17 ตุลาคม 2568 สำนักข่าว Yonhap News Agency ของเกาหลีใต้ รายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ ระบุว่า จะจัดส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนไปยังกัมพูชาเพื่อเข้าร่วมการชันสูตรพลิกศพ และหาข้อสรุปถึงสาเหตุและพฤติการณ์การเสียชีวิตของนักศึกษาคนดังกล่าว ว่าถูกกระทำทารุณกรรมและทรมานจนเสียชีวิตโดยฝีมือขององค์กรอาชญากรรมในกัมพูชาในสัปดาห์หน้า
เจ้าหน้าที่สองนายจากสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดคย็องบุก (Gyeongbuk) มีกำหนดเดินทางไปยังกัมพูชาเร็วสุดในช่วงสุดสัปดาห์นี้เพื่อเข้าร่วมสังเกตุการณ์กระบวนการชันสูตรพลิกศพและวางแผนที่จะตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิต วิธีการก่ออาชญากรรม และสภาพบาดแผลที่ปรากฎภายนอกอย่างละเอียด
นักศึกษาคนนี้ถูกพบเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ใกล้กับภูเขาโบโก จังหวัดกำปอด ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุการณ์หลอกลวงด้านการจ้างงานและการกักขังหน่วงเหนี่ยวชาวเกาหลีใต้และชาวต่างชาติอยู่บ่อยครั้ง
รายงานระบุว่าสถานกงสุลเกาหลีใต้ในกัมพูชาได้แจ้งให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตทราบเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า การชันสูตรพลิกศพน่าจะดำเนินการในวันที่ 20 หรือ 21 ตุลาคม
การชันสูตรจะนำโดยแพทย์นิติเวชจาก สำนักงานนิติวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Forensic Service) และผลการชันสูตรจะถูกแจ้งต่อหน่วยงานสืบสวนสอบสวนภายในประเทศผ่านกระบวนการแจ้งอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้น ร่างของนักศึกษาจะถูกฌาปนกิจและส่งกลับไปยังเกาหลีใต้ต่อไป
สื่อเกาหลีคุ้ยไม่เลิก! เปิดให้โลกเห็นอาณาจักร'ปรินซ์คอมเพล็กซ์' ฐานแก๊งมิจฉาชีพใหญ่ที่สุดในกัมพูชา
สำนักข่าว Yonhap News Agency ของเกาหลีใต้ ได้ออกมารายงานสภาพภายในของอาณาจักร 'ปรินซ์คอมเพล็กซ์' (Prince Complex)อดีตฐานแก๊งมิจฉาชีพใหญ่ที่สุดในกัมพูชา ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดตาแก้ว ทางตอนใต้ของประเทศ ห่างจากพนมเปญราว 40 กิโลเมตร
ทีมเจ้าหน้าที่คณะทำงานร่วมของเกาหลีใต้ นำโดย 'คิม จินา' ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางเยือนกัมพูชาเพื่อหารือการจัดการปัญหาการหลอกลวงการจ้างงานและการหลอกลวงออนไลน์ที่มีชาวเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อเพิ่มมากขึ้น โดยทางการกัมพูชายังได้นำคณะผู้แทนและสื่อเกาหลีใต้ไปเยี่ยมชม 'ปรินซ์คอมเพล็กซ์' (Prince Complex) อดีตฐานแก๊งมิจฉาชีพที่ใหญ่ที่สุดในกัมพูชา ภายใน 'ปรินซ์คอมเพล็กซ์' ได้ถูกเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเกาหลีเป็นครั้งแรก
'ปรินซ์คอมเพล็กซ์' เป็นแหล่งเครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่ชาวต่างชาติ รวมถึงชาวเกาหลี ถูกควบคุมตัวและบังคับใช้แรงงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อโทรศัพท์หลอกลวงเหยื่อ หลังจากการปราบปรามครั้งใหญ่ของตำรวจท้องถิ่นในปีนี้ นับตั้งแต่มิถุนายนเป็นต้นมา 'ปรินซ์คอมเพล็กซ์' ได้ถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารประมาณ 30 นาย ภายในมีห้องสำนักงานที่ต้องสงสัยว่าเคยใช้สำหรับให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหลอกลวงเหยื่อ รวมถึงมีร้านอาหารขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับคนได้มากกว่า 500 คน
สื่อของยอนฮับ รายงานว่า เห็นแผงขายอาหารข้างในที่มีเมนูอาหารจีนติดไว้ด้วย โดยร้านค้าส่วนใหญ่ในฐานนี้บริหารงานโดยชาวจีนที่หัวหน้าแก๊งชาวจีนจ้างมา และจ้างชาวกัมพูชาซึ่งมีค่าจ้างแรงงานค่อนข้างต่ำเป็นลูกจ้าง เจ้าของร้านค้าในเครือข่ายอาชญากรรมจะทำเงินจากการขายอาหารและสินค้าในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดให้กับผู้ที่ถูกจับมาเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ขณะที่ภายในสำนักงาน 'ปรินซ์คอมเพล็กซ์' พบทั้งโต๊ะ เก้าอี้ และเหยือกน้ำขนาดใหญ่ 10 ใบ ที่ยังอยู่ในห่อพลาสติก นอกจากนี้ ในหอพักที่กักขังชาวเกาหลีใต้ และชาวต่างชาติอื่นๆ พบว่ามีผ้าห่มและเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่โดยไม่มีใครเคยหยิบจับมาก่อน
ต่อมา 'พัค ซองจู' ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนแห่งชาติ ถามว่า "คุณจัดการกับคอมเพล็กซ์นี้ได้อย่างไร" เจ้าหน้าที่อาวุโสจากคณะกรรมการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ของกัมพูชา อธิบายว่า "เราได้รับรายงานการฉ้อโกงทางออนไลน์และเริ่มการสืบสวนแล้ว เมื่อตำรวจมาถึง คนร้ายได้หลบหนีไปแล้ว เหลือเพียงอุปกรณ์ของพวกเขาไว้" พร้อมกับบอกอีกว่า เราได้สืบสวนข่าวกรองอย่างละเอียดแล้ว แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่คนร้ายหลบหนีไปได้
ชาวกัมพูชาในพื้นที่ยังเปิดเผยกับ สื่อเกาหลีใต้ว่า ฐานแก๊งมิจฉาชีพหลายแห่งมีหอพักที่แออัด ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ขายของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน ร้านซักรีด ร้านตัดผม และแม้แต่บาร์ นี่เป็นเพราะในเครือข่ายอาชญากรรมที่ค่อนข้างใหญ่ มีคน 4,000 - 5,000 คน รวมถึงผู้จัดการและผู้ที่ถูกจับมา ทุกคนต้องอาศัยอยู่ในสถานที่เดียวอย่างถาวร จึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
'คิม จินา' ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่า การฉ้อโกงออนไลน์มีการจัดการอย่างเป็นระบบมากขึ้น และเครือข่ายเชื่อมโยงกันข้ามพรมแดน ความร่วมมือระหว่างสองประเทศมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการตอบสนองอย่างรวดเร็วและการดำเนินการที่เหมาะสม กัมพูชาประกาศเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ได้จับกุมบุคคล 3,455 คน จาก 20 สัญชาติ ในปฏิบัติการปราบปรามแก็งมิจฉาชีพใน 18 จังหวัด รวมถึงกรุงพนมเปญ ระหว่างวันที่ 27 ก.ค. ถึง 14 ส.ค. บุคคลเหล่านี้ได้ก่ออาชญากรรม การฆาตกรรม การค้ามนุษย์ และการฉ้อโกงออนไลน์ ทำให้การปราบปรามครั้งนี้เป็นการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในกัมพูชาในปีนี้
ช่างภาพไทยคว้ารางวัลชนะเลิศ “การประกวดภาพข่าวอาเซียน 2025” และได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 อีกรางวัล ขณะเดียวกันช่างภาพคนเดียวกันยังคว้ารางวัลชนะเลิศ “การประกวดภาพท่องเที่ยวไทย 2025” และรองชนะเลิศอันดับ 1 ด้วยเช่นกัน ส่วนภาพจากฟิลิปปินส์ ได้รองชนะเลิศอันดับ 2 และชมเชยอีก 2 รางวัล
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 เวลา 13.30 น. นายนคร วีระประวัติ ประธานสมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย ได้จัดการประกาศผลและมอบรางวัล “การประกวดภาพข่าวอาเซียน 2025” และ “การประกวดภาพท่องเที่ยวไทย 2025” ในโอกาสครบรอบ 45 ปี สมาพันธ์ฯ ณ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เขตปทุมวัน กทม. โดยมีนายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นผู้แทน รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานมอบรางวัล มีนายเทพชัย หย่อง ประธานจัดการประกวดภาพข่าวอาเซียน 2025 และนางสหัพย์ภัค โชควิจิตรกุล กก.ผจก.ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ บริษัท เอ็มบีเค เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยการสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ผลการประกวดภาพข่าวอาเซียน 2025 ปราฏว่าภาพขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ของ นายพิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ จาก นสพ.เดลินิวส์ คว้ารางวัลชนะเลิศ ได้รับเกียรติบัตรและเงิน 1,000 เหรียญสหรัฐฯ รองชนะเลิศอันดับ 1 ภาพการแสดงโดรนเฉลิมพระเกียรติ ของนายพิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ นสพ.เดลินิวส์ ได้รับเกียรติบัตรและเงิน 700 เหรียญสหรัฐฯ รองชนะเลิศอันดับ 2 ภาพช่างแกะสลักชิ้นงานพื้นเมือง ของนายเกรโกริโอ แดนเตส จากฟิลิปปินส์ ได้รับเกียรติบัตรและเงิน 500 เหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้มีภาพรางวัลชมเชย 2 รางวัล ได้แก่ภาพประเพณีในป่ากิล ลากูนา ของนายจอห์น ไรอัน เบลเดมาร์ จากฟิลิปปินส์ และภาพโคมไฟคริสต์มาส ของนายแอนดี้ ซาปาตา จากฟิลิปปินส์ ได้รับเกียรติบัตรและเงิน รางวัลละ 200 เหรียญสหรัฐฯ
ส่วนผลการประกวดภาพท่องเที่ยวไทย 2025 รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ภาพการแสดงโดรนเฉลิมพระเกียรติ ของนายพิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ นสพ.เดลินิวส์ ได้รับเกียรติบัตรและงิน 10,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 ภาพขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ของ นายพิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ จาก นสพ.ดลินิวส์ ได้รับเกียรติบัตรและเงิน 5,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 2 ภาพแห่เรือสะเดาะเคราะห์ของ นายอภินันท์ บัวหภักดี นักเขียน ช่างภาพอิสระ ประจำ อนุสาร อสท. ได้รับเกียรติบัตรและเงิน 3,000 บาท
นอกจากนี้มีภาพรางวัลพิเศษ “ภาพขวัญใจ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา” เป็นภาพการเก็บขยะใต้ทะเล ของนายพรอรัญ สุวรรณพลาย จากเว็บไซต์ สภท. และรางวัล “ภาพขวัญใจ ผู้ว่าการ ททท.” เป็นภาพเที่ยววิถีไทย ของ นายซ้อน คงไสยภาคิน จาก นสพ.ไทยรัฐ ได้รับเกียรติบัตรและเงินรางวัลละ 5,000 บาท
นายนคร วีระประวัติ ประธานสมาพันธ์สื่อมวลชนห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพชนะเลิศการประกวดภาพข่าวอาเซียน 2025 และภาพชนะเลิศการประกวดภาพท่องเที่ยว 2025 เป็นภาพของนายพิชญวัฒน์ ปรุงศักดิ์ ที่ได้ทั้งรางวัลชนะเลิศอาเซียนและรองชนะเลิศอันดับ 1 ภาพท่องเที่ยวไทยนั้น มุมมองของกรรมการแต่ละคณะต่างกัน กรรมการการประกวดภาพข่าวอาเซียน มองว่าภาพขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ผู้ถ่ายภาพมีความอดทนและความคิดในการพยายามถ่ายภาพให้เรือทั้ง 4 ลำ แล่นมาอยู่ในระดับเดียวกัน ตรงพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม เป็นภาพสวยงามที่คนทั่วโลกจดจำมาตลอดและถ่ายได้ไม่ง่าย ขณะที่คณะกรรมการประกวดภาพท่องเที่ยวไทยมองว่าภาพการแสดงโดรนเฉลิมพระเกียรติ มีความแปลกตาในยุคใหม่ มีภาพโดรนแปรภาพเหนือวัดพระศรีรัตนศาสดารามและพระปรางค์วัดอรุณฯ จึงตัดสินให้ได้รางวัลชนะเลิศ
“การจัดการประกวดภาพอาเซียน 2025 และการประกวดภาพท่องเที่ยวไทย 2025” ประสบความสำเร็จได้อีกปี ต้องขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไท (ททท.) และ ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นตอร์ ผู้สนับสนุนหลัก และยังมีผู้สนับสนุนได้แก่ บมจ. วิริยะประกันภัย , บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด, บมจ. บีซีพีจี, บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ), บมจ.เอสซีจี (SCG) บมจ. ซีพี ออลล์, แอร์เอเชีย, บริษัท ซีพีแรม จำกัด และโรงแรมเอเชีย” นายนครกล่าว
ทางการรัฐอะแลสกา ของสหรัฐฯ เร่งอพยพประชาชนกว่า 1,600 คน หนีอิทธิพลจากปลายพายุไต้ฝุ่นหะลอง ที่พัดถล่มหมู่บ้านพื้นเมืองเสียหายหนัก ดับแล้ว 1 ศพ สูญหาย 2 ราย
วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ทางการรัฐอะแลสกา ของสหรัฐฯ ได้เริ่มปฏิบัติการอพยพประชาชนจากหมู่บ้านพื้นเมืองที่ได้รับผลกระทบจากปลายพายุไต้ฝุ่น "หะลอง" (Halong) หลังพายุลูกนี้พัดถล่มพื้นที่ลุ่มต่ำทางตะวันตกของรัฐเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ศพ และสูญหายอีก 2 ราย
พายุหะลอง ซึ่งอ่อนกำลังลงจากไต้ฝุ่นเป็นพายุโซนร้อนเมื่อเข้าสู่แผ่นดิน ได้พัดพาน้ำทะเลหนุนสูงเป็นประวัติการณ์ เข้าท่วมหมู่บ้านชายฝั่งขนาดเล็กอย่าง คิปนุก และ ควิกกิลลิงกอก ในเขต ยูคอน–คัสโคควิม จนน้ำสูงกว่า 1.8 เมตรจากระดับน้ำทะเลปกติ
รายงานจาก กรมทหารผ่านศึกและกิจการทหารรัฐอลาสกา ระบุว่า ขณะนี้มีผู้อพยพประมาณ 1,600 คน ถูกส่งตัวไปยัง 13 ศูนย์พักพิงชั่วคราว ที่จัดตั้งขึ้นทั่วภูมิภาค โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีผู้อพยพกว่า 300 คน ถูกลำเลียงด้วยเครื่องบินไปยังเมือง แองเคอเรจ ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ภัยพิบัติราว 800 กิโลเมตร เพื่อพักในอาคารกีฬา Alaska Airlines Center ที่สามารถรองรับได้ราว 400 คน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยว่า นี่เป็นหนึ่งในภารกิจอพยพทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐอะแลสกา โดยหวังว่าสามารถย้ายผู้อพยพทั้งหมดไปยังที่พักถาวร เช่น โรงแรมหรือหอพัก ได้ภายในไม่กี่วันข้างหน้า
พายุไต้ฝุ่น หะลอง ซึ่งก่อนหน้านี้ก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก เคยสร้างความเสียหายหนักในญี่ปุ่น ก่อนพัดขึ้นเหนือและอ่อนกำลังลงเข้าสู่อลาสกา ทำให้พื้นที่ชายฝั่งหลายแห่งถูกน้ำท่วมสูงและสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก.
เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 เกิดโศกนาฏรรมช็อกโลกเมื่อเรือดำน้ำ “ไททัน” ของบริษัทโอเชียนเกต เกิดการระเบิดแบบยุบตัวขึ้นระหว่างการดำน้ำลงไปชมซากเรือ ไททานิกนอกชายฝั่งแคนาดา ส่งผลให้ทุกคนบนเรือเสียชีวิต...
เรือลำนี้ยุบตัวลงภายใต้แรงกดมหาศาลใต้มหาสมุทรที่ความลึกประมาณ 3,300 เมตร หลังจากที่ออกเดินทางไปได้เพียง 90 นาที ซึ่งเป็นการเดินทางที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 195,000 ปอนด์ (ราว 8.5 ล้านบาท) ต่อคน
ภัยพิบัติครั้งนี้คร่าชีวิตทั้งผู้โดยสารและกัปตันไป 5 ราย ได้แก่ สต็อกตัน รัช ซีอีโอของบริษัทโอเชียเกต, ฮามิช ฮาร์ดิง นักสำรวจชาวอังกฤษ, ปอล-อองรี นาร์โฌเลต์ (Paul-Henri Nargeolet) ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรือไททานิกชาวฝรั่งเศส, และ ชาห์ซาดา ดาวูด นักธุรกิจชาวอังกฤษ-ปากีสถาน พร้อมด้วย สุเลมาน ลูกชายวัย 19 ปีของเขา
(16 ต.ค. 2568) ได้มีการเผยแพร่เนื้อหาสำคัญจากรายงานฉบับสุดท้ายของคณะกรรมการความปลอดภัยการขนส่งแห่งชาติสหรัฐ (NTSB) ว่า สภาพของเรือไททันไม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านความแข็งแรงและความทนทานที่จำเป็น อันเป็นผลมาจากความผิดพลาดเชิงวิศวกรรม นอกจากนี้ยังพบว่า โอเชียนเกต ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนเจ้าของเรือ ทำผิดพลาดในการทดสอบเรือ กล่าวคือไม่มีการทดสอบด้านความปลอดภัยอย่างเพียงพอ และไม่ตระหนักถึงระดับความทนทานที่แท้จริงของเรือ
คณะกรรมการสอบสวนสรุปในรายงานว่า ซากเรือไททันน่าจะถูกค้นพบเร็วกว่านี้ หากโอเชียนเกตได้ปฏิบัติตามแนวทางมาตรฐานสำหรับการรับมือเหตุฉุกเฉิน
ก่อนหน้านี้ รายงานของหน่วยยามฝั่งสหรัฐที่เผยแพร่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็ระบุว่า การระเบิดแบบยุบตัวของเรือไททันเป็นเหตุการณ์ที่สามารถป้องกันได้ โดยระบุว่าขั้นตอนด้านความปลอดภัยมีข้อบกพร่องอย่างร้ายแรง
ในการพิจารณาคดีครั้งก่อน อดีตผู้บริหารของโอเชียนเกตยอมรับว่า เรือดำน้ำไททันเคยประสบเหตุขัดข้องระหว่างเกิดความผิดปกติกับระบบการทำงานของเรือ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะออกเดินทางที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
บริษัทเอกชนแห่งนี้ได้หยุดดำเนินธุรกิจในเดือนกรกฎาคม 2566 และปิดตัวลงในที่สุด
ในการเดินทางเที่ยวสุดท้ายเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2566 เรือดำน้ำไททันซึ่งควบคุมด้วยแป้นบังคับแบบเดียวกับคอนโทรลเลอร์เกมได้หายไปจากจอเรดาร์และไม่มีวี่แววว่าสามารถกลับขึ้นสู่ผิวน้ำได้
หลังจากเหตุร้ายเผยแพร่ออกไป ทีมกู้ภัยเร่งค้นหาสัญญาณชีวิตตลอด 24 ชั่วโมงเนื่องจากอากาศในตัวเรือมีอยู่จำกัด
รายงานฉบับสุดท้ายชี้ว่าการออกแบบเชิงวิศวกรรมที่เลวร้ายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรือประสบอุบัตเหตุ (Photo by Handout / OceanGate Expeditions / AFP)
หลังจากนั้นเพียงห้าวัน ซากเศษชิ้นส่วนของเรือไททันก็ถูกพบกระจัดกระจายอยู่บนพื้นมหาสมุทรในพื้นที่ประมาณ 322,917 ตารางฟุต ซึ่งเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลเกือบหกสนาม
ต่อมา เมื่อมีการกู้ซากเรือไททันจากก้นมหาสมุทรแอตแลนติก ทีมงานก็พบทั้งซากเรือที่บิดเบี้ยว พร้อมด้วยเสื้อผ้า สติกเกอร์ และนามบัตร นอกจากนี้ ยังพบ “สิ่งที่สันนิษฐานว่าเป็นชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์” จากการปฏิบัติการกู้ภัยสองครั้ง
หลังจากหลักฐานเหล่านี้ถูกนำขึ้นฝั่งและผ่านการตรวจสอบก็สามารถยืนยันได้ว่าตรงกับประวัติของผู้เสียชีวิตในเรือดำน้ำ
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว หน่วยยามฝั่งสหรัฐได้เผยแพร่ภาพที่บันทึกโดยยานสำรวจควบคุมระยะไกลระหว่างการค้นหาที่ก้นมหาสมุทร แสดงให้เห็นซากของเรือดำน้ำไททัน ซึ่งเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาคดีเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้เป็นเวลาสองสัปดาห์
ขณะเดียวกัน ก็มีคลิปเสียงที่เชื่อว่าเป็นการบันทึกเสียงช่วงสุดท้ายของเรือไททันก่อนการระเบิด บันทึกเสียงดังกล่าวเป็นเสียงที่อุปกรณ์ตรวจจับในมหาสมุทรตรวจจับได้ โดยอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 900 ไมล์ หรือเกือบ 1,500 กม. คาดว่า เป็นเสียงอันน่าขนลุกของเรือไททันที่ถูกแรงระเบิดบดขยี้ใต้น้ำ
ก่อนที่เรือไททันจะหายไปจากจอเรดาร์ ผู้โดยสารบนเรือได้ส่งข้อความถึงเรือพี่เลี้ยง “โพลาร์ พรินซ์” ว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ซึ่งลูกเรือของโพลาร์ พรินซ์ได้ถามกลับไปว่า สามารถมองเห็นซากไททานิกบนจอภาพของไททันหรือไม่
ขณะนั้น ผู้ที่อยู่ในเรือไททันซึ่งดำอยู่ในระดับความลึก 3,341 เมตรจากผิวน้ำทะเล นับเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งหลังจากการเดินทางเริ่มต้น พวกเขาส่งข้อความบอกว่า “ปลดน้ำหนักถ่วงออกสองส่วน” ซึ่งปกติแล้ว การทิ้งน้ำหนักถ่วงคือสัญญาณของการยุติการดำน้ำและเริ่มนำเรือลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ
เพียงหกวินาทีหลังจากที่ข้อความนั้นส่งออกมา สัญญาณตำแหน่งเรือไททันก็ปรากฏขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ความลึก 3,346 เมตร ซึ่งเป็นจุดที่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
ที่มา : thesun.co.uk
เครดิตภาพ : AFP... สามารถติดตามต่อได้ที่ : https://www.dailynews.co.th/news/5214142/
BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน ประกาศเรียกคืนรถครั้งใหญ่ในจีน 115,000 คัน หลังพบปัญหาแบตเตอรี่เสี่ยงเกิดไฟไหม้
วันที่ 17 ต.ค. เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานว่า บริษัท BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน ประกาศเรียกรถคืนกว่า 115,000 คัน ซึ่งถือเป็นการเรียกรถคืนครั้งใหญ่ที่สุด หลังตรวจพบข้อบกพร่องด้านการออกแบบ และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยจากแบตเตอรี่
แผนการเรียกรถคืนของ BYD ครอบคลุมรถรุ่น Tang series จำนวน 44,535 คัน ที่ผลิตระหว่างเดือนมีนาคม 2015 – กรกฎาคม 2017 เนื่องจากมีข้อบกพร่องด้านการออกแบบบางส่วน ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบทำงานผิดปกติ
นอกจากนี้ บริษัทยังจะเรียกรถรุ่น Yuan Pro EV จำนวน 71,248 คัน ที่ผลิตระหว่างกุมภาพันธ์ 2021 – สิงหาคม 2022 หลังตรวจพบปัญหาการติดตั้งแบตเตอรี่ที่ไม่ถูกต้องจากกระบวนการผลิต
ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคม ปีเดียวกัน BYD ได้เรียกคืนรถรุ่น Fangchengbao Bao 5 รถเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดจำนวน 6,843 คัน กลับคืนเนื่องจากความเสี่ยงการเกิดไฟไหม้
ขณะที่ในเดือนกันยายน 2024 บริษัทก็เคยเรียกคืนรถรุ่น Dolphin และ Yuan Plus EV รวมเกือบ 97,000 คันจากปัญหาข้อบกพร่องในการผลิตของชุดควบคุมพวงมาลัย ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_9981279
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012