ข่าว
แซม ร้องค้านรับรอง ผลเลือกตั้ง แทนคุณ

วันที่ 20 มิ.ย.56 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุพจน์ ไพบูลย์ ประธาน กกต.กทม. แถลงภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุม กกต.กทม. ได้รับทราบกรณีที่ นายวีระ ยี่แพร ผอ.กต.กทม. รายงานให้ กกต.กลาง รับทราบถึงการพิจารณารับคำร้องของ นายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 2 คน รวมเป็นหนึ่งสำนวน เพราะเป็นการร้อง นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ผู้ชนะการเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขต 12 ดอนเมือง ในประเด็นเดียวกันที่มีการเสนอ-สัญญาว่า จะให้ประโยชน์หรือทรัพย์สินใน 2 ชุมชนของเขตดอนเมือง คือ ชุมชนร่มไทรงาม และชุมชนพัฒนาตลาดกลาง โดยการกระทำดังกล่าว ขัดต่อ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 53 ทั้งนี้ ในคำร้องดังกล่าว กกต.กทม. จะส่งเรื่องให้กับคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน หากไม่แล้วเสร็จก็สามารถขยายระยะเวลาได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน ส่วนที่จะสามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง นายแทนคุณ ได้ภายใน 7 วันหรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของ กกต.กลาง เป็นผู้พิจารณา

นิสิต "นิติศาสตร์ จุฬาฯ" ถูกรีไทร์ย้อนหลัง 5 คน

กลุ่มนิสิตคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 5 คน ถูกแจ้งย้อนหลังให้ พ้นสถานภาพการเป็นนิสิต ในวิชาที่เรียนในระดับชั้นปีที่ 1 ภาคการศึกษาที่ 2 วิชาหนึ่ง ซึ่งเป็นวิชาบังคับที่นิสิตทุกคนต้องเรียน เพราะเหตุจากการที่ อาจารย์ผู้สอน ส่งผลคะแนนการศึกษาในวิชาดังกล่าวล่าช้ามากกว่า 2 ปี หรือกว่า 5 ภาคการศึกษา โดยในขณะนั้นนิสิตกลุ่มดังกล่าวกำลังศึกษาอยู่ในชั้นปีที่หนึ่ง ในรายวิชา “กฏหมายกับสังคม” ซึ่งเป็นวิชาที่เรียนในระดับชั้นปีที่ 1 ภาคการศึกษาที่ 2 โดยผลคะแนนของวิชาดังกล่าวเพิ่งออกมาเมื่อไม่นานมานี้ รวมระยะเวลามากกว่า 2 ปี

ปัจจุบันนิสิตกลุ่มดังกล่าวกำลังศึกษาในชั้นปีที่ 4 ภาคการศึกษาต้น ที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การขยับขึ้นชั้นเรียนในชั้นปีที่2-3 แม้ว่าผลคะแนนวิชาดังกล่าวจะยังไม่ประกาศผล ระบบการลงทะเบียนเรียน ก็อนุญาตให้นิสิตกลุ่มดังกล่าว สามารถที่จะจดทะเบียนเรียนในชั้นปีที่ 2- 3 ได้โดยปกติ และเมื่อขึ้นชั้นปี 4 นิสิตกลุ่มดังกล่าว ได้ทำการลงทะเบียนเรียนปกติ แต่ภายหลังกลับถูกแจ้งว่า ให้พ้นสถานภาพการเป็นนิสิต เนื่องจาก ผลคะแนนวิชา “กฎหมายกับสังคม” ที่เคยเรียนเมื่อชั้นปีที่ 1 ภาคการศึกษาที่ 2 เมื่อหลายปีก่อนได้ประกาศผล โดยเป็นการประกาศผลคะแนนถึงสามชั้นปีในครั้งเดียว (เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.) ทำให้เมื่อนำผลคะแนนวิชาดังกล่าว มาคำนวณผลคะแนนเฉลี่ยรวมสมัยชั้นปีที่ 1 ทั้งสองภาคการศึกษาแล้ว ปรากฏว่า ผลการเรียน ไม่ผ่านเกณฑ์ที่จะได้ศึกษาต่อในคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ อีกต่อไป

เมื่อตรวจสอบเว็บไซต์ของ สำนักงานการทะเบียนและประมวลผล ของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อธิบายหลักเกณฑ์ การจำแนกสภาพนิสิต ว่าต้องกระทำครั้งแรกเมื่อสิ้นภาคการศึกษาที่สอง ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ผลคะแนนของ วิชา “กฎหมายกับสังคม” กลับไม่สามารถประกาศได้ทัน จนเวลาล่วงเลยมามากกว่า 2 ปี ซึ่งไม่สามารถจำแนกสภาพนิสิตครั้งแรกได้ กลับมาจำแนกสภาพนิสิตในการประกาศผลคะแนนวิชาดังกล่าวเมื่อขึ้นชั้นปีที่ 4

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นิสิตกลุ่มดังกล่าว ได้พยายามที่จะติดต่ออาจารย์ผู้สอนรายวิชาดังกล่าว เพื่อติดตามผลคะแนน แต่ก็ได้รับคำตอบว่า กำลังเร่งในการตรวจอยู่ เมื่อสอบถามไปยังหน่วยงาน และ บุคคลที่เกี่ยวข้องก็ได้รับคำตอบว่า จะประสานงานกับอาจารย์ผู้สอนให้ ซึ่งนิสิตเองก็มีความกังวลกับผลคะแนนที่ประกาศช้า เป็นอย่างมาก เพราะมีผลต่อการวางแผนการศึกษาในชั้นปีต่อไป และเมื่อล่าสุดผลคะแนนได้ประกาศออกมา ก่อนเปิดภาคการศึกษาที่ 1 ชั้นปีที่ 4 ทำให้ ผลการเรียนเฉลี่ยรวมในสองภาคการศึกษาของชั้นปีที่ 1 ต่ำกว่าเกณฑ์และต้องถูกถอนสถานภาพนิสิต ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตในอนาคตของนิสิตกลุ่มดังกล่าวอย่างมาก รวมทั้งครอบครัว ของนิสิตด้วย

หลังเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น ทางคณะกรรมการบริหารคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ประชุมปรึกษาหารือกัน รวมทั้งเชิญนิสิตที่ได้รับผลกระทบทั้ง 5 คน เข้าพบหารือ เพื่อหาทางออก พร้อมทั้งได้เปิดเวทีชี้แจงให้นิสิตทุกชั้นปีรับฟัง และในคราวการประชุมคณะกรรมการบริหารคณะนิติศาสตร์ ครั้งที่ 12/2556 ได้มีมติออกมา โดยมีใจความสำคัญ คือ การยอมรับผิดที่คณะได้ส่งคะแนนการศึกษาล่าช้า และมีมาตราการในการเยียวยาออกมา 4 ข้อ คือ

1.มาตรการเยียวยาทางการเงิน เห็นควรให้นิสิตได้รับการเยียวยาดังต่อไปนี้

1.1 คืนค่าธรรมเนียมทางการศึกษานับตั้งแต่เวลาที่พ้นสภาพ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

1.2 ชดใช้ค่าใช้จ่ายอันจำเป็นในการศึกษาตามความเป็นจริง เป็นรายกรณีไป

1.3 ชดเชยค่าเสียโอกาส

2. เห็นควรเสนอให้มหาวิทยาลัยให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยในกรณีดังกล่าว

3.ทั้งนี้ในส่วนของรายวิชาดังกล่าว คณะกรรมการเห็นพ้องให้มีการเปลี่ยนอาจารย์ผู้สอน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2556 นี้เป็นต้นไป

4.ในส่วนของการส่งคะแนนช้าในรายวิชาต่างๆนั้น ที่ประชุมมีความเห็นว่าควรเพิ่มมาตราการดังต่อไปนี้

4.1ให้มีการออกหนังสือทวงถาม ครั้งที่1 และ 2 ถึงอ.ผู้สอนในรายวิชา เมื่อครบ 1 ถึง 2 เดือน นับแต่วันสอบวันสุดท้ายของภาคนั้น

4.2 หากครบสามเดือนแล้ว พึงมีการตั้งกรรมการสอบวินัยอาจารย์ผู้สอนต่อไป เว้นแต่มีเหตุจำเป็นบางประการที่ทำให้ส่งคะแนนภายในกำหนดไม่ได้

ทั้งนี้จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกตั้งคำถามจากศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าจำนวนมากถึงเรื่องความรับผิดชอบของคณะที่ควรจะมีมากกว่านี้ตั้งแต่คณะผู้บริหารจนกระทั่งถึงอาจารย์ผู้สอน เพราะเมื่อนิสิตกลุ่มดังกล่าวได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ ต้องถูกรีไทร์ตั้งแต่การเรียนในชั้นปีที่ 1 นิสิตก็ควรจะต้องรู้ตั้งแต่เวลานั้น การปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนถึงปีสี่ แล้วเกรดปีหนึ่งจึงได้ประกาศ และมารู้ตัวตอนปี4 ว่าต้องถูกรีไทร์ ซึ่งคณะจะเยียวยาโดยจ่ายเงินตั้งแต่ปี 2 ถึง ปี 4 นั้นเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วหรือ เมื่อเป็นอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ชัดเจน ทำไมจึงไม่มีเวลาในการตรวจข้อสอบนิสิต

นอกจากนี้ยังมีการตั้งคำถามจากศิษย์เก่ากันอีกว่ามาตรการดังกล่าวที่ออกมานอกจากเป็นการไม่ช่วยเหลือนิสิตทั้งห้าคนแล้วยังเป็นการลอยตัวของผู้บริหารคณะ ที่ให้อาจารย์เพียงท่านเดียวแบกความรับผิดชอบ โดยมิได้ตระหนักว่า ในคณะมีอาจารย์เพียงไม่ถึงสิบท่านที่ออกเกรดตรงเวลา โดยจำนวนมากตั้งคำถามและวิพากษ์กับความเป็นมาตรฐานและตัวระบบโครงสร้างการคิดคะแนนและการจัดการเรียนการสอนของคณะที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงดังกล่าว

เรื่องดังกล่าวนี้น่าจะเป็นที่จับตามองของประชาคมจุฬาทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันอย่างกว้างขวาง โดยปัญหาดังกล่าว สะท้อนระบบการบริหารงาน และการจัดหลักสูตรการศึกษา ของ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ส่งผลกระทบต่อ “นิสิต” เพราะจะไม่ใช่เพียง 5 คน ที่ได้รับผลกระทบกับเรื่องที่เกิดขึ้น หากแต่อาจส่งผลกระทบกับ “นิสิต” รุ่นต่อไป และเรื่องนี้ อาจต้องไปต่อสู้ในศาลปกครองกลางต่อไป

ปู ไปรยา คว้ารางวัล ผู้หญิงเซ็กซี่ที่สุดปี13

ผลการตัดสิน สาวเซ็กซี่ที่สุดในปี 2013 ของเมืองไทย ในงาน FHM 100 SEXIEST WOMEN IN THE WORLD 2013 ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ยังคงรั้งตำแหน่งแชมป์สาวเซ็กซี่ไปครองต่ออีกสมัย ขณะที่ในงานเอฟเอชเอ็มฉลอง 10 ปีอย่างยิ่งใหญ่ ขนสาวญี่ปุ่นนุ่งบิกินีประชันกับสาวข้างบ้านไทยทำเอา ชายหนุ่มที่มาร่วมงานต้องครางฮือ น้ำลายไหลกันเป็นแถว...

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. นิตยสารผู้ชายชื่อดัง FHM ฉบับภาษาไทย โดยบริษัทอินสไพร์ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด จัดงานฉลอง 10 ปีสุดยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมประกาศผล “หญิงเซ็กซี่ที่สุดในปี 2013 ของเมืองไทยกับแคมเปญดังระดับโลก” FHM 100 SEXIEST WOMEN IN THE WORLD 2013 ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยมีศิลปิน ดารา นักแสดง ชื่อดังของเมืองไทยมาร่วมงาน รวมทั้งนางแบบสาวเซ็กซี่ จากหลายประเทศ ทั้งไทย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย มาร่วมเดินพรมแดง เพื่อให้ช่างภาพ และนักข่าวถ่ายรูปสัมภาษณ์กันอย่างเนืองแน่น โดยทุกปีนิตยสารเอฟเอชเอ็มจะมีการจัดกิจกรรม FHM 100 SEXIEST WOMEN IN THE WORLD เพื่อค้นหาตำแหน่ง ผู้หญิงสุดเซ็กซี่แห่งปี ของประเทศนั้นๆ ไปครอง จากการลงคะแนนโหวตของผู้อ่านทางบ้านผ่านทาง SMS และการโหวตหน้าเว็บไซต์

งาน FHM 100 SEXIEST WOMEN IN THE WORLD 2013 ในปีนี้มี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย และ เมย์ พิชญ์นาฏ สาขากร เป็นพิธีกรในงาน เปิดงานด้วยการแสดงจากสาวข้างบ้านสุดเซ็กซี่ FHM Girl Next Door Group ที่มาโชว์ลีลาความสามารถทั้งร้องและเต้น ต่อด้วยการประกาศผู้หญิงที่เซ็กซี่ที่สุดในปี 2013 ตั้งแต่อันดับที่ 100- 76 และสลับกับการแสดงจากนางแบบสาวเซ็กซี่ของประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใน Asia Bikini Show ที่ได้กราเวียไอดอลสาวจากญี่ปุ่นมาร่วมงาน คือมิวาโกะ คาเคอิ หรือ มิวะจัง จากนั้นเป็นการประกาศอันดับสาวเซ็กซี่ในอันดับที่ 75-51 ก่อนที่จะเป็นการแสดงแฟชั่นโชว์ชุดลำลอง และชุดชั้นในของเพลย์บอย โดย International ที่ได้ศิลปินฮิปฮอปวงไทยเทเนียมมาร่วมเป็นแขกรับเชิญ จากนั้นเป็นการประกาศสาวเซ็กซี่อันดับที่ 50-31 พร้อมการแสดงของ FHM GND Thailand ร่วมกับ สิงโต นำโชค จากนั้นจึงประกาศผลสาวเซ็กซี่ในอันดับที่ 30-11 พร้อมทั้งการเดินโชว์ตัวของผู้ที่ได้รับรางวัลควบกับการแสดงของ บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

สำหรับผลการลงคะแนนปรากฏว่า ผู้หญิงเซ็กซี่ที่สุดในปี 2013 ของเมืองไทยอันดับที่ 1 ได้แก่ ปู-ไปรยา สวนดอกไม้, อันดับที่ 2 ได้แก่ เมย์-พิชญ์นาฏ สาขากร, อันดับที่ 3 ได้แก่ หยาด-หยาดทิพย์ ราชปาล, อันดับที่ 4 ได้แก่ สา-มาริสา แอนนิต้า, อันดับที่ 5 ได้แก่ กระแต-ศุภักษร ไชยมงคล, อันดับที่ 6 ได้แก่ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์, อันดับที่ 7 ได้แก่ นก-อุษณีย์ วัฒฐานะ, อันดับที่ 8 ได้แก่ ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล, อันดับที่ 9 ได้แก่ แก้ม-กวินตรา โพธิจักร และอันดับที่ 10 ได้แก่ อุ้ม-ลักขณา วงศ์วัธนศิริ.