ข่าว
‘ฮุน เซน’ขู่ใช้ทหารปราบม็อบ หากป่วนเลือกตั้ง ย้ำซีพีพีต้องเป็นรัฐบาล!

สมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาขู่ฝ่ายต่อต้านเมื่อวันพุธ (10 พ.ค.) ว่า เขาไม่ลังเลที่จะใช้ทหารในการปราบม็อบผู้ประท้วง หากทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น เป็นการขู่เตือนที่จะทำให้บรรยากาศทั่วไปในประเทศยิ่งตึงเครียดมากขึ้นในห้วงเวลาที่กัมพูชากำลังจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือนมิถุนายนนี้

เป็นการกล่าวเตือนขณะสมเด็จฯฮุน เซน กล่าวกับอดีตนายทหารที่มารวมตัวในวันเดียวกัน โดยอ้างถึงเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงของฝ่ายค้านในการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2556 ที่นำไปสู่ความรุนแรง โดยกลุ่มผู้ประท้วงได้ทำลายรถตำรวจจนได้รับความเสียหายอย่างน้อย 2 คัน ในการออกมาประท้วงว่ามีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้น

“จำไว้ว่า (การเลือกตั้ง) ในปี 2560 และในปี 2561 หากกลุ่มของพวกคุณยังกระทำเช่นนั้นอีก กองทัพจะเข้าปราบปรามในทันที หากสงครามจะเกิด ก็ปล่อยให้เป็นไป” สมเด็จฯฮุน เซน กล่าว และว่า “ผมยังยืนยันว่าสงครามจะเกิดขึ้นแน่ หากพรรคประชาชนกัมพูชา (ซีพีพี) ไม่ได้อยู่ในอำนาจ” สมเด็จฯฮุน เซน กล่าวถึงการกุมอำนาจบริหารประเทศของพรรคตนเองที่เขายึดกุมไว้ในมือมานานถึง 32 ปีแล้ว และพยายามจะยื้อเอาไว้ต่อไปในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมีขึ้นในเดือนมิถุนายนปีนี้และการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า

กรมการปกครอง โร่แจงไม่นิ่งปมทุจริตตำบลละ 5 ล้าน เด้งแล้วนายอำเภอตั้งแต่ เม.ย.

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ร.ต.ท.อาทิตย์ บุญญะโสภัต อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับการทุจริตโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ 5 ล้านบาท) ในพื้นที่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ นั้น กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งข้อมูลให้กรมการปกครองได้รับทราบข้อมูลการส่อทุจริตมาตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.60 กรมการปกครองจึงได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการกรมการปกครองลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับได้มีคำสั่งย้ายนายจรัส ศรีมูล นายอำเภอหนองไผ่ มาช่วยราชการที่กรมการปกครอง ตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งจังหวัดเพชรบูรณ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อเท็จจริง เพื่อสรุปผลรายงานกรมการปกครองและกระทรวงมหาดไทย หากพบว่ามีการทุจริตก็จะได้ดำเนินการทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป

ร.ต.ท.อาทิตย์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ เป็นเรื่องที่ดีและขอขอบคุณ ป.ป.ท.ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระ ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบการทุจริตไปช่วยกันและกรมการปกครองจะได้นำผลการตรวจสอบของ ป.ป.ท.มาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้ให้ความร่วมมือและขอให้ ป.ป.ช. ป.ป.ท. และ สตง. ลงไปร่วมตรวจสอบการดำเนินโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลได้มอบหมายให้กรมการปกครองเป็นหน่วยดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มดำเนินโครงการ กรมการปกครองขอเรียนว่าได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างสูงและได้มีมาตรการป้องกันและปราบปรามมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชน องค์กรต่างๆ ช่วยกันสอดส่องดูแลหากพบหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตของหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมการปกครองขอให้ช่วยแจ้ง จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อไป


“บิ๊กตู่” ชม จนท.ตามคดีบึ้มบิ๊กซีรวดเร็ว ขอ ปชช.-สื่อไม่เผยแพร่คลิประเบิด หวั่นกระทบรูปคดี

เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภายหลังจากเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณห้างบิ๊กซี สาขาปัตตานี เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมาล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.ปัตตานีได้เร่งติดตามตัวคนร้าย โดยแกะรอยจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ รวมทั้งบริเวณจุดตรวจหน้าห้างบิ๊กซี ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่สามารถรวบรวมข้อมูลหลักฐานที่เป็นประโยชน์ในการสืบหาตัวคนร้ายได้คืบหน้ามากพอสมควร จึงฝากชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกฯได้ขอความร่วมมือไปยังประชาชนและสื่อมวลชนไม่เผยแพร่หรือส่งต่อภาพและคลิปเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าวผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์ เพราะนอกจากจะเป็นการตอกย้ำความรุนแรงที่เกิดขึ้นและเข้าทางของผู้ก่อเหตุแล้ว ยังอาจส่งผลต่อรูปคดี เช่น ทำให้คนร้ายไหวตัว และยังกระทบต่อความรู้สึกและบั่นทอนกำลังใจของประชาชนและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ รวมทั้งความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย


ผู้ประท้วงเวเนฯ พัฒนา’ปูปูตอฟ’ใช้’อุจจาระ’ โจมตีใส่ตำรวจ หวังสู้แก๊สน้ำตา

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเวเนซุเอลา เตรียมพร้อมอาวุธชนิดใหม่ที่จะใช้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยการเตรียม “อุจจาระ” หรือที่กลุ่มผู้ประท้วงตั้งชื่อว่า “ปูปูตอฟ” ใช้โยนใส่เจ้าหน้าที่ นอกเหนือไปจากก้อนหิน ระเบิดขวด

การประท้วงต่อต้านประธานาธิบดีนิโกลัส มาดูโร ที่กินเวลานานเป็นสัปดาห์ที่ 6 แล้ว เกิดขึ้นจากปัญหาเงินเฟ้อที่มากเกินหลักร้อยเปอร์เซ็นต์ สินค้าพื้นฐานที่จำเป็นขาดแคลน รวมไปถึงอาหารด้วย

วิธีการต่อสู้แบบใหม่ที่เรียกว่า ปูปูตอฟ หรือล้อคำมาจากคำว่า “โมโลตอฟ” หรือระเบิดขวด ที่ผู้ประท้วงมักจะใช้ในการประท้วงอยู่เสมอ เป็นอุจจาระที่จะถูกตักใส่ไว้ในถ้วยพลาสติกมีฝาปิด โดยกลุ่มผู้ประท้วงโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียด้วยภาพ พร้อมข้อความ “พวกเขามีแก๊ส เรามีอุจจาระ” เพื่อโปรโมตกิจกรรม “ชิตมาร์ช” ที่จะมีขึ้นในวันเดียวกัน

ทั้งนี้มีกลุ่มผู้สนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อุจจาระทั้งของคนและสัตว์มาเป็นอาวุธ เหตุเพราะความไม่สะอาดและอาจเป็นการแพร่เชื้อที่ส่งผลให้เกิดโรคติดเชื้อได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ยาและเวชภัณฑ์ในประเทศมีความขาดแคลนอย่างหนัก


ทรัมป์ปลดฟ้าผ่า “เจมส์ โคมี” ผอ.เอฟบีไอ ชี้ช่วยองค์กรเริ่มต้นศักราชใหม่

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ มีคำสั่งปลดนายเจมส์ โคมี ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐหรือเอฟบีไอแล้ว เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ตามเวลาในสหรัฐ โดยระบุว่าคำสั่งปลดโคมีเป็นไปตามคำแนะนำที่รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยยุติธรรมของสหรัฐได้เสนอมา

ทรัมป์ระบุในแถลงการณ์ว่า เอฟบีไอเป็นหนึ่งในสถาบันแห่งชาติที่ชาวอเมริกันให้ความเคารพรักอย่างที่สุด และวันนี้จะเป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ขององค์กรซึ่งเป็นดั่งเพชรยอดมงกุฎของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐ

ด้านนายฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาวเผยว่า โคมีได้รับแจ้งให้ทราบถึงคำสั่งปลดดังกล่าวซึ่งมีผลในทันทีแล้ว และโคมียอมรับในคำแนะนำของรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยยุติธรรมที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าให้ไล่เขาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการเอฟบีไอ ขณะที่ทำเนียบขาวได้เริ่มต้นกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการเอฟบีไอคนใหม่ในทันทีแล้วเช่นกัน

โคมีได้รับแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้เป็นผู้อำนวยการเอฟบีไอเมื่อปี 2556 โดยเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อกรณีที่มีการแถลงข่าวเกี่ยวกับการที่เอฟบีไอเปิดสอบสวนนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐรอบใหม่ ก่อนหน้าที่จะถึงวันลงคะแนนเสียงเพียงไม่กี่วัน ซึ่งกลายเป็นประเด็นให้ทีมหาเสียงของทรัมป์นำไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีคู่แข่งขัน ขณะที่ทั้งฮิลลารีและบิล คลินตัน ผู้เป็นสามีต่างออกมากล่าวโทษโคมีว่าเป็นสาเหตุให้ฮิลลารีพ่ายแพ้การเลือกตั้งดังกล่าว


ชนะถล่มทลาย “มุน แจ อิน” นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่

ผลเอ็กซิทโพลหลังปิดหน่วยเลือกตั้งในเกาหลีใต้ชี้ว่านายมุน แจ อิน จากพรรคประชาธิปไตยเกาหลี อดีตทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และอดีตคู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ของน.ส.ปาร์ค กึน เฮ เมื่อปี 2555 คว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยคะแนนถึง 41.4 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วยนายฮง จุน พโย ผู้สมัครจากพรรคเสรีภาพเกาหลี ที่ได้ไป 23.3 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่นายอัน ซอล ซู อดีตเจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี อยู่ในลำดับสามที่ 21.8 เปอร์เซ็นต์

นายมุนเป็นผู้มีแนวคิดสายกลางประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายต่อเกาหลีเหนือโดยเน้นการเจรจาควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการคว่ำบาตร การก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายมุนถูกมองว่าจะส่งผลกระทบต่อท่าทีและความสัมพันธ์ของเกาหลีเหนือต่อสหรัฐ

มุนระบุว่าเขาจะเป็นผู้ขับเคลื่อนประเทศออกจากยุคสมัยของข่าวอื้อฉาวของน.ส.ปาร์ค โดยกล่าวระหว่างไปลงคะแนนเสียงว่าไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเขาและพรรคของเขา แต่เชื่อว่าประชาชนเกาหลีใต้ก็ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลอย่างมากด้วยเช่นกัน

แม้คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ออกมาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์เพราะประชาชนถูกกระตุ้นด้วยความโกรธเคืองต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นและการใช้อำนาจในทางมิชอบของรัฐบาล และยิ่งซ้ำเติมด้วยความสิ้นหวังในเรื่องงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำ แต่ก่อนที่หน่วยเลือกตั้งจะปิดทำการ 1 ชั่วโมง ยอดผู้ออกมาใช้สิทธิอยู่ที่ 75.1 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งน้อยกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 5 ปีก่อน


ไม่พึ่งสารถี! สื่อฮือฮาควีนอังกฤษทรงขับรถเอง

หนังสือพิมพ์เดอะ เทเลกราฟ รายงานว่า ในขณะที่เจ้าชายฟิลิป พระชนมพรรษา 95 พรรษา ดยุคแห่งเอดินบะระและพระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ทรงประกาศยุติการปฏิบัติพระราชกรณียกิจใดๆทั้งปวงไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เมื่อวันอาทิตย์(7 พ.ค.) ที่ผ่านมา ก็ได้มีผู้พบเห็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระชนมพรรษา 91 พรรษา ทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง เป็นรถสปอร์ตวากอน ยี่ห้อจากัวร์ เอ็กซ์-ไทป์ ด้วยพระองค์เอง โดยทรงขับออกจากโบสถ์รอยัล แชปเปิล ออฟ ออลเซนต์ส เพื่อเสด็จกลับไปยังพระตำหนักที่ประทับ หลังจากทรงเสร็จสิ้นการประกอบพิธีมิสซาที่โบสถ์ในช่วงเช้าวันดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่อารักขาส่วนพระองค์ตามเสด็จด้วยโดยนั่งอยู่ที่นั่งด้านหลัง

‘เครื่องบินอวกาศลึกลับ’ ของกองทัพอากาศสหรัฐลงจอดแล้ว หลังโคจรรอบโลกเกือบ 2 ปี

ซีเอ็นเอ็นรานงานว่า เอ็กซ์-37บี เครื่องบินอวกาศไร้คนขับของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ประสบความสำเร็จในการลงจอดอย่างสวยงามที่สถานีอวกาศเคนเนดี ขององค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐ (นาซา) ในรัฐฟลอริดา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่นทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐ

เครื่องบินอวกาศส่งคลื่นเสียงโซนิกบูมดังสั่นสะเทือนไปทั่วทางชายฝั่งตะวันออกถึงตอนกลางของรัฐฟลอริดาในขณะลงจอดก่อนหน้าเวลา 08.00 น.ปลุกให้ผู้คนจำนวนมากตื่นจากการนอนหลับยาวในช่วงสุดสัปดาห์

เครื่องบิน เอ็กซ์-37บี ซึ่งดูเหมือนเป็นเครื่องบินเล็ก สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการลงจอดเป็นครั้งแรกในรัฐฟลอริดา แทนที่จะเป็นรัฐแคลิฟอร์เนีย นอกจากนี้ยังสร้างสถิติใช้เวลาอยู่ในวงโคจรยาวนานที่สุดที่ 718 วัน หรือเกือบ 2 ปีด้วย

พลจัตวาเวย์น มอนทีธ ผู้รับผิดชอบภารกิจดังกล่าวระบุว่า “ทีมของเราเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์นี้มาเป็นเวลาหลายปี และผมมีความภูมิใจมากที่ได้เห็นพวกเราอุทิศตนทำงานหนักจนได้ผลลัพธ์เป็นการลงจอดอย่างปลอดภัยและประสบความสำเร็จของเอ็กซ์-37บี”

ข่าวระบุว่ายังคงมีคำถามเรื่องความลึกลับที่แวดล้อมเรื่องนี้มาเป็นเวลานานว่า เครื่องบินไร้คนขับไปทำอะไรนานขนาดนั้นในอวกาศ

กองทัพอากาศยืนยันมาโดยตลอดว่า เครื่องบินดังกล่าวที่นำกลับมาใช้ใหม่ ได้ทำภารกิจลดความเสี่ยงและทดลองแนวทางพัฒนาการปฏิบัติการสำหรับเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้กับยานอวกาศที่นำกลับมาใช้ใหม่

อย่างไรก็ตาม มีการคาดเดาว่า อาจมีการใช้เครื่องบินลำดังกล่าวในวัตถุประสงค์อื่นๆ ด้วย ซึ่งรวมถึงการสอดแนมหรือการทดสอบอาวุธลับในอวกาศ