ข่าว
"หมวดเจี๊ยบ" ไม่หวั่นโดนฟ้อง ซัด "มาร์ค" ขู่ให้กลัวหวังปิดปาก

วันที่ 21 มิ.ย. ที่พรรคเพื่อไทย ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรค แถลงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ประกาศฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาท 13 คดี สืบเนื่องจากการแถลง 13 ข้อสาเหตุที่พรรคเพื่อไทยร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ ว่า ไม่หนักใจ ไม่กังวล เพราะวิพากษ์วิจารณ์โดยปราศจากอคติ แต่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง เมื่อมีข่าวพรรคประชาธิปัตย์จะฟ้อง ผู้ใหญ่ของพรรคหลายคนให้ควา มเมตตาช่วยดูแลเรื่องคดีความ อาทิ นายสุธรรม แสงประทุม นายอดิศร เพียงเกษ แต่ขอตั้งคำถามไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่ทำเช่นนี้ต้องการข่มขู่ให้กลัวและหยุดนำความผิดพลาดของพรรคประชาธิปัตย์มาเปิดเผยต่อประชาชนหรือ ถ้าคิดเช่นนั้นขอบอกว่าคิดผิดเพราะจะไม่ยอมยุติการนำพฤติกรรมของส.ส. และการบริหารประเทศที่ผิดพลาดในอดีตของพรรคประชาธิปัตย์มาเปิด เพื่อให้ประชาชนได้มีข้อมูลว่าเราจะยอมรับนายกรัฐมนตรีที่หวงอำนาจ ทำได้แม้กระทั่งปราบปรามประชาชน หรือจะยอมรับและให้โอกาสคนหนีทหารไม่ทำหน้าที่ลูกผู้ชาย คนที่ปกปิดการถือสองสัญชาติ คนที่ไม่เคยรับผิดชอบตักเตือนสมาชิกที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมในรัฐสภามาเป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่เขาเสนอตัวเช่นนั้นหรือ

“แม้ดิฉันจะอายุน้อยกว่า แต่ขออนุญาตเตือนคุณอภิสิทธิ์ และสมาชิกประชาธิปัตย์อย่างจริงใจว่า ลาภยศเป็นเพียงสิ่งสมมติ แต่ความยิ่งใหญ่แท้จริงของคนอยู่ที่ความกล้าหาญยอมรับความผิดพลาดที่ตนเองเคยทำในอดีต” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว

ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวว่า สำหรับการปราศรัยใหญ่ “เพื่อไทยพบประชาชน” วันที่ 28 และ 30 มิ.ย.นี้ที่วงเวียนใหญ่และลานคนเมืองนั้น นอกจากการสื่อสารให้ประชาชนรับทราบความคืบหน้าการผลักดันนโยบาย 16 ข้อของรัฐบาลแล้ว จะชี้แจงสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์บิดเบือน สร้างเรื่องการเมือง โดยเฉพาะกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี แต่งเรื่องว่าเพื่อไทยทาบร่วมรัฐบาล รวมถึงข้อมูลเชิงลึกหลายเรื่องมากกว่าที่ปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ เช่น การโอนเงิน 520 ล้านบาทเข้าบัญชีคนใกล้ชิดนักการเมืองใหญ่


ก.ตร.ตั้ง'คำรณวิทย์'นั่งผบช.น.' วินัย ทองสอง' คุม ผบช.ภ.1

22 มิ.ย.55 พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดผลผลการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการ นอกวาระประจำปีว่า ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบตามบัญชีที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเสนอ ซึ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากคณะกรรมการคัดเลือก (บอร์ดกลั่นกรอง) จำนวน 4 ตำแหน่ง ประกอบด้วย

พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ,พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ,พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นรองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ 7) และให้ พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.ภ.1 เป็นรอง ผบช.น.

ทั้งนี้ตำแหน่ง รอง ผบช.ภ.1 ที่ว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง และตำแหน่ง รอง ผบช.ก. ที่ยังว่างนั้น ให้นำไปพิจารณารวมกับการแต่งตั้งโยกย้าย ในการแต่งตั้งโยกย้ายวาระประจำปีที่จะถึงนี้ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การลงมติแต่งตั้งในครั้งนี้ทุกคนล้วนมีความรู้ความสามารถ อีกทั้งยังเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์ปัจจุบัน โดยหลังจากนี้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะทำหนังสือเพื่อนำความขึ้นทูลเกล้าฯ ให้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป

เจาะตู้เซฟ“เสี่ยตา” หลังปม“นมวาดรูป”

เจาะตู้เซฟ “เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล” ผ่านถุงเงิน บ.เวิร์คพอยท์ หลังปมฉาว“นมวาดรูป”รวยระเบิด 1.5 พันล. เฉพาะทีวีรับเหนาะๆ 1.2 พันล. รวม 8 ปี ฟันกำไรสะสมวงการมายาเกือบ 312 ล. แต่ไฉนหนี้รุงรัง?

กลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ กรณีรายการไทยแลนด์ก๊อตทาเลนต์ ซีซั่น 2 ที่ปล่อยให้หญิงสาวผู้เข้าร่วมประกวดขึ้นโชว์การแสดงเปลือยอกระบายสีวาดรูป ทำให้เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล บิ๊กบอส บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของรายการ ถูกรุมกระหน่ำจากโลกโซเซียลมีเดียและสังคมทั่วไปทันที จนเจ้าตัวต้องขอรับผิดชอบเพียงคนเดียว

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า มีการวางแผนเตรียมการมาอย่างดี เป้าหมายเพื่อหวังสร้างกระแสเรียกเรทเติ้งรายการให้พุ่งกระฉูด?

กระนั้นแม้ไม่มีบทสรุป “ข้อเท็จจริง” ลองมาดูความมั่งคั่งของ “เสี่ยตา”ผ่านบริษัทเวิร์คพอยท์ กันหน่อย

บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) มีบริษัทในเครือ 10 แห่ง ได้แก่

บริษัท เวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง จำกัด ก่อตั้งวันที่ 12 ธันวาคม 2545 ทุน 4 ล้านบาท

บริษัท โต๊ะกลมโทรทัศน์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 19 มีนาคม 2547 ทุน 10 ล้านบาท (นายธีรวัฒน์ อนุวัตรอุดม ถือหุ้น 25%)

บริษัท คำพอดี จำกัด ก่อตั้งวันที่ 17 มกราคม 2548 ทุน 8.5 ล้านบาท (นายธงชัย ประสงค์สันติ ถือหุ้น 35%)

บริษัท บ้านอิทธิฤทธิ์ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 17 มกราคม 2548 ทุน 20 ล้านบาท (นายปรัชญา ปิ่นแก้ว ถือหุ้น 28 %)

บริษัท หัวฟิล์ม ท้ายฟิล์ม จำกัด ก่อตั้งวันที่ 7 ตุลาคม 2548 ทุน 5 ล้านบาท

บริษัท บั้งไฟ สตูดิโอ จำกัด ก่อตั้งวันที่ 7 ตุลาคม 2548 ทุน 10 ล้านบาท (นายเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา หรือหม่ำ จกม๊ก ถือหุ้น 40% )

บริษัท กราว จำกัด ก่อตั้งวันที่ 17 ตุลาคม 2549 ทุน 2 ล้านบาท

บริษัท บริษัท กำกับการดี จำกัด ก่อตั้งวันที่ 29 กรกฎาคม 2551 ทุน 5 ล้านบาท

บริษัท ซิกซ์เนเจอร์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (โฆษณา จัดหานักแสดง) ก่อตั้งวันที่ 27 ตุลาคม 2551 ทุน 5 ล้านบาท (นายทศเทพ วงศ์หนองเตย ถือหุ้น 35%)

บริษัท หญ้านุ่ม จำกัด กิจการอสังหาริมทรัพย์ ก่อตั้งวันที่ 8 มิถุนายน 2552 ทุน 1 ล้านบาท


สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า บมจ.เวิร์คพอยท์ ฯ จดทะเบียนเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2547 เดิมที่มีทุน 200 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มเป็น 210,800,000 บาท วันที่ 23 พฤศจิกายน 2553 และ 263,500,000 วันที่ 9 พฤษภาคม 2554 ตามลำดับ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ 99 หมู่ที่ 2 ตำบลบางพูน อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ประกอบกิจการรับจ้างโฆษณาและรับจัดงานต่างๆ นายปัญญา นิรันดร์กุล และ นายประภาส ชลศรานนท์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ กรรมการประกอบด้วย

1.นายปัญญา นิรันดร์กุล 2.นาย ประภาส ชลศรานนท์ 3. น.ส. มาลี ปานพชร 4. นายพาณิชย์ สดสี 5.นายคณิต วัฒนประดิษฐ์ 6. พ.ต.อ.ปรัชญ์ชัย ใจชาญสุขกิจ 7. นายครรชิต ควะชาติ 8. นายสมเกียรติ ติลกเลิศ 9. นาง วิชนี ศรีสวัสดิ์

มีผู้ถือหุ้น 13 ราย โดยนายปัญญา นิรันดร์กุล ถือหุ้นใหญ่สุด 37.1% รองลงมาคือ นายประภาส ชลศรานนท์ 37.02% นายสันติ สิงหวังชา 2.09% บริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 1.85% Hsbc (Singapore) Nominees Pte Ltd (สิงคโปร์) 1.43% นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล 1.14% นายแพทย์ ประจวบ คุณทรงเกียรติ 1.07% นาย ปวาฬ ชลศรานนท์ 0.92% นายวัชระ เจนวิริยะโสภาคย์ 0.83% นายพลพัฒน์ อร่ามเรืองสกุล 0.8% นางศรีสุดา พานา 0.64% น.ส.จันทพร สิงหวังชา 0.6% และ นายเติมศักดิ์ สิงหวังชา 0.6%


ส่วนผลกำไรขาดทุนจากการประกอบธุรกิจ มีดังนี้

- ปี 2547 แจ้งว่ามีรายได้รวม 858,886,374.19 บาท โดยเป็นรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ถึง 848,456,570.94 บาท แต่มีรายจ่ายรวม 565,607,965.08 บาท กำไรสุทธิ 205,636,946.29 บาท

- ปี 2548 แจ้งว่า มีรายได้รวม 1,069,443,129.39 บาท เป็นรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ 1,050,522,695.02 บาท แต่มีรายจ่ายรวม 665,335,963.63 บาท กำไรสุทธิ 302,382,201.81 บาท

- ปี 2549 แจ้งว่า มีรายได้รวม 1,176,212,430.87 เป็นรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ 1,134,201,322.09 บาท แต่มีรายจ่ายรวม 772,380,615.80 บาท กำไรสุทธิ 304,882,558.73 บาท

- ปี 2550 แจ้งว่ามีรายได้รวม 1,143,408,950.52 เป็นรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ 1,097,411,253.28 บาท แต่มีรายจ่ายรวม 822,752,584.49 บาท กำไรสุทธิ 232,985,726.96 บาท

- ปี 2551 แจ้งว่ามีรายได้รวม 1,016,732,986.22 บาท เป็นรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ 951,050,474.44 บาท แต่มีรายจ่ายรวม 815,722,596.20 บาท กำไรสุทธิ 150,829,950.59 บาท

- ปี 2552 แจ้งว่ามีรายได้รวม 873,006,519.36 บาท เป็นรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ 747,189,577.05 บาท แต่มีรายจ่ายรวม 766,094,711.44 บาท กำไรสุทธิ 81,448,481.05 บาท

- ปี 2553 แจ้งว่ามีรายได้รวม 1,104,238,837.75 บาท เป็นรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ 959,296,204.11 บาท แต่มีรายจ่ายรวม 875,619,005.93 บาท กำไรสุทธิ 168,614,816.18 บาท

- ปี 2554 แจ้งว่ามีรายได้รวม 1,592,457,026.46 บาท เป็นรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ 1,296,251,378.79 บาท แต่มีรายจ่ายรวม 1,144,244,354.15 บาท กำไรสุทธิ 312,115,530.64 บาท


ตัวเลขกำไรสะสม ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 332,387,012.34 บาท

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของหนี้สินบริษัท พบว่า ปี 2547 แจ้งตัวเลขหนี้สินรวมไว้ที่ 110,219,028.28 บาท ปี 2548 ปรับเพิ่มเป็น 168,767,565.65 บาท ปี 2549 ปรับเพิ่มเป็น 230,636,195.93 บาท ปี 2550 ลดลงเป็น 154,498,597.09 บาท ปี 2551 ลดลงเป็น 143,249,451.34 บาท ปี 2552 ลดลงอีกเป็น 111,721,231.85 บาท ปี 2553 ขยับขึ้นอีกเป็น 153,237,424.36 บาท ปี 2554 ขยับเพิ่มขึ้นอีกเป็น 237,501,248.37 บาท

จากการตรวจสอบพบว่าในช่วงปี 2553-2554 บริษัทเวิร์คพอยท์ได้รับว่าจ้างจากหน่วยงานรัฐให้จัดอีเวนต์งานแสดงต่างๆประมาณ 50 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ นายครรชิต ควะชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บมจ.เวิร์คพ้อยท์ เอ็นเทอร์เทนเม็นท์ (WORK) ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ในปี 2555 ตั้งเป้าหมาย กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท คาดว่ารายได้จากโทรทัศน์จะเพิ่มขึ้นจาก 1.4 พันล้านบาท เป็น 1.6 พันล้านบาท รายได้จากอีเวนต์จะเพิ่มขึ้นจาก 180 ล้านบาท เป็น 300 ล้านบาท รายได้จากโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมจะอยู่ที่ 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา รายได้จากสื่อสิ่งพิมพ์จะเพิ่มขึ้นจาก 70 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท รายได้จากภาพยนตร์จะเพิ่มขึ้นจาก 92 ล้านบาท เป็น 120 ล้านบาท และคอนเสิร์ตจะเพิ่มขึ้นจาก 50 ล้านบาท เป็น 80 ล้านบาท และบริษัทตั้งเป้ารายได้ในช่วง 5 ปีนับจากปีนี้จะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 15%

นี่คือความมั่งคั่งในช่วงที่ผ่านมาของนักธุรกิจเจ้าพ่อเกมโชว์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีกระแสข่าวว่าเขามีบ้านราคา 400 ล้านบาทแถวๆ ออฟฟิศ “เวิร์คพอยท์”

วันนี้บาดเจ็บเพราะ“นมวาดรูป”ไปเรียบร้อยแล้ว (ชะชะช่า)


คดีพลิก "ปาเกียว" ชนะ!! 5 คกก.ตัดสินเทคะแนน

แมนนี่ ปาเกียว นักชกส.ส.ฟิลิปปินส์ได้รับชัยชนะจากคณะกรรมการดับบลิวบีโอ หลังจากที่คณะกรรมการทั้ง 5 คนเทคะแนนการตัดสินให้กับกำปั้นเอเชียเมื่อย้อนกลับมารับชมวีดีโอการชกกับทิโมธี แบรดลี่ย์ อีกครั้ง

ก่อนหน้านี้ แมนนี่ ปาเกียว ชกแพ้คะแนนแบบไม่เป็นเอกฉันท์ เสียเข็มขัดให้กับทิโมธี แบรดลี่ย์ ในการชกชิงแชมป์ดับบลิวบีโอ รุ่นเวลเตอร์เวต ที่เอ็มจีเอ็ม แกรนด์ ลาสเวกัส เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าผลคะแนน ที่ออกมานั้นน่ากังขา จนฟรานซิสโก วาลคาร์เซล ประธานดับบลิวบีโอ เผยว่า จะตั้งกระบวนการ จัดตั้งคณะกรรมการ 5 คน ย้อมกลับมาชมการชกใหม่ตั้งแต่ต้นเพื่อตัดสินคะแนน แทรกแซงผลการแข่งขันน่ากังขา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ดับบลิวบีโอ ได้แถลงผลการตัดสินของคณะกรรมการทั้ง 5 ซึ่งประธานดับบลิวบีโออ้างว่าเป็นผู้มีประสบการณ์การตัดสินโชกโชนแต่ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อของคณะกรรมการ โดยผลปรากฎว่า ทั้ง 5 เทคะแนนให้กับแมนนี่ ปาเกียวทั้งสิ้น 118-110, 117-111, 117-111, 116-112 และ 115-113

อย่างไรก็ดี ดับบลิวบีโอ ระบุว่า ไม่มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขัน แต่สิ่งที่ทำเพียงเปิดเผยอีกมุมมองของการชก และสามารถออกคำสั่งรีแมตช์หากบ็อบ อารัม โปรโมเตอร์ ของท็อปแรงค์ ปฏิเสธการชกไฟต์ที่ 2 ของทั้งคู่

นอกจากนี้ ฟรานซิสโก ยังเผยกับสำนักข่าวอีเอสพีเอ็นว่า ผลการตัดสินครั้งล่าสุด แสดงให้เห็นว่า คณะกรรมาธิการการกีฬาของรัฐเนวาด้า ควรใช้ผู้ตัดสินอย่างเป็นทางการซึ่งมีที่มาจากนอกรัฐเนวาด้าเองด้วย แม้ว่า ฟรานซิสโก จะยืนยันว่ากรรมการให้คะแนนไฟต์ดังกล่าวทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ แต่เพียงแค่ให้ความเห็นว่าคณะกรรมาธิการน่าจะเปิดโอกาสให้ผู้ตัดสินจากทั่วโลกได้ทำหน้าที่

สำหรับแมนนี่ ปาเกียว มีออฟชั่นเสริมเป็นสัญญารีแมตช์ในสัญญาชกไฟต์แรกกับทิโมธี แบรดลี่ย์ อยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าทั้งคู่น่าจะขึ้นชกอีกครั้งในวันที่ 10 พฤศจิกายน ตามที่ปาเกียว เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะกลับขึ้นสังเวียนอีกครั้งแม้จะไม่ได้บอกว่าจะมีใครเป็นคู่ชก อย่างไรก็ดี แม้ บ็อบ อารัม จะให้สัมภาษณ์ว่าพอใจกับผลการตัดสินจากคณะกรรมการของดับบลิวบีโอ แต่ยังไม่ได้ให้ความเห็นใดๆถึงการรีแมตช์

ทั้งนี้ แมนนี่ ปาเกียว เพิ่งเอาชนะคะแนน ฮวน มานูเอล มาร์เกซ แบบน่ากังขาก่อนหน้าการชกกับแบรดลี่ย์ และมีโอกาสได้ชกไฟต์ที่ 4 กับมาร์เกซ ด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ แมนนี่ ปาเกียว เพิ่งเอาชนะคะแนน ฮวน มานูเอล มาร์เกซ แบบน่ากังขาก่อนหน้าการชกกับแบรดลี่ย์ และมีโอกาสได้ชกไฟต์ที่ 4 กับมาร์เกซ ด้วยเช่นเดียวกัน

"โอ๊ค" อวยพรวันเกิด "อาปู" ใครคิดร้ายขอให้เข้าตัวเอง

วันที่ 21 มิ.ย. นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความใหม่ลงในเว็บเฟซบุ๊กส่วนตัว เนื้อหาระบุว่า "สุขสันต์วันเกิด ′อา(นายกฯ)ปู′ ครับ เช่นเดียวกับทุกๆ ปีที่หลานจะต้องไปอวยพรวันเกิดอาปูด้วยตัวเองนะครับ แต่ปีนี้อาปูคงจะมีแขกมาอวยพรเยอะ อาจจะไม่มีเวลาคุยกัน หลานจึงขออวยพรอาปูผ่าน Social Media ไว้ก่อนแล้วกันนะครับ เผื่อว่าแฟนเพจจะได้ร่วมอวยพรไปด้วยกันเลย ใครอยากอวยพรอะไรท่านนายกปูก็เชิญในโพสต์นี้เลยนะครับ"

นายพานทองแท้ระบุต่อไปว่า "ส่วนหลานก็ขอเป็นกำลังใจและเป็นกองหลังที่คอยปกป้องอาปูเต็มที่ครับ ไม่ว่าใครจะมาคิดร้าย หรือกระแนะกระแหนว่า อาปูแต่งตัวเก่ง ทำเป็นแต่ตำส้มตำ หรือจะออกมาโจมตีว่า อาเป็นนายกฯ แล้วมีแต่ของแพงๆๆ ก็ขอให้กลับเข้าตัวให้หมดแล้วกันครับ สาธุ!!!!! สุขสันต์วันเกิดครับ"

นอกจากนั้นนายพานทองแท้ยังโพสต์รูปภาพล้อเลียนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นภาพประกอบอีกด้วย

บรรยากาศการทำบุญครบรอบวันคล้ายวันเกิดครบปีที่ 45 ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งถือเป็นการฉลองวันคล้ายวันเกิดปีแรกในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามืดในบ้านพัก เลขที่ 38/9 ซอยโยธินพัฒนา 3 แขวงและเขตวังทองหลาง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบมาดูแลพื้นที่ นอกจากนี้มีเจ้าหน้าหน่วยปราบจลาจล (ปจ.)หรือ 191 จำนวน 1 กองร้อยจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 มาประจำการเพื่อดูแลพื้นที่โดยรอบ และมีช่างภาพสื่อมวลชนทุกแขนงให้ความสนใจทำข่าว

ทั้งนี้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน นำแจกันดอกไม้มาอวยพรเป็นคนแรก

กระทั่งเวลา 07.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ และครอบครัว เดินออกมายืนรอเพื่อเตรียมใส่บาตรบริเวณบ้านพัก โดยเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปทำข่าวในรั้วบ้าน โดยนายกฯ สวมเสื้อผ้าชีฟองพื้นน้ำเงินลายดอกไม้สีส้มสลับขาว กระโปรงสีดำ ส่วนน้องไปป์ หรือ ด.ช.ศุภเศกข์ อมรฉัตร บุตรชายสวมชุดกีฬาของโรงเรียน ส่วนนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า กางเกงสแลคสีดำ ทั้งนี้ ระหว่างรอพระสงฆ์มารับบาตร พานดอกไม้ธูปเทียนได้ล้มลง ทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตกใจร้องอุทาน พร้อมทั้งรีบเข้าไปประคองและรีบเก็บดอกไม้ใส่พาน

สำหรับสิ่งของที่นายกฯ เตรียมทำบุญปีนี้ ประกอบด้วยปิ่นโตอาหารคาวหวาน กล่องบรรจุยาเวชภัณณ์ ดอกบัวสีขาว ธูปเทียนและซองปัจจัย กระทั่งเวลา 07.05 น. เจ้าหน้าที่นิมนต์พระสงฆ์จากวัดบึงทองหลาง 9 รูป เข้ามารับบาตร พระสงฆ์ให้ศีลให้พร จากนั้นนายกฯ พร้อมครอบครัวได้กรวดน้ำ ก่อนจะนำไปรดใต้ต้นแจง หรือ ต้นแจ้ง ไม้โบราณประจำถิ่นทางภาคอีสานที่ปลูกไว้ในบริเวณบ้าน

ทั้งนี้ นายกฯ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือกล่าวถึงของขวัญที่อยากได้ โดยบอกว่า ไว้ช่วงบ่ายค่อยเจอกันที่ทำเนียบฯ ขณะที่น้องไปป์ เดินออกมาหากลุ่มผู้สื่อข่าว พร้อมโชว์ของขวัญที่ทำให้กับมารดา คือโมเดลเปียโนกระดาษขนาดเล็ก ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า “ที่ไปป์ทำเพราะเห็นคุณแม่เคยบอกว่าชอบเปียโน ไปป์เลยทำและมอบให้กับคุณแม่ เพื่อเป็นของขวัญวันคล้ายวันเกิด ใช้เวลาทำประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่ยังไม่เคยเล่นเพลงอะไรจริงๆ ให้คุณแม่ เพราะไปป์ยังไม่ชำนาญ และวันเกิดปีนี้ ไปป์ขอให้คุณแม่มีความสุข และขอให้คุณแม่สวย เป็นสาวสองพันปีอย่างนี้ตลอดไป และขอให้คุณแม่บริหารบ้านเมืองได้ราบรื่นตลอดไป” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ นายกฯ ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังบุตรชายถึงกับน้ำตาคลอ และยกมือไปลูบหัวบุตรชาย เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้อยู่ถึง 4 ปีเลยไหม น้องไปป์ได้พยักหน้าแทนคำตอบ

จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เปิดดูสมุดโน้ตเพลงเล็กๆ ที่น้องไปป์เขียนเอาไว้ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ ว่า “ปลื้มใจมากที่ลูกทำให้แม่” จากนั้นน้องไปป์ได้เข้าไปสวมกอดพร้อมกับหอมแก้มน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนทั้งคู่จะพากันเข้าไปในบ้านพัก