวาฬ แต่ก็กลับมาล่าวาฬอีกครั้งในปี 2559 โดยฆ่าวาฬมิงค์ไปราว 300 ตัว.

ประมวลชี้ทุกฝ่ายต้องการ‘เลือกตั้ง’ ซัด 4 ปี คสช.เสียของ ประเทศเสียโอกาส

1 มิ.ย.61 นายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุต้องรอเวลาอีก 11 เดือน ถึงจะมีการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า ไม่น่าแปลกใจที่นายวิษณุกล่าวเช่นนี้ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง และประชาชน ที่ประสบปัญหาวิกฤตค่าของชีพต่างต้องการให้มีการเลือกตั้งตามโรดแมปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศเอาไว้ ดังนั้นการที่รัฐบาลจะเลื่อนออกไป หรือเลื่อนให้เร็วขึ้น ตนเห็นว่าปัจจัยขณะนี้ไม่ได้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว เพราะขณะนี้คะแนนนิยมรัฐบาล คสช. รวมถึงตัวผู้นำตกฮวบ หากเปรียบกับช่วงแรกที่เข้ามาบริหารประเทศ ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนต่างสนับสนุนเพื่อให้มีการปฏิรูป และลดความเหลื่อมล้ำหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ผ่านมา 4 ปี กลับไม่มีผลงานใดเป็นรูปธรรมจับต้องได้

นอกจากนี้ คสช.ยังมุ่งเน้นที่จะสืบทอดอำนาจเพื่ออยู่ต่อ หรือให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อหลังการเลือกตั้ง เพราะใช้ทั้งการเดินสายดูดนักการเมือง และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่ามีลูกน้องจะตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนทหาร หรือสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนจึงรู้เท่าทันเกมสืบทอดอำนาจนี้

“4 ปีที่ผ่านมาจึงทั้งเสียของ เสียโอกาสประเทศ และเสียดายเวลา และมีการทุ่มงบประมาณละลายแม่น้ำมากกว่าทุกรัฐบาล แต่เม็ดเงินงบประมาณที่บอกว่าลงไปช่วยชาวบ้านนี้ กลับถึงมือชาวบ้านจริงไม่ถึงร้อยละ 50 ทุกฝ่ายจึงต่างเฝ้ารอวันเลือกตั้ง เพื่ออนาคตที่ดีกว่า แม้ผลจะออกมาอย่างไร เชื่อว่าประชาชนจะยอมรับเพราะเศรษฐกิจปากท้องจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” นายประมวล กล่าว


ระวังกระเป๋าฉีก! 'พาณิชย์'ชี้น้ำมันแพง ดัน'เงินเฟ้อ'เดือน พ.ค. พุ่งสูงสุดในรอบ 16 เดือน

วันที่ 1 มิถุนายน น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพฤษภาคมของปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 1.49 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือน 11 และสูงสุดในรอบ 16 เดือน จากการสูงขึ้นของหมวดพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นมา ร้อยละ 7.68 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีการปรับลดการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน จึงทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศปรับสูง แต่การสูงขึ้นของอัตราเงินเฟ้อดังกล่าว ถือว่าใกล้เคียงและอยู่ในระดับเดียวกับประเทศในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม หมวดอาหารสดปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.24 จากราคาผักสดที่เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 6เพราะสภาพอากาศแปรปรวน ขณะที่หมวดอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ปรับขึ้นมาเล็กน้อย ร้อยละ 0.74 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ภาพรวมอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ยในช่วง 5 เดือนของปีนี้สูงขึ้น ร้อยละ 0.89 ดังนั้น สามารถสะท้อนถึงการบริโภคและการใช้จ่ายดีขึ้นของประชาชนโดยประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อจะทยอยปรับสูงขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคคาดว่าราคาสินค้าอาจจะมีการปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบโดยกรมการค้าภายใน ยังไม่พบสัญญาณการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา ตามราคาน้ำมัน และเชื่อว่าอาจแนวโน้มพลังงานราคาจะยังคงทรงตัวไม่สูงไปกว่านี้ประกอบกับรัฐบาลมีมาตรการในการดูแลเสถียรภาพของราคา ทำให้คาดว่าเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสที่ 2 น่าจะอู่ที่ร้อยละ 2.5 และคาดว่าทั้งปีอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในกรอบที่กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 0.7-1.7 ตามเดิม และจะขอรอดูสถานการณ์จบไตรมาสที่ 2 ก่อนว่าจะมีการปรับหรือทบทวนเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ใหม่หรือไม่


‘โปรเม’โชว์วงสวิงขึ้นนำร่วมกอล์ฟ‘ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น’เมเจอร์ที่ 2 ของปี

1 มิ.ย.61 การแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์ที่ 2 ของปี ยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น ชิงเงินรางวัลรวม 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 160 ล้านบาท ที่สนามโชอัล ครีก ระยะ 6,732 หลา พาร์ 72 รัฐอลาบามา สหรัฐอเมริกา หลังจบรอบแรก “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล โปรมือ 5 โลกชาวไทย ออกสตาร์ตได้ดีเยี่ยม ทำ 1 อีเกิ้ล ที่หลุม 6 พาร์ 5 กับ 5 เบอร์ดี้ ที่หลุม 3 , 10 , 12 , 15 , 18 เสีย 2 โบกี้ที่หลุม 2 , 13 มีสกอร์ 5 อันเดอร์พาร์ 67 ขึ้นนำร่วมกับ ซาราห์ เจน สมิธ โปรออสเตรเลีย และ อี จองอึน โปรเกาหลีใต้

ขณะที่ มิเชล วี แชมป์เก่าปี 2014 ทำ 3 อันเดอร์พาร์ 69 รั้งอันดับ 4 ร่วมกับ ลินน์ แกรนต์ นักกอล์ฟสมัครเล่นจากสวีเดน และดานิเอลเล คัง สาวอเมริกัน ตามหลังผู้นำ 2 สโตรก


สงขลาแถลงจับน้ำมันเถื่อนกว่า 1 หมื่นลิตร

1 มิ.ย. 61 ที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา พ.อ.วรเดช เดชรักษา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 พร้อมด้วยฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา ตำรวจ สภ.สะเดา และเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ ร่วมกันแถลงผลการปราบปรามการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเฉพาะ ต.ปาดังเบซาร์ และ ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ในช่วง 7 วันสุดท้ายของเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางนำมันเถื่อน จำนวน 12,350 ลิตร แบ่งเป็นเบนซิน 9,860 ลิตร และดีเซล 2,490 ลิตร พร้อมกับอุปกรณ์ทั้งถังและแกลลอนกักเก็บน้ำมันเถื่อนจำนวน 80 แกลลอน เครื่องสูบน้ำมันพร้อมสายยาง 14 ชุด และรถยนต์ดัดแปลงสภาพสำหรับขนน้ำมันเถื่อน 5 คัน รวมมูลค่าความเสียหายต่อรัฐกว่า 2 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการควบคุมตัวผู้กระทำผิดส่งดำเนินคดีตาม พรบ.ศุลกากร อีก 11 คน


สไปเดอร์แมนฮีโร่ได้สิทธิพลเมืองฝรั่งเศส

ปารีส (เอพี/รอยเตอร์) - ชายชาวมาลีได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษหลังจากที่เขาปีนขึ้นไปบนตึกด้วยมือเปล่า เพื่อช่วยเหลือเด็กตัวน้อยที่กำลังห้อยต่องแต่งจากระเบียงชั้น 4 ล่าสุดได้สิทธิการเป็นพลเมืองฝรั่งเศส และได้งานเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง

ภายหลังโลกออนไลน์ในฝรั่งเศส เผยแพร่คลิปวีดีโอที่บรรดาผู้ประสบเหตุการณ์ถ่ายเอาไว้ ทำให้เห็นว่า มามูดู กาสสามา ใช้ความแข็งแกร่งของร่างกาย เหนี่ยวตัวเองขึ้นไปตามระเบียงของห้องในตึกนั้นจากชั้น 1 จนถึงชั้น 4 ด้วย

มือเปล่า โดยใช้เวลาเพียง 30 วินาทีเท่านั้น พอไปถึงชั้น 4 เขาก็ดึงตัวเด็กน้อยที่กำลังห้อยต่องแต่งขึ้นไปในระเบียงห้องได้ โดยมีเพื่อนบ้านห้องข้างๆ ของเด็กมาช่วยดึงเด็กเอาไว้ไม่ให้ตก แต่เพื่อนบ้านทำอะไรมากไม่ได้เพราะมีราวระเบียงกั้นอยู่ ทำให้จับเด็กไม่ถนัด เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเย็นวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ในเขตตอนเหนือของกรุงปารีส และก็เป็นที่โจษจันกันในหมู่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียในฝรั่งเศส มากถึงความกล้าหาญและความแข็งแรงคล่องแคล่วของเขา ผู้ใช้ทวิตเตอร์คนหนึ่งถึงกับบอกว่าบรรดาผู้ผลิตอุปกรณ์การกีฬาทั้งหลายควรเอากาสสามามาเป็นพรีเซ็นเตอร์

หลังจากนั้น ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ได้เชิญหนุ่มมาลีวัย 22 ผู้นี้ไปยังพระราชวังเอลีเซ่ ซึ่งเป็นทำเนียบประธานาธิบดี ในวันจันทร์นี้เพื่อขอบคุณเขาเป็นการส่วนตัว โดยหนุ่มมาลีคนดังกล่าวเปิดเผยว่า เขาจะได้สิทธิการเป็นพลเมืองฝรั่งเศส รวมถึงจะให้เขาทำงานเป็นพนักงานดับเพลิง ส่วนนายกเทศมนตรีกรุงปารีส แอน ฮิดาลโก ก็ยกย่องเขาว่าเป็นฮีโร่ตัวจริง และก็เชิญเขามาที่ทำงานเพื่อกล่าวขอบคุณเป็นการส่วนตัวด้วยเช่นกัน และกล่าวว่าขอแสดงความยกย่องแก่กาสสามา ที่ได้แสดงความกล้าหาญเพื่อช่วยชีวิตเด็กคนนั้น

กาสสามาบอกกับนักข่าวว่าเขาเดินผ่านหน้าตึก แล้วก็เห็นฝูงชนจำนวนมากมุงกันอยู่ที่หน้าตึกก็เลยเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น และว่าเขาทำไปเพราะต้องการช่วยเด็ก ขอบคุณพระเจ้าที่เขาช่วยเด็กเอาไว้ได้ ด้านสื่อฝรั่งเศสรายงานว่าพ่อแม่ของเด็กไม่อยู่บ้านในขณะที่เด็กไปเล่นที่ระเบียงแล้วพลัดตกลงมา ตำรวจเรียกตัวพ่อของเด็กไปสอบสวนว่าทำไมถึงปล่อยให้เด็กอยู่คนเดียวไม่มีใครดูแล ส่วนผู้เป็นแม่คาดว่าจะไม่ได้อยู่ในกรุงปารีสตอนเกิดเรื่อง

หนุ่มดริฟท์รถโชว์ พลาดท่าพุ่งชนคนสยองเจ็บสาหัส 5 ราย

1 มิ.ย.61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุชายคนขับรถเก๋งพุ่งชนคน ที่บริเวณแทรฟฟอร์ด พาร์ก เขตเกรตเตอร์ แมนเชสเตอร์ ในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่ 31 พ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 5 คน

โดยผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า รถเก๋งคันดังกล่าวเสียการควบคุมหลังพยายามดริฟต์รถจนลอยและพุ่งชนผู้คนในบริเวณนั้น ขณะที่คนขับได้หลบหนีไป ก่อนที่จะสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยวัย 21 ปี ได้ในเวลาต่อมา โดยเจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนเหตุอย่างละเอียด