ข่าว
สหรัฐฯ จับพ่อมือกราดยิงโรงเรียน 4 ศพ ข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา

พ่อของเด็กชายวัย 14 ปี ผู้ก่อเหตุกราดยิงโรงเรียนมัธยมในรัฐจอร์เจีย 4 ศพ ถูกจับกุมและถูกตั้งข้อหาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หลายกระทง

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ก.ย. 2567 สำนักงานสืบสวนรัฐจอร์เจีย (GBI) ระบุว่า นายโคลิน เกรย์ วัย 54 ปี ถูกจับกุมตัวและจะถูกตั้งข้อหา ฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา 4 กระทง, ฆาตกรรมระดับ 2 (second-degree murder) จำนวน 2 กระทง และกระทำทารุณโหดร้ายต่อเด็ก (cruelty to children) 8 กระทง

ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจาก เด็กชาย โคลท์ เกรย์ ลูกชายวัย 14 ปีของเขา ใช้อาวุธปืนไรเฟิลจู่โจม AR-15 ก่อเหตุกราดยิงภายในโรงเรียนมัธยมปลาย “อาปาลาชี” ในเมืองวินเดอร์ รัฐจอร์เจียร์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นเด็กนักเรียน 2 ศพ ครูอีก 2 ศพ บาดเจ็บอีก 9 ราย

นายเกรย์บอกกับเจ้าหน้าที่สืบสวนว่า เขาซื้อปืนซึ่งถูกนำไปใช้ก่อเหตุให้กับลูกชายเป็นของขวัญวันคริสตมาส เมื่อเดือนธันวาคม 2566

การซื้อปืนดังกล่าวยังเกิดขึ้นไม่กี่เดือนหลังจาก เขากับลูกชายถูกสอบปากคำในเดือนพฤษภาคม 2566 หลังได้รับแจ้งจาก FBI ว่ามีผู้ใช้ดิสคอร์ด (Discord) โพสต์ข้อความแชทข่มขู่ว่าจะ “ก่อเหตุกราดยิงในโรงเรียนมัธยมต้นในวันพรุ่งนี้” รวมถึงโพสต์ภาพปืน โดยการตรวจสอบพบว่า บัญชีผู้ใช้รายนี้เพิ่งสมัครเมื่อเดือนก่อน และใช้อีเมลที่เกี่ยวข้องกับบ้านตระกูลเกรย์

ในตอนนั้น เจ้าหน้าที่ย้ำกับนายเกรย์ซึ่งยังอาศัยอยู่ที่บ้านเก่าในเมืองเจฟเฟอร์สันห่างจากเมืองวินเดอร์ เพียง 13 ไมล์ ว่า ให้นายโคลินเก็บปืนให้ได้ และแนะนำเขาให้หยุดส่งลูกชายไปโรงเรียนชั่วคราว จนกว่าเรื่องนี้จะได้รับการแก้ไข ก่อนจะยุติการสืบสวน เนื่องจากไม่มีหลักฐานและเหตุผลเพียงพอในการจับกุม (ที่มา : cnn)

เอเอฟพี. รายงานว่า นักเรียนชายอายุ 14 ปีถูกตั้งข้อหากระทำความผิดทางอาญาฐานฆาตกรรม 4 กระทง หลังก่อเหตุสะเทือนใจใช้อาวุธปืนกราดยิงที่ โรงเรียนมัธยมศึกษาอาปาลาชีไฮสกูล ในรัฐจอร์เจีย ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา จนมีผู้เสียชีวิต 4 ราย เมื่อวันพุธที่ 4 ก.ย.ตามเวลาท้องถิ่น เหยื่อ 2 รายเป็นนักเรียนร่วมระดับชั้น อายุ 14 ปีเท่ากัน และอีก 2 รายเป็นครู นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 9 ราย ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน...

ในหลวง พระราชทานพร ครม.ใหม่ มีกำลังใจ มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน

วันที่ 6 ก.ย.67 เวลา 18.13 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายจูเว็งซียู ดือ จือซุช มาร์ติงช์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์ – เลสเต ประจำประเทศไทย ซึ่งพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายอักษรสาส์นตราตั้ง เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.65 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลาในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่ ในโอกาสนี้ นางนีนัง เบ.อา ปีนุช มาร์ติงช์ ภริยาเอกอัครราชทูตฯ ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

ต่อจากนั้น เวลา 18.24 น. พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ดังนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระราชดำรัส เพื่อเป็นแนวทางในในการปฎิบัติหน้าที่ ความว่า รู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสพบท่านนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ก็ขอให้พรด้วยความยินดีให้คณะรัฐมนตรีมีกำลังใจ มีความมุ่งมั่นที่จะปฎิบัติหน้าที่ ตามที่ได้ถวายสัตย์ไปแล้ว เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและประชาชน ซึ่งข้าพเจ้าก็มั่นใจว่าจะปฎิบัติได้อย่างดี ก็ขอเป็นกำลังใจให้ ณ โอกาสนี้และตลอดไป...


ฤดูร้อนปี 2024 โลกร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้

ฤดูร้อนปี 2024 มีอากาศร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ของโลก ทำให้มีแนวโน้มมากขึ้นที่ปีนี้จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยเผชิญ

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจนัก เนื่องจากอากาศร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว เกิดจากการกระทำของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้อุณหภูมิและสภาพอากาศเลวร้ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตามข้อมูลของสำนักบริการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัสแห่งสหภาพยุโรป ฤดูร้อนทางอุตุนิยมวิทยาทางซีกโลกเหนือ ซึ่งได้แก่ เดือนมิถุนายน กรกฎาคม และสิงหาคม มีอุณหภูมิเฉลี่ย 16.8 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าสถิติเดิมในปี 2566 ถึง 0.03 องศาเซลเซียส สถิติของโคเปอร์นิคัสย้อนกลับไปถึงปี 2483 แต่สถิติของอเมริกา อังกฤษ และญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มต้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 แสดงให้เห็นว่าทศวรรษที่ผ่านมาเป็นทศวรรษที่ร้อนที่สุดนับตั้งแต่มีการวัดแบบปกติ และน่าจะยาวนานถึงประมาณ 120,000 ปี ตามที่นักวิทยาศาสตร์บางคนระบุ

คาร์โล บูออนเทมโป ผู้อำนวยการโคเปอร์นิคัสกล่าวว่า เดือนสิงหาคมทั้งของปี 2567 และ 2566 มีอุณหภูมิร้อนที่สุดเท่ากันทั่วโลกที่ 16.82 องศาเซลเซียส โดยเดือนกรกฎาคมเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีที่อากาศร้อนไม่ทำลายสถิติ โดยต่ำกว่าปี 2566 เล็กน้อย แต่เนื่องจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อนกว่าเดือนมิถุนายน 2566 มาก ฤดูร้อนปีนี้โดยรวมจึงร้อนที่สุด

บวนเทมโปกล่าวว่า อากาศร้อนอบอ้าวมากเพราะอุณหภูมิที่สูง ทำให้จุดน้ำค้างซึ่งเป็นหนึ่งในหลายวิธีในการวัดความชื้นของอากาศ อาจอยู่ที่ระดับหรือใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงฤดูร้อนนี้สำหรับทั่วโลก

จนกระทั่งเดือนที่แล้ว บวนเทมโป และนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศคนอื่นๆ ยังคงไม่แน่ใจว่าปี 2567 จะทำลายสถิติปีที่ร้อนที่สุดที่เคยทำไว้เมื่อปีที่แล้วหรือไม่ ส่วนใหญ่เป็นเพราะเดือนสิงหาคม 2566 ร้อนกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมหาศาล แต่เดือนสิงหาคม 2567 ก็ร้อนเท่ากับปี 2566 ทำให้นายบวนเทมโปค่อนข้างมั่นใจว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้

เนื่องจากการคาดการณ์ปรากฏการณ์ลานีญา ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางบางส่วนเย็นลงตามธรรมชาติชั่วคราว สี่เดือนสุดท้ายของปีนี้ อาจไม่ใช่เดือนที่สร้างสถิติได้อีกต่อไปเหมือนในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา แต่บวนเทมโปกล่าวว่า อากาศอาจไม่เย็นเพียงพอที่จะทำให้ปี 2567 ไม่สามารถทำลายสถิติประจำปีได้

นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศกล่าวว่า นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขในสมุดจดบันทึกเท่านั้น แต่เป็นสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อผู้คน

บวนเทมโปกล่าวว่า แม้ว่าความร้อนที่ทำลายสถิติเมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งจะเกิดจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งเป็นภาวะโลกร้อนชั่วคราวที่เกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลาง ส่งผลให้สภาพอากาศทั่วโลกเปลี่ยนแปลงไป แต่ผลกระทบดังกล่าวได้หายไปแล้ว และแสดงให้เห็นว่าปัจจัยหลักคือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในระยะยาวที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งเกิดจากการเผาถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ.:(ที่มา AP)


ปูตินมาแปลก ประกาศสนับสนุนนางแฮร์ริส เพราะชอบเสียงหัวเราะที่จริงใจ

ผู้นำรัสเซียสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนทั่วโลก เมื่อเขาประกาศให้การสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครต แถมระบุว่าประธานาธิบดีคนโปรดของเขาคือนายโจ ไบเดน

ในระหว่างการประชุม อีสต์เทิร์น อีโคโนมิกส์ ฟอรัม ที่เมืองวลาดิวอสต็อกเมื่อวันพฤหัสบอีกที่ผ่านมา นายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้มีการกล่าวไปถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า หากจะให้กล่าวถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯคนโปรด ก็คงต้องยกให้นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐฯ แต่ในเมื่อเขาถอนตัว และสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริสให้ขึ้นมาแทน ทางรัสเซียก็จะต้องสนับสนุนตาม และเขาจะสนับสนุนนางแฮร์ริสด้วยเช่นกัน นายปูตินยังได้กล่าวเสริมอีกว่า นางแฮร์ริสเป็นคนที่หัวเราะได้อย่างจริงใจ ซึ่งหมายถึงว่าเธอจะทำหน้าที่ได้ดี

ขณะเดียวกันนายปูตินยังพาดพิงไปถึงคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีแต่ข้อห้ามกีดกันรัสเซีย รวมทั้งยังคว่ำบาตรรัสเซียสารพัด ไม่เหมือนกับผู้นำสหรัฐฯคนอื่นๆที่ผ่านมา

โดยการแสดงความคิดเห็นของปูตินครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่ประกาศโดยฝ่ายบริหารของไบเดน เพื่อต่อสู้กับความพยายามในการบิดเบือนข้อมูลจากรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกตั้งปี 2024 และช่วยหนุนการลงสมัครรับเลือกตั้งของทรัมป์มากกว่า

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นักวิเคราะห์มองว่า การกล่าวสนับสนุนนางแฮร์ริสของนายปูตินอาจจะเป็นเพียงการประชดประชันหรือล้อเลียนนางแฮร์ริสเท่านั้น เพราะนายทรัมป์มักจะล้อเลียนเสียงหัวเราะของนางแฮร์ริสอยู่เสมอ และปูตินน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่า ยิ่งเขาแสดงท่าทีสนับสนุนใครก็อาจจะยิ่งทำให้ฝ่ายนั้นเสียเปรียบ

โดยในทางปฏิบัติเแล้ว มีบริษัทของรัสเซียอย่างน้อย 3 แห่ง ใช้โปรไฟล์ปลอมในโลกโซเชียลมีเดีย เพื่อเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนหรือโฆษณาชวนเชื่อเพื่อเป้าประสงค์ที่จะสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ หรือใครก็ตามที่เป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกัน

ย้อนไปเมื่อเดือนธันวาคมปี 2015 ปูตินเคยกล่าวยกย่องทรัมป์ โดยเรียกทรัมป์ว่าเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งของพรรค ก่อนหน้าที่ทรัมป์จะได้รับการรับรองให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วยซ้ำ แถมยังชื่นชมว่าทรัมป์เป็นคนฉลาดและมีความสามารถแบบไร้ข้อกังขาด้วย.(ที่มา : CNN)

สหรัฐอัดฉีดทางทหารยูเครนอีกกว่า 3,000 ล้านบาท เซเลนสกีจี้ขออาวุธเพิ่ม...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน พบหารือกับพล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐ และพล.อ.อ.ชาร์ลส์ บราวน์ จูเนียร์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐ ที่ฐานทัพอากาศรามม์ชไตน์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมนี เมื่อวันศุกร์...

ทั้งนี้ เซเลนสกีเรียกร้องอย่างตรงไปตรงมา ขอความสนับสนุนด้านอาวุธจากตะวันตกให้มากกว่านี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่กองทัพยูเครน ในการสู้รบกับรัสเซีย โดยเฉพาะระบบป้องกันทางอากาศ

ขณะเดียวกัน ผู้นำยูเครนเรียกร้องพันธมิตรตะวันตก ผ่อนคลายข้อจำกัดการใช้อาวุธให้กับยูเครนมากกว่านี้ เพื่อให้ทหารยูเครนสามารถใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายในรัสเซียได้ไกลขึ้น

ด้านพล.อ.ออสตินกล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันอนุมัติความสนับสนุนทางทหารให้แก่ยูเครนรอบใหม่ เพิ่มอีก 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,374 ล้านบาท)....(เครดิตภาพ : AFP)