ข่าว
"เดียร์ ขัตติยา" จุดเทียนรำลึกการจากไปของ "เสธ.แดง"

วันที่ 13 พ.ค. ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลุมพินี เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ลุมพินี สนธิกำลังจับตาความเคลื่อนไหวกลุ่มมวลชนเสื้อแดง หลังมีกระแสข่าวว่าจะมีการรวมตัวกันจัดงานรำลึกวันครบรอบ 5 ปี เหตุลอบสังหารพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธแดง ผลปรากฏว่าตลอดทั้งวัน มีเพียงผู้ที่ศรัทธาเสธ.แดง เพียงไม่กี่ราย เดินทางมาเพื่อนำดอกไม้สีแดงมาวางบริเวณจุดที่อดีตแกนนำเสื้อแดงถูกยิง ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ห้ามเพียงขอให้เก็บดอกไม้กลับไปด้วย กระทั่งเวลา 19.40 น. ครอบครัวสวัสดิผล นำโดยสาวขัตติยา สวัสดิผล หรือน้องเดียร์ อดีตส.ส.เพื่อไทย. บุตรีสาวเสธแดง นำดอกไม้มาวางเพื่อรำลึกการจากไปของบิดา ก่อนจุดเทียนสีแดงเพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัย ทั้งนี้น.ส.ขัตติยา ระบุว่า เป็นการมาไว้อาลัยให้บิดาเป็นการส่วนตัว ไม่ได้มีการนัดหมายมวลชนมาร่วมตามที่มีข่าว เหตุเพราะเกรงจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่มาร่วมงาน และอาจขัดต่อประกาศคสช.จึงขอมาแบบส่วนตัว

'มาร์ค' ย้ำปฏิบัติคำสั่ง คสช.เคร่งครัด ยังไม่ทราบข้อห้ามลงพื้นที่

“มาร์ค” ปัดยังไม่ทราบคำสั่ง คสช.ห้ามนักการเมืองลงพื้นที่พบประชาชน ชี้ที่ผ่านมาไปเพียงร่วมทำบุญ ตจว.ย้ำปฏิบัติตาม คสช.อย่างเคร่งครัด ด้านโฆษก คสช.ระบุมีบางคนอาจไม่เข้าใจ จะเกาะติดอย่างใกล้ชิด...

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.กล่าวถึงคำสั่งล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ที่ห้ามไม่ให้นักการเมืองลงพื้นที่พบประชาชน ว่า ที่ผ่านมา คสช.ได้แจ้งเพื่อให้นักการเมืองงดการเคลื่อนไหวและลงพื้นที่พบประชาชนของนักการเมือง ซึ่งนักการเมืองส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อาจจะมีบางคนที่ไม่เข้าใจลักษณะของกิจกรรมว่าแบบไหนสามารถทำได้และทำไม่ได้ ซึ่ง คสช.จะติดตามอย่างใกล้ชิด

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบคำสั่งห้ามดังกล่าว และจะขอกลับไปฟังคำให้สัมภาษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าสื่อความหมายไปลักษณะใด พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาตัวเองได้ปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.มาตลอดไม่เคยทำกิจกรรม หรือลงพื้นที่พบปะประชาชนในลักษณะทางการเมือง จะมีก็เพียงไปร่วมงานบุญงานกุศลตามต่างจังหวัดเท่านั้น ซึ่งทุกครั้งที่ไปร่วมงานก็จะมีเจ้าหน้าที่ของ คสช.มาร่วมสังเกตการณ์ตลอด แต่ไม่ได้หวาดกลัวอะไรเพราะไม่ได้ทำผิดข้อห้าม ของ คสช.


'ไอซ์' เสียใจพร้อมยอมรับผิด ผวาขับรถแถมหวาดกลัวที่มืด

จากกรณีที่นักร้องชื่อดัง 'ไอซ์-ศรัณยู วินัยพนานิช' ขับขี่รถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี สีขาว ทะเบียน ฌข 7942 กรุงเทพมหานคร ชนนายวิชัย ใยยอง อายุ 43 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในซอยรามอินทรา 14 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. โดยนักร้องหนุ่มได้นำผู้บาดเจ็บส่งรักษาที่ รพ.นพรัตนราชธานี ก่อนจะทำเรื่องย้ายไปรักษาตัวต่อที่ รพ.ลาดพร้าว พร้อมรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด กระทั้งต่อมา เมื่อคืนวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา นายวิชัยได้เสียชีวิตลง

ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 11 พ.ค. นักร้องหนุ่มพร้อมด้วยคุณพ่อและคุณแม่ก็ได้แถลงข่าวเปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ชั้น 30 อาคารจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ เพลส โดยไอซ์กล่าวทั้งน้ำตาเล่าถึงตอนเกิดเหตุว่า เหตุการณ์ผ่านไปไวมาก ตอนขับรถขณะนั้นไฟจราจรดับมืดตลอดทาง พอรู้อีกทีเห็นผู้เสียหายอยู่ตรงหน้า พยายามเบรกแต่ก็ไม่ทัน หลังจากชนก็รีบลงจากรถไปดูพร้อมยกมือไหว้ขอโทษเป็นอย่างแรก จากนั้นก็มีมูลนิธิมาช่วยนำส่ง รพ.นพรัตน์ ก่อนที่ช่วงเช้ามืดอีกวันก็ย้ายมาที่ รพ.ลาดพร้าว ซึ่งตอนนั้นผู้เสียหายยังมีสติอยู่ ตอนที่ย้ายมารักษาตัวที่ รพ.ลาดพร้าว ตนหวังว่าอาการของผู้เสียหายจะดีขึ้น ระยะเวลาในการรักษาเป็นอาทิตย์ตนเฝ้าดูแลมาตลอด วันไหนที่ไปเยี่ยมไม่ได้ก็จะมีผู้จัดการส่วนตัวผลัดมาดูแลเสมอตั้งแต่ 9.00-21.00 น. หมอมีการแจ้งอาการอยู่ตลอดเวลา จนถึงเสียชีวิต ณ ตอนนี้ต้องรอผลการชันสูตรจากทาง รพ.ตำรวจว่าสาเหตุการเสียชีวิตคืออะไร

ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเหตุตนพยายามดูแลรับผิดชอบ ทั้งค่ารักษาพยาบาล การอำนวยความสะดวกให้ญาติของผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ตนได้มอบเงินสดจำนวนหนึ่งในการจัดงานศพ และอำนวยความสะดวกต่อญาติผู้เสียชีวิต ขนย้ายศพไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.สุรินทร์ โดยเมื่อวานนี้ 10 พ.ค ไอซ์และครอบครัวก็ได้เป็นเจ้าภาพในการสวดอภิธรรมศพ พร้อมทั้งได้พูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิตแล้ว และได้รับความเมตตาและเข้าใจจากครอบครัวของอีกฝ่าย ส่วนกำหนดการฌาปนกิจศพจะมีขึ้นในวันนี้


“อนุฯป.ป.ช.” แจ้ง “สุเทพ”ปฏิบัติหน้าที่มิชอบปมโรงพัก

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคม นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงถึงความคืบหน้ากรณีทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง โดยมิชอบ ว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกฯ, พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.), พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุพร พันธ์เสือ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดจ้างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน จำนวน 396 แห่ง จากจัดจ้างเป็นรายภาคเปลี่ยนเป็นจัดจ้างรวมกันที่ส่วนกลางในครั้งเดียว เพื่อช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการรายหนึ่งรายใด ให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) อันเป็นเหตุให้ผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้ เป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง

โดยความคืบหน้าล่าสุดคณะอนุกรรมการไต่สวนฯมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหานายสุเทพ ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อก่อให้เกิดความเสียหายต่อ สตช.และทางราชการอย่างร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

เพราะในการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่า นายสุเทพมีหน้าที่กำกับการปฏิบัติราชการของ สตช. ในขณะที่มีการเสนอเรื่องดังกล่าวให้พิจารณา นายสุเทพต้องทราบอยู่แล้วว่า สตช. ต้องไปดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างเป็นรายภาค ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้มีมติอนุมัติไว้ แต่นายสุเทพกลับลงนามอนุมัติให้ สตช.เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดจ้างก่อสร้าง โดยไม่เสนอเรื่องดังกล่าวต่อ ครม.เพื่อให้อนุมัติให้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดจ้างก่อสร้าง ทั้งที่หาก สตช.ต้องการเปลี่ยนแปลงวิธีการก่อสร้างก็ต้องนำเสนอ ครม.ก่อน จนกระทั่ง สตช.ดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างโดยมีผู้รับจ้างเพียงรายเดียวก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศ เป็นเหตุให้การก่อสร้างไม่แล้วเสร็จก่อให้เกิดความเสียหายต่อ สตช.และทางราชการอย่างร้ายแรง

นายวิชา กล่าวอีกว่า นายสุเทพมีเวลาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา โดยคณะอนุกรรมการไต่สวนได้ส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว ซึ่งนายสุเทพได้ประสานมาแล้วมาจะชี้แจงในช่วงปลายเดือนนี้ โดยในครั้งนี้เป็นการแจ้งข้อกล่าวหาเพียงนายสุเทพคนเดียว ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวหาคนอื่นนั้นยังไม่มีการสอบขยายผล


"ยิ่งลักษณ์"ร่วมเบิร์ดเดย์เจ๊แดง ยัน 19 พ.ค.นี้ไปศาลเองแน่นอน!

เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่หมู่บ้านเบฟเวอร์รี่ฮีล แจ้งวัฒนะ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการอวยพรวันคล้ายวันเกิดครอบรอบ 60 ปี ของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) มีแกนนำพรรคพท.เดินทางมาอวยพรอย่างคับคั่ง

ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา เวลา 09.30 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาอวยพรนางเยาวภา พร้อมร่วมปล่อยนกกระจาบทอง และนกกระจาบน้ำตาล จำนวน 1,500 ตัว

จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่า จะเดินทางไปตามนัดสอบคำกับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ด้วยตนเอง และพร้อมที่จะชี้แจงตามกระบวนการยุติธรรม กรณีที่อนุกรรการไต่สวนป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีเยียวผู้ชุมนุมปี 2548-53 ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน ตนยังไม่ขอพูดถึงรายละเอียตในเวลานี้เพราะวันนี้เป็นวันมงคล


ผบ.ทบ.ชี้สถานการณ์ยะลา คุมได้/ไม่ประกาศเคอร์ฟิวส์

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดหลายจุดในพื้นที่ จ.ยะลา ว่า เหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ จ.ยะลา เป็นลักษณะของการก่อกวนและสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่ แต่ชนิดของระเบิดเป็นลักษณะพกพา ไม่ทำให้ถึงแก่ชีวิต และได้สั่งการให้ ผบ.ฉก.ยะลา ควบคุมสถานการณ์และสั่งเข้มจุดตรวจ จุดสกัดเพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมาทำพื้นที่อื่น ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด

พล.อ.อุดมเดช กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้มอบให้กำลังทั้ง 3 ฝ่ายในพื้นที่ออกมาแสดงกำลังเพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ให้เกิดความเรียบร้อย ทั้งนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้กฎหมายพิเศษเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่เนื่องจากกฎหมายที่มีอยู่ สามารถปฏิบัติงานได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องประกาศใช้มาตรการอื่น ๆ โดยเฉพาะการประกาศเคอร์ฟิวส์ในพื้นที่ และขณะนี้เองก็ยังไม่ได้มีการสั่งห้ามให้ประชาชนออกนอกพื้นที่แต่อย่างใด เพียงแต่ให้ใช้ความระมัดระวังหากมีความจำเป็นที่จะต้องออกนอกเคหะสถาน เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจกำลังดูแลสถานการณ์อย่างเข้มงวด แต่เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถแยกแยะระหว่างคนร้ายกับประชาชนในพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้เบื้องต้นได้รับงานรายงานการก่อเหตุรวมทั้งหมด 14 จุด และมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวน 12 คน ซึ่งขณะนี้ได้รายงานสถานการณ์ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรียบร้อยแล้ว ด้าน พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า เบื้องต้น พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และรอง ผอ.รมน.ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และสั่งการให้ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 เข้าดูแลควบคุมสถานการณ์ ซึ่งในพื้นที่ได้มีการใช้กฎหมายพิเศษอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ประกาศมาตรการอื่นๆ เช่น การเคอร์ฟิวส์เพิ่มเติม เพราะจากการตรวจสอบพบว่าระเบิดส่วนใหญ่เป็นเพียงระเบิดขนาดเล็กหรือไปป์บอมบ์ ทั้งนี้จากรายงานทราบว่าไม่มีผู้เสียชีวิต แต่มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 12 คน ซึ่งทั้งหมดได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว

พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นระเบิดก่อกวนลูกเล็กๆ ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นทางเราจะต้องประเมินสถานการณ์อีกที แต่ว่า2 วันที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีตามหมายจับ ป.วิอาญา เป็นระดับปฏิบัติการ โดยสามารถจับกุมมาไดั 2-3ครั้ง และเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ก็มีการปะทะกันกัน1 ครั้ง โดยย้ำว่าเราบังคับใช้กฎหมายตามปกติ ไม่ได้มีการวิสามัญฆาตกรรมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ผู้ก่อเหตุต้องการสร้างสัญลักษณ์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อกลุ่มกันเอง ประกอบกับข้อน่าสังเกตที่ตนอยากให้สื่อมวลชนช่วยอธิบาย คือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นพี่น้องชาวมุสลิมทั้งหมด โดยเฉพาะย่านตลาดเก่าที่ส่วนใหญ่มีประชาชนชาวมุสลิมอาศัยอยู่ทั้งหมด ในขณะเดียวกันเหตุการณ์ครั้งนี้บ้านเรือนประชาชนไม่ได้รับความเสียหาย แต่มีคนถูกสะเก็ดระเบิดที่บาดเจ็บเล็กน้อยประมาณ 12 คนเท่านั้น.

คุณตา"เรียนๆหยุดๆนาน 75 ปี"จนจบ ป.ตรีที่อายุ94 !!

เคยได้ยินหลายคนบอกว่า "ไม่มีใครแก่เกินเรียน" มาเจอเรื่องนี้เข้า บอกเลยว่า เป็นการพิสูจน์คำพูดนี้ได้จริงๆ

เป็นเรื่องของ คุณตาแอนโธนี บรัตโต ชายชราวัย 94 ที่เพิ่งจะเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเวสต์เวอร์จิเนีย รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทางมหาวิทยาลัยแจ้งว่า คุณตาบรัตโตใช้เวลาในการเรียนๆ หยุดๆ มานานถึง 75 ปี ที่สุดแล้วก็สามารถจบปริญญาตรี สาขาศิลปศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยไปในที่สุด

คุณตาบรัตโตสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปี พ.ศ.2482 สมัยที่ค่าเล่าเรียนยังอยู่แค่ 50 ดอลลาร์ หรือราว 1,650 บาทเท่านั้น ก่อนที่จะพักการเรียนในปี 2485 เนื่องจากต้องรับราชการทหาร จนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 คุณตาบรัตโตถึงได้กลับเข้ามาสมัครเรียนอีกครั้ง 2489 แต่ก็เรียนไม่จบอีก เพราะคอยดูแลภรรยาที่ล้มป่วย แต่คุณตาบอกว่า เรื่องเรียนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิต จึงพากเพียรเรียนจนจบปริญญาตรีจนได้

คุณตาแอบตลกเบาๆ ว่า "ขอพักสักหน่อย ก่อนจะไปเรียนต่อปริญญาโท"