เยเรวาน/บากู (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ความคืบหน้าเหตุระเบิดที่คลังน้ำมันในดินแดนนากอร์โน-คาราบัคที่ตั้งอยู่ในอาเซอร์ไบจานแต่มีชาวอาร์เมเนียอาศัยอยู่จำนวนมากเมื่อวันจันทร์ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 20 ศพแล้ว ขณะที่ชาวอาร์เมเนียในพื้นที่พิพาทดังกล่าวหลั่งไหลออกจากพื้นที่ด้วยความหวาดกลัวว่า จะถูกสังหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
รัฐบาลสาธารณรัฐนากอร์โน-คาราบัคหรือสาธารณรัฐอาร์ทซัค ซึ่งไม่ได้รับการรับรองจากนานาชาติเผยว่า พบศพในที่เกิดเหตุ 13 ศพ และมีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิตเพิ่มอีก 7 ศพ ขณะที่ผู้บาดเจ็บราว 290 คนกำลังรับการรักษาตัวในโรงพยาบาล หลายสิบคนยังคงมีอาการวิกฤต ด้านกระทรวงสาธารณสุขอาร์เมเนียแถลงว่าได้ส่งทีมแพทย์ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยังเมืองสเตฟาเนเกิร์ต ที่เป็นเมืองหลวงของนากอร์โน-คาราบัค ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจานแถลงว่า ได้ส่งทีมแพทย์ไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเช่นกัน
เหตุคลังน้ำมันระเบิดเกิดขึ้นในขณะที่ชาวอาร์เมเนียพากันอพยพออกจากนากอร์โน-คาราบัค ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของอาร์เซอร์ไบจาน รัฐบาลอาร์เมเนียเตือนว่า อาจเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนเชื้อสายอาร์เมเนีย หลังจากอาเซอร์ไบจานบุกโจมตีสาธารณรัฐนี้แบบสายฟ้าแลบเมื่อวันที่ 19 กันยายน ส่งผลให้มีคนหนีข้ามพรมแดนเข้ามาในอาร์เมเนียชุดแรกเมื่อวันที่ 24 กันยายน จนถึงขณะนี้รวมมากกว่า 13,000 คนแล้ว นายกรัฐมนตรี นิโคล ปาชินเนียน ของอาร์เมเนียกล่าวหาว่า เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขึ้นแล้วในนากอร์โน-คาราบัค รัฐบาลอาร์เมเนียกำลังพยายามประสานงานขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ และได้จัดเตรียมที่พักอาศัยเพียงพอสำหรับผู้อพยพ 40,000 คน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเพียงพอหรือไม่
ขณะเดียวกัน ชาวอาร์เมเนียในกรุงเยราวาน ยังคงประท้วงรัฐบาลอย่างรุนแรง เพราะไม่พอใจที่รัฐบาลอ่อนข้อให้อาเซอร์ไบจานมากเกินไปและกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก เพราะทำให้ประเทศต้องสูญเสียเกียรติภูมิจากการถูกขับออกจากดินแดนบ้านเกิดตัวเอง
ในอีกด้านหนึ่ง ตัวแทนของอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานเตรียมพบกันที่กรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น เพื่อเจรจาหาทางยุติความขัดแย้งรอบใหม่ โดยจะมีที่ปรึกษาการทูตของประธานคณะมนตรียุโรปเป็นประธานการหารือ และมีที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของฝรั่งเศสและเยอรมนีเข้าร่วมด้วย
สำหรับดินแดนนากอร์โน-คาราบัค อยู่ในอาเซอร์ไบจาน แต่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวอาร์เมเนียที่อาศัยมานาน เดิมอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่เมื่อโซเวียตล่มสลายจึงได้เกิดการแย่งชิงกัน อาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจานทำสงครามแย่งชิงนากอร์โน-คาราบัค มาแล้ว 2 ครั้งตั้งแต่สหภาพโซเวียตล่มสลาย
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 27 ก.ย.66 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ( ก.ตร.) โดยเลขานุการ ก.ตร. ได้แจ้งที่ประชุมขอให้นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกฯ เข้าร่วมในวงประชุมด้วย
การประชุมเริ่มเมื่อเวลา 15.00 น. มีการเชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล , พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. ที่มาร่วมประชุมวันนี้ และมีส่วนได้ส่วนเสีย ออกจากห้องประชุม นอกจากนี้ยังขยับนำวาระการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ซึ่งเดิมอยู่วาระ 66 ซึ่งเป็นวาระสุดท้าย ขึ้นมาพิจารณาเป็นวาระแรก โดยใช้เวลาพิจารณากว่า 1.28 ชม. และมีมติ 9 ต่อ 2 แต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร.คนที่ 14 ทั้งนี้ จากผู้ลงสิทธิ์ลงคะแนน 16 คน โดยรอง ผบ.ตร. 4 คน ไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนเหลือ 12 คน นายกรัฐมนตรี งดออกเสียง ทำให้เหลือ 11 คน
ต่อมาเวลา 17.05 น. นายเศรษฐา ได้เดินลงมาจากห้องประชุมพร้อมส่งยิ้มและยกนิ้วโป้งให้กับผู้สื่อข่าวโดยไม่ตอบคำถามใดใด เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสบายใจหรือยังนายเศรษฐาไม่ตอบ พร้อมกล่าวว่า ให้โฆษกฯเป็นผู้แถลง ก่อนจะขึ้นรถกลับออกไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ รอง ผบ.ตร. ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. ประกอบด้วย อาวุโส ลำดับที่ 1 “บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 24 และนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 40 เกษียณอายุราชการ ในปี 2567
อาวุโส ลำดับที่ 2 “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 และจบปริญญาตรีโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 47เกษียณอายุราชการ ปี 2574
อาวุโส ลำดับที่ 3 “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 และปริญญาตรีจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 41 เกษียณอายุราชการ ในปี 2569
ส่วนอาวุโส ลำดับที่ 4 “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล จบระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสิงห์แดง รุ่นที่ 38 ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม ก่อนเข้ารับราชการตำรวจ เคยทำงานเป็นพนักงานในบริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ อยู่ได้ 7 ปี สมัครรับราชการตำรวจ โดยเข้าอบรมหลักสูตรการฝึกอบรม ผู้มีคุณวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกยังชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลกระทบกับการค้าโลก สะท้อนจากภาคการผลิตที่ชะลอตัวทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจเยอรมนีที่พึ่งพาการส่งออกสูง นอกจากนั้น จีนยังคงเผชิญกับปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลลบกับอุปสงค์ภายในประเทศ ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังแสดงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ อีกทั้งเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวได้ดีอยู่ ส่งผลให้เฟดมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีนี้และคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้ในปี 2567
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มโตต่ำกว่าคาด โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2566 ลงมาอยู่ที่ 3.0% จาก 3.7% จากการที่เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนยังชะลอตัวต่อเนื่อง ส่งผลกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มองว่าจะเข้ามาเพียง 27.6 ล้านคน ในปี 2566 และการส่งออกสินค้าที่จะหดตัว 2.5% มากกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ -1% นอกจากนี้ อุปสงค์ในประเทศยังคงได้รับผลจากการที่การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ รวมถึงภาคการผลิตที่ยังชะลอต่อเนื่อง และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะแนวโน้มการเร่งตัวของหนี้รหัส 21 หรือหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน อันเนื่องมาจากสถานการณ์ไม่ปกติ เช่น โควิด-19 ส่งผลให้อุปสงค์ในประเทศยังอ่อนแออยู่ สะท้อนได้จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ยังหดตัวต่อเนื่องและเงินเฟ้อพื้นฐานที่ปรับตัวต่ำกว่ากรอบเงินเฟ้อของ ธปท. และศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าในการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 27 กันยายนนี้ ธปท.จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25%
สำหรับนโยบายที่รัฐบาลประกาศไปและจะดำเนินการเพิ่มเติม จะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ผ่านการลดค่าครองชีพ การพักหนี้ และเงินดิจิทัล 10,000 บาทซึ่งจะมีผลกระตุ้นเศรษฐกิจได้จำกัดในปี 2566 แต่คาดว่าจะเห็นผลบวกชัดขึ้นในช่วงต้นปี 2567 สำหรับค่าเงินบาท ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าในระยะสั้น ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าจากแนวโน้มส่วนต่างดอกเบี้ยสหรัฐกับไทยที่จะอยู่ในระดับสูงอีกสักระยะ และประเทศไทยยังน่าจะรักษาอันดับความน่าเชื่อถือเอาไว้ได้ในขณะนี้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการขยายตัวของเศรษฐกิจในอนาคตกับการรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐบาลในระยะต่อไปด้วย
“การค้าโลกมีนโยบายกีดกันการค้าที่จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการย้ายฐานการผลิตมาในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มขึ้นด้วย แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่ได้รับอานิสงส์เท่าที่ควร นอกจากนั้น เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างหลายอย่างที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญไปพร้อมๆ กับมาตรการ Quick Win ที่กำลังดำเนินการอยู่”นายบุรินทร์กล่าว
26 กันยายน 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา ยืนยันการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสซิกา (Zika virus) รายแรกนับตั้งแต่ปี 2016 โดยผู้ป่วยเป็นเด็กผู้หญิง วัย 7 ขวบ จังหวัดกำปงธมตอนกลาง เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรับส่งต่อบารายสันตุก หลังถูกสันนิษฐานว่าเป็นโรคไข้เลือดออก และจากผลตรวจยืนยันว่าเธอมีผลตรวจไวรัสซิกาเป็นบวก
กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา ระบุว่า ไวรัสซิกาเป็นไวรัสในตระกูลฟลาวิไวรัส (Flavivirus) ที่แพร่กระจายโดยยุงลายเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังสามารถแพร่ผ่านการสัมผัสทางเพศ การให้เลือด และถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกโดยกำเนิด โดยมีกลุ่มอาการต่างๆ ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ ผื่นขึ้น ตาแดง และปวดข้อ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักฟื้นตัวภายใน 2-7 วัน ขณะอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้อยู่ในระดับต่ำมากในกรณีที่แพร่สู่สตรีมีครรภ์ อาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้
ทั้งนี้เรียกร้องให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มสตรีมีครรภ์ ระมัดระวังและป้องกันตนเองจากการถูกยุงลายกัด และเดินทางไปพบแพทย์หากมีอาการของการติดเชื้อดังกล่าว
27 กันยายน 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุไฟไหม้สถานที่จัดงานแต่งงานที่อิรัก ในเมืองนิเนเวห์ เขตอัลฮัมดาเนีย เป็นเหตุให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเสียชีวิต พร้อมกับแขกที่มาในงานอีกมากกว่า 100 คน จากรายงานข่าวทราบว่า ห้องโถงที่ใช้จัดงานแต่งงานครั้งนี้ ใช้วัสดุที่ติดไฟง่าย และในช่วงที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวกำลังเต้นรำ ได้เกิดประกายไฟจนทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ทำให้แขกหลายร้อยคนพยายามวิ่งหนีออกมาที่ด้านนอก แต่หลายคนก็ไม่สามารถหนีออกมาได้ทัน จนถูกไฟคลอกเสียชีวิต ซึ่งหลังจากที่ไฟไหม้ไม่กี่นาที ก็ทำให้อาคารถล่มลงมาขณะนี้มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 114 ศพ
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดประกายไฟคืออะไรกันแน่ แต่พยานในที่เกิดเหตุบอกว่าอาจเป็นเพราะมีการจุดพลุภายในงานแต่งและพบว่าภายในอาคารหรือบริเวณใกล้เคียงไม่มีถังดับเพลิงอยู่เลย
27 กันยายน 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าประชาชนในนากอร์โน-คาราบัค ส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายอาร์เมเนีย หวาดกลัวว่าหากอาเซอร์ไบจาน เข้ามาควบคุมพื้นที่ตรงนี้ จะทำให้พวกไม่ปลอดภัย จึงตัดสินใจลี้ภัยไปที่อาร์เมเนีย
คนที่มีเชื้อสายอาร์เมเนีย ประมาณ 6,500 คน ที่อาศัยอยู่ในนากอร์โน-คาราบัค ได้เดินทางออกจากเมืองและข้ามชายแดนลี้ภัยไปที่อาร์เมเนียแล้ว เหตุที่ทั้งหมดนั้นจะต้องลี้ภัยกันเป็นการเร่งด่วนเพราะพื้นที่ตรงนี้กำลังถูกอาเซอร์ไบจานยึดครองพวกเขากลัวว่าจะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้น
ต่อมาทางด้านรัฐบาลของอาเซอร์ไบจาน ได้ออกมายืนยันแล้วว่า จะมีการรวมคนเชื้อสายอาร์เมเนียในพื้นที่ตรงนี้เข้ากับประชาชนคนอื่นๆ อย่างเท่าเทียม แต่ก็ยังไม่สามารถคลายความวิตกกังวลลงได้ เพราะเคยมีการกล่าวหาว่าอาเซอร์ไบจานพยายามกวาดล้างกลุ่มชาติพันธุ์ชาวอาร์เมเนียมาแล้ในดินแดนแห่งนี้ซึ่งอาเซอร์ไบจานปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง
ทางด้านรัฐบาลอาเซอร์ไบจานเองก็เผชิญกับเสียงวิพาก์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากชาติตะวันตก ซึ่งมองว่าการใช้กำลังทหารโจมตีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอย่างหนักหน่วง ไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ซึ่งควรจะมีการเจรจาเพื่อหาทางออกกันมากกว่าและยิ่งทำให้วิกฤตด้านผู้ลี้ภัยและมนุษยธรรมที่เป็นปัญหาใหญ่ของโลกต้องเลวร้ายลง โดยมีรายงานว่าวันนี้คณะผู้แทนจากอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน เตรียมพบปะกันที่กรุงบรัสเซลส์เพื่อหาทางออก
© 2011 - 2026 Thai LA Newspaper 1100 North Main St, Los Angeles, CA 90012