ข่าว
ศพ 'เอ๋-พัชรา' ไว้ที่สุสาน รอส่งกลับเมืองไทย 1 พ.ย.

ตำรวจให้รับศพ "เอ๋-พัชรา แวงวรรณ" อดีตนักร้องชื่อดังซึ่งผูกคอตาย จากสถาบันนิติเวชเมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปยังสุสานที่นครลอสแอนเจลิสแล้ว เพื่อรอการส่งกลับประเทศไทย วันที่ 1 พ.ย. และกำหนดถึงประเทศไทย ตอนดึกวันที่ 2 พ.ย. แต่ทางญาติและครูเพลงเกรงจะเกิดความยุ่งยาก จึงจัดขบวนไปรับศพช่วงเที่ยงวันที่ 3 พ.ย.นี้...

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. นางพัชรีวรรณ ไชยสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสุสานฮอลลีวูด ฟอร์เอเวอร์ นครลอสแอนเจลิส ได้ให้เจ้าหน้าที่นำรถแวนไปรับศพ น.ส.ผดุงศรี แวงวรรณ หรือ เอ๋-พัชรา แวงวรรณ อดีตนักร้องชื่อดังวงโอเวชั่นซึ่งผูกคอตาย จากสถาบันนิติเวชเมืองริเวอร์ไซด์ เมื่อตอนเที่ยงวันที่ 18 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงครึ่งไปถึงสุสานฮอลลีวูด ฟอร์เอเวอร์ ถนนซานตา มอนิก้า นครลอสแอนเจลิส เมื่อเวลา 14.30 น. ตรงกับเวลา 04.30 น. วันที่ 19 ต.ค. ตามเวลาในประเทศไทย

ขณะที่รถของสุสานนำศพเอ๋-พัชรา มาถึงบริเวณถนนทางเข้าสุสาน นางพัชรีวรรณ ไชยสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสุสาน ได้ทำพิธีจุดธูปบอกกล่าวเชิญวิญญาณของเอ๋-พัชรา เข้าสุสานฯ จากนั้นนายบรรณา วังวิวัฒน์ กงสุลประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส เป็นผู้ถือภาพถ่ายของเอ๋-พัชรา เดินนำหน้ารถขนศพเข้าสุสาน โดยมีนางพัชรีวรรณถือดอกไม้ และเจ้าหน้าที่ของสุสานถือกระถางธูป เดินนำพร้อมกัน จากนั้นนำศพเข้าไปเก็บในสุสานเพื่อบรรจุลงโลงศพไม้บุด้วยผ้านวมอย่างดี เพื่อรอการนำไปจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ที่วัดไทยนครลอสแอนเจลิส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิวัดไทยนครลอสแอนเจลิส และกลุ่มนักร้องชื่อดังในอดีตที่ไปใช้ชีิวิตอยู่ในนครลอสแอนเจลิส ได้ร่วมกันจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพให้แก่เอ๋-พัชรา เป็นเวลา 1 คืน ในวันที่ 28 ต.ค. จากนั้นทางสุสานจะนำศพเอ๋-พัชราบรรจุลงโลงเหล็ก เพื่อจัดส่งทางคาร์โก้กลับประเทศไทยบ่ายวันที่ 1 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น โดยเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ ทีจี 693 กำหนดถึงประเทศไทย วันที่ 2 พ.ย.เวลา 23.30 น.

ด้านการเตรียมการรับศพเอ๋-พัชรา นั้น นายวิเชียร อัศว์วิเศษศิวกุล ประธานกรรมการ บริษัิทนิธิทัศน์ เอโอเอ จำกัด เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งแล้วว่าศพของเอ๋-พัชรา มาถึงตอนดึกวันที่ 2 พ.ย. จึงได้ปรึกษากับญาติและนายนฤชา เพ่งผล ครูเพลงของเอ๋-พัชราว่า ควรจะไปรับในวันรุ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากกับทุกฝ่าย จึงได้กะเวลาหลังพระฉันเพล ประมาณเที่ยงวันที่ 3 พ.ย.โดยจะนิมนต์พระอาจารย์อ๊อด จากวัดสายไหม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี สถานที่จัดบำเพ็ญกุศลศพ เชิญศพจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังวัดสายไหม.

มะกันจับแม่ 'ดีเจมดดำ' ค่าประกัน 5แสนเหรียญ

ตำรวจอเมริกาจับแม่ “มดดำ” ดีเจและพิธีกรฝีปากกล้า เจ้าของ รายการ “แฉแต่เช้า” ข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ ในการได้ “กรีน-การ์ด” รวบพร้อมคนไทยอีก 3 คน หลังตำรวจปลอมตัวมาติดต่อขาย กรีนคาร์ดให้แล้วดัดหลังจับกุม “มดดำ” ช็อกร้องจ๊าก เชื่อแม่โดนหลอกและพร้อมช่วยเหลือประกันตัวแม่

มารดาดีเจรายการวิทยุชื่อดัง “มดดำ-คชาภา” ถูกตำรวจสหรัฐอเมริกาจับกุมข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 18 ต.ค. หนังสือพิมพ์สคริปป์ เทรชเชอร์ โคสต์ สื่อท้องถิ่นในรัฐฟลอริดาของสหรัฐอเมริกา รายงานข่าวเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ได้จับกุมชาวไทย 4 ราย เมื่อวันที่ 11 ต.ค. มีนางศรีลา หรือ “ซาราห์” ทิพย์ฝัน เจ้าของร้านอาหารไทยชื่อ “บางกอก” อยู่บนถนนสาย 14 เมืองเวโรบีช รัฐฟลอริดา อดีตภรรยาของนายสุชาติ ตันเจริญ และเป็นมารดาของดีเจคนดัง “มดดำ” หรือนายคชาภา ตันเจริญ พร้อมด้วยนายสถาพร พนมวัน ณ อยุธยา เจ้าของร้านขายไก่ทอด “กิฟฟอร์ด” ซึ่งสื่อสหรัฐฯรายงานว่าเป็นคนรักของนางศรีลา รวมถึงนายชาติชาย นครไพร เจ้าของร้านอาหารไทยชื่อ “เมลเบิร์น” ในรัฐฟลอริดา นางบุญทิ้ง นวมพาธร ญาติของนายชาติชาย ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกันละเมิดกฎหมาย หลังจากที่ทั้งหมดจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ รวมเป็นเงินประมาณ 313,000 ดอลลาร์ (ราว 9.39 ล้านบาท) เพื่อแลกกับการปลอมแปลงใบอนุญาตทำงานและอยู่อาศัยถาวรของชาวต่างชาติในสหรัฐฯ (กรีนคาร์ด)

ส่วนรายละเอียดการจับกุมที่ได้รับการเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ได้ใช้เวลาสืบสวนคดีของนางศรีลา เป็นเวลาเกือบ 1 ปี นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2554 หลังได้รับเบาะแสว่านางศรีลา เป็นผู้ต้องสงสัยละเมิดกฎหมายว่าด้วยการเข้าเมือง เนื่องจากพนักงานชาวไทยที่ร้านอาหารบางกอกไม่ได้เตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทยตามกำหนดสิ้นสุดระยะเวลา ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในสหรัฐฯ ทำให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของรัฐบาลสหรัฐฯ ปลอมตัวไปพบกับนางศรีลา ยื่นข้อเสนอเรื่องออกใบกรีนคาร์ดปลอมให้พนักงานชาวไทย นางศรีลายอมรับข้อตกลงและนัดพบกับเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบอีกหลายครั้ง ทั้งที่บ้านพักส่วนตัวของนางศรีลา ในย่านเซาท์-อินเดียนริเวอร์ และที่ร้านอาหารไทยในย่านฟอร์ทเพียร์ซ ที่นางศรีลาเคยเป็นเจ้าของ มีชื่อว่า “บางกอก” เช่นกัน ขณะที่พนักงานชาวไทยบางรายต้องกู้ยืมเงินจากนางศรีลามาจ่ายค่ากรีนคาร์ดด้วย

รายงานข่าวระบุด้วยว่า ผู้ถูกจับกุมชาวไทยทั้ง 4 คน ร่วมกันก่อเหตุผิดกฎหมายตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. 2554 จนถึงเดือน ต.ค. 2555 แต่ผู้ที่ตกเป็นจำเลยที่ 1 คือนางศรีลาซึ่งกระทำผิดตั้งแต่ยอมรับข้อตกลงว่าจะจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวน 20,000 ดอลลาร์ (ราว 600,000 บาท) ต่อกรีนคาร์ด 1 ใบ และในการนัดพบกันครั้งหนึ่งที่ร้านอาหารไทย นางศรีลาได้กำชับมิให้เจ้าหน้าที่นับเงินสดที่ได้รับต่อหน้าพนักงานชาวไทยอีกราว 28 คน ซึ่งมีส่วนร่วมในการซื้อใบกรีนคาร์ดปลอม เนื่องจากนางศรีลาคิดเงินค่านายหน้าเพิ่ม โดยไม่ได้แจ้งพนักงานชาวไทย ขณะที่การนัดพบกันอีกครั้งหนึ่ง นางศรีลาแนะนำให้เจ้าหน้าที่ไปพบกับเจ้าของร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ ที่ต้องการซื้อกรีนคาร์ดปลอมเช่นกัน แต่รายงานผลการสอบสวนเบื้องต้นที่เจ้าหน้าที่ยื่นต่อศาลในรัฐฟลอริดาไม่ได้ระบุชื่อร้านอาหารใดเพิ่มเติม

ทางด้าน มดดำ-คชาภา ตันเจริญ พิธีกรฝีปากกล้า เปิดใจว่า เพิ่งทราบเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ จากน้องชายเพราะเพิ่งเดินทางกลับมาจากพม่าไปถ่ายรายการของวู้ดดี้ อย่างที่รู้ๆ กันว่า ครอบครัวของมดดำ พ่อแม่แยกทางกันนานแล้ว ตนอยู่กับพ่อและปู่ย่ามาตั้งแต่อายุ 7 เดือน แต่ยังติดต่อกับแม่เพราะแม่ใช้ชีวิตอยู่อเมริกา ตั้งแต่ตนเกิด 30 กว่าปีแล้ว เรื่องนี้ตนพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง ไม่อยากจะเชื่อ ได้แต่เช็กข่าวจากอินเทอร์เน็ต ความรู้สึกช็อกไปเหมือนกัน ไม่รู้อะไรคือความจริงหรือแม่โดนหลอก เพราะล่าสุดเพิ่งเจอแม่เมื่อวันเกิดของตน เมื่อต้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ยังชวนแม่กลับมาอยู่เมืองไทยด้วยกัน แม่ก็รับปากว่าจะกลับไปอเมริกาครั้งนี้จะขายกิจการร้านอาหาร 3 แห่ง หลังจากนี้คงต้องขอปรึกษาพ่อ ว่าจะทำอย่างไรต่อไป หากจะต้องใช้เงินประกันตัวแม่ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือเต็มที่เพราะอย่างไรแม่ก็คือแม่ ยังบอกไม่ได้ว่าจะบินไปเยี่ยมหรือไม่ขอดูสถานการณ์ก่อน แต่ตอนนี้ให้น้องชายไปดูแลก่อน.

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางเมือง Fortpirce Mr.Frank Lynih เปิดเผยว่า ได้ตั้งค่าประกันตัวของผู้ต้องหา 3 คน คือ นางศรีลา ทิพย์ฝัน อายุ 59 ปี เป็นจำนวนเงิน 5 แสนดอลลาร์ นายชาติชาย นครไพร อายุ 47 ปี 3.5 แสนดอลลาร์ และนางบุญทิ้ง นามพาธร อายุ 49 ปี 2 แสนดอลลาร์ ทั้ง 3 คนนี้เป็นอเมริกัน ซิติเซ่น ส่วนนายสถาพร พนมวัน ณ อยุธยา อายุ 45 ปี ยังไม่ได้รับการตั้งค่าประกัน เพราะถือแค่กรีนคาร์ดเท่านั้น รายละเอียดหนังสือพิมพ์ไทยแอล.เอ. จะได้นำเสนอต่อไป

ทูตไทยยื่นมือช่วย 29คนไทย ติดสินบนอิมมิเกรชั่นสหรัฐฯ

เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้รับแจ้งเรื่องการจับกุมชาวไทยแล้ว สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมทั้ง 29 คน ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำเซนต์ลูซี เคาน์ตี รัฐฟลอริดา...

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐอเมริกา ได้จับกุมนางศรีลา ทิพย์ฝัน เจ้าของร้านอาหารไทยชื่อ “บางกอก” อยู่บนถนนสาย 14 เมืองเวโรบีช รัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของนายสุชาติ ตันเจริญ และเป็นมารดาของนายคชาภา ตันเจริญ หรือดีเจคนดัง “มดดำ” พร้อมด้วยนายสถาพร พนมวัน ณ อยุธยา เจ้าของร้านขายไก่ทอดชื่อ “กิฟฟอร์ด” คนสนิทของนางศรีลา นายชาติชาย นครไพร เจ้าของร้านอาหารไทยชื่อ “เมลเบิร์น” และนายบุญทิ้ง นามพาธร ญาติของนายสุชาติ ในข้อหาร่วมกันละเมิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 11 ต.ค.หลังจากที่ทั้งหมดได้จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ รวมเป็นเงิน 313,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 9.39 ล้านบาท) เพื่อแลกกับการปลอมแปลงใบอนุญาตทำงานและใบอนุญาตอยู่อาศัยถาวรของชาวต่างชาติในสหรัฐฯ (กรีนคาร์ด) โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบสวนคดีเป็นเวลาเกือบ 1 ปี ตั้งแต่เดือน พ.ย.2554 สำหรับนางศรีลา ตกเป็นจำเลยที่ 1 ข้อหากระทำผิดตั้งแต่ยอมรับข้อตกลงว่าจะจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 600,000 บาท) ต่อกรีนคาร์ด 1 ใบ และยังมีพนักงานชาวไทยที่มีส่วนร่วมในการซื้อกรีนคาร์ดปลอมถูกจับกุมอีก 25 คนนั้น

ความคืบหน้าคดีนี้ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา รายงานมาเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ว่า นายชัยยงค์ สัจจิพานนท์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้รับแจ้งเรื่องการจับกุมชาวไทยแล้ว โดยหน่วยสอบสวนความมั่นคงมาตุภูมิ สังกัดสำนักงานเจ้าหน้าที่มอบหมายพิเศษ เอฟบีไอ ประจำเมืองฟอร์ด เพียร์ซ รัฐฟลอริดา เป็นผู้จับกุมพนักงานร้านอาหารชาวไทย จำนวน 25 คน นอกเหนือจากนางศรีลา ทิพย์ฝัน มารดาของดีเจมดดำ กับพวกรวม 4 คน สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมทั้ง 29 คน ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำเซนต์ลูซี เคาน์ตี รัฐฟลอริดา

นายชัยยงค์เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ทางสถานทูตได้ประสานกับทางเรือนจำเซนต์ลูซี เคาน์ตี ขอพูดผ่านโทรศัพท์แบบคอนเฟอร์เรนซ์กับคนไทยทั้ง 25 คนที่ถูกจับกุมเพื่อสอบถามสภาพที่เป็นอยู่ ส่วนใหญ่บอกว่ายังมีสภาพจิตที่ดี แต่มีเรื่องที่กังวล 3 เรื่องได้แก่ 1.มีความกังวลเกี่ยวกับการถูกกักขัง 2.เป็นห่วงญาติพี่น้องว่าจะมีความกังวลเนื่องจากติดต่อไม่ได้ และ 3.ห่วงทรัพย์สินส่วนตัวที่ถูกเจ้าหน้าที่ยึดไว้และทรัพย์สินที่มีอยู่ในสหรัฐฯ ทางสถานทูตจึงแสดงความจำนงจะช่วยเหลือผู้ต้องขังทั้งหมดเท่าที่จะสามารถกระทำได้ พร้อมกันนั้นได้ให้หมายเลขโทรศัพท์สายตรงของฝ่ายกงสุล เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถโทรศัพท์ถึงสถานทูต ได้ เนื่องจากการติดต่อบุคคลภายนอกเรือนจำ ผู้รับสายต้องเสียเงินปลายทาง เพื่อจะได้ลดความกังวล และสามารถแจ้งขอรับความช่วยเหลือจากสถานทูต ในเรื่องต่างๆได้

นายชัยยงค์เปิดเผยอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลสหรัฐฯ การดำเนินการต่างๆจึงต้องใช้ความระมัดระวัง และวันที่ 23 ตุลาคมนี้ จะให้เจ้าหน้าที่สถานทูตเดินทางไปเยี่ยมคนไทยที่ถูกจับกุมทั้งหมดและจะได้ไปพบเพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่เรือนจำ จะได้ทราบแนวทางการช่วยเหลือและดำเนินการในขั้นตอนต่างๆต่อไป