ข่าว
'สิงคโปร์'แขวนคอประหารชีวิต คดีนำกัญชา1กก.เข้าประเทศแล้ว

26 เม.ย.66 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สิงคโปร์ลงโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอผู้ต้องขังที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาคบคิดกันลอบนำเข้ากัญชามากกว่า 1 กิโลกรัมแล้วในวันนี้ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้สิงคโปร์ยกเลิกโทษประหารชีวิต

โฆษกสำนักงานเรือนจำสิงคโปร์เผยว่า ผู้ต้องขังชายชาวสิงคโปร์วัย 46 ปี ถูกลงโทษประหารชีวิตแล้วในวันนี้ที่เรือนจำชางงี นับเป็นการประหารชีวิตในสิงคโปร์ครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และครั้งที่ 12 นับจากเดือนมีนาคม 2565 หลังจากระงับไปนานกว่า 2 ปี นักโทษรายนี้ถูกตัดสินในปี 2560 ว่าพัวพันกับแผนการคบคิดกันลอบนำเข้ากัญชาหนัก 1,017.9 กรัม ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของปริมาณขั้นต่ำที่จะต้องถูกลงโทษประหารชีวิต เขาถูกศาลชั้นต้นตัดสินในปี 2561 ให้ถูกประหารชีวิต และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน

เซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน มหาเศรษฐีชาวอังกฤษในฐานะกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการสากลว่าด้วยนโยบายยาเสพติดเขียนในบล็อกส่วนตัวเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้ต้องขังไม่ได้มียาเสพติดอยู่ใกล้ตัวเลยในช่วงที่ถูกจับกุม และสิงคโปร์อาจจะทำให้คนบริสุทธิ์ต้องถูกประหาร ทำให้กระทรวงมหาดไทยสิงคโปร์ตอบโต้ในวันอังคารว่า ความผิดของผู้ต้องขังได้รับการพิสูจน์จนสิ้นสงสัยแล้ว หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เลขหมายที่อัยการระบุว่าเป็นของผู้ต้องขังเป็นหมายเลขที่ใช้ประสานงานเรื่องการลำเลียงยาเสพติด

ด้านสํานักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ (OHCHR) แถลงแสดงความไม่เห็นด้วยในวันเดียวกันว่า มีเพียงไม่กี่ประเทศที่ยังคงใช้โทษประหารชีวิต ส่วนใหญ่เพราะเชื่อโดยไร้เหตุผลว่าจะช่วยยับยั้งการก่ออาชญากรรมได้ ทั้งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าได้ผลจริง อีกทั้งยังขัดต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากลที่อนุญาตให้ใช้โทษประหารชีวิตเฉพาะอาชญากรรมร้ายแรงที่สุดเท่านั้น

ดังใหญ่แล้ว! เพลง'ไม่รู้ ไม่รู้'ฮิตในติ๊กต็อก วัยรุ่นโชว์ท่าเต้นน่ารักสดใส

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก เรารักลุงป้อม "We love Lung Pom" ได้โพสต์คลิป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ขณะขึ้นรถไฟและลงพื้นที่ปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา รวมถึงในช่วงการลงพื้นที่ต่างๆ พร้อมข้อความ "ลุงป้อม ไม่รู้แต่ไม่มีแล้ง พาทุกคนหายจน ก้าวข้ามความขัดแย้ง" โดยในคลิปมีแฟนคลับและผู้สนับสนุนมอบดอกกุหลาบ ตะโกนส่งเสียงเชียร์ พร้อมกับเพลง "ไม่รู้ ไม่รู้" ของศิลปิน NCX ประกอบ ที่มีคำร้องบางท่อนว่า "ไม่รู้" คล้องกับที่ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า "ไม่รู้ ไม่รู้" ซึ่งปรากฏว่า ขณะนี้ได้มีวัยรุ่นเริ่มนำเพลงดังกล่าวมาทำเป็นท่าเต้นใน Tiktok กันเป็นจำนวนมาก และเป็นที่นิยมในตอนนี้ โดยมีท่าเต้นประกอบเพลงน่ารักสดใส ถูกใจคนหนุ่มสาว


ผู้การฯอุดรสั่งไล่เช็ควงจรปิดทุกจุด หาหลักฐานคดี'แอม'วางยาฆ่าอดีตสามี

วัน 26 เม.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีเรื่องฆาตรกรรมต่อเนื่อง "นางแอม" ผู้ต้องสงสัยวางยางคนสนิทหลายราย หนึ่งในนั้นคือนายสุทธิศักดิ์ พูนวงส์ หรือ นายแด้ อายุ 35 ปี ชาวอ.บ้านโป่ง ที่จ.ราชบุรี มาทำธุรกิจปล่อยเงินกู้ที่ จ.อุดรธานี สามีของนางแอม โดยนางแอมได้เดินทางมาหานายแด้ วันเกิดเหตุเช้าวันที่ 12 มี.ค.66 ได้ชวนนายแด้ไปทำบุญที่คำชะโนด พอมาถึงปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านโคกสูง ต.โคกสูง อ.หนองหาน จ.อุดรธานี นายแด้เกิดเป็นลมล้มฟุบข้างห้องน้ำ ต่อมากู้ภัยส่งเสริมธรรมจุดบริการหนองหานได้เข้ามาช่วยนำส่งรพ. แต่สุดท้ายนายแด้ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่บ้านพักในจ.อุดรธานี โดยกู้ภัยเปิดใจตกใจและช็อคมาก ไม่คิดว่าผู้เป็นลมหมดสติที่เข้าไปช่วยเหลือนั้นจะเป็นหนึ่งในคนที่ถูกนางแอมวางยาเสียชีวิต เผยน้ำตาคลอตั้งแต่ทำกู้ภัยมา 15 ปีเพิ่งเจอเคสนี้สลดใจมาก ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันนี้ ตร.ชุดสืบสวนสภ.หนองหาน ได้เดินทางมาขอข้อมูลและภาพถ่ายจาก ส.อ.เอกพันธ์ ลายกิ่ง หัวหน้ากู้ภัยส่งเสริมธรรม อ.หนองหานเพื่อนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งที่บ้านโคกสูง อ.หนองหาน ในส่วนของกล้องวงจรปิดสามารถดูได้ถึงวันที่ 19 มี.ค.66 เท่านั้น แต่เหตุเกิดวันที่ 12 มี.ค.66 ไม่สามารถดูย้อนหลังได้

ขณะเดียวกันที่ห้องประชุม ศปภ.สภ.เมืองอุดรธานี พล.ต.ต.พิษณุ อุณหุเสรี ผบก.ตร.ภูธร จ.อุดรธานี ได้เรียกประชุมด่วนเจ้าหน้าที่ตร.ชุดสืบสวน กรณีนายสุทธิศักดิ์ พูนวงศ์ หรือ “แด้” ที่เสียชีวิตและเกี่ยวโยงกับนางแอมวางยาเสียชีวิต ทั้งๆ ที่เป็นสามี โดยใช้เวลากว่า 3 ชม.จึงประชุมเสร็จ

พล.ต.ต.พิษณุ อุณหุเสรี ผบก.ตร.ภูธร จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนวันนี้พบว่า คดีของคุณแอมมีความเชื่อมโยง 1 เคสในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี โดยพบว่าวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมาขณะนั้นนางแอมมายังจังหวัดอุดรธานี เดินทางมาทำบุญกับผู้ชาย 1 คน ซึ่งเช้าวันดังกล่าวหลังทำบุญผู้ชายเสียชีวิต จากการสืบสวนรายละเอียดเราพบว่าลักษณะของการเสียชีวิตของนายแด้ มีพฤติกรรมคล้ายๆกับการเสียชีวิตของรายอื่นๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงให้ความสนใจกับคดีนี้ จึงเก็บพยานหลักฐาน แม้วันนี้ศพจะถูกทำการเผาไปแล้วแต่เจ้าหน้าที่ก็เก็บหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติการณ์ขณะเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ

"ได้สั่งให้ไล่เช็คกล้อวงจรปิดทุกจุดตั้งแต่บ้านพักในบ้านหนองนาหล่ำ ต.สามพร้าว ไปตามเส้นทางที่ทั้ง 2 คนจะไปทำบุญที่คำชะโนด โดยเฉพาะการแวะทานข้าวก่อนจะไปเป็นลมหมดสติที่ปั๊มน้ำมันที่อ.หนองหาน ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสัก 2 วันและเราจะทราบว่าคืบหน้าโดยละเอียด อย่างไรก็ตามกรณีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีความหนักใจคล้ายๆกับเคสอื่นๆก่อนหน้าเนื่องจากศพที่เสียชีวิตไปล้วนแล้วแต่ถูกทำลายเผาไปหมดแล้ว แต่ก็มั่นใจจะได้หลักฐานเพิ่มแน่นอน"พล.ต.ต.พิษณุ กล่าวย้ำ


ผลตรวจชายเมียนมาติดโควิดดับสายพันธุ์ XBB.1.16.1 ยอดป่วยพุ่งวันละ 155 ราย

26 เมษายน 2566 นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีชายสัญชาติเมียนมา อายุ 34 ปี เสียชีวิตภายในห้องพัก เขตสาทร กทม. และตรวจ ATK พบเชื้อโควิด 19 เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 ผลการสอบสวนพบว่า ผู้เสียชีวิตทำงานเป็นพนักงานโรงงานแห่งหนึ่งใน กทม. ไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด 19 มาก่อน และไม่มีประวัติเข้ารับการรักษาโรคโควิด 19 ก่อนเสียชีวิต ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผู้เสียชีวิตได้เล่นน้ำสงกรานต์กับเพื่อน และเริ่มเป็นไข้ มีอาการตาแดง ซื้อยาทานเองอยู่แต่ในห้องพัก ไม่ได้เข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาล จนมีผู้มาพบว่านอนเสียชีวิตในห้องพัก ผลตรวจภาพรังสีคอมพิวเตอร์ (CT scan) ของศพโดยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เข้าได้กับภาวะปอดอักเสบชนิดรุนแรง ส่วนผลตรวจทางห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน XBB.1.16.1 ดังนั้น จึงขอย้ำให้ผู้ไม่เคยรับวัคซีน รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสู้กับโควิดสายพันธุ์ต่างๆ

นายแพทย์ธเรศ กล่าวต่อว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด 19 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังเทศกาลสงกรานต์ และสัปดาห์ที่ผ่านมาพบผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 1,088 ราย เฉลี่ยวันละ 155 คนต่อวัน สูงขึ้น 2.5 เท่าเปรียบเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า และคาดว่าจะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมี ยา เวชภัณฑ์สำรอง และเตียงเพียงพอต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีอาการรุนแรง ขอแนะนำประชาชนเร่งฉีดวัคซีนโควิด 19 ประจำปี สำหรับกลุ่มเป้าหมายฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 พร้อมกันได้ และหากป่วยด้วยอาการทางเดินหายใจ ให้ตรวจ ATK รวมทั้งเลี่ยงใกล้ชิดกลุ่ม 608 เมื่อพบผลบวก 2 ขีด ให้สวมหน้ากาก และรีบไปพบแพทย์หากมีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ถ้าเป็นกลุ่ม 608 ให้รีบพบแพทย์เมื่อทราบผลตรวจ ATK เป็นบวก สำหรับผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ให้ไปรับบริการฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ LAAB ได้ที่โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลภาครัฐสังกัดอื่น ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ

นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 องค์การอนามัยโลกได้ปรับสถานะเชื้อโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน XBB.1.16 ให้เป็นสายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง (Variant of Interest: VOI) จากเดิมเป็นสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง (Variant under Monitoring: VUM) อย่างไรก็ตาม การตรวจโควิด 19 ในปัจจุบันด้วยวิธี Real-time PCR และชุดตรวจ ATK ยังสามารถพบการติดเชื้อโควิดได้ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์โอมิครอน และสายพันธุ์ลูกผสม

ทั้งนี้ มีความจำเป็นที่ต้องเร่งรัดการฉีดวัคซีนเพื่อให้มีระดับภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด 19 เพียงพอในระดับบุคคลและประชากร เพื่อลดโอกาสป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิด 19 โดยสามารถใช้วัคซีนชนิดใดหรือรุ่นใดก็ได้ ฉีดห่างจากเข็มสุดท้ายหรือประวัติการติดเชื้ออย่างน้อย 3 เดือน และไม่ต้องนับว่าเป็นเข็มที่เท่าใด ที่สำคัญสามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยฉีดที่ต้นแขนคนละข้าง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422


สธ.ห่วงเด็ก-เยาวชนโชว์พี้เกร่อโซเซียล กางกม.ควบคุมจำหน่ายกัญชาเบรกสายเขียว

26 เม.ย.66 นายแพทย์เทวัญ ธานีรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามสื่อสังคมออนไลน์ จะพบภาพของเด็กและเยาวชนสูบกัญชา กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีความห่วงใย ต่อเหตุการณ์เหล่านี้และขอชี้แจงให้ทราบว่า การสูบกัญชา หรือการจำหน่าย ขาย แจก แลกเปลี่ยนกัญชาแก่เด็ก และ เยาวชน เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ถือเป็นการจำหน่าย สมุนไพรควบคุม คือกัญชา โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษอาญาถึงขั้นจำคุก ตามประกาศ “สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565” ข้อ 1.3 กำหนดชัดในเรื่อง ห้าม จำหน่ายแก่เด็ก และ เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี

ซึ่งการจำหน่ายหมายความรวมถึง การขาย จ่าย แจก หรือแลกเปลี่ยน การกำกับดูแลในประเด็นนี้ จะเห็นว่า เด็ก และ เยาวชนนำกัญชามาใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ได้ 2 ทาง ทางที่ 1 คือ ได้รับการจำหน่าย จ่าย แจก มา ตามข้อนี้ กฎหมายสามารถเอาผิดกับผู้ที่จำหน่าย จ่าย แจกกัญชาให้เยาวชนได้ตามมาตรา 78 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำ ทั้งปรับ ทางที่ 2 คือ เด็ก และ เยาวชน ปลูกกัญชาเพื่อไว้เสพ กรณีนี้ ผู้ปกครองที่ดูแลบุตรหลาน ต้องมีการควบคุมดูแล เช่นเดียวกับการห้ามสูบบุหรี่ หรือ ดื่มสุรา ผู้ปกครอง หรือผู้ใกล้ชิด จึงมีบทบาทที่ต้องเข้ามาเฝ้าระวัง และให้แนวทางที่ถูกต้องแก่เด็ก และ เยาวชน

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ตัวบทกฎหมายที่ออกมานอกจาก ห้ามจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีแล้ว ยังห้ามจำหน่าย แก่สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ห้ามจำหน่ายให้กับนักเรียน นิสิต หรือ นักศึกษา ห้ามสูบกัญชาในสถานประกอบการ ห้ามจำหน่ายเพื่อการค้าผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine)ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ห้ามโฆษณากัญชาในทุกช่องทางเพื่อการค้า และห้ามสูบกัญชาในสถานที่ต้องห้าม เช่น วัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา หอพัก ตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก เป็นต้น

นายแพทย์เทวัญ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงสาธารณสุข มีจุดประสงค์หลักคือ ต้องการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชา และใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมทางการแพทย์ ที่สำคัญต้องดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกับการควบคุม เพื่อการคุ้มครองบุคคล และสังคม เพื่อไม่ให้ได้รับอันตรายที่อาจเกิดจากการบริโภคกัญชา และป้องกันการใช้ในทางที่ผิด หากพิจารณาถึงผลจากการ สร้างคุณค่าของห่วงโซ่การผลิตกัญชา ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน คือ ประชาชนจะได้มีโอกาสทางด้านการรักษา การเข้าถึงการใช้ยา การใช้กัญชาในชุมชน โดยย้ำชัดเจนผู้ที่ใช้กัญชา ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย หรือ ผู้บริโภค ต้องเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะ เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง เป็นทางเลือกในการดูแลรักษาสุขภาพแก่กลุ่มผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ยากัญชา ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เวียดนามเตือนระวัง'ยาแก้ไอน้ำเชื่อม 14 ชนิด' เอี่ยวทำเด็กดับหลายประเทศ

26 เม.ย. 66 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันอังคาร (25 เม.ย.) เวียดนาม นิวส์ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของเวียดนาม รายงานว่ากระทรวงสาธารณสุขเวียดนามได้ออกคำเตือนหน่วยงานสาธารณสุข รวมถึงสถานบริการตรวจและรักษาโรคทั่วประเทศ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาแก้ไอน้ำเชื่อม 14 ชนิดที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตหรือต้นตอภาวะไตวายเฉียบพลันในเด็กหลายร้อยราย และถูกสั่งห้ามใช้ในบางประเทศ

หนังสือพิมพ์ฯ อ้างอิงองค์การยาของเวียดนาม สังกัดกระทรวงฯ รายงานว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้รับใบรับรองการขึ้นทะเบียนตำรับยาในเวียดนาม หรือใบรับรองการนำเข้ามาในประเทศ

กระทรวงฯ เรียกร้องให้หน่วยงานสาธารณสุขของจังหวัดและเมืองบริหารส่วนกลางต่างๆ ตลอดจนสถานพยาบาล สังกัดกระทรวงฯ เร่งเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายร้ายแรงของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เพื่อรับรองความปลอดภัยของผู้ใช้งาน

นอกจากนั้น มีการเรียกร้องหน่วยงานด้านสาธารณสุขให้ตรวจสอบธุรกิจเภสัชกรรมเกี่ยวกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ยาที่ไม่มีที่มาที่ไป หรือยาที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่าย