ข่าว
‘เศรษฐา’ สั่นระฆังเปิดทำการซื้อ-ขายหุ้นประจำวันในตลาดหุ้นนิวยอร์ก

“เศรษฐา” สั่นระฆังเพื่อเปิดทำการซื้อขายหุ้นประจำวันที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ยืนยันประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักลงทุนจากต่างประเทศ ช่วงเช้าวันที่ 22 ก.ย. 66 ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศสหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เดินทางมายังตลาดหุ้นนิวยอร์ก (New York Stock Exchange : NYSE) ก่อนจะเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) เพื่อพบปะหารือกับนายจอห์น ทัตเทิล รองประธานกรรมการตลาดหุ้นนิวยอร์ก ถึงทิศทางการพัฒนาตลาดทุนไทย จากนั้นในเวลา 09.29 น. นายเศรษฐาและนายจอห์นได้ร่วมกันสั่นระฆัง เพื่อเปิดทำการซื้อขายหุ้นประจำวันที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก

ทั้งนี้นายเศรษฐาได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า นาทีที่สั่นระฆังเพื่อเปิดทำการซื้อขายหุ้นประจำวันที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กวันนี้ ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะต้อนรับนักลงทุนจากต่างประเทศครับ

I rang the NYSE opening bell this morning, proud and loud. Thailand is open and ready to welcome foreign investors. We will make it worth your while....

“เศรษฐา” พบคนไทยในนิวยอร์ก ยันรัฐบาลเยียวยาจิตใจคนเห็นต่าง-แก้ขัดแย้งควบคู่ปัญหาปากท้อง

ทั้งนี้เมื่อเวลา 17.10 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) วันที่ 21 ก.ย.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้กล่าวตอนหนึ่งระหว่างพบกับชุมชนไทย ว่า กว่าจะเป็นรัฐบาล มีปัญหา และ อุปสรรคระหว่างทางเยอะ เพราะการที่ทั้ง 11 พรรคการเมืองมาเป็นรัฐบาล ไม่ได้หมายความว่าทุกคนเห็นด้วย หรือ เห็นชอบ แต่ยืนยันว่า เรามาอย่างถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย หลายอย่างที่พูดไปไม่สามารถทำได้ เพราะคณิตศาสตร์พื้นฐาน แต่รัฐบาลนี้มาจากประชาชน ก็จะทำงานเพื่อประชาชนอย่างสุดความสามารถ

“ปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทย รัฐบาลนี้จะเยียวยาจิตใจ ของคนเห็นต่าง ในความคิด ความเชื่อให้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ต้องใช้ถ้อยคำ ที่ดูถูกเหยียดหยาม ข่มขู่ทำร้ายซึ่งกันและกัน และปัญหาเรื่องเศรษฐกิจแก้ได้ แต่ไม่อยากจะบอกว่าแก้ง่ายกว่า แต่แก้ได้ เรามั่นใจในรัฐบาลนี้ และศักยภาพของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกประเทศ แต่เรื่องของความเห็นต่าง ทางด้านความคิด ความเคารพในสิทธิ ซึ่งกันและกัน แต่ยังต้องใช้เวลา” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้มาขายนโยบายรัฐบาล แต่จำเป็นต้องพูด ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นโยบายหลักของเรา จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องโควิด-19 และเศรษฐกิจอื่นๆ มีการใช้นโยบายประชานิยม เอาเงินใส่กระเป๋าให้ประชาชน แต่เป็นจำนวนที่น้อยและไม่มีหลักเกณฑ์ที่ควรจะเป็น แต่ดิจิทัลวอลเล็ตมีการจำกัดระยะทางตามบัตรประชาชน และมีระยะเวลา 6 เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่การใช้สินค้าเป็นเรื่องสำคัญ จะซื้อสินค้าอบายมุขและซื้อออนไลน์ไม่ได้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีขั้นมีตอน ซึ่งจะดำเนินการโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ อะไรที่ทำได้ตามกรอบของกฏหมายเรายินดีพูดคุย ดังนั้นจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะของรัฐบาลนี้

นายเศรษฐา กล่าวยังกล่าวถึงเรื่องเฟคนิวส์ทีมีคนแต่งเรื่องขึ้นมาว่าคนจีนเข้ามาประเทศไทยแล้วจะถูกวางยาสลบเพื่อตัดไตไปขายนั้น ได้พูดคุยกับ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทยแล้ว ยืนยันว่าเป็นเพียงเฟคนิวส์ และทางฝ่ายความมั่นคง ก็ดูแลเรื่องนี้อย่างดี นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า ในการเดินทางมาประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA78) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ มากันเป็นทีม มีนักธุรกิจใหญ่ของประเทศมาด้วยเพื่อจะมาเชื้อเชิญ ให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนในไทย เพราะจีดีพีของประเทศจะเติบโต 5-7% ไม่ได้ ถ้าไม่มีการลงทุน ดังนั้น จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะของรัฐบาลนี้ ในการเพิ่มการลงทุน โดยต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทย

“ดีใจที่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ได้มาพูดคุยกับพี่น้องที่นิวยอร์ก เป็นประเทศแรกหลังได้รับตำแหน่งนายกฯ ซึ่งหลังจากนี้ยินดีรับฟังหากมีข้อเสนอแนะอะไร” นายเศรษฐา กล่าว

ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thaigov.go.th/gallery/contents/details/11202

นายกรัฐมนตรีพบผู้นําชุมชนไทย

นายกรัฐมนตรีพบผู้นําชุมชนไทย เมื่อวันที่ 21 กย. 2023 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง...ในโอกาสเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติ และถือโอกาสพบผู้นําชุมชนไทยที่นิวยอร์ก ที่โรงแรม St.Regis Hotel โดยท่านฑูตธานี แสงรัตน์ ให้ความกรุณาเชิญสมาคมนวดไทยสปาฯ เข้าร่วมนายกเจริญพร แฮกเกอร์พร้อมที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ คิด ฉัตรประภาชัย เข้าร่วมด้วย

(ภาพ:ข่าว: คิด ฉัตรประภาชัย)


นาซาลุ้น ยาน 'โอไซริส-เร็กซ์' ใกล้ถึงโลก พร้อมหินจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู

นาซาใจจดใจจ่อ ยานโอไซริส-เร็กซ์ พร้อมตัวอย่างฝุ่นหินจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู ใกล้กลับสู่โลกสุดสัปดาห์นี้ หลังถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจสำคัญตั้งแต่ปี 2561

เมื่อ 22 ก.ย. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน บรรดานักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ (นาซา) กำลังใจจดใจจ่อด้วยความตื่นเต้น ยานโอไซริส-เร็กซ์ (Osiris-Rex) พร้อมด้วยตัวอย่างหินจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู ใกล้จะถึงแล้ว โดยมีกำหนดกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกในวันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน ที่จะถึงนี้ ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากนาซาได้ส่งยานโอไซริส-เร็กซ์ เดินทางไปยังดาวเคราะห์น้อยเบนนู ซึ่งอยู่ห่างไกลจากโลกนับ 330 ล้านกิโลเมตร ตั้งแต่ปี 2561 เพื่อปฏิบัติภารกิจเก็บตัวอย่างหินกลับมา

ตามรายงานระบุว่า ยาน หรือ แคปซูลโอไซริส-เร็กซ์ จะพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วกว่ากระสุนปืนไรเฟิลถึง 15 เท่า แต่ตัวยานมีโล่กันความร้อน และยานโอไซริส-เร็กซ์ จะลงสู่พื้นโลกด้วยร่มชูชีพอย่างนุ่มนวลที่ทะเลทรายทางตะวันตกของรัฐยูทาห์

ภาพวาดยานโอไซริส-เร็กซ์ ของนาซา ขณะเก็บตัวอย่างฝุ่นหินบนดาวเคราะห์น้อยเบนนู

ยานโอไซริส-เร็กซ์ กลับมาพร้อมกับของล้ำค่าทางดาราศาสตร์ ตัวอย่างหินหรือฝุ่นผงจากดาวเคราะห์น้อยเบนนู หนัก 250 กรัม เพื่อนักวิทยาศาสตร์ของนาซาจะได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างหินเหล่านี้ต่อไป และเชื่อว่าอาจช่วยไขปริศนาการกำเนิดชีวิตบนโลก

ดาวเคราะห์น้อยเบนนู ถือเป็นดาวเคราะห์น้อยอันตรายที่สุดต่อโลกดวงหนึ่ง มีโอกาสที่จะพุ่งชนโลกในอีกประมาณ 100 กว่าปีข้างหน้า

ศาสตราจารย์แดนเต้ ลอเรตต้า ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนหลักของภารกิจนี้ของนาซา กล่าวว่า เมื่อพวกเราได้ตัวอย่างหิน น้ำหนัก 250 กรัม ของดาวเคราะห์น้อยเบนนูแล้ว จะทำการศึกษาแร่ธาตุที่ยังคงอยู่ในตัวอย่างหินเหล่านี้ที่ก่อกำเนิดก่อนโลกของเรา ซึ่งบางทีตัวอย่างหินเหล่านี้อาจมีอยู่ ตั้งแต่ก่อนเกิดระบบสุริยะของเราเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ดาวเคราะห์น้อยเบนนู เป็นดาวเคราะห์น้อยอันตรายมากที่สุดดวงหนึ่งในระบบสุริยะ และมีโอกาส อยู่ที่ 1 ใน 2,700 ที่จะพุ่งชนโลกในวันที่ 25 ก.ย. ปี ค.ศ. 2135 หรือปี พ.ศ. 2678 หรือ 112 ปีข้างหน้า

ดาวเคราะห์น้อยเบนนู มีความกว้าง 500 เมตร หรือเท่ากับขนาดของสนามฟุตบอล 5 สนาม และมีน้ำหนัก 79,000 กิโลกรัม โดยนักวิทยาศาสตร์คาดว่าหากดาวเคราะห์น้อยเบนนูชนโลกจริงจะก่อให้เกิดพลังงานถึง 1,200 เมกะตัน หรือคิดเป็นพลังงานที่มากกว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่สหรัฐฯ ใช้ถล่มเมืองฮิโรชิมาในสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึง 80,000 เท่า.


ระทึก นาทีขีปนาวุธยูเครน ถล่มศูนย์บัญชาการทัพเรือรัสเซียที่ไครเมีย

รัสเซียโดนเอาคืน ขีปนาวุธจากยูเครนถูกยิงมาถล่มศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพเรือรัสเซียประจำแคว้นไครเมีย จนเกิดไฟไหม้ ควันดำทะมึนลอยสู่ท้องฟ้า

เมื่อ 22 ก.ย. 2566 สื่อต่างประเทศรายงานมีขีปนาวุธอย่างน้อยหนึ่งลูกถูกยิงมาโจมตีศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพเรือ ที่เมืองเซวาสโตโปล ในแคว้นไครเมีย ริมฝั่งทะเลดำ จนได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ไฟไหม้และควันดำพวยพุ่ง นับเป็นการโต้ตอบจากฝ่ายยูเครนที่พยายามส่งโดรน และโจมตีทางอากาศเป้าหมายของรัสเซียในแคว้นไครเมียอย่างต่อเนื่อง หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เปิดฉากส่งกองทหารรัสเซียทำสงครามยูเครนตั้งแต่ ก.พ. 2565

ตามรายงานข่าวระบุว่า ประชาชนใกล้ศูนย์บัญชาการใหญ่กองทัพเรือรัสเซีย ที่เมืองเซวาสโตโปล แคว้นไครเมีย เห็นนาทีที่ขีปนาวุธลูกหนึ่งถูกยิงมาโจมตีศูนย์บัญชาการกองทัพเรือแห่งนี้ โดยที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศไม่สามารถสกัดได้

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ทางการรัสเซียซึ่งเข้าปกครองแคว้นไครเมีย หลังผนวนกเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซียตั้งแต่ปี 2557 ได้เรียกร้องให้ประชาชนรีบเข้าที่หลบภัย ถ้าได้ยินเสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังขึ้น

กองทัพยูเครนกำลังใจมา ทำลาย 3 กองพลน้อยชั้นเยี่ยมของรัสเซีย ทางตะวันออกของประเทศ หลังยึดคืน 2 หมู่บ้านใกล้เมืองบักห์มุต จากรัสเซียมาได้สำเร็จ

เมื่อ 19 ก.ย. 2566 สงครามรัสเซีย-ยูเครนกำลังจะผ่านเข้าสู่เดือนที่ 19 พลเอก Oleksandr Syrskyi ผู้บัญชาการทหารบกของยูเครน เผยความคืบหน้าในปฏิบัติการโต้กลับยึดคืนพื้นที่ในยูเครนที่ถูกกองกำลังรัสเซียยึดครองไปได้ว่า กองทัพยูเครนสามารถทำลายกองพลน้อยชั้นเยี่ยมของรัสเซีย 3 แห่ง หลังเกิดการสู้รบกันอย่างหนักรอบเมืองบักห์มุต ทางภาคตะวันออกของรัสเซีย และกองทัพยูเครนสามารถยึดคืนหมู่บ้าน Klischiivka และ Andriivaka ใกล้เมืองบักห์มุตมาได้สำเร็จ

พลเอก Oleksandr Syrskyi ยังแถลงในวันนี้ (19 ก.ย.) ว่า การที่กองทัพยูเครนสามารถยึดคืนหมู่บ้าน Klischiivka และ Andriivaka ซึ่งตั้งอยู่บนเนินสูงใกล้เมืองบักห์มุตคืนมาได้จากรัสเซียนั้น ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ

‘การสู้รบบริเวณใกล้เมืองบักห์มุต 2-3 กองพลน้อยชั้นเยี่ยมที่สุดของฝ่ายศัตรูได้ถูกทำลาย’ พลเอก Oleksandr Syrskyi ออกแถลงการณ์ ขณะที่อัลจาซีราระบุว่ามีการตั้งคำถามกันว่ากองพลน้อยชั้นเยี่ยมของกองกำลังรัสเซียที่ถูกยูเครนทำลายนั้นเป็นกองพลน้อย Motor Rifle ที่ 72 กองพลน้อยจู่โจมทางอากาศที่ 31 และ 83 ใช่หรือไม่

ขณะที่ พลเอก Syrskyi ยังกล่าวว่า ความสำเร็จในการยึดคืนหมู่บ้าน มาได้จากรัสเซียนั้น ทำให้กองทัพยูเครนยังคงเดินหน้าทวงคืนพื้นที่ที่รัสเซียยึดไปได้ต่อไป ถึงแม้ว่ากองกำลังรัสเซียยังคงตอบโต้จากทุกทิศทาง เพื่อพยายามรักษาฐานที่มั่นของพวกตนไว้

ทั้งนี้ กองกำลังรัสเซียได้เข้ายึดเมืองบักห์มุต ทางภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากกลุ่มทหารรับจ้าง ‘วากเนอร์’ ได้เป็นแกนนำของฝ่ายรัสเซียในการบุกโจมตียึดเมืองบักห์มุตมาได้ หลังเกิดการปะทะกับกองทัพยูเครนอย่างหนัก จนถือเป็นสมรภูมิรบที่ต่อสู้กันยาวนานที่สุดและนองเลือดมากที่สุด นับตั้งแต่ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินเปิดฉากทำสงครามในยูเครนเมื่อ 24 ก.พ. 2565


เซเลนสกีเยือนทำเนียบขาว ไบเดนยังลั่นไม่ทิ้งยูเครน ช่วยอีก 325 ล้านดอลลาร์

ปธน.เซเลนสกีของยูเครน เยือนทำเนียบขาว เพื่อขอความสนับสนุนช่วยเหลือเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ ขณะที่รัฐบาลปธน.ไบเดน เตรียมมอบความช่วยเหลือใหม่แก่ยูเครนที่เผชิญสงครามจากรัสเซีย อีก 325 ล้านดอลลาร์

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน พร้อมด้วยภริยา นางโอเลนา เซเลนสกา เดินทางเยือนทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อหารือและขอการสนับสนุนด้านการทหารและอาวุธเพิ่มเติมแก่ยูเครน สำหรับการสู้รบในสงครามกับรัสเซีย ในขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีกำลังเผชิญกับบรรยากาศที่ยากลำบากมากขึ้นจากการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไบเดน

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมมอบความช่วยเหลือชุดใหม่มูลค่า 325 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครนที่เผชิญสงครามจากรัสเซีย และยืนยันถึงความแน่วแน่ในการให้ความช่วยเหลือยูเครน พร้อมย้ำว่าชาว อเมริกันและทั่วโลกยังยืนอยู่เคียงข้างยูเครนเสมอ

การเยือนทำเนียบขาวของนายเซเลนสกี ถือเป็นการเยือนทำเนียบขาวหนที่สองนับตั้งแต่รัสเซียเข้ารุกรานทำสงครามในยูเครน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2565 และเป็นครั้งที่ 6 ที่ผู้นำยูเครนและสหรัฐฯ ได้พบกัน

ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวก่อนการพบผู้นำสหรัฐฯ ว่าการเยือนทำเนียบขาวครั้งนี้มี “ความสำคัญอย่างมาก” ต่อยูเครน ซึ่งสอดคล้องไปกับคำแถลงของนายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของไบเดน ก่อนการหารือระหว่างสองผู้นำ ว่าสหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือยูเครนชุดใหม่มูลค่า 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมถึงการส่งระเบิดดาวกระจายไปให้ยูเครน การช่วยเหลือด้านอาวุธ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ และอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือยูเครนต้านทานการโจมตีจากรัสเซียในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง

จนถึงตอนนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือยูเครนทั้งด้านความมั่นคงและด้านมนุษยธรรมไปมากกว่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่รัสเซียทำสงครามยูเครนเมื่อปีก่อน

ระหว่างการพบกันวานนี้ นายไบเดนให้คำมั่นสัญญาว่าจะสนับสนุนยูเครนต่อไป ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากพรรครีพับลิกันที่เพิ่มมากขึ้น

“ชาวยูเครนได้แสดงความกล้าหาญมหาศาล ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับโลก” นายไบเดนกล่าวกับผู้นำยูเครน พร้อมเสริมว่า “ด้วยความเป็นพันธมิตรของทั้งสองชาติ พวกเราชาวอเมริกัน จะทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าโลกจะยืดหยัดเคียงข้างยูเครน”

นอกจากนี้ นายเซเลนสกียังได้เดินทางไปเยือนอาคารรัฐสภาสหรัฐ เพื่อพบปะกับนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต และนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำวุฒิสภาเสียงข้างน้อยจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งการพบกันครั้งนี้ ก็เพื่อหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมในการให้ความช่วยเหลือยูเครน หลังจากที่มีสมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวนมากเห็นว่าสหรัฐฯ ควรตัดเงินช่วยเหลือยูเครน

นายชูเมอร์ กล่าวว่า ผู้นำยูเครนได้บอกกับตนว่า ยูเครนอาจแพ้สงครามได้หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ นอกจากความช่วยเหลือมูลค่า 325 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่อนุมัติไปแล้ว รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน กำลังพยายามผลักดันความช่วยเหลือเพิ่มเติมอีก 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถูกคัดค้านจากพรรครีพับลิกัน

นอกจากการเยือนทำเนียบขาวแล้ว นายเซเลนสกียังได้เดินทางไปกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และวางดอกไม้ระลึกถึงเหตุการณ์ 911 ที่อนุสรณ์สถานในบริเวณอาคารเพนตากอน

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2566 นายเซเลนสกีได้ขึ้นพูดในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้ผู้นำทั่วโลกมีความสามัคคีเพื่อยุติการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน นอกจากนี้ เขายังย้ำถึงความอันตรายของรัสเซียที่มีต่อโลก และอ้างว่าความท้าทายอื่นๆ เช่น การรับมือการเปลี่ยนแปลง ของสภาพอากาศ สามารถทำได้อย่างเหมาะสมก็ต่อเมื่อรัสเซียถูกตอบโต้กลับไปแล้วเท่านั้น

ติดตามข่าวต่างประเทศได้ที่ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : Bloomberg, BBC, DailyMail


สนามบินปารีสยึดกะโหลกลิงเกือบ 400 กะโหลก เตรียมส่งออกไปสหรัฐฯ

ศุลกากรสนามบินปารีสยึดกะโหลกลิงเกือบ 400 กะโหลก ระหว่างเดือน พ.ค.-ธ.ค. ปีก่อน โดยกะโหลกส่วนใหญ่เตรียมส่งออกไปยังสหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เจ้าหน้าที่ศุลกากร สนามบินชาร์ล เดอ โกล กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส แถลงว่าพวกเขาได้ยึดกะโหลกลิงเกือบ 400 กะโหลก ระหว่างเดือน พ.ค.-ธ.ค. ปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ถูกส่งออกมาจากทวีปแอฟริกา เพื่อส่งไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา

ศุลกากรประจำสนามบินกรุงปารีส กล่าวว่า พวกเขาได้ยึดกะโหลกของลิงสายพันธุ์ที่อยู่ในความคุ้มครองทั้งสิ้น 392 กะโหลก ในระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม ปี 2565 นอกจากนี้ ศุลกากรยังตรวจพบพัสดุที่บรรจุกะโหลกและกระดูกของสัตว์ชนิดต่างๆ อีกหลายร้อยชิ้น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสัตว์ที่อยู่ในความคุ้มครอง และไม่ได้รับอนุญาตให้มีการซื้อ-ขาย

รายงานระบุอีกว่า กะโหลกที่ยึดมาได้ส่วนใหญ่เป็นกะโหลกศีรษะของลิงแสม ลิงบาบูน และลิงชิมแปนซี ซึ่งถูกส่งมาจากทวีปแอฟริกา และมีจุดหมายปลายทางส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยสันนิษฐานว่ากะโหลกศีรษะของลิงเหล่านี้จะถูกส่งไปยังกลุ่มนักสะสม และชมรมล่าสัตว์ในสหรัฐฯ ในฐานะเป็นรางวัลหรือของขวัญ

สำหรับธุรกิจค้าสัตว์ป่า และสัตว์คุ้มครอง ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ทำกำไรได้มหาศาล เป็นรองเพียง ธุรกิจยาเสพติด อาวุธ และการค้ามนุษย์เท่านั้น โดยธุรกิจค้าสัตว์ป่า และสัตว์คุ้มครอง สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยถึงปีละ 8,000 - 20,000 ล้านยูโร หรือราวๆ 3 - 7 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ ศุลกากรฝรั่งเศส กล่าวว่า กะโหลกลิงทั้งหมดที่ยึดมาได้ จะถูกส่งไปยังพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ เมืองเอ็กซองโพรวองซ์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เพื่อทำการศึกษาต่อไป

ฟิลิปปินส์ออกคำเตือนสุขภาพ หลัง ‘ภูเขาไฟตาอัล’ ปล่อยควันท่วมเมืองหลวง

22 กันยายน 2566: สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ภูเขาไฟตาอัล (Taal volcano) ซึ่งเป็นภูเขาไฟลูกเล็กแต่ยังคุกรุ่น ตั้งอยู่ห่างจากกรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ ไปทางตอนใต้ราว 50 กิโลเมตร ได้ปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์และหมอกควันออกมามากกว่าปกติเมื่อวันที่ 22 กันยายน ส่งผลให้ทางการต้องปิดโรงเรียนในหลายเมืองและออกประกาศเตือนให้ประชาชนหลายพันคนอยู่ในอาคาร

สถาบันด้านภูเขาไฟและแผ่นดินไหววิทยาของทางการฟิลิปปินส์ระบุว่า พวกเขาตรวจพบการลอยตัวขึ้นของของเหลวร้อนในทะเลสาบปล่องภูเขาไฟตาอัล ส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ขึ้นสู่อากาศมานานหลายสัปดาห์ ส่งหมอกควันลอยปกคลุมไปทั่วกรุงมะนิลาและจังหวัดใกล้เคียง

เจ้าหน้าที่ภัยพิบัติท้องถิ่นของฟิลิปปินส์คนหนึ่งกล่าวว่า มีเด็กนักเรียนอย่างน้อย 58 คนในจังหวัด บาตังกัสมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออกเมื่อวันที่ 21 กันยายน หลังภูเขาไฟตาอัลปล่อยก๊าซพิษออกมามากขึ้น ขณะที่โรงพยาบาลในจังหวัดได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดจากการปล่อยก๊าซพิษจากภูเขาไฟ

ด้านชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟดังกล่าวได้รับคำแนะนำให้อยู่ในอาคารและปิดประตูหน้าต่างเพื่อป้องกันตัวเองจากก๊าซพิษ แอเรียล วาเลนเซีย ผู้อำนวยการด้านสุขภาพในภูมิภาคกล่าวในแถลงการณ์ว่า ไม่ควรประมาทหมอกควันจากภูเขาไฟเพราะก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์สามารถทำอันตรายต่อมนุษย์

ในหลายพื้นที่ของเมือง ความหนาแน่นของฝุ่นละออง PM 2.5 ได้พุ่งขึ้นแตะระดับไม่ปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง ตามรายงานจากกรมสิ่งแวดล้อมฟิลิปปินส์ ขณะที่หน่วยงานด้านการบินของประเทศยังได้แนะนำให้นักบินหลีกเลี่ยงการบินเข้าใกล้ภูเขาไฟตาอัลอีกด้วย