ข่าว
เจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ท ประกาศผลรางวัลประกวด “ศิลป์สายน้ำ”

ประกาศผลรางวัลแล้วสำหรับโครงการประกวด “ศิลป์สายน้ำ” การออกแบบศิลปะบนเรือท่องเที่ยวเจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ทลำใหม่ ภายใต้แนวคิด “สายน้ำแห่งมรดกทางวัฒนธรรม” โดยนักศึกษาคณะดิจิทัลมีเดีย ปี 2 มหาวิทยาลัยศรีปทุม คว้ารางวัลชนะเลิศ พร้อมผู้ได้รับรางวัลชมเชยอีก 5 รางวัล รวมได้รับเงินรางวัล 150,000 บาทไปเรียบร้อยแล้ว

นายพิริยะ วัชจิตพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ท จำกัด ผู้ให้บริการเรือเจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ท (เรือท่องเที่ยวธงสีฟ้า) ในแม่น้ำเจ้าพระยา กล่าวว่า บริษัทฯ ได้จัดโครงการประกวด “ศิลป์สายน้ำ” การประกวดออกแบบงานศิลปะบนเรือท่องเที่ยวเจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ท ภายใต้แนวคิด “สายน้ำแห่งมรดกทางวัฒนธรรม” (The River of Culture Heritage) โดยผลงานบนตัวเรือทั้งสองด้านและตัวการ์ตูนทั้งสองฝั่งด้านหน้าของเรือ จะต้องสะท้อนแนวคิดหลักของการเป็นผู้ประกอบการเรือโดยสารท่องเที่ยวรายแรกของสายน้ำที่ห่วงใยมรดกทางวัฒนธรรมของลำน้ำเจ้าพระยามาอย่างยาวนานยั่งยืน และสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่มีความร่วมสมัยแบบสากลอย่างเหมาะสมในการนำไปใช้งาน

“โครงการศิลป์สายน้ำได้รับความสนใจจากนักเรียน นิสิตนักศึกษา และประชาชนทั่วไปอย่างมาก มีผลงานที่ผ่านเข้ารอบทั้งสิ้น 56 ผลงาน โดยเราได้รับเกียรติจากคุณจารุต วงศ์คำจันทรา ผู้อำนวยการศูนย์ศิลปะฮอฟอาร์ต และผศ.วุฒิกร คงคา รองคณบดีฝ่ายบริการวิชาการและสร้างสรรค์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมเป็นคณะกรรมการรอบตัดสิน ซึ่งผมขอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับ คุณณัฐชัย พรจันทราวัฒน์ นักศึกษาปี 2 สาขากราฟิก คณะดิจิทัลมีเดีย มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ และเป็นเจ้าของผลงานที่ปรากฏบนเรือเจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ทลำใหม่ ซึ่งเป็นลำที่ 3 หลังจากที่เราเปิดตัวเรือลำแรกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว”

โอกาสนี้ นางสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม ประธานกรรมการ บริษัท เจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ท จำกัด ในเครือบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ให้เกียรติเป็นประธานมอบรางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 100,000 บาท และรางวัลชมเชย 5 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท ดังนี้

รางวัลชนะเลิศ

นายณัฐชัย พรจันทราวัฒน์ ชื่อผลงาน “สายน้ำแห่งความสำเร็จ” แรงบันดาลใจมาจากปลาตะเพียนสาน ซึ่งคนไทยเชื่อกันว่าเป็นปลาที่นำความโชคดีมาให้แก่ตนเอง และยังหมายถึงความขยันหมั่นเพียรอีกด้วย ส่วนดอกไม้หลายสีแทนความหลากหลายของแม่น้ำหลายสายที่มาบรรจบกันที่แม่น้ำเจ้าพระยา

รางวัลชมเชย

1. น.ส.พรนัชชา แสงสุขเอี่ยม ชื่อผลงาน “Experience Chao Phraya”

2. น.ส.สมัชญา อัศวกิจรุ่งเรือง ชื่อผลงาน “หนึ่งสายน้ำ หลากวิถี”

3. นายณัฐพล พิชัยรัตน์ ชื่อผลงาน “สายน้ำ วิถีชีวิต ก่อเกิดวัฒนธรรม”

4. นายตรัย ภู่ขวัญ ชื่อผลงาน “Chaophraya 4.0”

5. นายวชิรกร นารายณ์รักษา ชื่อผลงาน “สะท้อนชีวิตผ่านน้ำ”

“แม่น้ำเจ้าพระยานับจากนี้จะมีสีสันมากขึ้น เพราะเรือที่เรากำลังต่อมีลวดลายไม่เหมือนกัน โดยเราจะออกแบบลวดลายแนววัด วัง หรือศิลปะที่สะท้อนวัฒนธรรมของประเทศไทย เพื่อนำเสนอสิ่งดีๆ ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนแม่น้ำเจ้าพระยาได้รับความประทับใจกลับไป” นางสุภาพรรณ กล่าว

เรือเจ้าพระยาทัวร์ริสท์โบ๊ทเป็นเรือโดยสาร 2 ชั้นระดับเวิลด์คลาส นวัตกรรม Catamaran เรือสองท้อง ผลิตจากอะลูมิเนียมทั้งลำ จุผู้โดยสารได้ถึง 190 คน ใช้มาตรฐานความปลอดภัยสูงและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ท่าเรือสาทร ท่าไอคอนสยาม ท่าล้ง 1919 ท่าราชวงศ์ ท่ายอดพิมาน ท่าวัดอรุณฯ ท่ามหาราช ท่ารถไฟ และท่าพระอาทิตย์ พร้อมบริการข้อมูลท่องเที่ยวบนเรือ ทั้งไกด์นำเที่ยว ระบบเสียงแจ้งชื่อท่าเรือท่าต่อไป และบอกเล่าเรื่องราวสถานที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตามระบบ GPS หนุนการท่องเที่ยวทางน้ำสู่ระดับเวิลด์คลาส

เชฟชื่อดังและกลุ่มเพื่อนจัดงานเพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ด้อยโอกาสในภาคเหนือของไทย

คุณ "สตู" หรือ Stuart Skversky เชฟชื่อดังจากรายการทีวี Survivor และเป็นผู้อำนวยการบริหารและผู้ก่อตั้งองค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือเด็กชาวเขาในภาคเหนือที่ชื่อว่า "Stu and the kids" ร่วมกับเหล่าเชฟเพื่อนฝูงจากร้านอาหารดังเกือบ 50 ร้านในลอสแอนเจลิสจัดงาน "Flavors of Asia Food Fest " ขึ้นในดาวน์ทาวน์ลอสแอนเจลิส ในวันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562 นี้เพื่อนำเอารายได้จากการจัดงานไปสนับสนุนกิจกรรมขององค์กรการกุศล Stu and the kids

หนังสือพิมพ์ไทยแอลเอได้รับเกียรติจากคุณ "สตู" ให้สัมภาษณ์ถึงแรงบันดาลใจและที่มาที่ไปขององค์กร "Stu and the kids" โดยคุณ "สตู" กล่าวว่า องค์กรนี้เริ่มจุดประกายขึ้นจากความประทับใจที่เขาได้ไปเที่ยวเมืองไทยครั้งแรกเมื่อเกือบสิบปีก่อนกับเพื่อนคนไทยที่เป็นเชฟด้วยกัน ทำให้เขาพยายามหาโอกาสที่จะกลับไปเมืองไทยอยู่อีกหลายครั้ง จนถึงครั้งที่เขาได้ตัดสินใจไปทำงานเป็นอาสาสมัครอยู่ที่วัดดอนจันทร์ในจังหวัดเชียงใหม่ถึง 6 เดือน (ซึ่งสุดท้ายก็ขยายเวลาไปจนถึง 2 ปี) ด้วยความใกล้ชิดกับเด็กชาวเขาที่เดินเข้าออกอยู่ในวัดดังกล่าวทำให้เขาเข้าใจสภาพสังคมและมองเห็นโอกาสที่ตัวเขาจะสามารถช่วยเหลือทำให้เด็กเหล่านั้นมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองตามศักยภาพที่เขามีและเดินตามความฝันได้ ซึ่งในขณะนี้มีเด็กกว่า 40 คนได้รับทุนการศึกษาให้ไปศึกษาต่อในหลาย ๆ ด้านแล้ว

กิจกรรมการหาทุนเพื่อช่วยเด็กของเชฟ "สตู" เริ่มครั้งแรกโดยการจัดโชว์การทำอาหารในส่วนหลังบ้านของเพื่อนด้วยตัวคนเดียว และเมื่อมีเหล่าเพื่อนเชฟชื่อดังทราบข่าวถึงความตั้งใจของเขาก็ได้มาร่วมกันทำกิจกรรมกันมากขึ้น จากการทำอาหารหลังบ้าน ได้กลายเป็นการจัดงานในลานจอดรถ การจัดงานในร้านอาหาร และได้ขยายตัวเป็นเทศกาลอาหารหรือ Food Festival ในสถานที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งในปีนี้จะมีเชฟทั้งไทยและเทศจากร้านอาหารชื่อดังเกือบ 50 ร้านนำอาหารเด็ดของพวกเขามาร่วมกิจกรรมการกุศล "Flavors of Asia Food Fest" ในดาวน์ทาวน์ลอสแอนเจลิส 215 S Main St, Los Angeles, CA 90012 ตั้งแต่เวลา 15.00-19.00 น.

ในบรรดา 50 ร้านอาหารชื่อดังที่เข้ามาร่วมงานครั้งนี้ มีร้านอาหารไทยในลอสแอนเจลิส อาทิเช่น Jitlada, Otus Thai Kitchen & Coffee, Chao Krung Thai, Same Same Thai และ Ayara Thai รวมทั้งเชฟ "Jet Tila" จากรายการ Iron Chef ก็จะมาร่วมงานด้วย สำหรับเครื่องดื่มได้รับการสนับสนุนจากบริษัทสิงห์ คอร์เปอเรชั่นที่จะนำเอาเบียร์สิงห์และเบียร์ลีโอมาดับร้อนให้ความชุ่มฉ่ำแก่คนในงาน นอกจากการลิ้มรสอาหารที่หลากหลายแล้วผู้เข้าร่วมงานจะได้รับชมการแสดงรำไทย ดนตรีไทย มวยไทย เข้าร่วมการประมูลของ และสามารถซื้อของจากร้านขายของที่ระลึก โดยรายได้จากงานจะนำไปช่วยเหลือในการให้ทุนการศึกษาและค่าใช้จ่ายสำหรับเด็กชาวเขาทางภาคเหนือของประเทศไทยต่อไป


นายกฯย้ำกับรมต.สหรัฐฯ ควบคุมสถานการณ์ระเบิดป่วนเมืองได้แล้ว

ไทย-สหรัฐฯพร้อมเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค "นายกฯ"ย้ำกับ"รมต.ต่างปท.สหรัฐฯ" สถานการณ์ความวุ่นวายอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2562 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเวลา 17.30 น.ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายไมก์ ปอมเปโอ (Mr.Mike Pompeo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา

โดย นายกฯ ได้กล่าวต้อนรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมขอบคุณสำหรับแถลงการณ์ต่อการจัดตั้งรัฐบาล และการรับรองต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า ไทยได้กลับคืนสู่ประชาธิปไตยภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันได้อย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนเน้นย้ำว่า ไทยพร้อมเดินหน้าร่วมมือกับสหรัฐฯ ทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า โอกาสนี้นายกฯ กล่าวเชิญประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุม ASEAN-US Summit และ East Asia Summit ที่ไทยในปลายปีนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่สหรัฐฯ ให้กับภูมิภาคตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก และยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงวิสัยทัศน์ และตอกย้ำบทบาทนำอย่างสร้างสรรค์ต่อภูมิภาคนี้ รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างพลวัตให้กับความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐฯ

นางนฤมล กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ชื่นชมไทยซึ่งถือเป็นมิตรประเทศเก่าแก่ที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยเฉพาะด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ และสนับสนุนบทบาทอย่างสร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ผ่านกรอบความร่วมมือภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะทางด้านความมั่นคงและการทหาร เพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนากองทัพ ส่วนด้านเศรษฐกิจทั้งสองเห็นพ้องร่วมกันสนับสนุนการลงทุนในภาคเอกชนระหว่างกัน และด้านความร่วมมือพหุภาคีไทยในฐานะประธานอาเซียน ยินดีและสนับสนุนบทบาทอย่างสร้างสรรค์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาค นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยินดีที่ความร่วมมือในประเด็นทะเลจีนใต้มีความคืบหน้าการเจรจาจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea : COC) มีผลสำเร็จ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในระหว่างการหารือเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาในหลายๆ ด้านนั้น นายกฯ ได้แจ้งให้ นายไมก์ ปอมเปโอ และคณะ ทราบว่า ขณะนี้เหตุการณ์ความวุ่นวายอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว และได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าไม่ให้ประมาทยังคงเฝ้าระวังเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน


เตือน พายุวิภา ถล่มซ้ำ ทั่วไทยเจอฝนต่อเนื่อง ระวังท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก

เตือน พายุวิภา ถล่มซ้ำ ทั่วไทยเจอฝนหนักต่อเนื่องถึงวันที่ 5 ส.ค. ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลากทะเลอันดามัน อ่าวไทยมีกำลังแรง คลื่นสูง 2-4 เมตร

พายุวิภา / เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 2 ส.ค. นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ‘พายุโซนร้อน ‘วิภา’ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2562)’ ฉบับที่ 14 ลงวันที่ 2 ส.ค. ระบุว่า พายุโซนร้อน “วิภา” บริเวณอ่าวตังเกี๋ยตอนบน มีศูนย์กลางห่างประมาณ 300 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกของเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 21.3 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งเมืองฮานอย ประเทศเวียดนามในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.62) หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาวและตอนบนของภาคเหนือในช่วงวันที่ 4-5 ส.ค.62

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยมีผลกระทบตามภาคต่างๆ ดังนี้ ในช่วงวันที่ 2-3 ส.ค.62 มีฝนตกหนักบางแห่ง

ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก และกำแพงเพชร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม

ภาคกลาง จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และอุทัยธานี

าคตะวันออก จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ในช่วงวันที่ 4-5 ส.ค.62 มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ภาคเหนือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก และกำแพงเพชร ภาคกลาง จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และอุทัยธานี ภาคตะวันออก จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ จังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต

ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเกาะไหหลำ ประเทศจีนตอนใต้ และประเทศเวียดนามตอนบน ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย

อนึ่งร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนาม ตอนบนเข้าสู่พายุโซนร้อน “วิภา” ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-4 เมตร และอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 6 ส.ค.62


โหมไฟการเมือง! 7พรรคฝ่ายค้านคิกออฟ 4 สิงหาฯ ชูธงตั้งสสร.แก้รัฐธรรมนูญปี 60

7 พรรคฝ่ายค้านเร่งเร้าสถานการณ์การเมือง ประกาศ 4 สิงหาฯคิกออฟเล่นนอกสภาฯ ออกรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญทั่วประเทศ ชูโมเดลปี 40 ตั้งส.ส.ร.ยกเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อไทย ชี้รธน.ปัจจุบันสร้างวิกฤติทุกอย่าง

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) มีการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน(คณะการมีส่วนร่วมของประชาชน) โดยมีแกนนำจากทั้ง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน อาทิ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพท. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และนายวัชรา ณ วังขนาย เลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย

โดยวาระการประชุม 1.รายงานการประชุมคณะกรรมการพรรคร่วมฝ่ายค้านและการมีส่วนร่วมของประชาชน 2.พิจารณาแนวทางการรณรงค์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้านโดยแบ่งเป็นแนวทางตามกฏหมายและแนวทางตามการเมืองรวมไปถึงแนวทางการรณรงค์ด้วย 3.พิจารณาการดำเนินการเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณตนที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 4.พิจารณากิจกรรมฝ้ายด้านเพื่อประชาชน (โครงการสัญจร 4 ภาค) 5.พิจารณากิจกรรมฝ่ายค้านเพื่อประชาชน (แนวทางการแก้วิกฤตเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ขาดพื้นที่ให้ประชาชน)และ 6.เรื่องอื่นๆ

เวลา 15.30 น. แกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันแถลงข่าว โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันนี้ประเด็นหลักที่ได้มีการพูดคุยกันคือ ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเราจะทำร่วมกับพี่น้องประชาชน ภาควิชาการ และองค์กรต่างๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่แต่ละพรรคจะรณรงค์กันเองตามความถนัด ซึ่งพรรคอนค.จะคิกออฟโครงการสภาร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชน ในวันอาทิตย์ 4 สิงหาคมนี้

อีกส่วนหนึ่งคือ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะรณรงค์ร่วมกันโดยการเดินสายจัดเวทีทั่วประเทศ ซึ่งเราจะคิดแคมเปญขึ้นมา เพื่อท้ายที่สุดแล้วเราจะทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ คล้ายกับปี 2540 แล้วให้ประชาชนมาเข้าชื่อสนับสนุน ทั้งนี้ เวลาที่เราพูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรามักจะถูกฝ่ายที่คัดค้านหยิบยกข้ออ้างมาว่า รัฐธรรมนูญ 60 ผ่านการออกเสียงประชามติ ถ้ามีการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง เป็นต้น หน้าที่ของเราทั้ง 7 พรรค จะต้องลงไปตอบคำถามเหล่านี้ว่ารัฐธรรมนูญ 60 เป็นพิษภัยอย่างไรต่อพี่น้องประชาชน และการแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ความวุ่นวาย

เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องใช้เสียงส.ว.ด้วย นายปิยบุตร กล่าวว่า ทุกท่านคงทราบดีว่ารัฐธรรมนูญปี 60 ถูกออกแบบมาให้แก้ไขยากมาก หรือในทางปฏิบัติอาจจะแก้ไม่ได้เลย และทุกท่านคงทราบต่อไปอีกว่า ส.ว. ทั้ง 250 คนนั้นมาจากการเลือกของหัวหน้า คสช. การจะแก้รัฐธรรมนูญต้องอาศัยเสียง 1 ใน 3 หรือประมาณ 84 คน จึงเป็นการยากอย่างยิ่ง แต่หากเราไปย้อนดูการเกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญปี 40 แล้ว ก็ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นมาได้ แต่สุดท้ายก็ผ่านเพราะกระแสกดดัน และกระแสการเรียกร้องจากพี่น้องประชาชน

"ดังนั้น ผมคิดว่า แม้ว่า ส.ว.จะมาจากการแต่งตั้งของหัวหน้า คสช. ก็ตาม แต่หากประชาชนแสดงความต้องการออกมาจนเป็นที่ประจักษ์ชัดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แล้วทำรัฐธรรมนูญใหม่ร่วมกัน ตนคิดว่า ส.ว.ก็จะต้องฟังเสียงของประชาชน"นายปิยบุตร กล่าว

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลคิดว่าวันนี้มีประเด็นปัญหาที่โต้แย้งกันเยอะ สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเลือกตั้ง การคำนวนส.ส. หรือปัญหาวิกฤติต่างๆ กว่าจะตั้งรัฐบาลได้ต้องใช้เวลายาวนาน การให้อำนาจประชาชนได้ตรวจสอบ และทบทวนเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยอาจเปิดช่องให้ประชาชนได้ทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และต้องเป็นประชามติที่แตกต่างจากการทำประชามติที่แล้วๆมา คือต้องเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ตรงนี้จะเป็นทางออกที่ดี รัฐบาลอาจจะเก็บเอาสิ่งเหล่านี้ไปคิด และไปเตรียมทำก็ได้

ขณะที่พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราเชื่อว่าการแก้ปัญหาประเทศในภาพรวมคือการเอาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย โดยการทำให้ประชาชนในประเทศมีสิทธิ เสรีภาพเท่าเทียมกัน ตนไม่อยากให้มองว่าการแก้รัฐธรมนูญฉบับนี้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เราจะแก้เพื่อประชาชน ตนอยากเรียกร้องทั้งฝ่ายรัฐบาล ส.ว. และทุกฝ่ายมาทำเพื่อประชาชนให้ประชาชนได้ประโยชน์ เพราะหากบ้านเมืองมีรัฐธรรมนูญที่ดีจะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

เมื่อถามว่า จะไปทาบทามฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลมาแก้รัฐธรรมนูญร่วมกันเลยหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนี้เราควรทำเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่วาระของพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เราต้องร่วมมือกัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพรรคการเมืองหลายพรรคได้หาเสียงเรื่องนี้ไว้เยอะจนเป็นการกดดันให้รัฐบาลต้องบรรจุลงในนโนยบาย ก็หวังว่าพรรคการเมืองอื่นๆจะเข้ามาร่วมในเส้นทางนี้กับพวกเรา

เมื่อถามถึงการวางกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เรายังไม่ได้พูดคุยเรื่องกัน เพราะอยู่ระหว่างที่แต่ละพรรคกำลังไปศึกษาเนื่องจากเป็นวาระสำคัญ ก็ขอเวลาอีกสักนิดหนึ่ง ทั้งนี้ งบประมาณคงเป็นเรื่องหลัก เพราะประเทศจะต้องเดินหน้า รอไม่ได้ ขณะนี้รัฐบาลทำให้เรื่องนี้ช้ามานานแล้ว คงต้องเริ่มเรื่องนี้ก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที

ขณะที่นายสงคราม กล่าวว่า วันนี้เราเน้นเรื่องการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนก่อน โดยเรื่องนี้เป็นเป้าหมายของทุกพรรคที่มาประชุมร่วมกัน


เข้าทาง! สหรัฐเตรียมยิงขีปนาวุธใหม่ ฉลองฉีกสนธิสัญญากับรัสเซีย

สหรัฐเตรียมทดสอบยิงขีปนาวุธใหม่ – เอพี รายงานว่า เมื่อ 2 ส.ค. ว่า ทางการสหรัฐอเมริกาเตรียมทดสอบขีปนาวุธรุ่นใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังจากสนธิสัญญาควบคุมอาวุธกับรัสเซีย The Intermediate-Range Nuclear Forces (INF) Treaty ที่ดำเนินมา 32 ปี ถึงกาลอวสานลงแล้ว เมื่อสองฝ่ายไม่มีใครยอมใคร ส่งสัญญาณการแข่งขันด้านอาวุธรอบใหม่

สหรัฐกล่าวโทษว่า สนธิสัญญาควบคุมกองกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลาง ที่นายโรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีสหรัฐ เคยลงนามกับนายมิกฮาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียต เมื่อปี 2530 ต้องมลายไป เป็นเพราะรัสเซียไม่รักษาสัญญาก่อน และเอาเปรียบสหรัฐ ไม่เพียงรัสเซียเท่านั้นที่ละเมิดสนธิสัญญา ยังมีจีนด้วยเดินหน้าไปทิศทางเดียวกัน ทิ้งให้สหรัฐต้องอยู่ในกฎเกณฑ์อย่างไม่ยุติธรรม

ดังนั้น การอวสานของสนธิสัญญาจึงทำให้สหรัฐมีอิสระที่จะพัฒนาอาวุธที่เดิมถูกแบนได้ทั้งหมด เริ่มจากการทดสอบขีปนาวุธในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อีกทั้งกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ยังมีงบประมาณด้านการวิจัยอาวุธเพื่อรับมือกับรัสเซีย 48 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,490 ล้านบาท แต่ยังไม่รวมขีปนาวุธบรรจุระเบิดนิวเคลียร์

ด้าน นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต แจ้งว่า นาโตจะไม่เคลื่อนขีปนาวุธนิวเคลียร์เพื่อมารับมือกับสถานการณ์ในยุโรป จากผลที่สนธิสัญญาระหว่างสองมหาอำนาจสิ้นฤทธิ์ เพราะนาโตไม่ต้องการให้เกิดการแข่งขันทางอาวุธรอบใหม่

อังกฤษผวาเขื่อนแตก พบจุดพัง กองทัพส่งฮ.ชีนุกเร่งซ่อม สั่งอพยพแล้ว

อังกฤษเร่งป้องกันเขื่อนวัลลีย์ บริดจ์แตก พบจุดพัง ระดมสูบน้ำ และกองทัพส่งฮ.ชีนุกขนถุงปูนมาซ่อมในจุดที่พังเสียหาย หลังปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลังเขื่อนสูง จากที่มีฝนตกต่อเนื่อง สั่งอพยพประชาชน

เมื่อ 2 ส.ค.62 สำนักข่าวบีบีซี เว็บไซต์เดอะ ซัน และเดลี่เมล สื่อในอังกฤษ รายงาน ทางการอังกฤษเร่งทำงานแข่งกับเวลา เพื่อพยายามช่วยป้องกันไม่ให้เขื่อน ทอดด์บรู๊ค แตก จนน้ำจะทะลักไหลท่วมบ้านเรือนประชาชนในเมืองวัลลีย์ บริดจ์ (Whaley Bridge) มณฑลดาร์บิเชอร์ ทางภาคเหนือของอังกฤษ หลังพบบางจุดของเขื่อนพังเสียหายแล้ว จากการที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลังเขื่อนสูง เนื่องจากมีฝนตกหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ทางการทั้งระดมสูบน้ำออกจากบริเวณอ่างเก็บน้ำหลังเขื่อน ที่มีขนาดจุน้ำประมาณ 1,300 ล้านลิตรกันตลอดคืนวันพฤหัสฯ ที่ 1ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่กองทัพอังกฤษยังได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ ชีนุก เข้าร่วมในปฏิบัติการนี้ด้วย โดยได้ขนถุงปูนมาวางเสริมในบริเวณที่เขื่อนพังและเสริมบริเวณสปิลเวย์ที่พังเสียหาย

จูลี่ ชาร์มาน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ Canal and River Trust กล่าวถึงสถานการณ์ในขณะนี้ด้วยความวิตกว่า สปิลเวย์ หรือทางน้ำล้นของเขื่อนพังไปแล้ว ตอนนี้พวกเรากำลังพยายามลดระดับน้ำในเขื่อนลง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้เขื่อนพังเสียหายมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้มีความเสี่ยงที่เขื่อนอาจแตก โดยทีมวิศวกรกำลังเร่งสูบน้ำลงไปสู่แม่น้ำ Goyt ซึ่งอยู่ด้านล่างเขื่อนเพื่อช่วยลดแรงดันน้ำในเขื่อน ทว่าระดับน้ำในแม่น้ำ Goyt ขณะนี้ก็อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว เนื่องจากมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง