ข่าว
“หลี่ เค่อเฉียง” อดีตนายกฯ จีน ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว

หลี่ เค่อเฉียง อดีตนายกรัฐมนตรีจีน ถึงแก่อสัญกรรม จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ด้วยวัย 68 ปี หลังเพิ่งหมดวาระจากตำแหน่งนายกฯ ที่ดำรงมานาน 1 ทศวรรษ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อดีตนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน ถึงแก่อสัญกรรมอย่างกะทันหันด้วยวัย 68 ปี จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น

ด้านสำนักข่าวซีซีทีวี (CCTV) ของจีน รายงาน “สหายหลี่ เค่อเฉียง ประสบภาวะหัวใจวายกะทันหันเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ขณะพักอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ แม้จะพยายามยื้อชีวิตของเขาสุดความสามารถแล้ว เขาถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเวลา 00.10 น. ของวันที่ 27 ต.ค. ที่เซี่ยงไฮ้”

หลี่ เค่อเฉียง ถือเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลอันดับสองในพรรคคอมมิวนิสต์ และการเมืองจีน และเคยได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นหนึ่งในผู้มีโอกาสดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์จีน ก่อนจะถูกลดบทบาทลงเรื่อยๆ เนื่องจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของประเทศพยายามกระชับอำนาจของตนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

นายหลี่ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจีนในปี 2556 ควบคู่ไปกับการเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีของจีนภายใต้การนำของสี จิ้นผิง และดำรงตำแหน่งมายาวนานถึง 10 ปี ก่อนที่จะประกาศวางมือ ลงจากตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ตลอดการดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายหลี่มีแนวคิดสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบตลาดที่เปิดกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะการปฏิรูปด้านผลิต หรือที่เรียกว่า “Likonomics” แต่ทั้งนี้ แนวคิดเศรษฐกิจดังกล่าวไม่เคยถูกนำมาใช้จริง

ที่มา : Reuters

วันปิยมหาราช

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 สถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้ร่วมกับสมาคมนิสิตเก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แห่งแคลิฟอร์เนีย จัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันปิยมหาราช โดยนายต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส และภริยา พร้อมด้วยหัวหน้าสำนักงานทีมประเทศไทยและข้าราชการสถานกงสุลใหญ่ฯ และสำนักงานทีมประเทศไทยได้เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลา น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณหน้าพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ วัดไทยลอสแองเจลิส โดยมีผู้แทนสมาคม ชมรม และองค์กรชุมชนไทยเข้าร่วมอย่างคับคั่ง


หวั่นสงครามบานปลาย สหรัฐฯ ส่ง F-16 โจมตี ฐานกองกำลังที่อิหร่านหนุนหลัง ในซีเรีย

เครื่องบินขับไล่ F-16 ของสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีฐาน 2 แห่งของกองกำลังที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน ในประเทศซีเรีย ขณะที่ไบเดนเตือนสหรัฐฯ จะใช้มาตรการเพิ่มขึ้นหากอิหร่านยังไม่หยุดทำ 'สงครามตัวแทน'

เมื่อ 27 ต.ค. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 สองลำ โจมตีฐานสองแห่ง เป็นที่เก็บอาวุธและเครื่องกระสุนของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านและกลุ่มติดอาวุธในประเทศซีเรีย ที่บริเวณใกล้กับเมืองอาบู คามาล เมืองชายแดนของซีเรีย ติดกับประเทศอิรัก เมื่อเวลา 04.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อวันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสจะขยายวงกว้างออกไปมากขึ้นขณะที่อิสราเอลระดมโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนักหน่วง

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีฐานสองแห่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน และฐานของกลุ่มติดอาวุธในประเทศซีเรีย พร้อมทั้งยังเตือนว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการเพิ่มเติมหากอิหร่านยังคงทำสงครามตัวแทนต่อไป

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า กองกำลังทหารสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรถูกโจมตีในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงอย่างน้อย 19 ครั้งในอิรักและซีเรียซึ่งรัฐบาลอิหร่านให้การสนับสนุน ในขณะที่กลุ่มฮามาส อิสลามิกจีฮัด และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนต่างได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน

เอเอฟพี รายงานว่า นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา (เพนตากอน) แถลงว่ากองทัพสหรัฐฯ โจมตีเป้าหมาย 2 แห่งของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (ไออาร์จีซี) ของอิหร่าน และกลุ่มเครือข่ายในพื้นที่ภาคตะวันออกของ ซีเรีย

“การโจมตีเพื่อป้องกันตนเองที่แม่นยำเป็นการตอบโต้การพุ่งเป้าโจมตีที่ไม่ประสบผลสำเร็จต่อเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในอิรักและซีเรียอย่างต่อเนื่องโดยกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 17 ต.ค.” นายออสตินระบุในแถลงการณ์

ก่อนเปิดเผยว่าในช่วงที่ไออาร์จีซีโจมตีมีเจ้าหน้าที่สัญญาจ้างซึ่งเป็นพลเรือนชาวอเมริกัน 1 รายเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ และเจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันอีก 21 นายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และทุกคนสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว

ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แถลงเตือนโดยตรงถึง อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น

นายออสตินย้ำด้วยว่า “การโจมตีป้องกันตัวเองนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องบุคลากรของสหรัฐในอิรักและซีเรียเท่านั้น นี่เป็นเรื่องที่แยกจากกันและแตกต่างจากความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างอิสราเอลและฮามาส และไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวทางของเราต่อความขัดแย้งดังกล่าว”

ที่มา : Reuters


ตำรวจปูพรมไล่ล่า มือปืนกราดยิง 22 ศพในสหรัฐฯ

27 ตุลาคม พ.ศ. 2566 : ลูอิสตัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) – ตำรวจสหรัฐฯ ออกปฏิบัติการไล่ล่าขนานใหญ่เพื่อตามจับตัวมือปืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่า สังหารประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 22 ศพ และมีผู้บาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมากในเหตุกราดยิงครั้งใหญ่ในรัฐเมน ถือเป็นเหตุกราดยิงรุนแรงนองเลือดที่สุดของปีนี้ในสหรัฐฯ

ตำรวจกล่าวว่า มือปืนรายนี้ชื่อโรเบิร์ต คาร์ด ซึ่งเห็นตัวเขาในคลิปวิดีโอของกล้องวงจรปิด เล็งปืนกึ่งอัตโนมัติและเดินเข้าไปในลานโบว์ลิ่งในเมืองลูอิสตัน โดยตำรวจระบุว่า เขาเป็นบุคคลที่มีอาวุธและเป็นอันตราย โทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างแหล่งข่าวหน่วยงานรักษากฎหมายที่ว่า คาร์ด เป็นคนสอนการใช้อาวุธที่ได้รับใบอนุญาตรับรองและเป็นสมาชิกของกองกำลังสำรองของกองทัพสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ของเมืองลูอิสตันกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยืนยันมีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ศพบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก ราว 50-60 คน หลังก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถยนต์หนีไป

ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เหตุยิงกันเกิดขึ้นในหลายจุด พื้นที่ส่วนใหญ่ในเมืองลูอิสตันถูกล็อกดาวน์ เจ้าหน้าที่ขอให้บริษัทธุรกิจต่างๆ ปิดบริการและขอให้ประชาชนหลบอยู่ภายในบ้าน เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยสาธารณะของรัฐเมนกล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุตัวเลขผู้เสียชีวิตได้เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยคนกระจายกำลังกันไปตามถนนในเมืองเพื่อตามหาตัวมือปืน ตามรูปพรรณล่าสุดคือไว้เครา สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำตาล สวมกางเกงยีนส์ ในมือถือปืนยาวในลักษณะพร้อมจ่อยิง รวมทั้งภาพรถเอสยูวีสีขาว เพื่อ ให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแส

ล่าสุด มือปืนขับรถหลบหนีไปที่เมืองลิสบอนห่างจากเมืองลูอิสตันไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 11 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่พบรถยนต์คันดังกล่าวอยู่ที่เมืองนี้แต่มือปืนไม่ได้อยู่ในรถ ทางการท้องถิ่นเตือนให้ประชาชนทั้งที่เมืองลูอิสตันและเมืองลิสบอนอยู่ภายในบ้านปิดล็อกประตูหน้าต่างให้มิดชิด เพื่อป้องกันอันตรายเพราะคนร้ายซึ่งถูกระบุว่ามีอาวุธและเป็นบุคคลอันตรายอาจจะก่อเหตุร้ายขึ้นได้อีก

จากการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับมือปืนพบว่า คาร์ดเคยเป็นครูฝึกสอนยิงปืน และเคยทำงานอยู่ในกองทัพบกของสหรัฐฯ มาก่อน แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เขาเคยถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชเนื่องจากมีอาการทางประสาท เช่น หูแว่ว และเคยขู่ว่าจะกราดยิงที่ฐานทัพแห่งหนึ่งด้วย

ด้านประธานาธิบดี โจ ไบเดน ซึ่งกำลังอยู่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติกับนายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบาเนซี ของออสเตรเลีย ที่กำลังอยู่ในระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ต้องปลีกตัวออกมาโทรศัพท์ไปหาผู้ว่าการรัฐเมน วุฒิสมาชิกของรัฐเมนและสมาชิกรัฐสภาเพื่อเสนอให้ความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง

ทั้งนี้ หากจำนวนผู้เสียชีวิต 22 ศพได้รับการยืนยัน เหตุการณ์กราดยิงครั้งนี้จะถือว่าเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2562 ที่เกิดเหตุกราดยิงในเมืองเอลปาโซ รัฐเท็กซัสที่มีผู้เสียชีวิตไป 23 ศพ ส่วนเหตุการณ์กราดยิงครั้งใหญ่สุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2560 มือปืนซึ่งกราดยิงลงมาจากอาคารสูงของโรงแรมสาดกระสุนเข้าใส่ผู้คนที่มาร่วมงานเทศกาลดนตรีในนครลาสเวกัส มีผู้เสียชีวิตถึง 58 ศพสำหรับในปีนี้ มีเหตุการณ์กราดยิงในสหรัฐฯ ที่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บตั้งแต่ 4 คนขึ้นไปเกิดขึ้นมาแล้วกว่า 560 ครั้ง


ไบเดนประกาศกร้าว พร้อมปกป้องฟิลิปปินส์ หากถูกจีนโจมตีในทะเลจีนใต้

27 ตุลาคม 2566 : สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า หลังจากที่เรือของฟิลิปปินส์และจีนได้ชนกัน 2 ครั้งในทะเลจีนใต้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุด ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนประเทศจีนว่า สหรัฐฯ จะให้การปกป้องฟิลิปปินส์หากมีการโจมตีใดๆ เกิดขึ้นในทะเลจีนใต้ที่ทั้งจีนและฟิลิปปินส์ต่างอ้างกรรมสิทธิ์

ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า “ผมอยากจะพูดอย่างชัดเจนที่สุด ว่าพันธกรณีของสหรัฐฯ ในด้านกลาโหมกับฟิลิปปินส์เข้มแข็งมาก เช่นเดียวกับข้อตกลงกลาโหมกับฟิลิปปินส์ที่ไม่สามารถถูกทำลายได้” และการโจมตีใดๆ ต่อเครื่องบิน เรือ หรือกองทัพฟิลิปปินส์จะทำให้สนธิสัญญาร่วมป้องกันของสหรัฐและฟิลิปปินส์ที่มีการลงนามในปี 1951 เกิดขึ้นได้

ถ้อยแถลงดังกล่าวเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นถ้อยแถลงในเรื่องทะเลจีนใต้ที่หนักแน่นที่สุดของประธานาธิบดีไบเดน นับตั้งแต่ที่ความตึงเครียดระหว่างจีนและฟิลิปปินส์เริ่มรุนแรงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

ด้านนางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้ออกมากล่าวตอบโต้ว่าสหรัฐฯ ไม่มีสิทธิที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวในปัญหาระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ อีกทั้งการปกป้องฟิลิปปินส์ของสหรัฐฯ จะต้องไม่กระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ทางทะเลของจีนในทะเลจีนใต้

27 ตุลาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอข่าว China says US has no right to get involved in its problems with Philippines ระบุว่า เหมาหนิง (Mao Ning) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ออกมาเตือนสหรัฐอเมริกา ว่าไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์กรณีข้อพิพาททะเลจีนใต้ หลังสหรัฐฯ ประกาศพร้อมช่วยฟิลิปปินส์ในเรื่องนี้

“คำสัญญาของสหรัฐฯ ที่จะปกป้องฟิลิปปินส์จะต้องไม่กระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ทางทะเลของจีนในทะเลจีนใต้ และจะต้องไม่ส่งเสริมและส่งเสริมการอ้างสิทธิที่ผิดกฎหมายของฟิลิปปินส์” เหมากล่าว

จีนและฟิลิปปินส์เผชิญหน้ากันหลายครั้งในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาท บริเวณสันดอนโธมัสที่สอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสแปรตลีย์ ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2566 เรือของจีนลำหนึ่งชนกับเรือลำหนึ่งของฟิลิปปินส์ ซึ่งฟิลิปปินส์ประณามการสกัดกั้นที่อันตรายของเรือลำดังกล่าวในระดับที่รุนแรงที่สุด

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2566 ที่ทำเนียบขาว ว่า ความมุ่งมั่นของอเมริกาต่อการป้องกันประเทศของฟิลิปปินส์ยังคงเป็นดั่งเกราะเหล็ก หลังจากกล่าวหาจีนว่ากระทำการที่เป็นอันตรายและผิดกฎหมายในทะเลจีนใต้

“การโจมตีใดๆ ต่อเครื่องบิน เรือ หรือกองทัพของฟิลิปปินส์จะก่อให้เกิดสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันของเรากับฟิลิปปินส์” ไบเดน กล่าวในความคิดเห็นระหว่างการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย

เมื่อเร็วๆ นี้ สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ได้ตกลงร่วมกันเกี่ยวกับแนวปฏิบัติใหม่สำหรับสนธิสัญญาป้องกันร่วมปี 2494 แนวปฏิบัติดังกล่าวระบุไว้โดยเฉพาะเจาะจงว่าข้อผูกพันด้านการป้องกันร่วมกันจะถูกนำมาใช้ หากมีการโจมตีด้วยอาวุธต่อประเทศใดประเทศหนึ่งที่ใดก็ได้ในทะเลจีนใต้

ที่มา : https://www.reuters.com/world/china-

‘สตีเวน คิง’ วิจารณ์หนัก เหตุการณ์มือปืนคลั่งกราดยิงที่บ้านเกิดในรัฐเมน

นักเขียนชื่อดังเจ้าของนิยายสยองขวัญยอดนิยมหลายเรื่อง โพสต์ข้อความวิจารณ์เหตุการณ์กราดยิงในรัฐเมนซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย

หลังจากเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่รัฐเมน เมื่อ โรเบิร์ต คาร์ด ชายวัย 40 ปี ใช้ปืนกราดยิงประชาชนที่ลานโบว์ลิงและสถานที่จัดกิจกรรมในย่านชุมชนของเมืองลูอิสตัน จนทำให้ผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 20 ราย นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน ‘สตีเวน คิง’ เจ้าของฉายา ‘ราชานิยายสยองขวัญ’ ก็ได้โพสต์ข้อความวิจารณ์เหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมาบนแพลตฟอร์ม เอ็กซ์ (ทวิตเตอร์)

ระทึกขวัญ ! ไอ้คลั่งกราดยิงแหลกที่สหรัฐฯ ผู้บริสุทธิ์ดับแล้ว 22 ราย เจ็บเกินครึ่งร้อย

คิง ระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น “ความบ้าคลั่งในนามของเสรีภาพ” โดยเขาชี้ว่าอาวุธที่ใช้ฆาตกรรมหมู่ประชาชนในครั้งนี้เป็น “เครื่องจักสังหารที่สาดกระสุนได้เป็นชุดๆ” นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ “หยุดลงคะแนนเลือกพวกชอบแก้ต่างให้ฆาตกรเสียที” ซึ่งคาดว่าเป็นการวิจารณ์นักการเมืองและกฎหมายเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนของรัฐเมนที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องใช้ใบอนุญาตพกปืนในที่สาธารณะ ก็สามารถพกอาวุธติดตัวได้

นักเขียนเจ้าของนิยายที่โด่งดังหลายเรื่อง เช่น It, The Shining, The Green Mile, The Shawshank Redemption และซีรีส์ชุด The Dark Tower เกิดและเติบโตที่รัฐเมน เขาเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่เมืองลิสบอน ซึ่งอยู่ห่างเมืองลูอิสตันอันเป็นสถานที่เกิดเหตุกราดยิงเพียง 80 กม.

ต่อมา คิง ก็โพสต์ข้อความบน เอ็กซ์ เพิ่มเติมว่า “เรื่องนี้ไม่เห็นเกิดขึ้นในประเทศอื่น” โดยเป็นการเขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดเพื่อเป็นการเน้นย้ำ

คิง ประกาศตัวอย่างชัดเจนมาโดยตลอดต่อการพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และเรียกร้องให้ส.ส.ในรัฐสภาลงมือแก้ไขปัญหานี้

เมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา เขาเคยโพสต์ข้อความบนเอ็กซ์ว่า “มันอาจจะถึงเวลาเลิกพูดเรื่องการตามล่าหาเครื่องแลปท็อปของ ฮันเตอร์ ไบเดน เสียที และหันไปลงมือแก้ปัญหาเรื่องความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนของอเมริกาได้แล้ว”

ข้อความดังกล่าวคาดว่าเป็นการกล่าวเหน็บแนมการสืบสวนของทางการสหรัฐฯ หลังจากมีข้อกล่าวหาว่าประธานาธิบดีไบเดนและ ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของเขา มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาทางธุรกิจกับต่างชาติมูลค้าหลายล้านดอลลาร์ โดยอาศัยอำนาจและสายสัมพันธ์จากหน้าที่การงานของผู้เป็นพ่อ

ตามข้อมูลของสื่อท้องถิ่นระบุว่า การกราดยิงในครั้งนี้ถือว่าเป็นการกราดยิงในสหรัฐอเมริกาครั้งที่ 36 ของปีนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วไม่ต่ำกว่า 188 คน โดยไม่นับรวมผู้ที่ลงมือก่อเหตุ

ที่มา : wdhn.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES