ข่าว
ผู้นำฝ่ายค้านโสมขาวย้ำ ถอดถอนยุน ‘หนทางดีที่สุด’ ส.ส.รบ.ถูกขู่ฆ่า หลังหนุนญัตติ

วันที่ 13 ธันวาคม 2567 :นายอี แจมยอง ผู้นำฝ่ายค้านเกาหลีใต้และหัวหน้าพรรคประชาธิปไตย (ดีพี) กล่าวเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ว่าหนทางที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยในประเทศคือการถอดถอนประธานาธิบดียุน ซอกยอล

การออกมาให้ความเห็นดังกล่าวของเขามีขึ้นก่อนหน้าที่รัฐสภาจะลงมติถอดถอนยุนครั้งที่ 2 ในวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคมนี้ หลังการประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึกที่มีผลเพียง 6 ชั่วโมง ก่อนจะถูกรัฐสภาลงมติคว่ำคำสั่งดังกล่าว ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้เขาลาออกเพราะใช้อำนาจโดยมิชอบ แต่เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด และเป็นการใช้อำนาจในทางบริหาร ทั้งยังบอกด้วยว่าจะสู้จนถึงที่สุด

นายอีกล่าวว่า การออกมาแสดงจุดยืนล่าสุดของยุนถือเป็นการประกาศสงครามกับประชาชน และพิสูจน์ให้เห็นว่าการถอดถอนยุนเป็นวิธีที่เร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดในการยุติความสับสน...

อนาคตทางการเมืองของประธานาธิบดียุนดูไม่น่าจะยืนยาวหลังจากที่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นายฮัน ด็อกซู ผู้นำพรรคพลังประชาชน (พีพีพี) เปลี่ยนจุดยืนจากที่เคยไม่สนับสนุนการถอดถอน เป็นการให้อิสระกับสมาชิกรัฐสภาของพรรคในการลงคะแนนต่อญัตติถอดถอนครั้งใหม่ ที่เชื่อว่าจะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการผลักดันญัตติถอดถอนยุนรอบ 2

ท่ามกลางการเฝ้าดูผลการลงมติถอดถอนครั้งใหม่ในวันเสาร์นี้ นายคิม ซังอุค สมาชิกรัฐสภาของพรรคพีพีพี ซึ่งลงมติสนับสนุนญัตติถอดถอนยุนเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา เผยว่า เขาถูกขู่ฆ่าจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพรรคพีพีพีและผู้สนับสนุนพรรคบอกว่าเขาเป็นคนทรยศ

คิมกล่าวด้วยว่า สมาชิกรัฐสภาของพรรคพีพีพีไม่ได้จะเดินตามรอยเขาทุกคน เพราะยังมีแกนหลักของกลุ่มผู้ภักดีต่อประธานาธิบดียุนอยู่ โดยเฉพาะในเขตเลือกตั้งของเขาที่เป็นฝ่ายอนุรักษนิยมแบบเข้มข้น แต่คิมยืนยันว่า ประธานาธิบดียุนไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้นำประเทศอีกต่อไป เขาไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

ทั่วโลกตื่น! 'โนโรไวรัส'ระบาดหนักในจีน ชี้เชื้อโรคติดต่อง่าย-แอลกอฮอล์ฆ่าไม่ตาย

13 ธันวาคม 2567 สำนักข่าวต่างประเทศ'เวิลด์ ออฟ บัซ' สื่อของประเทศมาเลเซียรายงานว่า เกิดการระบาดของ 'โนโรไวรัส' (Norovirus)ที่ติดต่อได้ง่ายและดื้อต่อแอลกอฮอล์ในหลายพื้นที่ของจีนโดยมีการแพร่ระบาดตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีเด็กนักเรียนหลายคนได้รับผลกระทบ รวมถึงเด็กนักเรียนจากสามชั้นเรียนที่โรงเรียนประถมเจ้อเจียง ในเขตจางวาน ทำให้ทางโรงเรียนต้องเรียนออนไลน์ ซึงเด็กๆ ที่ติดเชื้อจะมีอาการอาเจียนและปวดท้อง ซึ่งต่อมาได้รับการยืนยันว่าเป็นโนโรไวรัส ในกรณีนี้ มีนักเรียน 18 คนติดเชื้อไวรัส

ทางด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของจีน เปิดเผยว่า โรคติดเชื้อเฉียบพลันที่เกิดจากไวรัสโนโรไวรัส ได้เข้าสู่ช่วงพีคแล้ว องค์กรดังกล่าวจึงได้ออกแนวปฏิบัติเพื่อเตือนประชาชนเกี่ยวกับไวรัสที่ติดต่อได้ และเน้นย้ำว่าไวรัสโนโรไวรัสดื้อต่อน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้กันทั่วไป

นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังไม่สามารถต่อต้านไวรัสได้ เพื่อเป็นการป้องกันแนะนำให้ทุกคนล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่เป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที ก่อนรับประทานอาหาร หลังขับถ่าย และก่อนสัมผัสอาหารซึ่งต้องปรุงสุกก่อนรับประทาน นอกจากนี้ยังแนะนำให้ทำความสะอาดบริเวณที่มีการสัมผัสบ่อยด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีคลอรีนเป็นระยะๆ อีกทั้งยังเตือนประชาชนไม่ให้ไปทำงานหากติดเชื้อไวรัส และรีบไปพบแพทย์ทันที

ส่วนสื่อของจีนได้มีการรายงานถึงการระบาดของโนโรไวรัส ดังกล่าวเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยอ้างจากนักวิจัยจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งประเทศจีน กล่าวว่า โนโรไวรัสเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการอักเสบเฉียบพลันในกระเพาะอาหารหรือลำไส้และเพื่อป้องกันโรค เผิงกล่าวว่าสิ่งสำคัญอันดับแรกคือ ประชาชนต้องล้างมือให้สะอาดด้วยการล้างมือด้วยสบู่และน้ำ ก่อนปรุงอาหารหรือรับประทานอาหาร และหลังจากใช้ห้องน้ำผู้ที่ติดเชื้อไวรัสควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่นในขณะที่มีอาการ และภายใน 2-3 วันหลังจากที่อาการหายไป เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อไวรัสสู่ผู้อื่น

จีนออกคำเตือนให้ปชช.ระวังการแพร่ระบาดของ "โนโรไวรัส" หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงในหลายพื้นที่

จีนเผยพบการระบาดของ "โนโรไวรัส" ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา จนล่าสุดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น และต้องมีการประกาศปิดโรงเรียน ล่าสุดมีการออกแนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

เว็บไซต์ข่าวไชน่า เดลี ของทางการจีนรายงานว่า สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของจีน ได้ออกแนวปฏิบัติทางเทคนิคสำหรับการป้องกันและฆ่าเชื้อ "โนโรไวรัส" (norovirus)ในโรงเรียนและพื้นที่สำคัญอื่นๆ รวมถึงโรงเรียนอนุบาลและศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ โดยแนวปฏิบัติเน้นย้ำว่าควรแยกผู้ติดเชื้อออกทันที และควรดำเนินการฆ่าเชื้อในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด

แนวทางปฏิบัติยังเน้นย้ำว่าเชื้อโนโรไวรัส สามารถแพร่ระบาดได้ง่าย และผู้คนทุกกลุ่มอายุสามารถได้รับเชื้อได้เหมือนกัน และภูมิคุ้มกันหลังการติดเชื้อมักจะไม่แข็งแรง การติดเชื้อแบบเป็นกลุ่มมักเกิดขึ้นบ่อยในสภาพแวดล้อมที่มีผู้คนหนาแน่น อาทิ โรงเรียน ศูนย์ดูแลเด็ก และผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ยังย้ำว่า ไวรัสนี้แพร่กระจายผ่านการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อน การสัมผัสพื้นผิวหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนโดยผู้ติดเชื้อ และการสัมผัสละอองในอากาศจากการอาเจียนของผู้ติดเชื้อ โดยบอกว่า โนโรไวรัสมีความต้านทานสูงต่อน้ำยาฆ่าเชื้อทั่วไป ไม่วาจะเป็นแอลกอฮอล์ 75% หรือเจลล้างมือ โดยทางที่ดีควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อแบบเข้มข้นสูงและวิธีการฆ่าเชื้อทางกายภาพที่เหมาะสมเพื่อกำจัดไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ แนะนำให้ใช้สารฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของคลอรีนในการทำความสะอาดบริเวณที่ปนเปื้อนจากการอาเจียนหรืออุจจาระของผู้ติดเชื้อ โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารปนเปื้อนโดยตรง นอกเหนือจากการฆ่าเชื้อแล้ว แนวปฏิบัตินี้ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติสุขอนามัยประจำวัน อย่างการล้างมืออย่างถูกวิธีและการปรุงอาหารให้สะอาด

รายงานข่าวอ้างคำเปิดเผยของเจ้าหน้าที่จากสำนักงานการศึกษาท้องถิ่นที่ระบุว่า เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีนักเรียนจาก 3 ชั้นเรียนของโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองชี่หยาน มณฑลหูเป่ย ได้รับเชื้อจนต้องหยุดเรียนเป็นเวลา 1 สัปดาห์

ส่วนในเมืองผู่เอ๋อ มณฑลยูนนาน นักเรียนอย่างน้อย 18 คนในโรงเรียนประถมศึกษาได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคติดเชื้อโนโรไวรัส เมื่อกลางเดือนตุลาคม โดยเด็กนักเรียนที่ป่วยทั้งหมดมีอาการอาเจียนและปวดท้อง จากนั้นในเดือนเดียวกันนั้น โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในเมืองซีอาน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑลส่านซี รายงานว่ามีเด็กติดเชื้อจำนวน 48 ราย โดยมีอาการอาเจียนและท้องเสีย


ไฟป่าแคลิฟอร์เนียลาม มะกันหนีตายอื้อ-ระดมดับเพลิงสู้นับพันนาย...

ไฟป่าแคลิฟอร์เนียลาม – วันที่ 12 ธ.ค. รอยเตอร์รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ไฟป่ารุนแรงที่เมืองมาลิบู รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียหายแล้วเป็นพื้นที่กว่า 16 ตารางกิโลเมตร มีผู้อพยพแล้วกว่า 6,300 คน โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้เพียงร้อยละ 7...

ไฟป่าดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่เรียกว่า “แฟรงก์ลินไฟร์” ต้องใช้ตำรวจดับเพลิงกว่า 2 พันนาย เข้าควบคุมสถานการณ์ โดยไฟป่าทำให้มีอาคารบ้านเรือนถูกไฟเผาวอดวายแล้ว 9 หลัง เสียหายอีก 6 หลัง ท่ามกลางกระแสลมแรงและอากาศแห้งแล้ง

สำนักงานป้องกันอัคคีภัยและป่าไม้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือแคลไฟร์ ระบุว่า อุปสรรคหลักที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ยากลำบากมาจากพื้นที่ขรุขระและลาดชันสลับซับซ้อนทำให้การเดินเท้าของเจ้าหน้าที่นั้นทุลักทุเล คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะดับไฟได้หมด..

ล่าสุด ตำรวจดับเพลิงกำลังมุ่งควบคุมเพลิงที่จุดเดียวกันแห่งหนึ่งกลางหุบเขา โดยอาศัยเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงเข้าสนับสนุน และเจ้าหน้าที่ผลัดกันออกมาพักพื้นที่รอบนอก ซึ่งสภาพแต่นายนั้นทั้งเหนื่อยล้าและเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเขม่าไฟ

ทั้งนี้ เมืองมาลิบูนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาริมหาดหันหน้าออกไปทางมหาสมุทรแปซิฟิก มีบ้านของดาราชั้นนำในแวดวงฮอลลีวู้ดจำนวนมาก และอยู่ห่างจากนครลอสแองเจลิสไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 50 กิโลเมตร ส่วนไฟป่าทำให้มีผู้ได้รับผลกระทบราว 22,000 คน...


ทรัมป์กร้าวใช้กองทัพไล่ผู้อพยพ – โพลชี้มะกัน 53% เห็นด้วย เนรเทศคนเข้าประเทศผิดกฎหมาย

วันที่ 13 ธันวาคม 2567:นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 กล่าวระหว่างการสัมภาษณ์กับนิตยสารไทม์ภายใต้หัวข้อที่เขาได้รับตำแหน่งบุคคลแห่งปี เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมว่า เขาจะใช้กองทัพทหารเพื่อดำเนินมาตรการขับไล่ผู้อพยพที่เข้ามาในสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายสหรัฐ กองทัพไม่สามารถเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการภายในประเทศได้ ทั้งนี้ ทรัมป์อ้างว่า การที่มีผู้อพยพเข้ามาในสหรัฐอย่างผิดกฎหมายเปรียบเสมือนการรุกรานที่จำเป็นต้องถูกยุติลง

ทรัมป์กล่าวว่า “ผมคิดว่าผู้อพยพจำนวนมากถือเป็นการรุกรานดินแดนสหรัฐ ทางรัฐบาลจะใช้กองกําลังป้องกันชาติในการจัดการกับเรื่องนี้ในกรอบของกฎหมาย”

รัฐบาลภายใต้พรรครีพับลิกันและเดโมแครตเคยใช้กองกำลังป้องกันชาติตั้งด่านบริเวณชายแดนสหรัฐและเม็กซิโก แต่ยังไม่เคยมีการใช้กองกำลังดังกล่าวเพื่อดำเนินการจับกุม...

นายทอม โฮแมน ว่าที่ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร (ICE) กล่าวต่อสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมว่า “พวกเราต้องการการสนับสนุนจากกระทรวงกลาโหมเป็นอย่างมากในเรื่องการขนย้าย โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ การกรองข่าว ตลอดจนการกำหนดเป้าหมาย กระนั้นก็ดี ทาง ICE จะรับผิดชอบในส่วนของการจับกุมตัว”

ในขณะเดียวกัน ผลโพลรอยเตอร์/อิปซอส ชี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ต้อนรับผู้อพยพให้เข้าสหรัฐมีจำนวนลดลง 33% ของผู้เข้ารับการสำรวจระหว่างวันที่ 5-10 ธันวาคม คิดว่าผู้อพยพเกือบทั้งหมดจนถึงจำนวนทั้งหมดที่ไม่มีสถานะทางกฎหมาย ควรได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในสหรัฐ ซึ่งลดลงการสำรวจเมื่อปี 2017 ที่เคยมีตัวเลข 39% ขณะที่ 53% ระบุว่าผู้อพยพเกือบทั้งหมดจนถึงจำนวนทั้งหมดควรถูกเนรเทศออกไปจากสหรัฐ เพิ่มขึ้นมา 2% จากผลการสำรวจปี 2017 ที่ตัวเลข 51% อีกทั้ง กลุ่มสำรวจที่ไม่แน่ใจว่าควรจะอนุญาตให้ผู้อพยพที่ผิดกฎหมายสามารถอาศัยอยู่ในสหรัฐหรือไม่ขึ้นมาที่ตัวเลข 14% จาก 9%

นอกจากนี้ 30% ของผู้รับการสำรวจเห็นด้วยว่า ผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายควรถูกจับกุมตัวและอยู่ในค่ายกักกันระหว่างรอการพิจารณาว่าควรถูกส่งตัวกลับประเทศต้นทางหรือไม่ ในขณะ 53% ไม่เห็นด้วย อีก 17% คือกลุ่มที่ระบุว่าตนไม่แน่ใจ รวมถึงผู้ที่ปฏิเสธที่จะให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้

เปิดพฤติการณ์สังหารโหด สจ.โต้ง ชี้ทั้ง 7 วางเเผนจัดเตรียมคน-อาวุธถล่ม ส่ง"โกทร"นอนคุก

13 ธ.ค. 2567 : เปิดพฤติการณ์สังหารโหด สจ.โต้ง ชี้ทั้ง 7 วางเเผนจัดเตรียมคน-อาวุธถล่ม ชนวนเหตุการเมืองเลือกตั้ง นายก อบจ. ศาลไม่ให้ประกันเหตุพฤติการณ์อุกอาจเกรงจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน ศาลจังหวัดปราจีนบุรี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้นำตัวนายธนศรัณย์กรณ์ อายุ 32 ปี (กอล์ฟ) มือยิง ,นายศักดิ์สิทธิ์ อายุ 34 ปี ( ตูน ) มือยิง, นายธนภัทร อายุ 18 ปี , นายอภิสิทธิ์ อายุ 34 ปี , นายสิทธิชัย อายุ 41 ปี,นายภัทรนนท์ อายุ 38 ปี ,นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร อายุ 85 ปี มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม เวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุได้ยินเสียงอาวุธปืน จำนวนหลายนัด ที่บ้าน ถนนโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี จึงได้ร่วมกันไปตรวจสอบที่บ้านดังกล่าว เมื่อไปถึงบริเวณหน้าบ้านมีลักษณะสามชั้น มีรั้วรอบไว้ทุกด้านเปิดประตูไม่ได้ จึงได้วางกำลังปิดล้อมไว้และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นเมื่อผู้บังคับบัญชาเดินทางมาถึง จึงได้มีการเจรจากับคนที่ดูแลบ้าน เบื้องต้นยินยอมให้เฉพาะเจ้าพนักงานตำรวจ เข้าไปในบ้านเพื่อตรวจสอบเหตุฯ

เมื่อเข้าไปในบริเวณบ้านได้แล้ว พบ นายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้ถูกจับกุมที่ 7 อยู่บริเวณหน้าบ้านนอกตัวบ้านและเมื่อเข้าไปในตัวบ้านก็พบ นายสิทธิชัย ผู้ถูกจับกุมที่ 5 และ นายภัทรนนท์ ผู้ถูกจับกุมที่ 6 อยู่ที่ห้องโถงชั้นล่าง และพบศพนายชัยเมศร์ หรือ สจ.โต้ง นอนอยู่บริเวณบันไดทางขึ้น ปลายเท้าอยู่ตรงบันได และ พบปลอกกระสุนหลายนิดและหลายขนาดอยู่ข้างศพ และพบแม็กกาซีนแบบยาวขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่หนึ่งอันใต้โซฟา และร่องรอยกระสุนปืนที่พื้นใกล้กับศพผู้ตาย

จากนั้นจึงพากันขึ้นบันไดไปตรวจสอบบริเวณชั้นที่ 2 ของบ้าน เมื่อไปพบ กับ นายธนศรัณย์กรณ์ ผู้ถูกจับที่ 1 ให้การเบื้องต้นได้ใช้อาวุธปืนพกสั้น ออโตเมติก ขนาด 9 ม.ม.ยิงผู้ตาย และอาวุธปืนยาว ลูกซองขนาด 12 วางอยู่ที่พื้นใกล้กับบันได และ นายศักดิ์สิทธิ์ ผู้ถูกจับที่ 2 ให้การเบื้องต้นว่า ใช้อาวุธปืนลูกยาวของกลางรายการที่ 2 ที่วางอยู่ที่พื้นยิงผู้ตายในที่เกิดเหตุ

โดยผู้ถูกจับกุมที่ 1,2 ให้การอีกว่าที่ต้องยิงผู้ตายเพราะว่า เกิดทะเลาะกับผู้ตายในที่เกิดเหตุและ พบนายธนภัทร ผู้ถูกจับที่ 3และ นายอภิสิทธิ์ ผู้ถูกจับที่ 4 อยู่บนชั้นที่ 2 ของบ้านบริเวณห้องนอนใหญ่ขึ้นบันไดอยู่ทางขวามือของบ้านหลังดังกล่าว จึงควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมที่ 1-4 ไว้

จากนั้นจึงได้รายงานเหตุเบื้องต้นให้กับผู้บังคับบัญชาทราบจากนั้นพนักงานสอบสวนและพิสูจน์หลักฐานและแพทย์ก็มาตรวจสถานที่เกิดเหตุฯและชันสูตร เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม จึงได้นำตัวผู้ถูกจับกุมที่ 1-7 มายัง สภ.เมืองปราจีนบุรี และแจ้งให้กับผู้ถูกจับทราบว่าจะต้องถูกจับกุม ในความผิดฐาน”ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปิน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

เนื่องจากคดีมีพฤติการกระทำที่อุกอาจร้ายแรงไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เป็นอันตรายต่อสังคม และเชื่อว่าผู้ถูกจับกุมที่ 1-7 รู้เห็นเป็นใจ และมีการแบ่งหน้ากันทำ และ มีส่วนร่วมกันในการกระทำผิด โดยผู้ถูกจับกุมที่ 7 เป็นเจ้าของบ้าน และนัดหมายให้ผู้ตายมาพบที่บ้านที่เกิดเหตุฯ จึงเชื่อว่า มีการร่วมกันกระทำผิดในคดีนี้ และเกรงว่าผู้กระทำผิดจะหลบหนี หยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรืออาจก่อเหตุร้ายประการอื่นและไม่อาจจะขอหมายจับจากศาลได้ จึงต้องจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 1-7 เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อดำเนินคดีให้ได้รับโทษตามฎหมาย

ผู้ถูกจับกุมที่ 1,2 รับว่า ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจริง ส่วนผู้ต้องหาที่ 3-7 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นจึงบันทึกจับกุมตัวและนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 13 ธ.ค.ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือฐานความผิด รายละเอียดข้อเท็จจริงในคดีเพิ่มเติมให้ผู้ต้องหาทราบตามที่ได้แจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้ และพนักงานสอบสวนได้แจ้งพฤติการณ์และข้อเท็จจริงเพิ่มเติมให้ผู้ต้องหาทราบว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายกับผู้ต้องหาที่ 7 มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมากจนผู้ตายบอกกับใครๆว่าเป็นลูกบุญธรรมของผู้ต้องหาที่ 7 ต่อมาผู้ตายกับผู้ต้องหาที่ 7 ได้มีการขัดแย้งทางการเมืองกันอย่างรุนแรงเพื่อรับเลือกตั้งเป็นนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจะมีการเลือกตั้งภายในปี พ.ศ.2567 ที่จะถึงนี้

โดยผู้ตายประสงค์จะให้ภรรยาลงรับสมัครเลือกตั้งในตำแหน่งดังกล่าว ส่วนผู้ต้องหาที่ 7 จะส่งบุคคลอื่นลงรับสมัครเลือกตั้งดังกล่าว สร้างความไม่พอใจและทำให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ทำให้ต่างฝ่ายต่างระมัดระวังตัวว่าจะถูกลอบทำร้าย จึงได้มีการตระเตรียมกำลังคน อาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ ในวันเกิดเหตุวันที่ 11 ธ.ค.2567 ผู้ต้องหาที่ 1-7 ได้วางแผนที่จะฆ่าผู้ตาย โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งจัดเตรียมกำลังคน อาวุธปืนร้ายแรงและเครื่องกระสุนจำนวนมาก จึงนัดหมายให้ผู้ตายมาพบผู้ต้องหาที่ 7 ที่สำนักงานที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านพักที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบผู้ต้องหาที่ 7 ผู้ตายกับพวก จึงได้พากันเดินไปที่บ้านพักของผู้ต้องหาที่ 7 โดยผู้ต้องหาที่ 7 ได้ออกมาพบผู้ตายที่บริเวณหน้าบ้านพัก และได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง

โดยระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1-6 ก็ได้หลบซุ่มรอก่อเหตุอยู่ภายในห้องและภายในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อการโต้เถียงกันเสร็จสิ้นลงเหมือนจะทำความเข้าใจระหว่างกันได้แล้ว ผู้ตายจึงได้เข้าไปภายในบ้านพักเพื่อจะไปส่งผู้ต้องหาที่ 7 เข้านอนและพูดคุยกันตามปกติที่เคยทำมาโดยตลอด โดยระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1-6 ได้แบ่งหน้าที่และแบ่งกำลังกัน โดยเตรียมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ก่อเหตุ ได้ดักรอผู้ตายอยู่ภายในห้องพักบนชั้นที่ 2 ของบ้านที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ต้องหาที่ 5-6 รออยู่ที่บริเวณชั้นล่างของบ้านพัก เมื่อผู้ตายพูดคุยกับผู้ต้องหาที่ 7 เสร็จสิ้นก็ออกจากห้องพักของผู้ต้องหาที่ 7 กำลังเดินลงบันไดเพื่อลงมาที่ชั้นล่าง

ระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1-6 ได้ใช้อาวุธปืนของกลางยิงใส่ผู้ตายหลายนัด จนตกลงมานอนเสียชีวิตที่บริเวณทางขึ้น-ลงบันได หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปเข้าตรวจสอบในที่เหตุ และจับกุมผู้ต้องหาที่ 1-7 พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนปืนจำนวนมากที่ใช้ก่อเหตุ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เหตุเกิดที่ ภายในบ้าน ถนนวัดโรมันอุทิศ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดปราจีบุรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม เวลาประมาณ 20.30 น.

พนักงานสอบสวนแจ้งพฤติการณ์และการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐานเพิ่มเติมว่า”ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดย ไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหาและขอให้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้แจ้งสิทธิของผู้ต้องหาและได้แจ้งสิทธิของผู้ต้องหาให้ทราบแล้ว

สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้คือ

1.อาวุธปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 ม.ม.ยี่ห้อ Glockoat สีดำ พร้อมแม็กกาซีน1 อัน บรรจุอยู่ในตัวปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 122 นัด และ 1 นัดอยู่ในรังพลิง รวมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 53 นัด

2.ปืนกลมือกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 ม.ม. ยี่ห้อ EMTAN ISRAEL สีดำ จำนวน 1 กระบอก ขนาด 9 ม.ม. พร้อมแม็กกาซีน 1 อัน บรรจุอยู่ในตัวปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 ม.ม. จำนวน 27 นัด และ 1 นัดอยู่ในรังเพลิง รวมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 28 นัด

3.แม็กกาชีน GLOCK 1 อัน เครื่องกระสุนขนาด 9 ม.ม.จำนวน 15 นัด บรรจุในแม็กกาซีน เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 ม.ม. จำนวน 28 นัด บรรรจุในแม็กกาชีน ROCK ISLAND 1 อัน เครื่องกระสุนปืนขนาด .45 ACP. จำนวน 13 นัด

4.ปืนพก กึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ ROCK ISLAND ขนาด.45 ACP. สีเทา-ดำ เครื่องกระสุนปืนปีนขนาด.45ACP. บรรรจุในแม็กกาขึ้น 1 นัดในรังเพลิง รวมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 13 นัด

5.ปืนรีวอลโว่ แบบลูกโม่ ยี่ห้อ SMITH & & WESSON ขนาด .357 สีเงิน พร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืน ขนาด .357บรรจุในลูกโม่ จำนวน 6นัด นัด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป้าสะพายข้างสีเทา-ดำ ซุกซ่อนอยู่บริเวณเคาท์เตอร์ภายในห้องโถง

6.เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 ม.ม. จำนวน 34 นัด บรรจุในกล่อง เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 ม.ม. จำนวน 377 นัด บรรจุอยู่ในกล่อง ซุกซ่อนอยู่ในกระเป้าสะพายข้าง ดำ ซุกซ่อนอยู่บริเวณเคาท์เตอร์ภายในห้องโถง

7.เสื้อคลุมสีดำเเขนยาวมีหมวกคลุม

8.อาวุธป็นสั้นถึงอัตโนมัติขนาด 9 ม.ม.ยี่ห้อ Glock 19 สีดำไม่ได้บรรจุเครื่องกระสุนปืน วางแอบซ่อนอยู่ใต้หมอนภายในห้องพักชั้นสามพร้อมแม็กกาชีน 3 อัน

9.ปืนพกกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อ บาเร็ตต้า ขนาด 9 ม.ม. สีดำ ไม่ได้บรรจุเครื่องกระสุนปืน พร้อมแม็กกาชีน 2 อัน

10.ซิฟเวอร์กล้องวงจรปิด สีดำ 1 เครื่อง

การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,288 ,289(4) พรบ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 4,7,8,72,72ทวิ อัตราโทษ ต้องระวางโทษประหารชีวิต

ในชั้นจับกุมเเละสอบสวนผู้ต้องหา 1-2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 3-7 ให้การปฎิเสธ โดยผู้ร้องยังต้องสอบพยานอีก 6 ปากรอผลตรวจรายนิ้วมือประวัติอาชญกรรมผู้ต้องหา รอผลตรวจพิสูจน์ของกลางจึงขออนุญาตศาลฝากขังครั้งเเรก

ในท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี,ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เนื่องจากเป็นคดีมีอัตราโทษสูงกระทำผิดเป็นอุกอาจร้ายแรง อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญเป็นการกระทำในลักษณะของผู้มีอิทธิพลไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และความสงบเรียบร้อยของประชาชนในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรีหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะหลบหนียุ่งเหยิงกับพยานพยานหลักฐานหรือเหตุร้ายประการอื่นอาจมีการข่มขู่พยาน ทำให้ความเสียหายร้ายแรงต่อการสอบสวนดำเนินคดีโดยผู้เสียหายเเละพยานในคดีก็ขอคัดค้าน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี,ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานด้วย

ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตฝากขังเป็นเวลา 12 วัน โดยภายหลังผู้ต้องหาที่ 3-7 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ส่วนผู้ต้องหาที่ 1-2 ไม่ยื่นคำร้อง โดยคดีนี้มีการตีราคาประกัน 4-8 เเสนบาทต่อคน ศาลพิจารณาเเล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

เนื่องจากพฤติการณ์ตามคำร้องเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจ เเละเป็นที่สนใจของประชาชน เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ประกอบกับผู้เสียหายค้านการประกันตัว หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะหลบหนี แม้ผู้ต้องหา ที่ 7 มีโรคประจำตัวแต่ พรบ.ราชทัณฑ์ก็ให้อำนาจราชทัณฑ์ อนุญาตให้ไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้ ในชั้นนี้จึงให้ยกคำร้อง ของผู้ต้องหาทั้ง 7 หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ไปคุมขังยังเรือนจำระหว่างฝากขังต่อไป