ข่าว
“สรยุทธ”คืนจออีกครั้ง จับคู่”หนุ่ย”บอลยูโร

10 มิ.ย. 59 นายสรยุทธ สุทัศนจินดา พิธีกรข่าวชื่อดัง ได้กลับมานั่งจัดรายการอีกครั้ง คู่กับ นายเอกราช เก่งทุกทาง ผู้บรรยายกีฬาชื่อดัง ภายใต้รายการ 'ยุทธ-หนุ่ย คุยยูโร 2016' ซึ่งเป็นรายการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของฟุตบอลยูโร 2016 ผ่านทาง www.เรื่องเล่าเช้านี้.com เวลา 18.00 น.

ทั้งนี้ นายสรยุทธ ได้ประกาศยุติบทบาทการทำหน้าที่พิธีกรผู้ดำเนินรายการ เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากถูกสังคมกดดันอย่างหนัก กรณีศาลอาญามีคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุก นายสรยุทธ เป็นเวลา 20 ปี ลดโทษเหลือ 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานสนับสนุนให้มีการกระทำผิดจัดคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เกินเวลา จนทำให้เกิดความเสียหาย 138 ล้านบาท

‘ชูชีพ หาญสวัสดิ์-วิทยา เทียนทอง’ ศาลสั่งจำคุก 6 ปี คดีฮั้วประมูลปุ๋ย

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา คดีที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ อายุ 72 ปี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และนายวิทยา เทียนทอง อายุ 75 ปี อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคไทยรักไทย เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 17

คำฟ้องสรุปว่าเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2544 ถึงวันที่ 20 กันยายน 2545 พวกจำเลย ร่วมกันทุจริตจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยอัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2558 ว่านายชูชีพ จำเลยที่ 1 เป็น รมว.เกษตรฯ และนายวิทยา จำเลยที่ 2 เป็นเลขานุการ รมว.เกษตรฯ ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีเสนอให้จัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ของกรมส่งเสริมการเกษตร โดยจำเลยทั้งสองมีอำนาจหน้าที่ในการเสนอโครงการจัดซื้อปุ๋ยได้กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และกระทำการส่อไปในทางทุจริต ในการร่วมกันกำหนดคุณสมบัติของผู้เข้าประมูล เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย (ชสท.) เป็นผู้ประมูลได้เพียงรายเดียว จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้ประกันตัวในชั้นไต่สวน

ทั้งนี้ คณะองค์คณะผู้พิพากษาประชุมหารือกันนานกว่า 5 ชั่วโมง โดยพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พยานหลักฐานรับฟังได้ว่า จำเลยที่1, 2 เร่งรีบในการพิจารณารับราคา ที่มีการเสนอในการประกวดราคาจัดซื้อปุ๋ย และไม่ดำเนินการตรวจสอบข้อพิรุธในการจัดซื้อที่น่าจะทราบมาตั้งแต่ต้น หลังจากมีหนังสือปลัดกระทรวงเกษตร และคณะกรรมมาธิการตรวจสอบการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของ ส.ส. แต่จำเลยกลับประวิงเวลากระทั่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้ลงนามทำสัญญากับชุมนุมเกษตรกรแห่งประเทศไทย จัดซื้อปุ๋ยมูลอินทรีย์ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท

องค์คณะจึงมีมติด้วยเสียงข้างมาก พิพากษาว่านายชูชีพ จำเลยที่1 กระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการรเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 (ฮั้วประมูล) มาตรา 10,12 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ส่วนนายวิทยา จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนนายชูชีพกระทำความผิด จึงให้จำคุกคนละ 6 ปี ฐานทำผิด มาตรา 12 พ.ร.บ.ฮั้วประมูลซึ่งเป็นบทหนักสุด

ขณะที่องค์คณะผู้พิพากษา ประชุมหารือกันนานกว่า 5 ชั่วโมง ระหว่างนี้นายวิทยา จำเลยที่2 มีอาการปวดศีรษะจนต้องวัดความดันถึง 2 ครั้ง และพบว่าความดันสูงเกือบ 200 มิลลิกรัมปรอท ขณะที่ภายหลังฟังคำพิพากษา นายชูชีพ จำเลยที่ 1 มีสีหน้าตกใจจนต้องใช้ยาดมบรรเทาอาการ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะควบคุมตัวจำเลยทั้งสองคนขึ้นรถตู้เพื่อไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป

ต่อมาเวลา 17.16 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เตรียมควบคุมตัวทั้งสองคนไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯต่อไป

สำหรับคดีดังกล่าว ป.ป.ช.มีมติเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2555 ชี้มูลความผิดนักการเมือง 2 ราย ร่วมกับข้าราชการประจำและเอกชนหลายราย ทุจริตฮั้วประมูลปุ๋ยอินทรีย์ปลอม 1.31 แสนตัน วงเงิน 367 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปี 2545 ของกรมส่งเสริมการเกษตร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10,12 และ 13 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83


ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก 2 ปี "จตุพร"หมิ่น"มาร์ค"ฆ่าปชช.

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นจำคุก"จุตพร" หมิ่น "อภิสิทธิ์" สั่งฆ่าประชาชน เป็นเวลา 2 ปีไม่รอลงอาญา ก่อนจะให้ประกันตัวแต่กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ

(10 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาในคดี อ.4176/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท จากกรณี นายจตุพร ขึ้นเวทีชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม และ 17 ตุลาคม 2552 ปราศัยกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ประวิงเวลาในการทำความเห็นเสนอต่อสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามที่กลุ่มเสื้อแดงร่วมกันลงชื่อถวายฎีกา รวมทั้งกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ในทำนองเป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง

คดีนี้ศาลอาญาได้พิพากษาให้จำคุก นายจตุพร จำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ประมวลกกหมายอาญา มาตรา 328 รวม 2 กระทงๆ ละ 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี และไม่รอการลงโทษ

โดยในวันนี้นายจตุพร เดินทางมาศาลอาญาพร้อมด้วย นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนโจทก์มีผู้รับมอบอำนาจเดินทางมาศาล

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมแล้วเห็น ว่า ประโยคปราศรัยที่นายจตุพรกล่าวว่า”คุณคืออาชญากรสั่งฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็นที่สุด คำปราศรัยของจำเลยดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าโจทก์เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชน กรณีคำปราศรัยจึงมิใช่เป็นการกล่าวติชมด้วยความเป็นธรรม ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่น ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์อีก

ส่วนที่จำเลยขอให้มีการรอการลงโทษนั้น ศาลเห็นว่า ทั้งโจทก์และจำเลยต่างเป็นนักการเมืองด้วยกัน จึงสามารถที่จะการวิพากษ์วิจารณ์ตามระบอบประชาธิปไตยสามารถกระทำได้แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงเป็นการติชมเพื่อให้ บ้านเมืองดีขึ้น เจริญขึ้น จึงจะถือเป็นการ ติชม เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย แต่ข้อเท็จจริงตามที่วินิจฉัยมาก็ไม่ใช่การติชมเพื่อให้บ้านเมืองเจริญขึ้นหรือติชมด้วยความเป็นะรรมจึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นาย วิญญัติ ทนายความกล่าวว่า ในวันนี้ศาลอุทธรณ์ได้มีพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งตนยังติดใจในส่วนที่ศาลไม่ได้วินิจฉัยคุณงามความดีของจำเลย ซึ่งทำให้ศาลมีคำพิพากษาไม่รอการลงโทษ ด้วยตนจะยื่นฎีกาในประเด็นนี้เข้าไปด้วย ซึ่งขณะนี้ได้ยื่นประกันโดยใช้หลักทรัพย์เดิมที่ประกันในศาลชั้นต้นเป็นเงินสด 2 แสนบาท

ต่อมาเวลา 12.30 น. ศาลพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ในการขอปล่อยชั่วคราว นายจตุพรแล้ว อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวโดยใช้หลักทรัพย์เดิมเป็นเงินสด 2 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาญาจักรเว้นได้รับอนุญาตจากศาล โดยนายวิญญัติ กล่าวว่า สำนวนนี้เป็นสำนวนแรกในในคดีหมิ่นประมาทระหว่างนายอภิสิทธิ์และนายจตุพร ที่ศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ.


“โอบามา” ผนึกเดโมแครต ช่วย "ฮิลลารี" ปราบ "ทรัมป์"

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อ 9 มิ.ย. ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประกาศรับรองนางฮิลลารี คลินตัน อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งและอดีตรมว.ต่างประเทศสหรัฐ เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี อย่างเป็นทางการ

คำประกาศนี้มีขึ้นหลังจากที่โอบามาเปิดทำเนียบขาวต้อนรับนายเบอร์นี แซนเดอรส์ คู่แข่งขันของนางฮิลลารี และพูดคุยกันนานกว่าชั่วโมง จนนายแซนเดอรส์ประกาศจะช่วยนางฮิลลารีสู้กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งพรรครีพับลิกัน สลายความวิตกในฝั่งพรรคเดโมแครตที่กลัวว่า การแข่งขันกันเองของเดโมแครตจะทำให้คะแนนเสียงแตก และไม่ทันการณ์ที่จะสู้กับนายทรัมป์

โอบามากล่าวในคลิปที่โพสต์ในทวิตเตอร์ ว่า "นางฮิลลารีอาจเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะที่สุดในการเป็นประธานาธิบดีเท่าที่เคยมีมา ผมเข้าข้างเธอ ผมตื่นเต้นและแทบไม่อยากรอที่จะออกไปช่วยเธอหาเสียง

ถึงแม้ท่านรัฐมนตรีฮิลลารีและท่านส.ว.แซนเดอรส์จะเคยเป็นคู่แข่งขันกันมาก่อนช่วงไพรมารี (หยั่งเสียงขั้นต้น) ทั้งสองเป็นผู้รักชาติ รักประเทศนี้และจะร่วมเสนอวิสัยทัศน์สำหรับอเมริกาที่เราเชื่อมั่น"

ส่วนนายแซนเดอรส์ กล่าวว่า จะช่วยนางฮิลลารีหาเสียงสู้นายทรัมป์ เพราะการเข้ามาสู่การชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายทรัมป์ถือเป็นเรื่องหายนะ ดังนั้นต้องทำให้มั่นใจได้ว่า นายทรัมป์จะไม่ได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐ


ภัตตาคารเปลือยในญี่ปุ่น เปิดบริการลูกค้าเดือนหน้า

"ภัตตาคารเปลือย" แห่งแรกของญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว มีกำหนดเปิดบริการในเดือนหน้า ด้วยมีกฎเข้มงวดหลายข้อ ในนั้นรวมถึงกำหนดให้ลูกค้าที่มีรูปร่างตุ้ยนุ้ยต้องชั่งน้ำหนักก่อนและจะถูกปฏิเสธหากพบว่าลูกค้าท่านนั้นอ้วนเกินไป

ภายหลังจากเปิดตัวที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และที่เมืองเมลเบิร์นของออสเตรเลียไปก่อนหน้าแล้ว ภัตตาคารเปลือย "ดิ อำมฤต" ยังข้อจำกัดด้านอายุ โดยให้บริการเฉพาะลูกค้าอายุระหว่าง 18-60 ปีเท่านั้น

ดิ อำมฤต (The Amrita) เป็นภัตตาคารเปลือยสุดแปลกแหวกแนวที่ลูกค้าจะต้องเปลื้องผ้าทั้งหมด และนุ่งกางเกงในกระดาษตัวเดียวที่ทางร้านจัดเตรียมไว้ให้ในการเข้าไปใช้บริการ ขณะที่ภัตตาคารแห่งนี้มีกำหนดเปิดสาขาแรกในประเทศที่ญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว ในวันที่ 29 กรกฎาคมที่จะถึงนี้

"หากคุณมีน้ำหนักตัวเมื่อเทียบกับส่วนสูงเกินค่าเฉลี่ยปกติมากกว่า 15 กิโลกรัม เราจะยกเลิกการจองที่นั่งของคุณทันที" หนึ่งในกฎระเบียบที่โพสต์บนเว็บไซต์ของทางร้าน พร้อมให้คำอธิบายว่าพนักงานของร้านจะขอทำการชั่งน้ำหนักตัวลูกค้าก่อน หากเห็นว่าลูกค้ารายนั้นๆ อาจมีน้ำหนักตัวไม่ตรงตามที่กำหนด และทางร้านก็จะไม่คืนเงินค่าสำรองที่นั่งด้วย

ทั้งนี้ลูกค้าทุกรายต้องจ่ายเงินล่วงหน้าก่อนจากการสำรองที่นั่งทางออนไลน์

"ในลอนดอน มีการอนุญาตให้ลูกค้าที่มีน้ำหนักเกินเข้าไปในร้านและโดนแขกบางรายร้องเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ที่น่าขนลุก" โฆษกบอกกับเอเอฟพี พร้อมปฏิเสธว่าทางร้านไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง "ถ้าเราอนุญาตให้คนอ้วนเข้าไปในร้าน อาจก่อความอึดอัดใจแก่ลูกค้าบางส่วน"

โฆษกบอกต่อว่า "ลูกค้าสามารถเข้าดูข้อชี้แนะต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ของเรา เรามีเป้าหมายเพื่อรูปแบบสุนทรียศาสตร์สมัยโรมัน เหมือนกับภาพวาดอันสวยงามที่คุณเห็นได้ตามพิพิธภัณฑ์"

ในส่วนของกฎอื่นๆ ก็มี ห้ามรบกวนลูกค้าคนอื่นๆ ด้วยการแตะต้องสัมผัสหรือพูดคุยกันเสียงดังตามหลังการรับประทานอาหาร และลูกค้าที่มีรอยสักตามร่างกายหมดสิทธิ์ใช้บริการภัตตาคารแห่งนี้

ขณะเดียวกันลูกค้าที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใช้บริการ ต้องปิดสัญญาณและเก็บโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกับกล้องถ่ายรูปไว้ในกล่องบนโต๊ะที่ทางร้านจัดไว้ให้

สนนราคาของการใช้บริการนั้นสูงถึงหัวละ 80,000 เยน(ราว26,000บาท) สำหรับค่าตั๋วเข้าไปรับประทานอาหารที่มีบริกรเสิร์ฟเป็นผู้ชาย รูปร่างกำยำนุ่งเพียงกางเกงในจี-สตริงส์คอยให้บริการ และรับชมการเต้นโชว์จากเหล่านายแบบหุ่นบึกบึน แต่หากต้องการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว ไม่ชมการแสดง ราคาจะอยู่ที่ 14,000 เยน(ราว4,500บาท) ถึง 28,000 เยน(ราว9,100บาท) ขึ้นอยู่กับเมนูอาหารที่เลือก

ศิษย์ธรรมกายจ่าย 10 ล้าน ถ้ามีหลักฐาน”ธัมมชโย”ผิด

10 มิ.ย. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกยูทูปชื่อ "ai pethtong" ซึ่งเป็นศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอรายการ "Ai Channel" ชื่อตอนว่า "ด่วน!เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง รับ 10 ล้านบาท...AI Channel 36" ประกาศแจกรางวัล 10 ล้านบาท ให้กับบุคคลที่สามารถนำพยานหลักฐานมายืนยันว่า พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หรือวัดพระธรรมกาย มีการกระทำความผิดจริง ตามที่เคยถูกกล่าวหาในหลายประเด็น อาทิ กล่าวหาว่าพระธัมมชโยเคยพูดหลวงปู่มั่นมรณภาพแล้วไปอยู่ในนรก กล่าวหาว่าเคยค้าอาวุธ เล่นหุ้น ทำศัลยกรรม หรือกล่าวหาว่าเคยขายฆ้อนอันละ 3.5 แสนบาท หรือกล่าวหาว่าพระธัมมชโย รับประทานอาหารมื้อละเป็นแสนบาท หรือบูชาฮิตเลอร์ เป็นต้น

"เพื่อให้มันชัดเจน ขอตั้งรางวัลให้กับผู้ที่สามารถหาหลักฐานมายืนยัน ผู้ที่สามารถหาพยานมายืนยันว่า สิ่งเหล่านี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อธัมมชโย สิ่งเหล่านี้ออกไปจากวัดพระธรรมกาย ผมมีรางวัลให้เรื่องละ 10 ล้านบาท สำหรับคนที่สามารถหาพยานหลักฐานมายืนยันว่าหลวงพ่อธัมมชโย เป็นคนพูดเรื่องนี้ เป็นคนกระทำสิ่งนี้จริงๆ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 10 เรื่อง" ศิษย์ธรรมกาย ระบุ