ข่าว
เฮอริเคน'เลน'แรงระดับ 5 จ่อถล่ม'ฮาวาย' ปชช.แห่กักตุนอาหาร

22 ส.ค.61 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ศูนย์เตือนภัยพายุเฮอริเคนแปซิฟิกตอนกลาง ประกาศเตือนภัยพายุเฮอริเคน "เลน" ที่กำลังพัดถล่มรัฐฮาวายของสหรัฐ ในช่วงวันพฤหัสบดีถึงวันเสาร์นี้ โดยพายุกำลังทวีกำลังแรงขึ้นเป็นระดับ 5 มีความเร็วลมสูงสุดถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อิทธิพลของพายุจะทำให้มีฝนตก 10-15 นิ้ว น้ำท่วมฉับพลันและดินทรุดได้

ขณะที่ประชาชนต่างแห่กักตุนอาหาร น้ำดื่ม และของใช้จำเป็นแล้ว ด้านสายการบินฮาวายได้ยกเลิกค่าเปลี่ยนแปลงตั๋วเครื่องบินให้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 21-26 ส.ค.นี้

ไม่กลัว!’เอกชัย’บุกทำเนียบร้องปมถูกทำร้าย-กลุ่มพลเมืองโต้กลับเคลื่อนให้กำลังใจวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา นายเอกชัย ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บ ที่หน้าบ้านของตนเองในพื้นที่สน.ลาดพร้าว

ขณะเดียวกันเฟชบุ๊ก พลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen ระบุด้วยว่า“ร่วมเป็นสักขีพยานการต่อสู้ของเอกชัย หงส์กังวาน ศุกร์ที่ 24 สิงหาคม 2561 หน้าทำเนียบรัฐบาล ให้กำลังใจ และฟังแถลงการณ์ ยืนยันต่อสู่ต่อไปด้วยสันติวิธี แม้ถูกคุกคามทำร้าย แต่ไฟฝันไม่เคยสิ้นไป


ทรุดโทรม!! คนพัทยาอาย‘หาดพระตำหนัก’ขยะเกลื่อน คนเร่ร่อนยึดพื้นที่

23 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณชายหาดพระตำหนัก เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองพัทยา ที่จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวพักผ่อนกันตลอดทั้งปี พบว่า สภาพบริเวณโดยรอบของชายหาดดังกล่าว อยู่ในสภาพเสื่อมโทรมอย่างหนัก มีหญ้าขึ้นรก เศษขวดพลาสติก เศษกล่อง ก้นบุหรี่ และเศษแก้วแตก พบกระจายอยู่เกลื่อนทั้งทางเดินเท้าและหาดทราย

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีกลุ่มคนเร่ร่อนมาพักอาศัยใช้เป็นสถานที่คัดแยกขยะและของเก่า ฟุตปาธทางเดินก็เกิดการชำรุดไม่สามารถเดินได้อย่างสะดวก ศาลาแปดเหลี่ยมที่เคยใช้เป็นที่หลบแดดหลบฝน ก็ถูกรื้อถอนออกเหลือเพียงเศษปรักหักพัง ไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด ก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ไร้การดูแล นอกจากนี้ยังพบตู้แจ้งเหตุฉุกเฉิน ทัพพระยา 2310 กลายเป็นซากกองอยู่โคนเสาไฟไม่สามารถใช้งานได้

ชาวบ้านรายหนึ่งเล่าว่าบริเวณดังกล่าวนั้นเคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาชายหาดเริ่มเกิดความชำรุดทรุดโทรม เมื่อนักท่องเที่ยวเข้ามาเห็นสภาพป่าที่เริ่มขึ้นจนรก ขยะกระจายเกลื่อนส่งกลิ่นเหม็น ไฟส่องสว่างไม่มีก็เกิดความกลัว จึงรีบกลับออกไป บางรายมาครั้งเดียวก็ไม่อยากเดินทางมาอีก

ส่วนที่ยังพบอยู่บ้างจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ บางรายยอมเอาเสื่อมาปูนอนบนชายหาด ทั้งที่มีเศษขยะอยู่รายล้อม เกิดเป็นภาพที่สะเทือนความรู้สึกเป็นอย่างมาก ได้แต่ถอนหายใจ เพราะก่อนหน้านี้เป็นสถานที่ๆ สวยงามอากาศดี แต่ตอนนี้กลับเสื่อมโทรมไปมากเหลือเกิน


'พระพยอม'เทศน์แรงวัดไม่ใช่สุสานสัตว์ที่ถูกทิ้ง วัดสวนแก้วรับภาระค่าอาหารเดือนละ 2 แสน

วันนี้ (23 ส.ค.61) พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลฺยาโณ) เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี กล่าวผ่านวีดีโอในงานแถลงข่าวเรื่อง "การจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ ในการปล่อยสัตว์ในวัด" ที่ห้องนิทรรศการ บ้านปาร์คนายเลิศ ถึงมติมหาเถรสมาคม (มส.) ในการกำหนดเขตพื้นที่วัดเป็นเขตห้ามปล่อยสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 โดยเคร่งครัด

โดยพระพยอม กลฺยาโณ กล่าวว่า การนำสัตว์มาปล่อยเป็นการกระทำที่ไม่จำเป็นและไม่สมควรเลย บางคนไปนำมาจากไหนก็ไม่รู้แล้วนำมาปล่อยอย่างกับวัดเป็นสุสานของสุนัขอย่างนั้น ส่วนเรื่องการปล่อยนกปล่อยปลาภายในวัดทำกันอย่างเป็นตลาดแบบตลาดที่เขาห้ามขาย หากขายผลไม้ก็ว่ากันไป แต่ตลาดขายเต่า ขายปลา ขายนกนั้น เป็นตลาดที่เขาไม่ทำกัน คนขายนำมาทรมานแข่งขันกันอย่างหน้าตาเฉยทางวัดก็ไม่มีการเตือนให้มาขายกอบโกยกำไรแบบไม่มีสำนึกที่เขาทำนั้นบาปกรรม กาละเทสะกับสถานที่การจะไปปล่อยนก ปล่อยปลา ก็ควรที่จะไปปล่อยในสถานที่ที่มันสบาย ไม่ใช่ซื้อปล่อยแล้วมันไปชนเสาไฟฟ้าตาย เพราะไม่ใช่ที่ของมัน คิดใหม่ทำใหม่กันได้เพราะฉะนั้นการกระทำครั้งนี้เป็นการรักษาศรัทธาต่อศาสนาต่อวัดได้ หากแสดงถึงความรับผิดชอบที่อยากทำประโยชน์แก้ปัญหาร่วมกัน

"ในวัดต่างๆ ให้ร่วมกันป้องกันให้อย่างเด็ดขาดและอย่างแท้จริง ส่วนสวัสดิภาพของสัตว์ตาม พ.ร.บ. 2557 นั้น ให้กระทำกันอย่างเคร่งครัดปฏิบัติให้คุ้มครองชีวิตของเขาและธรรมะก็จะคุ้มครองใจเราด้วย อย่างที่วัดสวนแก้วรับภาระที่ควรนำสัตว์มาปล่อยไว้นั้นภายใน 1 เดือนค่าอาหารค่าคนเลี้ยงดูประมาณ 200,000 บาท ทั้งนี้ มันอยู่ที่จิตสำนึกของคนที่จะร่วมกันทำอย่างจริงจังและเข้มแข็ง..." พระพยอม กล่าว


รอลุ้นความคล้าย'ชมพู่ อารยา'หลัง'เอมมี่ อมลวรรณ'ออกจากห้องผ่าตัดศัลยกรรมยกเซ็ต

หลังบินไปประเทศเกาหลีใต้ เพื่อขึ้นเขียงให้คุณหมอทุบหน้าให้ใหม่แบบยกเซ็ต โดยมีซุปตาร์สาว “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” เป็นต้นแบบล่าสุด “เอมมี่ อมลวรรณ” ออกจากห้องผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ ปลอดภัย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพักฟื้นและแผลยังบวมอยู่ยังไม่สามารถเห็นโครงหน้าที่ชัดได้ ซึ่งหลายคนต่างก็ลุ้นว่าหลังจากที่หน้าเธอหายดีเเล้วจะมีความคล้าย ชมพู่ อารยา หรือไม่?ต้องรอลุ้นกัน


‘รัสเซีย’ รุกกว้านซื้อทองคำ ทิ้งพันธบัตรดอลลาร์ รับมือสหรัฐคว่ำบาตร

23 ส.ค. 61 สื่อรัสเซียเผย ธนาคารกลางรัสเซีย ซื้อทองคำเพิ่ม 26.1 ตันในเดือนก.ค. ถือเป็นการกว้านซื้อทองคำเดือนเดียวในปริมาณมากที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2560 ส่งผลให้รัสเซียมีปริมาณทองคำสำรองเพิ่มขึ้นจาก 1,400 ตันเป็น 2,170 ตัน

โดยธนาคารกลางรัสเซีย ระบุว่า มูลค่าทองคำสำรองนับจนถึงสิ้นเดือนก.ค.อยู่ที่ 77,400 ล้านดอลลาร์ แต่ถ้าประเมินตามราคาในปัจจุบัน ทองคำสำรองของรัสเซียทั้งหมด จะมีมูลค่าประมาณ 83,600 ล้านดอลลาร์

ขณะที่สื่อเยอรมนี รายงานก่อนหน้านี้ว่า การซื้อทองคำของรัสเซีย ไม่ได้เป็นการซื้อตามปกติ แต่เป็นการกว้านซื้ออย่างเป็นกอบเป็นกำ และถือว่า รัสเซียกำลังโจมตีดอลลาร์อย่างเงียบๆแต่ตัวเลขที่เป็นทางการนี้ยังไม่สามารถเชื่อถือได้ เนื่องจากในความเป็นจริงรัสเซีย น่าจะมีทองคำสำรองสูงกว่านี้

อย่างไรก็ตามการกว้านซื้อของคำของรัสเซีย มีขึ้นหลังจากช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า สหรัฐจะใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซียประมาณวันที่ 22 ส.ค. ด้วยเหตุผลที่ว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังกรณีใช้สารพิษทำลายระบบประสาทลอบสังหาร นายเซอร์เก สกรีปอล อดีตสายลับรัสเซีย และนางยูเลีย ลูกสาวที่ลี้ภัยอยู่ในเมือซาลิสเบอรีของอังกฤษ เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

รวมถึงจะกว้านซื้อทองคำเพิ่มขึ้นแล้ว รัฐบาลรัสเซียยังเดินหน้าลดการถือครองพันธบัตรสหรัฐด้วย โดยลดการถือครองสินทรัพย์ตราสารหนี้อเมริกัน 96,100 ล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เหลือเพียง 14,900 ล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.


สองอดีตผู้ช่วยทรัมป์ ถูกตัดสินผิดจริงฐานฉ้อโกง

วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร/บีบีซี นิวส์) - ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กำลังเผชิญปัญหาหลังอดีตหัวหน้าทีมรณรงค์หาเสียงของเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงหลายข้อหา ขณะที่อดีตทนายความส่วนตัวยอมรับผิดฐานละเมิดกฎหมายการเงินในการรณรงค์หาเสียง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กำลังประสบปัญหาหลังจากคณะลูกขุนในรัฐเวอร์จิเนีย ที่พิจารณาคดีนายพอล มานาฟอร์ต อดีตหัวหน้าทีมรณรงค์หาเสียงของเขาตัดสินว่า นายมานาฟอร์ตมีความผิดจากข้อกล่าวหา 8 ข้อ ทั้งฉ้อโกงภาษี ฉ้อโกงธนาคารและไม่เปิดเผยบัญชีธนาคารในต่างประเทศ แต่คณะลูกขุนไม่มีคำตัดสินเกี่ยวกับข้อกล่าวหาอื่นอีก 10 ข้อ และประกาศสิ้นสุดการพิจารณาคดีโดยไม่ได้ข้อยุติ ถือเป็นการพิจารณาคดีทางคดีอาญาคดีแรกจากการสอบสวนของกระทรวงยุติธรรม ที่เกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาที่มีต่อนายมานาฟอร์ตไม่ได้เกี่ยวโยงถึงการสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียเรื่องการเลือกตั้งแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความส่วนตัวของนายทรัมป์ ก็ยอมรับสารภาพผิดใน 8 ข้อหา ต่อศาลแขวงในย่านแมนแฮตตัน ฐานละเมิดกฎหมายการเงินในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง โดยเขาบอกว่าดำเนินการดังกล่าวตามคำสั่งของผู้สมัครที่คาดกันว่าหมายถึงนายทรัมป์ในการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งของรัฐ ซึ่งนายโคเฮนยอมรับสารภาพผิดทั้งในข้อหาฉ้อโกงทั้งด้านภาษี และธนาคาร การยอมรับสารภาพผิดครั้งนี้เกี่ยวเนื่องกับการจ่ายเงินก้อนโตเพื่อเป็นค่าปิดปากผู้หญิง 2 คน ที่อ้างว่ามีความสัมพันธ์ทางเพศกับนายทรัมป์

ด้านนายทรัมป์บอกว่าการตัดสินความผิดนายมานาฟอร์ตเป็นส่วนหนึ่งของการล่าแม่มดหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 โดยเขาบอกว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างมาก เพราะนายมานาฟอร์ตเป็นคนดี และเคยทำงานกับบุคคลต่างๆ มามาก แต่คดีของนายมานาฟอร์ตก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ว่ามีการสมรู้ร่วมคิดกับรัสเซีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น แต่เขาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีของนายโคเฮน ขณะที่ทีมทนายความของนายทรัมป์อ้างว่า กรณีของนายโคเฮนที่จ่ายเงินให้กับผู้หญิง 2 คนกระทำไปเพื่อไม่ให้เกิดความอับอายต่อครอบครัว และไม่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์หาเสียงแต่อย่างใด

มหาเธร์ลั่นยกเลิก โครงการที่จีนสนับสนุนหลังเงินหด

ปักกิ่ง (เอพี/รอยเตอร์) - ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศจะยกเลิกโครงการ 3 โครงการ มูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 729,000 ล้านบาท) ที่จีนให้การสนับสนุนจนกว่ามาเลเซียจะหาทางชำระหนี้ที่ค้างอยู่ได้ เชื่อจีนจะเข้าใจปัญหาการคลังภายในของมาเลเซีย

นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด กล่าวภายหลังการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อ เฉียง ของจีนที่กรุงปักกิ่ง ระหว่างการเยือนจีนอย่างเป็นทางการว่า มาเลเซียจะยกเลิกโครงการ 3 โครงการ มูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 729,000 ล้านบาท) ที่จีนให้การสนับสนุน ได้แก่ โครงการรถไฟที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกของมาเลเซียกับภาคใต้ของไทยและกรุงกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซียและโครงการท่อส่งแก๊สอีก 2 โครงการ เขาได้ชี้แจงเหตุผลในการยกเลิกโครงการรถไฟชายฝั่งตะวันออกกับบรรดาผู้นำจีนแล้ว และว่า โครงการดังกล่าวต้องมีการกู้ยืมเงินจำนวนมหาศาลและมาเลเซียไม่สามารถที่จะจ่ายคืนได้ ดังนั้น จึงยังไม่จำเป็นต้องมีโครงการดังกล่าวในเวลานี้ และว่าปัญหาที่มาเลเซียต้องแก้ไขให้ได้ในเวลานี้ ก็คือปัญหาด้านการคลัง ทั้งนี้ ผู้นำมาเลเซียกำลังพยายามหาทางลดภาระหนี้สินของประเทศ ซึ่งมีจำนวนสูงถึง 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8.28 ล้านล้านบาท

นายกรัฐมนตรีมหาเธร์กล่าวภายหลังการพบปะกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อ เฉียง ของจีนเมื่อวันจันทร์ว่า มาเลเซียหวังว่าจีนจะเข้าใจปัญหาที่มาเลเซียกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ และเชื่อว่าจีนจะเข้าใจในปัญหาที่มาเลเซียต้องแก้ไข รวมทั้งอาจช่วยมาเลเซียแก้ไขปัญหาการคลังภายในบางอย่างด้วย ยืนยันมาเลเซียไม่ต้องการเผชิญหน้ากับประเทศอื่น และว่ามาเลเซียได้ประโยชน์จากการเปิดรับการค้า เทคโนโลยีและธุรกิจจากจีน

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ก็เพิ่งพักโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างสิงคโปร์และมาเลเซียซึ่งตกลงกันไว้เมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล

ขณะเดียวกัน ผู้นำมาเลเซียยังให้สัมภาษณ์ว่า ชาติตะวันตกหลายชาติ รวมทั้ง สหรัฐ ต่างตีตัวออกห่างจากแนวคิดโลกาภิวัตน์ และหันไปใช้แนวทางกีดกันทางการค้ามากขึ้น เนื่องจากชาติตะวันตกเหล่านี้กำลังหวั่นวิตกกันว่า ชาติตะวันออกกำลังได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากแนวคิดโลกาภิวัตน์ เนื่องจากชาติตะวันออก กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตและโรงงานของโลก ที่ผลิตสินค้าต่างๆ ป้อนตลาดสหรัฐ และยุโรป ผู้นำมาเลเซีย บอกด้วยว่า การที่สหรัฐพยายามใช้นโยบายกีดกันทางการค้า ก็เพราะไม่สามารถจะแข่งขันกับจีน และชาติตะวันออกอื่นๆ ได้ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ ทั้งที่ในตอนแรกสหรัฐและชาติตะวันตก ต่างชูแนวคิดโลกาภิวัตน์เพราะเชื่อว่าจะส่งผลดีกับตัวเอง แต่ความเป็นจริงกลับเป็นประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลประโยชน์ โดยเฉพาะชาติตะวันออก ด้วยเหตุนี้สหรัฐ และชาติตะวันตกจึงพากันหันไปใช้นโยบายกีดกันทางการค้าแทน