ข่าว
ซีอีโอเฟซบุ๊คหนุนปฏิรูปเข้าเมืองสหรัฐ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า นายมาร์ก ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้บริหารระดับสูงของเฟซบุ๊ค สื่อสังคมออนไลน์ระดับโลก ประกาศสนับสนุนการปฏิรูประบบคนเข้าเมืองของสหรัฐ นายซัคเกอร์เบิร์ก วัย 29 ปี ระบุถึงประเด็นดังกล่าวเป็นครั้งแรกในระหว่างการเปิดตัวหนังสืออัตชีวประวัติของเขาที่เขียนและเรียบเรียงโดยโฮเซ่ อันโตนิโอ วาร์กาส นักหนังสือพิมพ์ในนครซานฟรานซิสโก โดยซัคเกอร์เบิร์กบอกว่า นี้คือบางสิ่งที่เราเชื่อว่าเป็นเรื่องสำคัญเพื่ออนาคตของประเทศเรา

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี ซีอีโอของเฟซบุ๊คเคยขึ้นเวทีร่วมกับนายโจอี้ กรีน อดีตเพื่อนร่วมห้องที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งดำเนินการรณรงค์ให้มีการปฏิรูปการเข้าเมืองและการศึกษา พร้อมด้วยการสนับสนุนการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ นายซัคเกอร์เบิร์กกับนายกรีน ยังให้การสนับสนุนภาพยนตร์ของกลุ่มสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับการอพยพเข้าเมือง โดยมีรายงานว่าผู้ที่เข้าชมภาพยนตร์ดังกล่าว รวมถึงนักการเมืองชั้นนำและผู้คนในแวดวงซิลิคอน แวลลีย์ ตลอดจนภรรยาม่ายของนายสตีฟ จ็อบส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ล

ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อเมซอน ทุ่ม 250 ล้านซื้อ “วอชิงตัน โพสต์”

นิวยอร์ก (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) – สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจฟฟรีย์ เพรสตัน เบซอส ผู้ก่อตั้งอเมซอน เว็บไซต์ขายหนังสือและสินค้าผ่านทางออนไลน์รายใหญ่ เตรียมทุ่มเงิน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.8 พันล้านบาท) เพื่อซื้อ 'วอชิงตัน โพสต์' สำนักหนังสือพิมพ์ชื่อดังของสหรัฐ หลังจากบรรลุข้อตกลงกับตระกูลเกรแฮม ซึ่งเป็นเจ้าของสื่อยักษ์ฉบับนี้มายาวนานกว่า 80 ปี โดยนายเบซอสดำเนินการซื้อในฐานะบุคคล และอเมซอนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนข้อตกลงครอบคลุมทรัพย์สินของบริษัท วอชิงตัน โพสต์ เท่านั้น ไม่รวมบริษัท แคแพลน สถาบันเตรียมความพร้อมก่อนสอบ และสินทรัพย์อื่นๆ คาดว่ากระบวนการซื้อขายจะเสร็จสิ้นในอีก 60 วันข้างหน้า

นายโดนัลด์ เกรแฮม ประธานบริหารวอชิงตัน โพสต์ แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า หลายปีที่อุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์เผชิญกับความท้าทาย ทำให้เราอย่างรู้ว่า จะมีเจ้าของคนอื่นที่ดีกว่า สำหรับวอชิงตันโพสต์หรือไม่ เจฟฟ์ เบซอส พิสูจน์แล้วว่าเป็นอัจฉริยะเรื่องธุรกิจและเทคโนโลยี กลยุทธ์เชิงรุกระยะยาวและบุคลิกส่วนตัวของเขา จำทำให้เขาเป็นเจ้าของคนใหม่ของวอชิงตันโพสต์ที่ดีอย่างไม่มีใครเหมือน ด้านนาย เบซอส กล่าวว่า เขาจะไม่เปลี่ยนแปลคุณค่าของ วอชิงตัน โพสต์ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับหนังสือพิมพ์นี้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจสื่อเกือบทุกองค์ประกอบแล้ว

ทั้งนี้ วอชิงตัน โพสต์ ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังจากการรายงานข่าวเปิดโปง คดีอื้อฉาว'วอเตอร์เกต' กำลังประสบปัญหาอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากการมาของสื่ออินเทอร์เน็ต กระทบยอดขายโฆษณาอย่างมาก และยังประสบปัญหาการประยุกต์รายงานข่าวฉบับพิมพ์ขึ้นสู่เว็บไซต์ด้วย นักวิเคราะห์จากบริษัท โฮไรซอน มีเดีย ระบุว่า วอชิงตัน โพสต์ สูญเสียผู้อ่านไปมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนหนุ่มสาว โดยรายงานล่าสุดของ องค์กรพันธมิตรเพื่อการตรวจสอบสื่อ (เอเอเอ็ม) ชี้ว่า ในปีนี้ วอชิงตันโพสต์เป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่มีผู้อ่านสูงสุดเป็นอันดับ 7 ในสหรัฐ มีจำนวนผู้อ่าน 474,767 คน ซึ่งลดลงจากปีก่อน 6.5%


สหรัฐห่วง! กฎหมายเวียดนามห้ามใช้อินเตอร์เน็ตคุยเรื่องการเมือง

6 ส.ค. 56 มีรายงานจากต่างประเทศว่า ทางการสหรัฐฯได้วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกฎหมายฉบับใหม่ของเวียดนาม ที่จะใช้ควบคุมผู้เล่นอินเตอร์เน็ตไม่ให้แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันในโลกสังคมออนไลน์ ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าว เพิ่งผ่านการลงมติเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายนนี้ ทั้งนี้ระบุว่า การสื่อสารผ่านเว็บไซต์สังคมออนไลน์ ควรจะถูกจำกัดไว้เฉพาะการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ รัฐบาลเวียดนามได้ตัดสินลงโทษนักเรียกร้อง และบล็อกเกอร์ อย่างน้อย 46 คน ในข้อหาดำเนินกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลในปีนี้

โดยกฎหมายฉบับนี้ สั่งห้ามการเผยแพร่เอกสารที่มีเนื้อหาต่อต้านรัฐบาล หรือคุกคามความมั่นคงของชาติ ซึ่งเนื้อหายังจำกัดการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ว่าควรเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และข่าวสารส่วนบุคคลเท่านั้น

ส่วนแถลงการณ์ของสถานทูตสหรัฐประจำกรุงฮานอย ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐวิตกกังวลกรณีรัฐบาลเวียดนาม ออกกฏหมายควบคุมการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตฉบับใหม่ ที่จำกัดการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารผ่านทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ของประชาชน เนื่องจากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายเสรีภาพในโลกออนไลน์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ากฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้อย่างจริงจังเมื่อใด หลังจากที่นายกรัฐมนตรีเหวียน เติ๋นสุง ลงนามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และผู้ฝ่าฝืนจะได้รับโทษสถานใด


สหรัฐสอบมือโพสต์รูปฆ่าเมียตัวเอง เจ้าตัวโวย"ถูกกระทำ-ทนไม่ไหว"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำเมืองเซาท์ไมอามี สหรัฐอเมริกา ระบุเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนนายเดเร็ค เมดินา ชาวอเมริกันวัย 31 ปี ซึ่งเข้ามอบตัวหลังนายเมดินาโพสต์ภาพศพของนางเจนนิเฟอร์ อัลฟอนโซ วัย 26 ปี ผู้เป็นภรรยา นอนจมกองเลือด ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยก่อนหน้านี้นายเมดินา ได้โพสต์ข้อความก่อนที่จะโพสต์รูปศพของภรรยาว่า ตนกำลังจะถูกตัดสินจำคุกหรือประหารชีวิตในข้อหาฆาตกรรมภรรยาตัวเอง ทุกคนกำลังจะได้เห็นตนอยู่ในข่าว และว่าตนถูกภรรยาชกและจะไม่ทนอีกต่อไป หวังว่าทุกคนจะเข้าใจ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพนางอัลฟอนโซและลูกสาวของเหยื่อวัย 10 ปี ซึ่งไม่ได้รับอันตราย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุดังกล่าว

มืด!ตัดไฟทั้งจังหวัด-ค้างจ่าย 2.8 พันล.

31 ก.ค. 56 จังหวัดอัลเบย์ ที่อยู่ทางภาคกลางของฟิลิปปินส์ ต้องเผชิญกับความมืดทั้งจังหวัด เนื่องจากค้างชำระค่าไฟฟ้า เป็นเงิน 4 พันล้านเปโซ หรือเกือบ 2,800 ล้านบาท

การตัดไฟได้เริ่มตั้งแต่เมื่อวันอังคาร สร้างความประหลาดใจให้กับประชาชนในจังหวัดอัลเบย์ ที่มีประมาณ 1.2 ล้านคน พนักงานบริษัทประกันสุขภาพคนหนึ่ง เปิดเผยว่า ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าว่าจะตัดไฟ ถนนทุกสายในเมืองเลกาซปี เมืองเอกของจังหวัดอัลเบย์ ตกอยู่ในความมืด ร้านค้าพากันปิดเร็ว ส่วนโรงพยาบาลและสำนักงานต่างๆ ก็ต้องพึ่งเครื่้องปั่นไฟ ซึ่งนายโจอี้ ซัลเซด้า ผู้ว่าราชการจังหวัดอัลเบย์ บอกว่า เขากำลังอยู่ระหว่างแก้ปัญหา และประสานงานกับเจ้าหน้าที่ด้านพลังงาน เพื่อต่อไฟโดยเร่งด่วน

เมื่อช่วงต้นปี สหกรณ์การไฟฟ้าอัลเบย์ หรืออาเลโก ได้รับการเตือนแล้วว่า จะถูกตัดไฟถ้าไม่ยอมไปจ่ายหนี้ ซึ่งพบว่า อาเลโก ค้างชำระค่าไฟฟ้าให้กับ ฟิลิปปินส์ อิเล็คทริคซิตี้ มาร์เก็ต คอร์ปอเรชั่น หรือ พีอีเอ็มซี 69 ล้านเปโซ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไม่นับรวมหนี้ในเดือนอื่นๆ ของปีอื่นๆ ก่อนหน้านี้ด้วย

การที่จังหวัดทั้งจังหวัดต้องตกอยู่ในความมืด ส่งผลกระทบต่อประชาชน 160,000 ครัวเรือน และสร้างความไม่พอใจให้กับประชาคมธุรกิจ ที่ระบุว่า ทำให้ธุรกิจของพวกเขาได้รับความเสียหายมหาศาล

นายเจอริโก เพททิลล่า รัฐมนตรีพลังงาน ระบุว่า อาเลโก เหลือหนทางแก้ปัญหาคือการวางแผนให้ชัดเจนว่า จะสามารถชำระหนี้กว่า 4 พันล้านได้อย่างไร และการตัดไฟก็เพื่อป้องกันไม่ให้หนี้ท่วมมากไปกว่านี้ และเมื่อถามว่า การตัดไฟจะสิ้นสุดเมื่อใด นายเพททิลล่า บอกว่า เขาไม่ทราบ แต่เขาพยายามเจรจากับบรรดาบริษัทที่จ่ายกระแสไฟฟ้า ให้เร่งจ่ายไฟ แต่ก็ต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ซึ่งประธานาธิบดีเบนิกโญ่ อากิโน่ ได้ทราบปัญหาตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน แต่ก็ไม่ได้ห้ามปรามเรื่องการตัดไฟแต่อย่างใด