ข่าว
ตำรวจบุกจับ”ดร.สุเนตร โตกะหุต”
ข้อหาละเมิดสิทธิเด็กต่ำกว่า 18 ปี

ตำรวจ แอล.เอ. จับ "ดร.สุเนตร โตกะหุต" ศาสนจักรคริสตจักรชื่อดังและคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ไทยในแอล.เอ. ข้อหาละเมิดสิทธิทางเพศเด็กชายอายุไม่เกิน 18 ปี เรื่องเกิดจากเด็กชายอายุ 15 ปี เกิดอาการคลุ้มคลั่งจะทำร้ายเพื่อนและตัวเอง ครูที่โรงเรียนต้องเรียกผู้ปกครองไปรับตัวกลับบ้าน จึงสืบสาวหาสาเหตุจนทราบว่า ถูกทารุณทางเพศตั้งแต่ 7 ขวบ ขณะมารดาพาไปฝากไว้กับ "ดร.สุเนตร" ระหว่างไปทำงาน จึงแจ้งตำรวจสืบอยู่หลายเดือนก่อนจะจับกุม อัยการส่งฟ้องศาลตั้งวงเงินประกันตัวสูงถึง 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กล่าวหาความผิด 10 กระทง

เมื่อวันที่ 6 ต.ค. นายพีท เพิ่มแสงงาม ตำรวจแอล.เอ.พี.ดี. ได้นำทีมตำรวจแถลงข่าวการจับกุมคนไทยที่มีชื่อเสียง ในสังคมไทยทั้งในแอลเอและประ เทศไทยคือ ดร.สุเนตร โตกะหุต อายุประมาณ 69 ปี เป็นคอลัมนิสต์ชื่อดังของหนังสือพิมพ์ไทยในแอล.เอ., เจ้าของธุรกิจแปลเอกสาร, ล่ามของศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และป็นศาสนจารย์คริสตจักรดัง ตั้งข้อกล่าวหาละเมิดสิทธิทางเพศในเพ็กอายุไม่เกิน 18 ปี

ตำรวจแถลงว่ามีการสืบสวนหลังจากเจ้าทุกข์(มารดา) ได้แจ้งความไว้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ดร.สุเนตร กระทำอนาจารบุตรชายอายุ 7 ขวบมาเป็นเวลานาน จนปัจจุบันเด็กอายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้นไฮสคูลในแอล.เอ. โดยเรื่องเกิดนานมาแล้ว แต่มาความแตกเมื่อเด็กมีอาการทางจิตมากขึ้น ด้วยความคิดสับสนเรื่องเพศของตน และโดนเพื่อนในโรงเรียนล้อเลียน ทำให้ไม่แน่ใจว่าตนเป็นเกย์หรือไม่ เมื่อเดือนเมษายนโรงเรียนโทรศัพท์แจ้งมารดาของด็กให้มารับลูกชายกลับบ้าน เนื่องจากคลุ้มคลั่งจะทำร้ายเพื่อนและจะทำร้ายตัวเอง พอกลับถึงบ้านมารดาจึงซักถามสาเหตุที่คลุ้มคลั่ง เด็กจึงเล่าให้ฟังว่าเริ่มตั้งแต่มารดานำเด็กไปฝากไว้ที่บ้าน ดร.สุเนตร หลังเรียน ตั้งแต่เด็กอายุ 7 ขวบ ระหว่างมารดาไปทำงาน

มารดาของเด็กผู้เสียหายจึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจสืบสวน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา ตำรวจสถานีนอร์ทฮอลลีวู้ด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไทยชื่อนายยูเซฟ ไทยมาศ ได้เข้าจับกุม ดร.สุเนตรที่บ้านพักเมืองนอร์ทฮอลลีวู้ด เลขที่ 7555 โคลด์วอเตอร์แคนยอน ห่างจากวัดไทยนครลอสแอนเจลิส ช่วง 2 ไฟแดง และนำตัวไปที่โรงพักเพื่อสอบปากคำและฝากขัง เบื้องต้นตั้งค่าประกันตัวไว้ที่ 750,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อมาวันที่ 4 กันยายน ตำรวจได้ส่งเรื่องไปยัง อัยการและอัยการสั่งฟ้องศาล พร้อมตั้งวงเงินประกันตัวใหม่เป็น 2,500,000 เหรียญสหรัฐฯ และยึดพาสปอร์ตไว้เนื่องจากกลัวหลบหนีออกนอกประเทศระหว่างต่อสู้คดี โดยตั้งข้อหาละเมิดสิทธิทางเพศในเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ร้ายแรงถึง 10 กระทง โทษถึงจำคุกตลอดชีวิต ในขณะเดียวกันมีชาวไทยในแอล.เอ. หลายคนกล่าวว่าไม่น่าเชื่อว่า ดร.สุเนตร จะกระทำความผิดในเรื่องดังกล่าว

สำหรับเด็กผู้เสียหายเกิดที่เมืองไทย และย้ายมาอยู่แอล.เอ.ตั้งแต่ยังเล็ก หลังเกิดเหตุเด็กเกิดอาการจิตสับสนไม่รู้เพศตนเอง มารดาเด็กได้พาพบนักจิตวิทยาแต่ไม่ได้ผล เด็กออกอาการคลั่งไม่รู้ว่าตนเองควรเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย พยายามจะฆ่าตัวตายด้วย


ประวัติ

ดร.สุเนตร โตกะหุต เป็นบุตรชายคนที่สองในจำนวน 7 คน ของนายประสพ และนางชุมนุม เศรษฐจันทร์ โตกะหุต ศึกษาชั้นอนุบาลที่โรงเรียนซานตาครูซคอนแวนน์ และศึกษาระดับประถมศึกษา จนถึงมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จากนั้นได้ศึกษาต่อทางด้านศาสนศาสตร์ ที่วิทยาลัยพระคริสตธรรมเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยพายัพ ในระดับปริญญาตรีและโท ทางด้านศาสนศาสตร์ ในปี 1968 รับหน้าที่เป็นอนุศาสนาจารย์ประจำ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และประธานสมาพันธ์คริสเตียนเพื่อนักศึกษาแห่ง ประเทศไทย

หลังจากที่ ดร.สุเนตร โตกะหุต จบการศึกษาระดับปริญญาโทแล้วได้เข้ารับหน้าที่เป็นศาสนาจารย์ประจำโรงพยาบาล กรุงเทพคริสเตียน ในปี 1969 ได้รับการสถาปนาเป็นศาสนจารย์ในปี 1973 ประธานกรรมการอำนวยการแผนกเยาวชน กรรมการอำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และรองประธานคริสตจักรภาคที่ 6 กรุงเทพฯ-พิษณุโลก จนถึงปี 1976 ได้รับทุนไปศึกษาต่อระดับปริญญาเอกที่ Claremont School of Theology ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จบการศึกษาระดับปริญญาเอกในปี 1992

ดร.สุเนตร โตกะหุต พำนักและทำงานอยู่ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกามานานกว่า 34 ปี โดยเป็นเจ้าของธุรกิจ "ศูนย์แปลเอกสาร และบริการชาวไทย" และในฐานะล่ามของศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่โนตารี่ พับลิค (Notary Public) ของ มลรัฐแคลิฟอร์เนียติดต่อกันกว่า 25 ปี จนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นเคยรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของอดีตนายกเทศมนตรี ทอม เบรดเล่ย์ ของนครลอสแอนเจลิส ในปี 1981-1985 และทางด้านการประชาสัมพันธ์ให้กับแผนกอาหารและการเกษตร ของมลรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นระยะเวลากว่า 8 ปี ปัจจุบันยังเป็นศาสนาจารย์อาวุโสของคริสตจักร Crystal Cathedra มล รัฐแคลิฟอร์เนีย และคริสตจักรธรรมประทีป จังหวัดเชียงใหม่ ดร.สุเนตร โตกะหุต ได้สมรสกับคุณเสาวลักษณ์ จินนะแก้ว โตกะหุต ซึ่งมีญาติพี่น้องพำนักอยู่ในอำเภอดอยเต่า

ดร.สุเนตร มีความสนใจทางด้านการพัฒนาแบบยั่งยืนแบบเศรษฐกิจพอเพียง ได้ย้ายฐานการปฏิบัติการจากจังหวัดนครราชสีมา มายังอำเภอดอยเต่าในปี 1993 โดยใช้ทุนทรัพย์ส่วนตัว และมีความปรารถนาที่จะให้มีการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้เข้ามาในชุมชนอำเภอดอย เต่า และบริเวณใกล้เคียง โดยได้เริ่มให้การศึกษาและความนึกคิดในรูปแบบดังกล่าวเป็นระยะเวลาติดต่อกัน มากว่า 15 ปี

ปัจจุบัน เป็นนักเขียนกิตติมศักดิ์ของหนังสือพิมพ์เสรีชัย ในนครลอสแอนเจลีส รัฐแคลิฟอร์เนีย, ล่ามของศาลรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา, ประธานคณะกรรมการจัดการศึกษานอกเขตที่ตั้ง และกรรมการจัดการหลักสูตร มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ดร.สุเนตร ประกาศตัวว่าได้เกษียณเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเพิ่งทำสัญญาไปทำงานที่เมืองแจ็คสันวิลล์ รัฐฟลอริด้า กลางเดือนตุลาคมนี้ แต่มาถูกจับเสียก่อน

นักร้องดัง ‘พัชรา แวงวรรณ’ ผูกคอตายที่เมืองริเวอร์ไซด์

ศพห้อยคาขื่อโรงรถ สลดในบ้านที่สหรัฐ ตร.เร่งชันสูตรหาปม แม่เผยทำอะไรไม่ถูก ช็อกแฟนเพลง “เอ๋-พัชรา แวงวรรณ” อดีตนักร้องนำวงโอเวชั่น เจ้าของเสียงหวานแหบเสน่ห์ เสียชีวิตคาบ้านพักใกล้แอลเอ สหรัฐอเมริกา โดยรองอธิบดีกรมการกงสุลไทยยืนยันแล้ว ตำรวจพบศพผูกคอตายคาขื่อโรงรถในบ้านเช่าตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. หลังไปใช้ชีวิตในสหรัฐฯจนได้สัญชาติอเมริกัน ด้านพ่อแม่อดีตนักร้องสาวระบุลูกชายโทร.มาบอกลูกสาวตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม่ถึงกับช็อกเพราะเพิ่งคุยกันไม่กี่วันก่อน ระบุ เอ๋ โทร.ข้ามประเทศมาขอหลักฐานการเรียน เพื่อเข้าเรียนต่อพยาบาลตามที่ตั้งใจ เตรียมนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลในไทย

อดีตนักร้องดังวงโอเวชั่น “เอ๋-พัชรา แวงวรรณ” จบชีวิตในสหรัฐอเมริกา ด้วยวัยเพียง 48 ปี โดยผู้สื่อข่าวไทยรัฐจากนครลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย รายงานเมื่อช่วงสายของวันที่ 12 ต.ค. ตามเวลาประเทศไทย ยืนยันการเสียชีวิตของอดีตนักร้องดัง เอ๋-พัชรา จากการผูกคอตายว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. เวลา 12.45 น. ตำรวจเมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งอยู่ห่างจาก นครลอสแอนเจลิส ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ได้รับแจ้งเหตุมีคนเสียชีวิตในบ้านพัก จึงไปตรวจสอบ พบศพหญิงสาวอยู่ในสภาพผูกคอตายกับขื่อภายในโรงรถของบ้านเช่า นำศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชเมืองริเวอร์ไซด์ และจากการตรวจสอบหลักฐานของผู้ตายทราบว่าเป็นชาวไทยชื่อนางผดุงศรี แวงวรรณ จึงแจ้งให้ทางสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ทราบเพื่อติดตามหาญาติ ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ สอบถามรายละเอียดในที่เกิดเหตุ ทางตำรวจเมืองริเวอร์ไซด์แจ้งว่าอยู่ระหว่างการสอบสวน หากเป็นชาวไทยให้ไปสอบถามจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส

ต่อมาเวลา 00.30 น. วันที่ 12 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 14.00 น. ในประเทศไทย ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายบรรณา วังวิวัฒน์ กงสุลประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ว่า ทางตำรวจเมืองริเวอร์ไซด์ได้แจ้งรายละเอียดให้ทราบเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นว่า พบศพหญิงไทยชื่อนางผดุงศรี แวงวรรณ เสียชีวิตในสภาพผูกคอตายในโรงรถของบ้านพัก หลังตำรวจราจรรับแจ้งเหตุและไปถึงบ้านเกิดเหตุเวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 10 ต.ค. จากการตรวจสอบพบว่าเสียชีวิตมาประมาณ 8-9 ชั่วโมง ตำรวจจึงนำศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชเมืองริเวอร์ไซด์ และเมื่อตรวจสอบทราบว่าเป็นชาวไทยจึงได้แจ้งให้ทางสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ทราบเพื่อจะได้ติดต่อญาติต่อไป

นายบรรณาเปิดเผยอีกว่า หลังจากได้รับแจ้งจากตำรวจเมืองริเวอร์ไซด์ ครั้งแรกก็ไม่ทราบว่าผู้ตายคือเอ๋-พัชรา เพราะใช้ชื่อจริงนางผดุงศรี แต่มีเจ้าหน้าที่ในสถานกงสุลสอบถามไปยังกลุ่มคนไทยและทราบจากนักร้องรุ่นเก่าที่ไปร้องเพลงอยู่ในนครลอสแอนเจลิสว่า นางผดุงศรี คือเอ๋-พัชรา อดีตนักร้องชื่อดังที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกามาหลายปีแล้ว จึงโทรศัพท์แจ้งให้ทางบ้านมารดาผู้ตายทราบ โดยมีพี่ชายรับทราบเรื่องการเสียชีวิตของเอ๋-พัชรา พร้อมทั้งขอให้เตรียมเอกสารต่างๆ ในการติดต่อขอ รับศพจากสถาบันนิติเวชเมืองริเวอร์ไซด์มาบำเพ็ญกุศล และหากมีเรื่องใดที่จะให้ทางสถานกงสุลใหญ่ช่วย เหลือก็ขอให้แจ้งให้ทราบ ส่วนเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตนั้น ต้องรอจากตำรวจ และจากการสอบถามคนที่อยู่ในละแวกบ้านของผู้ตาย ทราบเพียงว่าเป็นบ้านเช่าของฝรั่งที่ผู้ตายอาศัยอยู่

หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามรายละเอียดการตายของเอ๋-พัชรา จากนางศรีสุดารัตน์ กาญจนรักษ์ มารดาของเอ๋-พัชรา ซึ่งอยู่ที่บ้านใน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อช่วงเที่ยงวันเดียวกัน ซึ่งนางศรีสุดารัตน์กลับกล่าวว่า ได้รับแจ้งจากบุตรชายว่า เอ๋-พัชรา เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และทางสถานกงสุลใหญ่ที่สหรัฐฯโทรศัพท์มาแจ้งเมื่อเวลา 01.00 น. ส่วนรายละเอียดการตายยังไม่ทราบ ตอนนี้ทราบแต่เพียงต้องเตรียมเอกสารเพื่อไปรับศพมาบำเพ็ญกุศล และได้ปรึกษากับนายวิเชียร อัศว์วิเศษศิวกุล ประธานกรรมการบริษัทนิธิทัศน์ โอเอโอ เจ้านายเก่าของเอ๋-พัชรา โดยนายวิเชียรได้บอกว่าจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่ประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เอ๋-พัชราไปอยู่สหรัฐฯกี่ปีแล้ว นางศรีสุดารัตน์ตอบว่า เอ๋-พัชราไปเรียนพยาบาลที่สหรัฐฯประมาณ 10 ปีแล้ว 2 ปีแรกเรียนพยาบาล แต่ตอนหลังบอกว่าพักการเรียนเพราะต้องทำงานเป็นผู้ดูแลผู้สูงอายุ โดยได้สัญชาติอเมริกันแล้ว และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้โทรศัพท์บอกให้ทางบ้านช่วยค้นหลักฐานการเรียนให้ด้วย เนื่องจากจะลงเรียนพยาบาลต่อจากที่พักการเรียนไว้ ตนเพิ่งไปค้นหลักฐานการเรียนของเอ๋ที่กรุงเทพฯ เพิ่งกลับมาถึงบ้านที่ อ.เสลภูมิ เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับมาทราบข่าวการเสียชีวิตของบุตรสาว ตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ถูก

เช่นเดียวกับ นายโกศล แวงวรรณ อายุ 74 ปี อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด 2 สมัย ปี 2519 และปี 2522 ซึ่งเป็นบิดาของเอ๋-พัชรา อยู่บ้านเลขที่ 47 บ้านโพนเงิน หมู่ 5 ต.แวง อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ได้รับทราบข่าวการเสียชีวิตของเอ๋-พัชรา จากนายดุงศักดิ์ แวงวรรณ พี่ชายของเอ๋-พัชรา ซึ่งโทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบเช่นกันว่า เอ๋-พัชรา บุตรสาว ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต พร้อมทั้งเปิดเผยอีกว่า ตนแต่งงานกับนางศรีสุดารัตน์ มีบุตร 4 คน เอ๋-พัชรา เป็นคนสุดท้อง อยู่ด้วยกัน 5 ปี ก็แยกทางกัน จากนั้นเอ๋-พัชราบุตรสาวไปอยู่ที่กรุงเทพฯ และเป็นนักร้องชื่อดัง จนกระทั่งทราบว่าไปอยู่ที่สหรัฐฯ หลังจากทราบข่าวว่าเสียชีวิตก็รู้สึกเสียใจ และจะไปร่วมงานศพ หากนำศพมาถึงไทย

ส่วนนายวิเชียร อัศว์วิเศษศิวกุล ประธานกรรมการ บริษัท นิธิทัศน์ โอเอโอ เปิดเผยว่า ได้แจ้งกับนางศรีสุดารัตน์ มารดาของเอ๋-พัชรา ยินดีช่วยเหลือออกค่าใช้จ่ายในการนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศล ที่ประเทศไทย เนื่องจากเอ๋-พัชรา เคยเป็นนักร้องที่สร้างชื่อดังให้บริษัท และมีแฟนเพลงอยู่ในประเทศไทย ทุกคนจะได้ร่วมไว้อาลัยกัน

อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้รับการยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตของ เอ๋-พัชรา ว่าพบในสภาพผูกคอตาย ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำ จ.ร้อยเอ็ด ก็ได้พยายามติดต่อนางศรีสุดารัตน์อีกครั้ง แต่ไม่สามารถติดต่อได้


ประวัติ

นางผดุงศรี แวงวรรณ หรือเอ๋-พัชรา แวงวรรณ เกิดวันที่ 17 ก.ย.2507 จบการศึกษาแห่งแรกที่โรงเรียนสวนลุมพินีวัน และจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ กรุงเทพฯ เริ่มร้องเพลงตามห้องอาหารตั้งแต่อายุ 17 ปี เพื่อช่วยเหลือครอบครัว เนื่องจากมารดาแยกทางกับบิดา ระหว่างที่ร้องเพลงตามห้องอาหารได้พบกับคณะนักดนตรีวงโอเวชั่น ที่ไปรับประทานอาหารและได้ฟังเสียงเพลง จึงชักชวนให้มาเป็นนักร้องนำของวงออกอัลบั้มแรกชื่อชุด “รักและคิดถึง” สังกัดค่ายนิธิทัศน์ ปรากฏว่าโด่งดังเป็นที่ชื่นชอบของแฟนเพลง ด้วยน้ำเสียงมีเอกลักษณ์ หวานใสปนแหบเสน่ห์ จากนั้นมีอัลบั้มออกมากอีกหลายชุดนับร้อยเพลง รวมทั้งเพลงประกอบละครโทรทัศน์ด้วย เพลงที่ได้รับความนิยมมี อาทิ รักและคิดถึง, ลืมเสีย, แอบช้ำ, กล้ำกลืน, รักเธอเสมอ, คนไม่รู้จักพอ,น้ำยาไม่มี, ประท้วงใจ, เจ็บช้ำ, ระกำใจ, อีกอีกหน่อย ฯลฯ ต่อมาในปี 2540 ได้อำลาค่ายนิธิทัศน์ไปสังกัด วีเอ็มพี ออกอัลบั้มชื่อชุด “ไม่มีคืนนั้นอีกแล้ว” โชว์ความสามารถแต่งเพลงเองทั้งอัลบั้ม และเมื่อเดือน เม.ย.2541 เอ๋-พัชราก็มีข่าวทะเลาะกับเพื่อนบ้านและต่างก็เข้าแจ้งความที่ สภ.อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จากนั้นข่าวคราวของเอ๋-พัชราก็เงียบหายไปจากประเทศไทย เนื่องจากเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐฯ

ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน นายประสิทธิพร เวทย์ประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเสียชีวิตของ น.ส.พัชรา แวงวรรณ หรือ น.ส.ผดุงศรี แวงวรรณ อดีตนักร้องวงโอเวชั่น ที่เสียชีวิตที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าล่าสุดได้รับแจ้งข้อมูลจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯ แผนกชันสูตรพลิกศพ เมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนียแจ้งว่าได้พบศพ น.ส.ผดุงศรีเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่พบศพในลักษณะแขวนคอ ในโรงจอดรถ ที่บ้านพัก ซึ่งเช่าอยู่ตามลำพัง แต่การเสียชีวิตที่แท้จริงต้องรอผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการก่อน

นายประสิทธิพรกล่าวว่า การนำศพกลับประเทศไทยหากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ตรวจสอบการเสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว และพบว่าเป็นการเสียชีวิตโดยกรณีปกติ จะใช้เวลาไม่นานในการนำศพกลับมาประเทศไทย ซึ่งกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมประสานอำนวยความสะดวกเรื่องเอกสารต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีญาติของผู้เสียชีวิตได้ติดต่อประสานงานปรึกษาดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแล้ว

น.ส.เพ็ญพิมพ์ จิตรธร ผู้จัดการใหญ่ศุนย์อาหารไทยแลนด์พลาซ่าเปิดเผยว่า ได้เคยมีการพูดคุยกับ พัชรา แวงวรรณ ให้มาโชว์คอนเสิร์ตที่ไทยแลนด์พลาซ่า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ตามหาตัวนักร้องสาวไม่ได้ เพื่อที่จะตกลงกันในเรื่องวันโชว์ จนมาทราบข่าวว่าเธอเสียชีวิต รู้สึกเสียใจและเสียดายมาก อยากให้แฟนเพลงในแอล.เอ.ได้ฟังเสียง”แหบเสน่ห์”ที่แฟนเพลงในอดีตยังคงจำกันได้

พัชรา แวงวรรณ เคยมาร้องเพลงที่ห้องอาหารเทพรส (เครื่องเทศ)บนถนนฮอลลีวูด ในสมัยที่นายเชาวน์ บูรณะสมบัติเป็นผู้ดำเนินงานอยู่นานหลายเดือนจนมีความคุ้นเคยกับคนไทยที่นี่หลายคน เป็นที่น่าเสียดายที่เธอมาด่วนจากไปเช่นนี้

'โอ๊ค'อัด'แจกเงินดีกว่าจำนำข้าว' ถาม”มาร์ค”เอาสมองส่วนไหนคิด

'โอ๊ค' อัด 'มาร์ค' ให้สัมภาษณ์ 'แจกเงินดีกว่าจำนำข้าว' ถามเอาสมองส่วนไหนคิด!ฝากอาจารย์ ที่ยื่นคำร้องคัดค้าน 'จำนำข้าว' ต่อศาลรธน. วิพากษ์ แนวความคิดนี้ แบบเป็นกลางให้ฟังหน่อย

เมื่อเวลา 18.29 น. วันที่ 11 ต.ค. 55 โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra ถาม "อภิสิทธิ์" ให้สัมภาษณ์ 'แจกเงินดีกว่าจำนำข้าว' เอาสมองส่วนไหนคิด ชี้ไม่พัฒนาวิธีคิด ปชป. ไม่มีทางตามพท.ทัน ฝาก อาจารย์ ที่ยื่นคำร้องคัดค้าน 'จำนำข้าว' ต่อศาลรธน. วิพากษ์ แนวความคิด 'มาร์ค' แบบเป็นกลางให้ฟังหน่อย 'อภิสิทธิ์'แนะรัฐเอาเงินแจกชาวนา แทนรับจำนำข้าวให้ประเทศเสียหาย

อภิสิทธิ์ : "ผมยืนยันว่าถ้าแต่ละปีเราจะต้องเสียเงิน 1.5 แสนล้านช่วยชาวนาผมอยากให้ใช้วิธีเอาเงินจำนวนนี้แจกเฉลี่ยให้ชาวนาไปเลย จะได้ไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศในด้านอื่น ผมขอถามรัฐบาลว่า ถ้ายืนยันว่า รักชาวนา รักเกษตรกร พร้อมจะสูญเงิน 1.5 แสนล้าน ทำไมไม่ใช้วิธีเอาเงินจำนวนนี้แจกให้เกษตรกรชาวนาไปเลย"

นี่คือไฮไลท์ที่ ยืนยันเจตนารมณ์ ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามข่าว "ไทยรัฐออนไลน์" นี้ครับ http://www.thairath.co.th/content/pol/297650

ผมอ่านข่าวแล้วอึ้งเลยครับ ไม่รู้จะพูดยังไงดี ไม่ทราบว่าที่เขาพูดแบบนี้ เป็นการกระแนะกระแหน? หรือเขาเข้าใจแบบนี้จึงเสนอให้นำเงินไปแจก? แต่ไม่ว่าจะอย่างไรผมว่า คนเป็นถึงอดีตนายกฯและผู้นำฝ่ายค้าน ก็ไม่น่าที่จะพูดหรือมีวิธีคิดแบบนี้

ประเด็นกระแนะกระแหน ไม่ต้องพูดถึงครับ เด็กอมมือมันยังรู้ว่า คนเป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองนั้นไม่ควรทำ แต่การให้นำเงินไปแจกชาวนา ใครมีข้าว1เกวียนรัฐบาลแถมให้อีก7พันบาท ใครมีข้าว10เกวียนรัฐบาลแถมให้อีก70,000บาท เฮ้อออ!!! เอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย?

คนที่มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ กับคนที่รู้เรื่องการคำนวณอย่างเดียว มันต่างกันแบบนี้แหละครับ การจำนำข้าวใช้หลักเศษฐศาสตร์บวกกับการตลาดขั้นพื้นฐาน เข้าใจในเรื่องดีมานด์-ซัพพลาย ข้าวไทยก็มีโอกาสราคาดีขึ้นได้ จะเป็นหนึ่งหมื่น, หมื่นสอง, หมื่นห้าหรือมากกว่านั้น ก็ถือเป็นโอกาสของชาวนาไทย และเป็นรายได้เข้าประเทศ ไม่ใช่รวยกระจุกเฉพาะนายทุน แต่เงินจะกระจายไปยังชาวนาทั่วทั้งประเทศ

ส่วนวิธีที่นายอภิสิทธิ์ฯเสนออย่างเข็มแข็ง โดยถึงกับใช้คำว่า "ผมยืนยันว่า...ผมอยากให้....แจกเงินชาวนาไปเลย"นั้น วิธีคิดมิได้ต่างจากเช็คช่วยชาติแจกหัวละ2,000บาทเลยครับ อธิบายง่ายๆ ก็คือการประกันราคาข้าว ที่15,000บาทนั่นแหละ หักราคาโรงสีรับซื้อตันละ8,000 ที่เหลือก็แจกชาวบ้านไป7,000 เด็กที่เรียนคำนวณบวกเลข4-5หลักเป็นก็คิดเป็นครับแบบนี้

อุปมาก็คล้ายๆ กับ ที่เขาบอกกันว่า "คุณจะแจกปลากับชาวบ้าน หรือคุณจะสอนชาวบ้านให้จับปลา" นั่นแหละครับ แต่นี่พรรคเพื่อไทยเขาAdvanceไปถึงขั้น "ทำอย่างไร ให้ขายปลา ได้ราคาดี" กันแล้ว ถ้ายังไม่พัฒนาวิธีคิดกันอยู่ละก็ ตามพรรคเพื่อไทยเขาไม่ทันหรอกครับ

อาจารย์อะไร ดิศดิศ ที่ออกมาทั้งค้านทั้งยื่นคำร้องต่อศาลรธน. ไหนท่านลอง วิพากษ์ แนวความคิด แจกเงินดีกว่าจำนำข้าว ของนายอภิสิทธิ์ฯ ให้ฟังแบบเป็นกลางหน่อยซิครับว่า มีข้อดีอย่างไร และท่านเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร

เอาแบบเป็นกลางทางการเมืองนะครับ ไม่ใช่กลางใจพรรคประชาธิปัตย์......!!!