ข่าว
เมียทหารเปลือย ประณามชะตากรรมผัวป่วยเป็นโรคหดหู่ซึม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหล่าภรรยาของทหารสหรัฐ ได้เปลือยแผ่นหลังพร้อมข้อความโจมตีชะตากรรมของเหล่าสามีพวกเธอ ซึ่งต้องป่วยเป็นโรคหดหู่ซึมเศร้าหลังสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน ที่กลายเป็นประสบการณ์ฝันร้ายสำหรับพวกเขา โดยการเปลือยดังกล่าวเป็นแผนรณรงค์ของภรรยาทหารมะกันนาม"แอชลียร์ ไวส์"ที่มีสามีป่วยมีอาการดังกล่าว หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในอิรักเป็นครั้งที่สอง โดยเธอต้องเครียดและหดหู่หลังจากสามีของเขาหนีออกจากบ้าน และขังตัวเองในห้องของโรมแรมพร้อมอาวุธจำนวนมาก ก่อนที่สามีเธอจะถุกตำรวจทหารจับกุมตัว และขู่จะปลดจากกองทัพในข้อหาประพฤติตัวไม่เหมาะสม แม้ว่าเธอจะต้องการให้ทางการสหรัฐช่วยเหลือสามีเธอก็ตาม

โดยนางแอชลีย์ได้เขียนบนข้อความบนแผ่นหลังว่า หัวใจสลายจากการสู้รบ เจ็บปวดจากสงคราม ฉันรักคุณและขอสาบานว่า ฉันจะทำให้ความเงียบของคุณต้องกรีดร้องดัง เพื่อช่วยเยียวยาจิตใจที่แตกซ่าน และข้อความดังกล่าวสะเทือนถึงความรู้สึกเหล่าภรรยาทหารสหรัฐคนอื่น ๆ ซึ่งได้เลียนแบบเขียนข้อความนี้ และบันทึกภาพร่วมกันเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต

ด้านนางแอชลีย์ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า เธอต้องการให้ชะตากรรมของสามีเธอเป็นสิ่งที่สังคมโลกได้ตระหนัก และให้ผู้คนพูดถึงอาการหดหู่ซึมเศร้าจากสงคราม(PTSD) ส่วนภรรยาทหารอเมริกันอีกรายที่ต้องสูญเสียสามีจากเหตุฆ่าตัวตายบอกว่า ทหารอเมริกันมีเรื่องราวมากมายที่ต้องการจะพูด แต่ไม่มีใครฟัง

อุกอาจบุกชิงศพเจ้าพ่อมาเฟียเม็กซิโก

10 ต.ค. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก ว่า กลุ่มคนร้ายพร้อมอาวุธครบมือ บุกชิงศพ นายเฮอริแบร์โต ลาซคาโน หัวหน้าใหญ่ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ “เซตาส” จากสำนักงานชันสูตรศพ ในเมืองซาบินาส รัฐโกอาวีลา ทางเหนือของประเทศ เมื่อวันอังคาร เหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากลาซคาโน เจ้าของนามฉายา “จอมเพชฆาต” ถูกยิงเสียชีวิต ระหว่างการยิงปะทะกับหน่วยนาวิกโยธินเม็กซิโก ที่พยายามเข้าจับกุม เมื่อช่วงบ่ายวันอาทิตย์ผ่านมา

ผลการตรวจชันสูตรเบื้องต้น ทั้งหลักฐานลายพิมพ์นิ้วมือ และกระบวนการทางดีเอ็นเอ ยืนยันชัดว่า นายลาซคาโนเสียชีวิตจริง พร้อมกับลูกน้องอีกคนหนึ่ง นายลาซคาโนถือเป็นอาชญากรระดับเจ้าพ่อรายใหญ่สุดที่เสียชีวิต ในสงครามยาเสพติดที่รัฐบาลเม็กซิโกภายใต้การนำของประธานาธิบดีเฟลิเป คัลเดรอน เริ่มปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2549 แก๊งเซตาสนับเป็น 1 ใน 2 แก๊งอาชญากรรม และขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่สุดของเม็กซิโก การห้ำหั่นกันระหว่างสมาชิกต่างแก๊ง และระหว่างแก๊งกับเจ้าหน้าที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 60,000 ศพ นับตั้งแต่คัลเดรอนขึ้นครองอำนาจในเดือน ธ.ค. 2549


"โตโยต้า"เรียกคืนรถ 7.4 ล้านคันทั่วโลก

โตโยต้าประกาศเรียกรถรุ่นต่าง ๆ 7.4 ล้านคันทั่วโลกมารับบริการแก้ไขปุ่มสวิทช์หน้าต่างรถที่บกพร่อง โดยการเรียกคืนดังกล่าว ซึ่งเป็นการเรียกคืนแบบสมัครใจ ยังรวมถึงรถรุ่นยาริส, โคโรลลา และแคมรี

โดยรถจำนวนกว่า 7.4 ล้านคันที่ถูกเรียกคืน ประกอบด้วย ยุโรป 1.39 ล้านคัน, อังกฤษ 1.38 แสนคัน สหรัฐฯ 2.47 ล้านคัน และจีน 1.4 ล้านคัน โดยนี่ถือเป็นการขอเรียกคืนรถครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ฟอร์ดประกาศเรียกคืนรถ 8 ล้านคันเมื่อปี 1996

อย่างไรก็ดี โตโยต้ากล่าวว่า ปัญหาปุ่มสวิทช์หน้าต่างรถที่บกพร่อง ไม่ได้ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ หรือพบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

นอกจากนั้น โตโยต้ายังประกาศเรียกคืนรถอีกกว่า 459,000 คันในญี่ปุ่น, 650,000 คันจากออสเตรเลียและเอเชีย และจากตะวันออกกลางและแคนาดาอีกหลายแสนคัน

โดยรถที่จะได้รับผลกระทบครั้งนี้ประกอบด้วยรุ่นยาริส, วิออส, โคโรลลา, แมทริกซ์, ออริส, แคมรี, ราฟโฟร์, ไฮแลนเดอร์, ทุนดรา, เซคัวยา, เอ็กซ์บี และเอกซ์ดี ที่ผลิตระหว่างปี 2005-2010

โดยปี 2009 ถือเป็นปีที่ชื่อเสียงของโตโยต้าได้รับความเสียหายรุนแรงที่สุด หลังมีการประกาศเรียกคืนรถตลอดทั้งปีรวมกันกว่า 12 ล้านคัน โตโยต้าต้องเสียค่าปรับให้แก่ทางการสหรัฐฯ กระทั่งประธานโตโยต้าต้องออกมาขอโทษต่อกรณีที่เกิดขึ้น


“ชาเวซ”ชะเลือกตั้งปธน.สมัยที่ 4

8 ต.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงการากัส ถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีประเทศเวเนซุเอลา ว่า ประธานาธิบดีฮิวโก้ ชาเวซ สามารถเอาชนะนายเอ็นริเก้ คาปริเลส นักการเมืองหนุ่มไฟแรงที่หลายฝ่ายต่างลงความเห็นว่าเป็นผู้ท้าชิงที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 14 ปี และรักษาเก้าอี้ผู้นำเวเนซุเอลาได้เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน

แถลงการณ์ของสภาจัดการเลือกตั้งแห่งชาติ ระบุว่า นายชาเวซได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนร้อยละ 54.42 คิดเป็น 7,444,082 คะแนน ส่วนนายคาปริเลสได้รับคะแนนเสียงตามมาที่ร้อยละ 44.97 คิดเป็น 6,151,554 คะแนน จากผลการนับคะแนนที่เสร็จสิ้นไปแล้วร้อยละ 90 โดยมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์สูงถึงร้อยละ 80.94 หรือ 19 ล้านคน

ด้าน นายคาปริเลสออกมาแถลงยอมรับความพ่ายแพ้ และแสดงความยินดีต่อนายชาเวซ พร้อมกับกล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนที่ลงคะแนนให้กับเขา แม้จะยังไม่ฟื้นตัวดีจากอาการป่วยด้วยโรคมะเร็ง แต่ชัยชนะครั้งสำคัญนี้จะส่งผลให้นายชาเวซ วัย 58 ปี ดำรงตำแหน่งผู้นำเวเนซุเอลาต่อไปเป็นสมัยที่ 4

ทั้งนี้ นายชาเวซเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำเวเนซุเอลาครั้งแรกเมื่อปี 2541 โดยได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งร้อยละ 56 และในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2549 นายชาเวซได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนถึงร้อยละ 62 ชนะนายมานูเอล โรซาเลส คู่แข่งในการเลือกตั้งครั้งนั้นได้รับคะแนนเสียงเพียงร้อยละ 37