ข่าว
"หมอป๊อป" มอบตัว-คดีฉีดสารมรณะ ทำพริตตี้ช็อกกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา

วันที่ 21 ก.ย. นายธนัช ณัชวีรกุล หรือ ป๊อป อดีตผู้ช่วยแพทย์ในสถานเสริมความงามแห่งหนึ่งเข้ามอบตัวกับพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลหลังทำการฉีดสารฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นสารเสริมความงามชนิดหนึ่งให้กับนางสาวอาทิตยา เอี่ยมใหญ่ หรือ กระแต พริตตี้สาวในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในซอยลาดพร้าว 101 และเกิดอาการช็อกหมดสติสมองขาดออกซิเจน และยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1

โดยนายธนัช รับสารภาพว่าเคยเป็นผู้ช่วยแพทย์ในคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งและใช้ความชำนาญที่มีมารับจ้างทำให้กับลูกค้าโดยใช้วิธีบอกต่อๆกันที่ผ่านมาลักลอบฉีดสารเสริมความงามให้กับพริตตี้และสาวประเภท2มากกว่า20คนด้วยสารชนิดต่างๆ อาทิสารกลูต้าไธโอนเพิ่มความขาว สารฟิลเลอร์ และโบท๊อกซ์ แต่ไม่เคยมีใครได้รับอันตราย ส่วนรายของนางสาวอาทิตยาได้รับค่าจ้างประมาณ 4 หมื่นบาทซึ่งก็ยอมรับว่าที่ลักลอบทำศัลกรรมเป็นความผิดจึงอยากขอโทษผู้เสียหายและยินดีชดใช้ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งนี้หมอป๊อปยังได้กราบขอโทษญาติของผู้เสียหายด้วย

ด้านพลตำรวจโทคำรณวิทย์เปิดเผยว่าตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานว่าเข้าข่ายความผิดใดบ้างโดยจะประสานกระทรวงสาธารณะสุขร่วมตรวจสอบสำหรับลูกค้าที่เคยทำศัลยกรรมกับนายธนัชอยากให้มาแสดงตัวกับตำรวจเนื่องจากเกรงว่าอาจได้รับอันตรายจากสารที่นายธนัชทำการฉีดให้ซึ่งตำรวจและกระทรวงสาธารณสุขพร้อมจะให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตามหมอป๊อปถือว่ามีความผิดตามพรบ.สถานพยาบาลมีโทษจำคุก3ปีปรับไม่เกิน60,000บาท และพรบ.วิชาชีพเวชกรรม มีโทษ จำคุก 3 ปีปรับไม่เกิน 30,000 บาท

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท เปิดเผยอาการน.ส.อาทิตยาว่า ยังไม่รู้สึกตัว ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้ยารักษาระดับความดัน ซึ่งระหว่างนำส่งโรงพยาบาลพบว่าผู้ป่วยหมดสติและขาดออกซิเจนทำให้ยังไม่รู้สึกตัว ส่วนสารที่ผู้ป่วยฉีดเข้าร่างกายนั้นยังไม่ทราบว่าเป็นชนิดใด เนื่องจากสารได้เข้าสู่ร่างกาย กล้ามเนื้อ และเลือดไปแล้ว จึงแก้ไขหรือเอาออกไม่ได้

"จากการสอบถามเพื่อนผู้ป่วยทราบว่า หลังจากฉีดสารเข้าไป 5-10 นาทีก็หน้ามืด เวียนหัว และช็อก จึงรีบนำส่งโรงพยาบาล ขณะนี้ไม่ทราบว่าสารที่ผู้ป่วยได้รับเป็นสารชนิดใด ปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน อยากเตือนผู้ต้องการทำศัลยกรรมว่าควรตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะหากเป็นสถานพยาบาลไม่ได้มาตรฐาน บางแห่งเคยพบว่ามีการนำปูน ยาง กาวมาฉีดเข้าสะโพกด้วย เพราะการฉีดสะโพกต้องใช้ปริมาณเยอะ กลุ่มลักลอบฉีดสารเพื่อเสริมความงามเหล่านี้จึงลักลอบเติมสารอย่างอื่นด้วย" นพ.สุวินัยกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจกำลังประสานงานร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เร่งติดตามหาตัวผู้ฉีดสารอันตรายให้น.ส.อาทิตยา ซึ่งเบื้องต้นมีข้อมูลว่าเป็นผู้ช่วยแพทย์ประจำคลินิกเแห่งหนึ่งในเมืองทองธานี และเปิดให้บริการที่คอนโดฯ ในซอยลาดพร้าวด้วย โดยฐานความผิดเบื้องต้นจะได้รับโทษตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล มาตรา 16 คือประกอบสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 24 ผู้ดำเนินการไม่ใช่แพทย์ ได้รับโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 26 ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) นำภาพจากกล้องวงจรปิดของร.พ.ลาดพร้าวมาตรวจสอบ พบภาพหมอป๊อปขับรถของน.ส.อาทิตยามาส่งที่โรงพยาบาลลาดพร้าว ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวนกก.ดส. อีกชุดยังได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับญาติของหมอป๊อปเพื่อกดดันให้ออกมามอบตัว ล่าสุดมีข่าวว่าหมอป๊อปติดต่อขอเข้าพบพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เพื่อให้ข้อเท็จจริงที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เวลา 10.00 น. วันที่ 21 ก.ย.

เวลา 16.00 น. ที่กก.ดส.บชน. นายชัชชญา ผินกลับ ญาติน.ส.อาทิตยา เข้าพบพ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส.บช.น. และให้ปากคำว่า ตนกับน.ส.อาทิตยาไม่รู้ว่าหมอป๊อปเป็นหมอจริงหรือไม่ แต่มีเพื่อนๆ ในกลุ่มพริตตี้แนะนำให้มาฉีด เมื่อน.ส.อาทิตยาฉีดสารเข้าไปไม่นานก็เกิดอาการมึนงง ฝ่ายหมอป๊อปบอกว่าเป็นแค่อาการข้างเคียงของยาที่ฉีดเข้าไป สักพักจะดีขึ้น แต่จากนั้นไม่นานอาการกลับทรุดหนักถึงขั้นช็อก

ต่อมา พ.ต.อ.วิวัฒน์ระบุว่า หลังได้รับเรื่องร้องทุกข์จากญาติผู้เสียหายจึงเร่งประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุขและสั่งให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาพยานหลักฐานรวมทั้งสอบปากคำญาติน.ส.อาทิตยากระทั่งได้ภาพจากกล้องวงจรปิดขณะชายที่อ้างชื่อว่าเป็นหมอป๊อปนำตัวผู้เสียหายส่งร.พ.ลาดพร้าวเวลา 02.00 น. วันที่ 17 ก.ย.

"ตำรวจทราบชื่อและที่อยู่แล้ว จึงจัดกำลังฝ่ายสืบสวนไปเฝ้าเพื่อจับกุม ขณะเดียวกันได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลอนุมัติขอหมายจับ คาดว่าจะจับกุมตัวคนที่อ้างตัวเป็นหมอป๊อปมาสอบสวนดำเนินคดีต่อไป ส่วนจะเป็นหมอจริงหรือไม่ต้องรอสอบสวนเจ้าตัวอีกครั้ง" พ.ต.อ. วิวัฒน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำกำลังไปควบคุมตัวหมอป๊อปและตรวจค้นพยานหลักฐานในจุดที่หมอป๊อปฉีดสารคอลลาเจน จนทำให้น.ส.อาทิตยาเป็นเจ้าหญิงนิทรา จากนั้นนำมาสอบสวนที่บก.ดส. และเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ก.ย. จะนำตัวหมอป๊อปมาแถลงข่าวโดยให้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ผบช.น. แถลงที่บช.น.

'โอบามา'แถลงประณามหนังหมิ่นฯ-ปัดมีเอี่ยว

'โอบามา' ลงทุนซื้อโฆษณาทางทีวีในปากีสถาน เพื่อเผยแพร่ภาพคำแถลงประณามหนังหมิ่นศาสนา พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

21 ก.ย.55 สถานีโทรทัศน์ของปากีสถานหลายแห่งได้แพร่ภาพโฆษณาที่มีคลิปคำแถลงของประธานาธิบดีโอบามา และนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ และขึ้นซับไทเทิลเป็นภาษาอูรดูอยู่ด้านล่างด้วย โดยมีเนื้อหาประณามภาพยนตร์ดูหมิ่นพระศาสดาของศาสนาอิสลาม และยืนยันว่าสหรัฐไม่เห็นด้วยกับความพยายามลบหลู่ศาสนาอื่นๆ และรัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ที่ผลิตโดยผู้กำกับสมัครเล่น

สถานทูตสหรัฐในปากีสถานได้ใช้เงิน 70,000 ดอลลาร์เพื่อซื่้อเวลาออกโฆษณาดังกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ 7 แห่งเพื่อหวังลดกระแสโกรธแค้นของชาวปากีสถานที่ออกมาชุมนุมประท้วงต่อเนื่องหลายวันแล้ว โดยมองว่าทีวีจะเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า

ขณะที่การชุมนุมประท้วงยังคงดำเนินต่อไปเมื่อวาน โดยมีฝูงชนหลายพันชุมนุมด้านนอกสถานทูตสหรัฐในกรุงอิสลามาบัด ทำให้ต้องยิงแก๊สน้ำและกระสุนจริงขึ้นฟ้าเพื่อสลายผู้ประท้วง และบางคนบอกว่าจะไม่ยอมถอนตัวไปจากที่นี่จนกว่าสถานทูตจะถูกเผา ส่วนที่เมืองเปชวาร์ ผู้ประท้วงจุดไฟเผาธงชาติสหรัฐและตะโกนว่า อเมริกาจงพินาศ และตะโกนเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐแขวนคอลงโทษผู้ผลิตภาพยนตร์ และหากไม่ดำเนินการ พวกเขาก็จะก่อเหตุโจมตีแบบพลีชีพเพื่อถล่มสถานกงสุลสหรัฐ

นอกจากนี้คาดว่าการประท้วงจะขยายวงกว้างมากขึ้นในวันนี้ เพราะรัฐบาลปากีสถานประกาศให้วันนี้เป็นวันหยุดราชการเพื่อให้ประชาชนสามารถออกมาชุมนุมอย่างสงบเพื่อต่อต้านภาพยนตร์อื้่อฉาว การตัดสินใจดังกล่าวทำให้ได้รับเสียงชื่นชมจากกลุ่มตาลิบันในปากีสถานที่มักต่อสู้กับรัฐบาล และโฆษกของกลุ่มยังเรียกร้องให้รัฐบาลขับไล่นักการทูตสหรัฐออกไปให้หมด

ขณะที่นายวิลเลียม เบิร์นส์ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐร่วมพิธีไว้อาลัยแก่นายคริสโตเฟอร์ สตีเวนส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐและเจ้าหน้าที่อีก 3 คนในกรุงทริโปลีของลิเบียเมื่อวาน หลังทั้งหมดเสียชีวิตจากเหตุโจมตีสถานกงสุลในเมืองเบงกาซีช่วงที่มีการชุมนุมประท้วงภาพยนตร์อื้อฉาวเมื่อวันอังคาร ประธานาธิบดีโมฮัมเหม็ด เอล-เมการิฟ และนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อาบูชากูร์ ของลิเบียก็ร่วมงานไว้อาลัยด้วย

ด้านนางฮิลลารีประกาศจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเหตุการณ์การบุกยิงถล่มและเผาสถานกงสุล ซึ่งทำเนียบขาวระบุว่าเป็นเหตุการณ์ก่อการร้ายแล้ว และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของลิเบีย เปิดเผยว่า มีการจับกุมผู้ต้องสงสัย 8 คนไว้สอบปากคำแล้ว บางคนเป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรง อันซาร์ อัล-ชาเรีย และเชื่อว่าอาจมีผู้ร่วมก่อเหตุ 30-50 คนในวันนั้น ซึ่งมาจากหลากหลายกลุ่ม

"สรยุทธ" ยันไม่ผิดพร้อมสู้ในศาล โต้ป.ป.ช.ข้อหายักยอกค่าโฆษณา

เมื่อเวลา 07.11 น. วันที่ 21 ก.ย. นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ได้ชี้แจงผ่านรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางอาญา ในฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงานบริษัท อมสท จำกัด (มหาชน) ยักยอกเงินโฆษณาเกินเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา จากการจัดรายการ “คุยคุ้ยข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์ไนน์ทีวี

โดยนายสรยุทธได้อ่านคำชี้แจงจากเอกสารที่จัดเตรียมมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใช้เวลา 6.12 นาที ว่า

“ตามที่ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด บริษัทไร่ส้มฯ ผม และพนักงานบริษัท ว่ามีความผิดฐานสนับสนุนการกระทำความผิดของพนักงาน อสมท เพื่อให้ช่วยเหลือบริษัทไร่ส้มฯ ได้โฆษณาเกินเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาโดยไม่เรียกเก็บเงินค่าโฆษณา เป็นจำนวนเงิน 138,790,000 บาท ผมเองเนี่ยนะครับ เคยยืนยันออกอากาศไป กันท่านผู้ชม เมื่อครั้งที่พบปัญหาครั้งแรกแล้วว่า พร้อมจะพิสูจน์และรับผิดชอบในเรื่องนี้ ถ้าได้มีกระบวนการตรวจสอบ และจะได้นำมาแจ้งกับท่านผู้ชมต่อไป

“จากนั้นเป็นต้นมา เหตุที่ผมไม่ได้ชี้แจงเรื่องนี้ เพราะเมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในแง่ของกระบวนการขั้นต้นก็คือ ป.ป.ช. ก็ให้กระบวนการดำเนินไป โดยที่ผมก็ต่อสู้ตามกระบวนการ นะครับ ไม่ต้องการที่จะแสดงความเห็นเพื่อเป็นการชี้นำ จนกระทั่งเมื่อ ป.ป.ช.มีความวินิจฉัยชี้มูลเมื่อวานนี้ ผมเองและบริษัทเคารพในคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. แต่ก็จะได้ใช้สิทธิต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งก็หมายถึงอัยการ แล้วก็ในชั้นศาลต่อไปนะครับ

“ขออนุญาตใช้เวลาชี้แจงสั้นๆ เมื่อ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด ประการแรก ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด เงินจำนวน 138,790,000 บาท ที่บริษัท อสมทฯ เรียกเก็บจากบริษัทของผมนั้น ผมได้ดำเนินการชำระให้ อสมท ไปครบถ้วน ทุกบาททุกสตางค์แล้วนะครับ เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะยังมีข้อความเห็นที่แย้งกัน เมื่อมีข้อตกลงระหว่างบริษัทของผมแล้วก็ อสมท มีข้อตกลงระหว่างกันว่า การแบ่งนาทีโฆษณาในอัตราส่วน 50:50 ก็คือคนละครึ่งเนี่ยนะครับ แต่ในสัญญาที่ทำกับ อสมท กำหนดเอาไว้ว่า เป็นนาทีที่บริษัทจะได้สิทธิ เมื่อ อสมท เรียกเก็บเงินโฆษณาส่วนเกินของบริษัท และ อสมท ยืนยันว่าบริษัทต้องชำระเงินโฆษณาส่วนเกินให้กับ อสมท เมื่อได้ตรวจสอบแล้ว ผมก็ได้มีการชำระไปจนครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว แต่ขณะเดียวกัน ในส่วนที่ อสมท ได้ลงเงินโฆษณาเกินโควตาของ อสมท ในความเข้าใจของบริษัท ซึ่งมีข้อตกลงระหว่างกัน ว่าแบ่งอัตราโฆษณา 50:50 อสมท ปฏิเสธที่จะชำระให้บริษัท ซึ่งผมในนามของบริษัทไร่ส้มฯ ก็ได้ฟ้องร้อง ขอพึ่งศาลปกครอง ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง

“เพราะฉะนั้น ขอย้ำนะครับ ท่านผู้ชมนะครับ ว่า เงินจำนวน 138 ล้านเศษๆนั้น ได้ชำระให้ อสมท ครบถ้วน จึงไม่ได้มีความเสียหายกับ อสมท ในส่วนนี้ ในแง่ของจำนวนเงิน ขณะเดียวกันในส่วนความเสียหายของบริษัท ผมก็จะรอศาลปกครองต่อไป นี่เป็นประการที่ 1 นะฮะ

“ประการที่ 2 ป.ป.ช.มีมติว่าบริษัทและผม ยังมีความผิด เพราะคำให้การของพนักงาน อสมท ระดับธุรการคนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่า ดำเนินการตามคำแนะนำของผม ผมก็มีหน้าที่จะไปพิสูจน์กระบวนการยุติธรรมต่อไปเนี่ยนะฮะ ว่าผมไม่ได้รู้เห็น ไม่ได้ให้คำแนะนำ ไม่แม้กระทั่งจะไปรู้จักกับพนักงานคนนี้ และก็ไม่เคยเข้าไปข้องเกี่ยว ผมก็จะไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของผม ในขั้นตอนของศาลต่อไป

“ส่วนที่ ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีหลักฐานเป็นเช็คของบริษัทไร่ส้มฯ ซึ่งผมลงลายมือชื่อเอาไว้จำนวน 6 ครั้ง เป็นจำนวนเงิน 7 แสนกว่าบาท ป.ป.ช.ชี้มูลว่า หรือเห็นว่า เป็นค่าตอบแทนของบริษัทให้กับพนักงานคนนั้น ระดับธุรการ เพื่อจะปกปิดเรื่องนี้นั้น นี่คือข้อชี้มูลนะครับ ก็ขออนุญาตสั้นๆ นะครับ ท่านผู้ชมนะครับ ว่า ในส่วนนี้เนี่ยนะฮะ ผมก็จะได้พิสูจน์ในชั้นศาลต่อไปว่า ผมเป็นกรรมการมีอำนาจลงนามแทนบริษัท เช็คทุกใบที่ออกจากบริษัท ผมเป็นผู้มีอำนาจลงนาม และการลงนามในเช็คนั้น ก็เป็นการลงนามตามขั้นตอนการเบิกจ่ายค่านายหน้าการประสานงานโฆษณาตามปกติ ที่สำคัญ เป็นการจ่ายโดยมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย เอาไว้อย่างถูกต้องครบถ้วน มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายนะฮะ จึงไม่ได้เป็นกรณีจ่ายสินบนตอบแทนแต่ประการใด

“ป.ป.ช.ชี้มูลว่า ความผิดของพนักงาน อสมท ระดับธุรการ 1 คน มีความผิดวินัยร้ายแรงและอาญา แต่พนักงาน อสมท อีก 1 คน ผิดวินัยที่ปล่อยปละละเลย ผมก็จะได้ใช้สิทธิพิสูจน์ในขั้นศาลต่อไปนะครับว่า อสมท เป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย่อมต้องมีระบบตรวจสอบทั้งระบบภายนอกและภายในที่เข้มข้น ผมจะได้พิสูจน์ให้เห็นต่อไป ซึ่งก็จะใช้สิทธิของผมว่า ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะขอให้พนักงานระดับธุรการเพียงคนเดียวของ อสมท ปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ โดยไม่มีใครตรวจสอบพบ หรือไม่มีใครพบ เป็นระยะเวลายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโฆษณาออกอากาศอย่างเปิดเผย และเป็นที่รับรู้กันในเวลานั้น ว่าเป็นรายการใน อสมท ที่มีโฆษณามากที่สุด

“อนาคตจะเป็นอย่างไร ผมจะได้ใช้สิทธิของผมแล้วก็จะได้นำมาแจ้งกับท่านผู้ชมต่อไปนะครับ ขอบคุณท่านผู้ชมนะฮะ ที่ติดตามข่าว แล้วก็ให้โอกาสฟังคำชี้แจงของผมด้วย" นายสรยุทธ์กล่าว